บทความดีๆ เอามาให้อ่านครับ
Cr.คุณมงคล
LTF, RMF มีดีมากกว่าแค่หักภาษี
ผมเห็นหลายคนซื้อชาเขียว
โดยไม่ได้ต้องการดับกระหาย
แต่ซื้อชาเขียวเพราะต้องการชิงโชครถเบ๊นซ์
ผมเห็นหลายคนที่ใส่หมวกตอนขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ใช่กันน็อค
แต่ใส่หมวกเพราะกันตำรวจ
คนชอบมองที่เปลือก ไม่ได้มองที่แก่น
เหมือนกับคนที่ซื้อLTF RMFเลยครับ
ที่ไม่ได้มองที่แก่นหรือวัตถุประสงค์หลักของมัน
แต่มองที่เปลือกคือต้องการลดหย่อนภาษีเท่านั้น
วัตถุประสงค์ของ LTF
มีไว้เพื่อการส่งเสริมการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
ส่วน RMF มีไว้เพื่อการออมเงินเพื่อใช้ในวันเกษียณ
LTF เหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้สูงเพราะ
LTF ถูกกำหนดว่าเงินขั้นต่ำ 65%ต้องลงทุนในหุ้น
ส่วนRMF มีให้เลือกลงทุนมากมายหลากหลายประเภทสินทรัพย์
ตั้งแต่RMF กองทุนรวมตลาดเงิน ที่ความเสี่ยงต่ำ
จนถึงRMFที่ลงทุนหุ้น หรือลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก
อย่างทองคำ ที่ความเสี่ยงสูง
LTF ใช้สิทธิในการหักลดหย่อนภาษี
ได้ไม่เกิน 15%ของรายได้ที่ถูกคำนวณภาษี
ส่วนRMF ใช้สิทธิได้15%ของรายได้ที่นำมาคำนวณภาษีเช่นกัน
แต่เมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (เฉพาะส่วนที่หักพนักงาน)
และกรมธรรม์แบบบบำนาญแล้วไม่เกิน 500,000บาท
LTF จะขายได้โดยไม่ผิดเงื่อนไขต้องถูกคืนภาษีและเบี้ยปรับ
และส่วนต่างกำไรจากการขายต้องถูกนำมาคำนวณภาษี
ต้องถือมานานกว่า 5ปีปฏิทิน คือนับเป็นปีๆไป
กฎใหม่คือLTF ที่จะซื้อในปี2560 จะต้องถือ 7ปีปฏิทิน
ส่วนRMF จะขายได้ทุกบาททุกสตางค์โดยไม่ผิดเงื่อนไข
คุณต้องถือมาครบ 5ปีเต็ม(นับวันชนวัน) และอายุครบ55ปี
เพิ่มเติมอีกนิดสำหรับRMF คือ
ต้องลงทุนอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยปีละครั้ง
โดยไม่ระงับการลงทุนเกินกว่า 1ปีติดต่อกัน
ยกเว้นปีนั้นไม่มีรายได้ก็ไม่ต้องลงทุน
โดยสามารถลงทุนขั้นต่ำ 3%ของเงินได้ หรืออย่างน้อย 5,000 บาท
แล้วระหว่างLTF กับ RMF ลงในอะไรดีหล่ะ
คำตอบคือถ้าไหวก็ลงไปทั้ง2ตัวหล่ะครับ
เพราะคุณคิดดูสิครับไม่ต้องพูดถึงกำลงกำไรอะไร
ถ้าฐานภาษีคุณ30%
ลงทุน 100,000 ก็เหมือนได้เงินคืนมา30,000 ทันที
แต่ถ้ามีเงินเหลือจำกัด หรืออยากรู้ว่าจะลงอะไรก่อนดี
ผมแนะนำ แต่อาจขัดใจคนหลายคนหน่อยนะครับ...
RMF ครับ
ทำไมผมแนะนำแบบนี้ ก็เพราะ
RMF มันคือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณเกษียณได้จริงไงครับ
แล้วเรื่องเกษียณมันก็เป็นเรื่องจำเป็นจริงๆ
ที่ยังไงๆเราก็หนีเรื่องนี้กันไม่พ้นจริงไหม
บางคนเถียงผมอีกก็ LTF มันก็เก็บเพื่อเกษียณได้ไม่ใช่เหรอ
ก็จริงครับที่คุณจะถือLTF ยาวๆไปจนเกษียณได้
แต่จะมีสักกี่คนครับที่ทำได้แบบนั้นจริง
ผมเห็นแต่ละคนพอครบกำหนดขายได้ก็มีเรื่องต้องใช้เงินทุกที
ใช้RMF ผูกมัดตัวเองไปเลยครับ จะได้มีเงินพอใช้เมื่อเกษียณ
อีกอย่างRMF ลงทุนในสินทรัพย์ได้หลายอย่าง
และเป็นการลงทุนระยะยาว
ทำให้ความเสี่ยงต่ำกว่า LTF
ส่วนLTF เอาว่าลงRMF เต็มสิทธิแล้วค่อยไปลงครับ
ส่วนวิธีคัดเลือกกองทุนLTF RMF
ก็ย้อนไปดูบทความก่อนๆ
เพราะใช้วิธีคัดเลือกเหมือนกันครับ
หากใครอยากจะลงทุนและต้องเสียภาษีอยู่แล้ว
ไปที่LTF RMF เลยครับ
มงคล ลุสัมฤทธิ์ Wealth Deigner
