สวัสดีครับ
ขออนุญาต นำคอลัมน์ "ม็อกค่าปาท่องโก๋" ที่ผมเขียนประจำในเนชั่นสุดสัปดาห์นั้น มาเผยแพร่ให้ได้อ่านกัน เพื่อขอคำแนะนำ คำติชม เพื่อปรับปรุงงานเขียนต่อไปในอนาคตเรื่อยๆครับ ขอบคุณครับ
เนชั่นสุดสัปดาห์ เล่มที่ 1226 - 1227 ประจำวันที่ 27 พฤศจิกายน และ 4 ธันวาคม 2558
ม็อกค่า ปาท่องโก๋ ในสัปดาห์นี้ จะพาท่านไปรู้จักกับนางเอกเน็ตไอดอลน้องใหม่ที่อายุเพียง 15 ปี เท่านั้น ที่หลายคนอาจจะเคยได้เห็นผลงานผ่านสายตากันมาบ้างแล้ว โดยเฉพาะด้านผลงานการ cover เพลง จนได้ฉายาว่า “สาวน้อยสองร้อยล้านวิว” นั่นคือ น้องพลอยชมพู “ญานนีน ภารวี ไวเกล” จากหนังผีไทยเรื่อง “รุ่นพี่” ผลงานของผู้กำกับชื่อดังของเมืองไทย เจ้าของผลงานอย่าง “ฟ้าทะลายโจร” “เปนชู้กับผี” “อินทรีแดง” นั่นคือ “วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง” โดยครั้งนี้มาในสังกัดของค่าย M๓๙
Mr. Coffee : แนะนำตัวเองสั้นๆ อายุ และที่มาของการได้เข้ามาเล่นหนังเรื่องนี้
พลอยชมพู : พลอยชมพูค่ะ ชื่อจริงชื่อ ญานนีน ภารวี ไวเกล อายุเพิ่ง 15 ค่ะ ก็ได้มาเล่นหนังเรื่อง “รุ่นพี่” จากการที่ Casting ของทาง M๓๙ เห็นใน youtube เลยติดต่อมาทาง e-mail หนูก็สนใจส่งต่อไปให้ทางค่ายที่หนูสังกัดดูบท เห็นว่าบทดี และเห็นว่าพี่ผู้กำกับเป็นพี่วิศิษฏ์ profile ดีด้วยเลยอนุญาตค่ะ แล้วหนูก็ไป casting หนูก็ casting เหมือนคนทั่วๆไปรอบแรก แล้วก็มี casting อีกรอบเป็น Set โดยให้ลองจับเป็นคู่ๆ หนูก็จะได้จับคู่กับพี่พระเอกคนนี้ พอดีลงตัวกัน
Mr. Coffee : สาเหตุที่ผู้กำกับเลือกเรามาแสดงในบทนี้ แคสติ้งมาหรือไม่
พลอยชมพู : คงเป็นเพราะว่าหน้าของหนูดูเข้ากับตัวละครมั๊งค่ะ คือตัวละครจะเป็นคนที่นิ่งๆ ดูแล้วมีทิฐินิดนึง ดูเหมือนเบื่อโลกอะไรประมาณนี้ (หัวเราะ) เท่าที่หนูฟังจากพี่วิศิษฏ์นะคะ (หัวเราะ) บุคลิกคงตรงกับที่พี่เค้าต้องการด้วย เป็นเด็กที่แปลกๆหน่อย
Mr. Coffee : รู้สึกอย่างไรกับการรับบทนางเอกในหนัง เตรียมตัวทำการบ้านอย่างไรบ้าง
พลอยชมพู : ก็ทำการบ้านมาค่อนข้างเยอะค่ะ นักแสดงทุกคนก็จะมี workshop ประมาณเดือนนึง รวมนักแสดงทุกคน มาทำกิจกรรมด้วยกัน มี workshop เป็นคู่ๆ ด้วยค่ะ คู่กับพระเอก คู่กับเพื่อนนางเอก นักแสดงทุกคนก็เลยได้สนิทสนมกันและไม่มีกำแพงต่อกัน แล้วค่อยเริ่มเปิดกล้องค่ะ ตอนช่วง workshop ก็จะจำบทกัน จำบททั้งเล่มเลยค่ะ จะมีการ run through เล่นให้โค้ชดูก่อนเปิดกล้องเลยค่ะ ตอนแสดงก็เลยจำบทได้เกือบจะทั้งหมด อาจจะมีเฉพะบางคำที่ลืม ก็อ่านเอาที่หน้า set ก็ไม่ได้ยากลำบากอะไรค่ะ
Mr. Coffee : ผลงานก่อนหน้านี้
