หลายปีแล้วที่ไม่ได้เดินทางหวานเย็นกับรถไฟไทย ที่กาลเวลาผ่านไปเป็นร้อยกว่าปีก็ยังคงความดั้งเดิม... สุขาที่ยังปล่อยพรวดตรงลงบนราง กลิ่นในตู้รถไฟอันเป็นเอกลักษณ์...
โขยกเขยกกระเด็นกระดอนเหมือนนอนไกวเปลด้วยอารมณ์เจอเด็กโยเยไม่ยอมนอน แถมด้วยความล่าช้าเป็นธรรมดาของรฟท. แต่วิวข้างทางสวยสด ฝ่าป่า ทะลุเขาที่ไม่มีโอกาสเห็นถ้ามาด้วยรถยนต์ พร้อมพ่อค้าแม่ขายสลับหน้าหิ้วของกินนานาขึ้นมานำเสนอ ตั้งแต่หมูทอด ข้าวโพดต้ม น้ำบัวบก กระทั่งปลาเค็ม
ครั้งแรกของการขนจักรยานขึ้นรถไฟทั้งไปและกลับ ไปใช้ชีวิตเนิบช้าที่บ้านสวนทะเลสาบนาสัก ลำปาง เก็บผักสดๆกรอบๆมากิน พร้อมดูวิวสวยๆริมทะเลสาบที่น้ำงวดขอดลงไปหลายเมตร จากภัยแล้งอันน่ากลัว ปั่นขึ้นลงเขาและเนินร่วม 140 กม. วัยเพื่อนร่วมทริป 35-56 ขวบ โดยเพื่อนร่วมทริปอาวุโสสุดเป็นหญิง...อายุเป็นเพียงตัวเลข ลุยไหนไปกัน!
ปล.ภาพอาจไม่ค่อยชัด เพราะถ่ายบนรถไฟ มือถือกล้องแกว่งไกวไปตามแรงรถ หรือตอนปั่นจักรยาน ทั้งหมดทั้งมวลถ่ายด้วยไอโฟน
สนใจพาจักรยานไปเที่ยวด้วยรถไฟ ต้องสอบถามตอนจองตั๋วว่า ในขบวนนั้นมีรถสัมภาระหรือไม่ ถ้ามีก็ลุย! ควรไปถึงสถานีที่เราจะขึ้นล่วงหน้าสัก 1 ชม. เพื่อจะได้มีเวลาจ่ายค่าระวางสำหรับจักรยาน ราคา 90 บาท/คัน (ราคาจะเพิ่มเป็น 100 บาท ถ้าไปจ่ายที่ตู้สัมภาระ) ควรถอดอุปกรณ์ต่างๆออกจากจักรยาน เช่น ตัววัดความเร็ว ไฟ จากนั้นก็เอาจักรยานของเราไปที่ตู้สัมภาระ จะมีเจ้าหน้าที่ช่วยยกขึ้น และมีเชือกผูกยึดจักรยานไว้ พอถึงจุดหมายปลายทาง เราก็รีบลง และไปรอรับจักรยานที่เจ้าหน้าที่จะยกลงให้ ไม่ต้องห่วงว่ารถไฟจะออกก่อนกรณีลงระหว่างทาง เพราะตราบใดที่เรายังมีตั๋วระวางจักรยานติดกับตัว เจ้าหน้าที่จะต้องจัดการเอาสัมภาระชิ้นนั้นลงให้เรียบร้อย
หวังไว้ว่ารถไฟไทยจะได้รับการพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่านี้ จะได้มีพาหนะทางเลือกในการเดินทางไปไหนมาไหน แทนที่จะไปได้แต่ระบบล้อ
วิวบนเขื่อนแม่ขาม อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง
เจ้าหน้าที่ช่วยขนรถจักรยานลงจากตู้สัมภาระ
ช่วยยกจักรยานขึ้นรถสัมภาระ เพื่อให้มั่นใจว่าผูกเก็บเรียบร้อย