LTF RMF มีดีมากกว่าแค่หักภาษี
Cr.คุณมงคล
LTF, RMF มีดีมากกว่าแค่หักภาษี
ผมเห็นหลายคนซื้อชาเขียว
โดยไม่ได้ต้องการดับกระหาย
แต่ซื้อชาเขียวเพราะต้องการชิงโชครถเบ๊นซ์
ผมเห็นหลายคนที่ใส่หมวกตอนขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ใช่กันน็อค
แต่ใส่หมวกเพราะกันตำรวจ
คนชอบมองที่เปลือก ไม่ได้มองที่แก่น
เหมือนกับคนที่ซื้อLTF RMFเลยครับ
ที่ไม่ได้มองที่แก่นหรือวัตถุประสงค์หลักของมัน
แต่มองที่เปลือกคือต้องการลดหย่อนภาษีเท่านั้น
วัตถุประสงค์ของ LTF
มีไว้เพื่อการส่งเสริมการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
ส่วน RMF มีไว้เพื่อการออมเงินเพื่อใช้ในวันเกษียณ
LTF เหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้สูงเพราะ
LTF ถูกกำหนดว่าเงินขั้นต่ำ 65%ต้องลงทุนในหุ้น
ส่วนRMF มีให้เลือกลงทุนมากมายหลากหลายประเภทสินทรัพย์
ตั้งแต่RMF กองทุนรวมตลาดเงิน ที่ความเสี่ยงต่ำ
จนถึงRMFที่ลงทุนหุ้น หรือลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก
อย่างทองคำ ที่ความเสี่ยงสูง
LTF ใช้สิทธิในการหักลดหย่อนภาษี
ได้ไม่เกิน 15%ของรายได้ที่ถูกคำนวณภาษี
ส่วนRMF ใช้สิทธิได้15%ของรายได้ที่นำมาคำนวณภาษีเช่นกัน
แต่เมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (เฉพาะส่วนที่หักพนักงาน)
และกรมธรรม์แบบบบำนาญแล้วไม่เกิน 500,000บาท
LTF จะขายได้โดยไม่ผิดเงื่อนไขต้องถูกคืนภาษีและเบี้ยปรับ
และส่วนต่างกำไรจากการขายต้องถูกนำมาคำนวณภาษี
ต้องถือมานานกว่า 5ปีปฏิทิน คือนับเป็นปีๆไป
กฎใหม่คือLTF ที่จะซื้อในปี2560 จะต้องถือ 7ปีปฏิทิน
ส่วนRMF จะขายได้ทุกบาททุกสตางค์โดยไม่ผิดเงื่อนไข
คุณต้องถือมาครบ 5ปีเต็ม(นับวันชนวัน) และอายุครบ55ปี
เพิ่มเติมอีกนิดสำหรับRMF คือ
ต้องลงทุนอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยปีละครั้ง
โดยไม่ระงับการลงทุนเกินกว่า 1ปีติดต่อกัน
ยกเว้นปีนั้นไม่มีรายได้ก็ไม่ต้องลงทุน
โดยสามารถลงทุนขั้นต่ำ 3%ของเงินได้ หรืออย่างน้อย 5,000 บาท
แล้วระหว่างLTF กับ RMF ลงในอะไรดีหล่ะ
คำตอบคือถ้าไหวก็ลงไปทั้ง2ตัวหล่ะครับ
เพราะคุณคิดดูสิครับไม่ต้องพูดถึงกำลงกำไรอะไร
ถ้าฐานภาษีคุณ30%
ลงทุน 100,000 ก็เหมือนได้เงินคืนมา30,000 ทันที
แต่ถ้ามีเงินเหลือจำกัด หรืออยากรู้ว่าจะลงอะไรก่อนดี
ผมแนะนำ แต่อาจขัดใจคนหลายคนหน่อยนะครับ...
RMF ครับ
ทำไมผมแนะนำแบบนี้ ก็เพราะ
RMF มันคือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณเกษียณได้จริงไงครับ
แล้วเรื่องเกษียณมันก็เป็นเรื่องจำเป็นจริงๆ
ที่ยังไงๆเราก็หนีเรื่องนี้กันไม่พ้นจริงไหม
บางคนเถียงผมอีกก็ LTF มันก็เก็บเพื่อเกษียณได้ไม่ใช่เหรอ
ก็จริงครับที่คุณจะถือLTF ยาวๆไปจนเกษียณได้
แต่จะมีสักกี่คนครับที่ทำได้แบบนั้นจริง
ผมเห็นแต่ละคนพอครบกำหนดขายได้ก็มีเรื่องต้องใช้เงินทุกที
ใช้RMF ผูกมัดตัวเองไปเลยครับ จะได้มีเงินพอใช้เมื่อเกษียณ
อีกอย่างRMF ลงทุนในสินทรัพย์ได้หลายอย่าง
และเป็นการลงทุนระยะยาว
ทำให้ความเสี่ยงต่ำกว่า LTF
ส่วนLTF เอาว่าลงRMF เต็มสิทธิแล้วค่อยไปลงครับ
ส่วนวิธีคัดเลือกกองทุนLTF RMF
ก็ย้อนไปดูบทความก่อนๆ
เพราะใช้วิธีคัดเลือกเหมือนกันครับ
หากใครอยากจะลงทุนและต้องเสียภาษีอยู่แล้ว
ไปที่LTF RMF เลยครับ
มงคล ลุสัมฤทธิ์ Wealth Deigner