พลอยชมพู : หลักๆ ก็ทำเพลงค่ะ คือเริ่มตั้งแต่ทำเพลง cover จนตอนนี้ก็มีเพลงของตัวเองแล้วค่ะ เพิ่งปล่อยอัลบั้มชื่อ EP Genesis เป็นเพลงสากล 5 เพลง ซึ่งทางค่ายก็อนุญาตให้ออกมาทำ ก็ทำเล่นๆ กับพี่ Producer ที่เป็นคนไทยที่อยู่ที่อเมริกา หนูช่วยทำในส่วนของการหาแนวเพลงและชื่อเพลงว่าอยากให้ออกมาแบบไหนค่ะ เพลงช้าเพลงเร็ว จะหา Reference ไปให้เค้าค่ะ แต่ผลงานแรกจริงๆ ประมาณ 5 ขวบมั๊งคะ เป็นงานโฆษณาตั้งแต่สมัยยังเด็กมากๆ ได้เล่นแค่สองตัว แล้วหนูก็พักไปจนถึงสิบขวบเลยที่ย้ายมาอยู่เมืองไทยถาวร จากนั้นก็เล่นโฆษณามาเรื่อยๆค่ะ จากนั้นก็ไปประกวดหนูน้อยนพมาศ หนูน้อยสงกรานต์ หนูมาสายประกวดค่ะ (หัวเราะ) พอ 11 ขวบมันไม่มีที่ให้ประกวดหนูน้อยต่างๆแล้ว หนูก็เลยไปประกวดร้องเพลงแทน หนูได้ไปประกวดรายการซิงเกิ้ลคิดส์ทางช่อง 3 พอเทปแรกออกอากาศ ทางแกรมมี่เห็นก็เลยเรียกหนูให้ไป audition และระหว่างที่ Audition หนูก็ได้ที่สามของซิงเกิ้ลคิดส์ค่ะ แต่งาน cover หนูขอเขาทำค่ะ และอยากทำให้ดี เพราะหนูเห็นงานของเมืองนอกเวลาทำเขาทำออกมาดีมาก เลยตั้งใจว่าจะให้ดีที่สุด
Mr. Coffee : แล้วที่ได้ไปเล่นละครบัลลังก์เมฆล่ะครับ รู้สึกอย่างไรบ้าง
พลอยชมพู : รู้สึกว่ายากกว่าหนังค่ะ เพราะว่า workshop ไม่นานเท่าไหร่ ประมาณ 2-3 สัปดาห์ สัปดาห์นึงก็ไป 2 -3 รอบ แล้วช่วงนั้นก็ยุ่งด้วย ไม่ค่อยได้เตรียมตัว แล้วก่อนที่จะเข้าฉากบางที่อย่างเช่น ก่อนจะถ่ายอีก 3 วัน ก็จะได้รับบทวันนี้มากอ่าน บางทีก็เครียดจำไม่ได้ (หัวเราะ) ส่วนหนึ่งอาจเพราะทีมงานเขาทำงานกันค่อนข้างเร็วด้วยค่ะ ซีนนี้จบต่อซีนนี้ แต่หนังค่อนข้างให้เวลานาน และหนูได้มีโอกาสจำบทมาก่อนล่วงหน้าทั้งเล่มเลย เลยทำให้รู้สึกว่าสำหรับหนังหนูทำการบ้านมาดีกว่า แต่จะออกมายังไงก็เป็นอีกเรื่องนึง (หัวเราะ) หนูรู้สึกว่าไม่ชอบอะไรที่เร่งค่ะ เวลาเร่งแล้วรู้สึกว่าถูกกดดัน (หัวเราะ) แล้วละครก็ต้องเล่นให้เร็วและกระชับกว่ามากๆ เพราะจำกัดเวลาฉายด้วย
Mr. Coffee : ในหนังมีพลังพิเศษอะไรบ้าง ใช้จินตนาการอย่างไรในการเข้าถึงบท
พลอยชมพู : นางเอกจะมี sense พิเศษค่ะ ได้กลิ่นวิญญาณ วันหนึ่งก็มีรุ่นพี่โผล่เข้ามาแล้วมาขอความช่วยเหลือให้สืบคดี ส่วนเรื่องของกลิ่น หนูจะนึกถึงน้องหมาที่บ้านค่ะ (หัวเราะ) พอเวลามันได้กลิ่นอะไรมันก็จะทำจมูกกระดุ๊กกระดิ๊ก หนูก็พยายามเลียนแบบ ช่วงที่หนูเล่นบางทีหนูเผลอ ยังหยิบปากกามาดมเลยค่ะ (หัวเราะ) เวลาแสดงท่าดม จะต้องแสดงให้ค่อนข้างชัดค่ะ ถ้าดมธรรมดาอาจจะไม่เห็น ต้องสูดแรงหน่อยๆ จมูกกระพือ (หัวเราะ)
Mr. Coffee : แล้วเวลาแสดง คิดว่ากลิ่นที่ได้กลิ่นตอนแสดง เป็นกลิ่นอะไร
พลอยชมพู : มันก็ต้องมีคะ เพราะต้องแสดงให้ชัดเจน อย่างรุ่นพี่ หนูก็จะคิดเป็นกลิ่นแก่ๆ นิดนึง (หัวเราะ) 50 ปีผ่านไป กลิ่นเข้มๆ เหมือนเครื่องหนังที่มีหมุดยึด เอาจริงๆ หนูนึกถึงกลิ่นคุณปู่หนู (หัวเราะ)
Mr. Coffee : การที่ต้องแสดงเป็นนักเรียนคอนแวนต์ ตรงนี้ใช้ประสบการณ์จากส่วนไหน
พลอยชมพู : จริงๆ ก่อนหน้านั้น หนูเคยดูหนังผีมาเรื่องนึง คือ ตีสามคืนสาม พอดีมีตอนนึงที่เป็นเรื่องของคอนแวนต์ด้วย เลยพอจะนึกออกว่ามันเป็นยังไง พอได้อ่านบทก็เลยเข้าใจได้มากขึ้น