วิวสองข้างทาง
#ด้วยสองล้อและสองราง
ด้วยสองล้อและสองราง การเดินทางด้วยจักรยานและรถไฟไปกลับลำปาง
โขยกเขยกกระเด็นกระดอนเหมือนนอนไกวเปลด้วยอารมณ์เจอเด็กโยเยไม่ยอมนอน แถมด้วยความล่าช้าเป็นธรรมดาของรฟท. แต่วิวข้างทางสวยสด ฝ่าป่า ทะลุเขาที่ไม่มีโอกาสเห็นถ้ามาด้วยรถยนต์ พร้อมพ่อค้าแม่ขายสลับหน้าหิ้วของกินนานาขึ้นมานำเสนอ ตั้งแต่หมูทอด ข้าวโพดต้ม น้ำบัวบก กระทั่งปลาเค็ม
ครั้งแรกของการขนจักรยานขึ้นรถไฟทั้งไปและกลับ ไปใช้ชีวิตเนิบช้าที่บ้านสวนทะเลสาบนาสัก ลำปาง เก็บผักสดๆกรอบๆมากิน พร้อมดูวิวสวยๆริมทะเลสาบที่น้ำงวดขอดลงไปหลายเมตร จากภัยแล้งอันน่ากลัว ปั่นขึ้นลงเขาและเนินร่วม 140 กม. วัยเพื่อนร่วมทริป 35-56 ขวบ โดยเพื่อนร่วมทริปอาวุโสสุดเป็นหญิง...อายุเป็นเพียงตัวเลข ลุยไหนไปกัน!
ปล.ภาพอาจไม่ค่อยชัด เพราะถ่ายบนรถไฟ มือถือกล้องแกว่งไกวไปตามแรงรถ หรือตอนปั่นจักรยาน ทั้งหมดทั้งมวลถ่ายด้วยไอโฟน
สนใจพาจักรยานไปเที่ยวด้วยรถไฟ ต้องสอบถามตอนจองตั๋วว่า ในขบวนนั้นมีรถสัมภาระหรือไม่ ถ้ามีก็ลุย! ควรไปถึงสถานีที่เราจะขึ้นล่วงหน้าสัก 1 ชม. เพื่อจะได้มีเวลาจ่ายค่าระวางสำหรับจักรยาน ราคา 90 บาท/คัน (ราคาจะเพิ่มเป็น 100 บาท ถ้าไปจ่ายที่ตู้สัมภาระ) ควรถอดอุปกรณ์ต่างๆออกจากจักรยาน เช่น ตัววัดความเร็ว ไฟ จากนั้นก็เอาจักรยานของเราไปที่ตู้สัมภาระ จะมีเจ้าหน้าที่ช่วยยกขึ้น และมีเชือกผูกยึดจักรยานไว้ พอถึงจุดหมายปลายทาง เราก็รีบลง และไปรอรับจักรยานที่เจ้าหน้าที่จะยกลงให้ ไม่ต้องห่วงว่ารถไฟจะออกก่อนกรณีลงระหว่างทาง เพราะตราบใดที่เรายังมีตั๋วระวางจักรยานติดกับตัว เจ้าหน้าที่จะต้องจัดการเอาสัมภาระชิ้นนั้นลงให้เรียบร้อย
หวังไว้ว่ารถไฟไทยจะได้รับการพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่านี้ จะได้มีพาหนะทางเลือกในการเดินทางไปไหนมาไหน แทนที่จะไปได้แต่ระบบล้อ
วิวบนเขื่อนแม่ขาม อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง
เจ้าหน้าที่ช่วยขนรถจักรยานลงจากตู้สัมภาระ
ช่วยยกจักรยานขึ้นรถสัมภาระ เพื่อให้มั่นใจว่าผูกเก็บเรียบร้อย
วิวสองข้างทาง
#ด้วยสองล้อและสองราง