Mr. Coffee : แล้วอายุนางเอกในเรื่อง เป็นวัยเดียวกับพลอยชมพูตอนนี้หรือไม่
พลอยชมพู : ถือว่าใกล้เคียงค่ะ ประมาณ 15-16 ปี ช่วง ม.ปลาย ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยแต่ตอนที่เล่นจริงๆ หนูพึ่งจะอายุ 14 ปีเองค่ะ ตอนช่วง workshop พอดี
Mr. Coffee : การทำงานกับพี่วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ผู้กำกับ เป็นอย่างไรบ้าง เคยได้ดูผลงานของเขามาก่อนหรือไม่
พลอยชมพู : คือตอนแรกก่อนที่จะมาเล่น หนูไม่รู้จักพี่วิศิษฏ์ค่ะเพราะหนูก็อยู่เมืองนอกมานาน กลับมาเมืองไทยตอน 10 ขวบ หนูก็ไม่ค่อยได้ดูหนังไทยเท่าไหร่ พอหนูมาค้นประวัติพี่วิศิษฏ์ดู ไปลองดู Trailer หนังของพี่เขา โอ้โห สุดยอดเลยค่ะ เริ่มรู้สึกกลัว กังวล แล้วก็กดดันเลยค่ะ เพราะผลงานของพี่วิศิษฏ์เขาดีมากๆ แต่หนังเต็มๆเรื่องหนูยังไม่มีโอกาสได้ดูเลยค่ะ ไม่รู้จะหาดูจากทางไหนเหมือนกันค่ะ อยากดูเหมือนกันค่ะ อยากดูอินทรีแดง
Mr. Coffee : การที่ได้มาเล่นคู่กับ บอม พระเอกในเรื่อง มีการปรับตัวยังไงบ้าง
พลอยชมพู : ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนค่ะ ก็มาทำความรู้จักกันตอน workshop ที่ให้พูดถึงเรื่องส่วนตัวกัน ทำให้ได้รู้จักกันมากขึ้น รวมถึงด้านตัวละครด้วยค่ะ ก็จะมี workshop อย่างเช่น ให้พูดแบบ Freestyle ตัวละครสองตัวคุยกันนอกบท ให้เหมือนกับเป็นตัวละครนั้น
Mr. Coffee : อยากให้เล่าถึงพระเอกนิดนึง
พลอยชมพู : พี่บอมทำอาหารอร่อยค่ะ เปิดร้านอาหารด้วย เรื่องที่อยากเมาท์ก็เห็นจะเป็นที่ในกองถ่าย พี่บอมเขาแปรงฟันตลอดเลย (หัวเราะ) หนูไม่เคยเห็นใครที่แปรงฟันวันนึงบ่อยขนาดนั้น แต่หนูสังเกตเห็นว่าเขาไปแปรงฟันบ่อยมากเลยค่ะ คือมันจะเป็นรถตู้ห้องน้ำ แล้วข้างนอกมันจะเป็นอ่างล้างหน้า จะเห็นเขาไปแปรงฟันบ่อยมากเลยค่ะ จนหนูเริ่มพิจารณาตัวเองว่าหนูควรจะต้องทำแบบนั้นบ้างไหม (หัวเราะ) วันนึงก็ประมาณ 3-4 ครั้ง เฉพาะที่เห็นนะคะ (หัวเราะ)
Mr. Coffee : การร้องเพลงมีส่วนช่วยในการแสดงด้วยหรือไม่ อย่างไร
พลอยชมพู : หนูว่านักร้องเวลาร้องเพลงมันได้เปรียบตรงที่นักร้องต้องหาความหมายของเพลง อย่างเช่นเวลาไปเล่นและอ่านบท ก็จะต้องมาวิเคราะห์ว่าทำไมตัวละครถึงพูดอย่างนี้ ซึ่งหนูว่านักร้องจะได้เปรียบตรงที่ว่าจะชินกับการต้องตีความ บทสนทนา และคำในเนื้อเพลง ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ที่พูดแบบนี้ อะไรอย่างนั้นค่ะ
Mr. Coffee : คิดอย่างไรกับฉายา สาวน้อยสองร้อยล้านวิว
พลอยชมพู : จริงๆ ฉายานี้ก็เหมือนกับเป็นสิ่งที่ทำให้ทำให้หนูได้มาเล่นหนังเรื่อง “รุ่นพี่” ด้วย เพราะคนส่วนใหญ่ก็รู้จักหนูมาจากการทำเพลงใน YouTube ซึ่งมันก็เป็นความภูมิใจของหนูด้วย คือตั้งแต่เริ่มมาจนถึงทุกวันนี้ หนูก็ทำเพลงเองมากับคุณแม่ตลอดกันสองคน ก็เป็นความภูมิใจที่เราทำเอง แต่มันประสบความสำเร็จมาจนถึงขนาดนี้ จนมาได้เล่นหนัง เล่นละคร อะไรหลายๆ อย่างค่ะ
Mr. Coffee : ถ้ามีโอกาส อยากเล่นหนังแนวไหนบ้าง
พลอยชมพู : จริงๆ หนังเรื่องนี้คือหนังแนว Teenage Horror Romantic Friction วัยรุ่น ลึกลับ ความรักเสมือนดั่งเทพนิยาย.. หนูแอบอ่านค่ะ หนูยังจำไม่ได้ (หัวเราะ) มีที่มาจากพี่วิศิษฏ์ค่ะ (หัวเราะ) ตอนที่หนูได้อ่านบทเรื่องนี้ครั้งแรกมากค่ะ ตื่นเต้นมาก หนูต้องเล่นให้ได้ (หัวเราะ) ถ้าแนวอื่น หนูอยากเล่นหนังแนวฆาตกรรมค่ะ หนูชอบดู Scream ชอบดู Saw อยากเล่น (หัวเราะ) หนูเบื่อหนัง Romantic แล้วตลกมากเลยค่ะ มันเกลื่อนไปหมดเลยค่ะ
Mr. Coffee : ถ้าอย่างนี้ก็คงอดเห็นพลอยชมพูในบท Romantic ใสๆ
พลอยชมพู : ถ้าบทดีหนูก็เล่นค่ะ (หัวเราะ) หนูก็ไม่ได้เลือกขนาดนั้นนะคะ ส่วนหนังตลก ก็แล้วแต่การเขียนด้วย ถ้ามุกมันดีก็น่าสนใจ แต่ที่ชอบมากที่สุดคือฆาตกรรมกับผีค่ะ หนังแนวจิตๆ ก็อยากเล่นค่ะ เช่น Gone Girl หนังแนวนี้ในไทยมีน้อยมาก หนูไม่ค่อยเห็นหนังแนวนี้ของไทยเลยค่ะ มีแต่ของนอก มีคนบอกหลายคนว่าแนวนี้จะมีเรื่อง 303 กลัวกล้าอาฆาต แต่หนูหาดูไม่ได้เลย
Mr. Coffee : แล้วมาเล่นหนังผี กลัวผีไหม
พลอยชมพู : ตอนแรกลัวค่ะ ตอนนี้ไม่กลัวแล้ว ไม่รู้เหมือนกันค่ะ อยู่ๆ พอโตขึ้นก็หายกลัวไปเฉยๆ (หัวเราะ) เมื่อก่อนหนูกลัวมากค่ะ พอปิดไฟแล้วต้องขึ้นบันไดหนูต้องวิ่งเลยค่ะ เดี๋ยวนี้ไม่กลัวเลยค่ะ จะลงไปข้างล่างก็ไม่ต้องเปิดไฟแล้ว ไปเปิดตู้เย็นแล้วก็ขึ้นมาได้เลยค่ะ เวลาดูหนังผีก็ไม่กลัวค่ะ วันก่อนหนูไปดู Juon (จูออน ผีดุ 4 ปิดตำนานโคตรดุ) หนูก็เฉยๆค่ะ กินป๊อบคอร์นไปเรื่อยๆ อาจจะมีแค่บางจังหวะที่สะดุ้ง (หัวเราะ) แต่อย่างหนังไทยเรื่อง “อาปัติ” ที่เพึ่งฉายไป อันนั้นเขาทำดีจริงค่ะ หนูชอบเนื้อเรื่อง มันดูแบบเดาไม่ออก
Mr. Coffee : ชอบดูหนังหรือไม่ ชอบหนังแนวไหน
พลอยชมพู : ส่วนตัวหนูเป็นคนชอบดูหนังอยู่แล้วค่ะ เพราะอย่างพวกซีรีส์มันใช้เวลานาน แล้วหนูเป็นคนที่ต้องทำงานตลอดเวลา เวลาที่พักผ่อนหนูก็จะดูหนังมากกว่า ส่วนใหญ่จะดูหนังฝรั่ง หนูก็ชอบหนังผี หนังสยองขวัญ บางทีก็ชอบหนัง Action บู๊ๆ อะไรพวกนี้ค่ะ อย่างล่าสุดก็ไปดู Mi5 เรื่องที่ชอบมากล่าสุดก็ Maze Runner 2 : The Scorch Trials สนุกมาก ชอบมากเลยค่ะ
Mr. Coffee : ผลงานที่จะมีต่อไป
พลอยชมพู : อย่างแรกขอฝากหนังเรื่อง “รุ่นพี่” ที่กำลังจะเข้าฉายในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์ค่ะ เป็นหนังเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงที่ได้กลิ่นวิญญาณ มาดูกันว่ารุ่นพี่จะเป็นใคร จะไขคดียังไง มีปมยังไง และก็ขอฝากอัลบั้มชื่อ EP Genesis เป็นเพลงสากลห้าเพลง สามารถ Download ได้ใน iTune และใน Google Play และในปีหน้าก็จะมีซีรีส์อีกสามเรื่อง เป็นของช่อง One และ GMM25 ฝากติดตามด้วยค่ะ
ม็อกค่าปาท่องโก๋ : {สัมภาษณ์ น้องพลอยชมพู - ญานนีน ภารวี ไวเกล นางเอก “รุ่นพี่” }
ขออนุญาต นำคอลัมน์ "ม็อกค่าปาท่องโก๋" ที่ผมเขียนประจำในเนชั่นสุดสัปดาห์นั้น มาเผยแพร่ให้ได้อ่านกัน เพื่อขอคำแนะนำ คำติชม เพื่อปรับปรุงงานเขียนต่อไปในอนาคตเรื่อยๆครับ ขอบคุณครับ
เนชั่นสุดสัปดาห์ เล่มที่ 1226 - 1227 ประจำวันที่ 27 พฤศจิกายน และ 4 ธันวาคม 2558
ม็อกค่า ปาท่องโก๋ ในสัปดาห์นี้ จะพาท่านไปรู้จักกับนางเอกเน็ตไอดอลน้องใหม่ที่อายุเพียง 15 ปี เท่านั้น ที่หลายคนอาจจะเคยได้เห็นผลงานผ่านสายตากันมาบ้างแล้ว โดยเฉพาะด้านผลงานการ cover เพลง จนได้ฉายาว่า “สาวน้อยสองร้อยล้านวิว” นั่นคือ น้องพลอยชมพู “ญานนีน ภารวี ไวเกล” จากหนังผีไทยเรื่อง “รุ่นพี่” ผลงานของผู้กำกับชื่อดังของเมืองไทย เจ้าของผลงานอย่าง “ฟ้าทะลายโจร” “เปนชู้กับผี” “อินทรีแดง” นั่นคือ “วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง” โดยครั้งนี้มาในสังกัดของค่าย M๓๙
Mr. Coffee : แนะนำตัวเองสั้นๆ อายุ และที่มาของการได้เข้ามาเล่นหนังเรื่องนี้
พลอยชมพู : พลอยชมพูค่ะ ชื่อจริงชื่อ ญานนีน ภารวี ไวเกล อายุเพิ่ง 15 ค่ะ ก็ได้มาเล่นหนังเรื่อง “รุ่นพี่” จากการที่ Casting ของทาง M๓๙ เห็นใน youtube เลยติดต่อมาทาง e-mail หนูก็สนใจส่งต่อไปให้ทางค่ายที่หนูสังกัดดูบท เห็นว่าบทดี และเห็นว่าพี่ผู้กำกับเป็นพี่วิศิษฏ์ profile ดีด้วยเลยอนุญาตค่ะ แล้วหนูก็ไป casting หนูก็ casting เหมือนคนทั่วๆไปรอบแรก แล้วก็มี casting อีกรอบเป็น Set โดยให้ลองจับเป็นคู่ๆ หนูก็จะได้จับคู่กับพี่พระเอกคนนี้ พอดีลงตัวกัน
Mr. Coffee : สาเหตุที่ผู้กำกับเลือกเรามาแสดงในบทนี้ แคสติ้งมาหรือไม่
พลอยชมพู : คงเป็นเพราะว่าหน้าของหนูดูเข้ากับตัวละครมั๊งค่ะ คือตัวละครจะเป็นคนที่นิ่งๆ ดูแล้วมีทิฐินิดนึง ดูเหมือนเบื่อโลกอะไรประมาณนี้ (หัวเราะ) เท่าที่หนูฟังจากพี่วิศิษฏ์นะคะ (หัวเราะ) บุคลิกคงตรงกับที่พี่เค้าต้องการด้วย เป็นเด็กที่แปลกๆหน่อย
Mr. Coffee : รู้สึกอย่างไรกับการรับบทนางเอกในหนัง เตรียมตัวทำการบ้านอย่างไรบ้าง
พลอยชมพู : ก็ทำการบ้านมาค่อนข้างเยอะค่ะ นักแสดงทุกคนก็จะมี workshop ประมาณเดือนนึง รวมนักแสดงทุกคน มาทำกิจกรรมด้วยกัน มี workshop เป็นคู่ๆ ด้วยค่ะ คู่กับพระเอก คู่กับเพื่อนนางเอก นักแสดงทุกคนก็เลยได้สนิทสนมกันและไม่มีกำแพงต่อกัน แล้วค่อยเริ่มเปิดกล้องค่ะ ตอนช่วง workshop ก็จะจำบทกัน จำบททั้งเล่มเลยค่ะ จะมีการ run through เล่นให้โค้ชดูก่อนเปิดกล้องเลยค่ะ ตอนแสดงก็เลยจำบทได้เกือบจะทั้งหมด อาจจะมีเฉพะบางคำที่ลืม ก็อ่านเอาที่หน้า set ก็ไม่ได้ยากลำบากอะไรค่ะ
Mr. Coffee : ผลงานก่อนหน้านี้
พลอยชมพู : หลักๆ ก็ทำเพลงค่ะ คือเริ่มตั้งแต่ทำเพลง cover จนตอนนี้ก็มีเพลงของตัวเองแล้วค่ะ เพิ่งปล่อยอัลบั้มชื่อ EP Genesis เป็นเพลงสากล 5 เพลง ซึ่งทางค่ายก็อนุญาตให้ออกมาทำ ก็ทำเล่นๆ กับพี่ Producer ที่เป็นคนไทยที่อยู่ที่อเมริกา หนูช่วยทำในส่วนของการหาแนวเพลงและชื่อเพลงว่าอยากให้ออกมาแบบไหนค่ะ เพลงช้าเพลงเร็ว จะหา Reference ไปให้เค้าค่ะ แต่ผลงานแรกจริงๆ ประมาณ 5 ขวบมั๊งคะ เป็นงานโฆษณาตั้งแต่สมัยยังเด็กมากๆ ได้เล่นแค่สองตัว แล้วหนูก็พักไปจนถึงสิบขวบเลยที่ย้ายมาอยู่เมืองไทยถาวร จากนั้นก็เล่นโฆษณามาเรื่อยๆค่ะ จากนั้นก็ไปประกวดหนูน้อยนพมาศ หนูน้อยสงกรานต์ หนูมาสายประกวดค่ะ (หัวเราะ) พอ 11 ขวบมันไม่มีที่ให้ประกวดหนูน้อยต่างๆแล้ว หนูก็เลยไปประกวดร้องเพลงแทน หนูได้ไปประกวดรายการซิงเกิ้ลคิดส์ทางช่อง 3 พอเทปแรกออกอากาศ ทางแกรมมี่เห็นก็เลยเรียกหนูให้ไป audition และระหว่างที่ Audition หนูก็ได้ที่สามของซิงเกิ้ลคิดส์ค่ะ แต่งาน cover หนูขอเขาทำค่ะ และอยากทำให้ดี เพราะหนูเห็นงานของเมืองนอกเวลาทำเขาทำออกมาดีมาก เลยตั้งใจว่าจะให้ดีที่สุด
Mr. Coffee : แล้วที่ได้ไปเล่นละครบัลลังก์เมฆล่ะครับ รู้สึกอย่างไรบ้าง
พลอยชมพู : รู้สึกว่ายากกว่าหนังค่ะ เพราะว่า workshop ไม่นานเท่าไหร่ ประมาณ 2-3 สัปดาห์ สัปดาห์นึงก็ไป 2 -3 รอบ แล้วช่วงนั้นก็ยุ่งด้วย ไม่ค่อยได้เตรียมตัว แล้วก่อนที่จะเข้าฉากบางที่อย่างเช่น ก่อนจะถ่ายอีก 3 วัน ก็จะได้รับบทวันนี้มากอ่าน บางทีก็เครียดจำไม่ได้ (หัวเราะ) ส่วนหนึ่งอาจเพราะทีมงานเขาทำงานกันค่อนข้างเร็วด้วยค่ะ ซีนนี้จบต่อซีนนี้ แต่หนังค่อนข้างให้เวลานาน และหนูได้มีโอกาสจำบทมาก่อนล่วงหน้าทั้งเล่มเลย เลยทำให้รู้สึกว่าสำหรับหนังหนูทำการบ้านมาดีกว่า แต่จะออกมายังไงก็เป็นอีกเรื่องนึง (หัวเราะ) หนูรู้สึกว่าไม่ชอบอะไรที่เร่งค่ะ เวลาเร่งแล้วรู้สึกว่าถูกกดดัน (หัวเราะ) แล้วละครก็ต้องเล่นให้เร็วและกระชับกว่ามากๆ เพราะจำกัดเวลาฉายด้วย
Mr. Coffee : ในหนังมีพลังพิเศษอะไรบ้าง ใช้จินตนาการอย่างไรในการเข้าถึงบท
พลอยชมพู : นางเอกจะมี sense พิเศษค่ะ ได้กลิ่นวิญญาณ วันหนึ่งก็มีรุ่นพี่โผล่เข้ามาแล้วมาขอความช่วยเหลือให้สืบคดี ส่วนเรื่องของกลิ่น หนูจะนึกถึงน้องหมาที่บ้านค่ะ (หัวเราะ) พอเวลามันได้กลิ่นอะไรมันก็จะทำจมูกกระดุ๊กกระดิ๊ก หนูก็พยายามเลียนแบบ ช่วงที่หนูเล่นบางทีหนูเผลอ ยังหยิบปากกามาดมเลยค่ะ (หัวเราะ) เวลาแสดงท่าดม จะต้องแสดงให้ค่อนข้างชัดค่ะ ถ้าดมธรรมดาอาจจะไม่เห็น ต้องสูดแรงหน่อยๆ จมูกกระพือ (หัวเราะ)
Mr. Coffee : แล้วเวลาแสดง คิดว่ากลิ่นที่ได้กลิ่นตอนแสดง เป็นกลิ่นอะไร
พลอยชมพู : มันก็ต้องมีคะ เพราะต้องแสดงให้ชัดเจน อย่างรุ่นพี่ หนูก็จะคิดเป็นกลิ่นแก่ๆ นิดนึง (หัวเราะ) 50 ปีผ่านไป กลิ่นเข้มๆ เหมือนเครื่องหนังที่มีหมุดยึด เอาจริงๆ หนูนึกถึงกลิ่นคุณปู่หนู (หัวเราะ)
Mr. Coffee : การที่ต้องแสดงเป็นนักเรียนคอนแวนต์ ตรงนี้ใช้ประสบการณ์จากส่วนไหน
พลอยชมพู : จริงๆ ก่อนหน้านั้น หนูเคยดูหนังผีมาเรื่องนึง คือ ตีสามคืนสาม พอดีมีตอนนึงที่เป็นเรื่องของคอนแวนต์ด้วย เลยพอจะนึกออกว่ามันเป็นยังไง พอได้อ่านบทก็เลยเข้าใจได้มากขึ้น
Mr. Coffee : แล้วอายุนางเอกในเรื่อง เป็นวัยเดียวกับพลอยชมพูตอนนี้หรือไม่
พลอยชมพู : ถือว่าใกล้เคียงค่ะ ประมาณ 15-16 ปี ช่วง ม.ปลาย ก่อนเข้ามหาวิทยาลัยแต่ตอนที่เล่นจริงๆ หนูพึ่งจะอายุ 14 ปีเองค่ะ ตอนช่วง workshop พอดี
Mr. Coffee : การทำงานกับพี่วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ผู้กำกับ เป็นอย่างไรบ้าง เคยได้ดูผลงานของเขามาก่อนหรือไม่
พลอยชมพู : คือตอนแรกก่อนที่จะมาเล่น หนูไม่รู้จักพี่วิศิษฏ์ค่ะเพราะหนูก็อยู่เมืองนอกมานาน กลับมาเมืองไทยตอน 10 ขวบ หนูก็ไม่ค่อยได้ดูหนังไทยเท่าไหร่ พอหนูมาค้นประวัติพี่วิศิษฏ์ดู ไปลองดู Trailer หนังของพี่เขา โอ้โห สุดยอดเลยค่ะ เริ่มรู้สึกกลัว กังวล แล้วก็กดดันเลยค่ะ เพราะผลงานของพี่วิศิษฏ์เขาดีมากๆ แต่หนังเต็มๆเรื่องหนูยังไม่มีโอกาสได้ดูเลยค่ะ ไม่รู้จะหาดูจากทางไหนเหมือนกันค่ะ อยากดูเหมือนกันค่ะ อยากดูอินทรีแดง
Mr. Coffee : การที่ได้มาเล่นคู่กับ บอม พระเอกในเรื่อง มีการปรับตัวยังไงบ้าง
พลอยชมพู : ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนค่ะ ก็มาทำความรู้จักกันตอน workshop ที่ให้พูดถึงเรื่องส่วนตัวกัน ทำให้ได้รู้จักกันมากขึ้น รวมถึงด้านตัวละครด้วยค่ะ ก็จะมี workshop อย่างเช่น ให้พูดแบบ Freestyle ตัวละครสองตัวคุยกันนอกบท ให้เหมือนกับเป็นตัวละครนั้น
Mr. Coffee : อยากให้เล่าถึงพระเอกนิดนึง
พลอยชมพู : พี่บอมทำอาหารอร่อยค่ะ เปิดร้านอาหารด้วย เรื่องที่อยากเมาท์ก็เห็นจะเป็นที่ในกองถ่าย พี่บอมเขาแปรงฟันตลอดเลย (หัวเราะ) หนูไม่เคยเห็นใครที่แปรงฟันวันนึงบ่อยขนาดนั้น แต่หนูสังเกตเห็นว่าเขาไปแปรงฟันบ่อยมากเลยค่ะ คือมันจะเป็นรถตู้ห้องน้ำ แล้วข้างนอกมันจะเป็นอ่างล้างหน้า จะเห็นเขาไปแปรงฟันบ่อยมากเลยค่ะ จนหนูเริ่มพิจารณาตัวเองว่าหนูควรจะต้องทำแบบนั้นบ้างไหม (หัวเราะ) วันนึงก็ประมาณ 3-4 ครั้ง เฉพาะที่เห็นนะคะ (หัวเราะ)
Mr. Coffee : การร้องเพลงมีส่วนช่วยในการแสดงด้วยหรือไม่ อย่างไร
พลอยชมพู : หนูว่านักร้องเวลาร้องเพลงมันได้เปรียบตรงที่นักร้องต้องหาความหมายของเพลง อย่างเช่นเวลาไปเล่นและอ่านบท ก็จะต้องมาวิเคราะห์ว่าทำไมตัวละครถึงพูดอย่างนี้ ซึ่งหนูว่านักร้องจะได้เปรียบตรงที่ว่าจะชินกับการต้องตีความ บทสนทนา และคำในเนื้อเพลง ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ที่พูดแบบนี้ อะไรอย่างนั้นค่ะ
Mr. Coffee : คิดอย่างไรกับฉายา สาวน้อยสองร้อยล้านวิว
พลอยชมพู : จริงๆ ฉายานี้ก็เหมือนกับเป็นสิ่งที่ทำให้ทำให้หนูได้มาเล่นหนังเรื่อง “รุ่นพี่” ด้วย เพราะคนส่วนใหญ่ก็รู้จักหนูมาจากการทำเพลงใน YouTube ซึ่งมันก็เป็นความภูมิใจของหนูด้วย คือตั้งแต่เริ่มมาจนถึงทุกวันนี้ หนูก็ทำเพลงเองมากับคุณแม่ตลอดกันสองคน ก็เป็นความภูมิใจที่เราทำเอง แต่มันประสบความสำเร็จมาจนถึงขนาดนี้ จนมาได้เล่นหนัง เล่นละคร อะไรหลายๆ อย่างค่ะ
Mr. Coffee : ถ้ามีโอกาส อยากเล่นหนังแนวไหนบ้าง
พลอยชมพู : จริงๆ หนังเรื่องนี้คือหนังแนว Teenage Horror Romantic Friction วัยรุ่น ลึกลับ ความรักเสมือนดั่งเทพนิยาย.. หนูแอบอ่านค่ะ หนูยังจำไม่ได้ (หัวเราะ) มีที่มาจากพี่วิศิษฏ์ค่ะ (หัวเราะ) ตอนที่หนูได้อ่านบทเรื่องนี้ครั้งแรกมากค่ะ ตื่นเต้นมาก หนูต้องเล่นให้ได้ (หัวเราะ) ถ้าแนวอื่น หนูอยากเล่นหนังแนวฆาตกรรมค่ะ หนูชอบดู Scream ชอบดู Saw อยากเล่น (หัวเราะ) หนูเบื่อหนัง Romantic แล้วตลกมากเลยค่ะ มันเกลื่อนไปหมดเลยค่ะ
Mr. Coffee : ถ้าอย่างนี้ก็คงอดเห็นพลอยชมพูในบท Romantic ใสๆ
พลอยชมพู : ถ้าบทดีหนูก็เล่นค่ะ (หัวเราะ) หนูก็ไม่ได้เลือกขนาดนั้นนะคะ ส่วนหนังตลก ก็แล้วแต่การเขียนด้วย ถ้ามุกมันดีก็น่าสนใจ แต่ที่ชอบมากที่สุดคือฆาตกรรมกับผีค่ะ หนังแนวจิตๆ ก็อยากเล่นค่ะ เช่น Gone Girl หนังแนวนี้ในไทยมีน้อยมาก หนูไม่ค่อยเห็นหนังแนวนี้ของไทยเลยค่ะ มีแต่ของนอก มีคนบอกหลายคนว่าแนวนี้จะมีเรื่อง 303 กลัวกล้าอาฆาต แต่หนูหาดูไม่ได้เลย
Mr. Coffee : แล้วมาเล่นหนังผี กลัวผีไหม
พลอยชมพู : ตอนแรกลัวค่ะ ตอนนี้ไม่กลัวแล้ว ไม่รู้เหมือนกันค่ะ อยู่ๆ พอโตขึ้นก็หายกลัวไปเฉยๆ (หัวเราะ) เมื่อก่อนหนูกลัวมากค่ะ พอปิดไฟแล้วต้องขึ้นบันไดหนูต้องวิ่งเลยค่ะ เดี๋ยวนี้ไม่กลัวเลยค่ะ จะลงไปข้างล่างก็ไม่ต้องเปิดไฟแล้ว ไปเปิดตู้เย็นแล้วก็ขึ้นมาได้เลยค่ะ เวลาดูหนังผีก็ไม่กลัวค่ะ วันก่อนหนูไปดู Juon (จูออน ผีดุ 4 ปิดตำนานโคตรดุ) หนูก็เฉยๆค่ะ กินป๊อบคอร์นไปเรื่อยๆ อาจจะมีแค่บางจังหวะที่สะดุ้ง (หัวเราะ) แต่อย่างหนังไทยเรื่อง “อาปัติ” ที่เพึ่งฉายไป อันนั้นเขาทำดีจริงค่ะ หนูชอบเนื้อเรื่อง มันดูแบบเดาไม่ออก
Mr. Coffee : ชอบดูหนังหรือไม่ ชอบหนังแนวไหน
พลอยชมพู : ส่วนตัวหนูเป็นคนชอบดูหนังอยู่แล้วค่ะ เพราะอย่างพวกซีรีส์มันใช้เวลานาน แล้วหนูเป็นคนที่ต้องทำงานตลอดเวลา เวลาที่พักผ่อนหนูก็จะดูหนังมากกว่า ส่วนใหญ่จะดูหนังฝรั่ง หนูก็ชอบหนังผี หนังสยองขวัญ บางทีก็ชอบหนัง Action บู๊ๆ อะไรพวกนี้ค่ะ อย่างล่าสุดก็ไปดู Mi5 เรื่องที่ชอบมากล่าสุดก็ Maze Runner 2 : The Scorch Trials สนุกมาก ชอบมากเลยค่ะ
Mr. Coffee : ผลงานที่จะมีต่อไป
พลอยชมพู : อย่างแรกขอฝากหนังเรื่อง “รุ่นพี่” ที่กำลังจะเข้าฉายในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์ค่ะ เป็นหนังเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงที่ได้กลิ่นวิญญาณ มาดูกันว่ารุ่นพี่จะเป็นใคร จะไขคดียังไง มีปมยังไง และก็ขอฝากอัลบั้มชื่อ EP Genesis เป็นเพลงสากลห้าเพลง สามารถ Download ได้ใน iTune และใน Google Play และในปีหน้าก็จะมีซีรีส์อีกสามเรื่อง เป็นของช่อง One และ GMM25 ฝากติดตามด้วยค่ะ