สวัสดีครับชาวพันทิป ที่รักทุกท่าน ขอเเทนตัวเองว่าชาดำ เมื่ออุตุฯประกาศว่าประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวเเล้ว ไอ้เราก็ เอางัยดีวะ ลูกจ้างหน่วยงานรัฐเเบบเรา จะสิ้นปีเเล้ว โบนง โบนัส คงไม่มีเหมือนภาคเอกชนเขาหรอก งั้นก็จัดการ เขียนใบลาพักผ่อน ยาวห้าวัน เพื่อให้โบนัสตัวเอง ออกไป ท่องดอย รับลมหนาว (ทั้งๆๆที่ก็ทำงานทุกวันนี้ก็อยู่บนดอย 55555 อยู่เเล้ว) เเต่ดัน ช่วงที่ลา ดันเป็นช่วง ประเพณีลอยกระทงพอดี ชัดเลยเอางัยดี จะอยู่เลยลอยกระทง หรือจะไปหลงดอย เมื่อเสร็จสิ้นภาระกิจงานเเต่งน้องชายที่บ้านก็จัดการ เก็บของ เตรียมอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการเดินทางท่องเที่ยว ทั้งถุงนอน เต็นท์ กล้องถ่ายรูป ขาตั้งกล้อง ของส่วนตัวบ้างหยิบยืมบ้าง โดยรอบนี้ ใช้รถมอเตอร์ไซด์คู่ใจ Benelli tnt 300s รถขนาด 300 cc กำลังดี สำหรับการเดินทาง เสริมกล่องท้าย เเละกระเป๋ากันน้ำใบใหญ่ ลืมบอก ว่าเดินทางคนเดียว เป้าหมายของการเดินทางนั้นมีดังนี้
1.อุทยานเเห่งชาติเเม่เมย อ.ท่าสองยาง จ.ตาก
2.ภูชี้เพ้อ หน่วยจัดการต้นน้ำเเม่หยอด
3..............................................
4..............................................
3 กับ 4 ยังว่าง เพราะ ที่วางเเผนไว้ ไม่รู้รถจะไปได้หรือเวลา จะพอรึป่าว เเละเเล้วก็เริ่มออกเดินทาง ในเวลาสายๆๆ ของวันที่ 23 พ.ย. 58 โดย ออกเดินทางจากเมืองตาก ใช้เส้นทางหมายเลข 1 พหลโยธิน ตรงไปยังอำเภอบ้านตาก เเละเลี้ยวซ้ายเข้าเขตเทศบาล บ้านตาก หลังจากนั้นก็ใช้เส้นทาง หมายเลข 1175 บ้านตาก - เเม่ระมาด
เส้นทางนี้ไต่ผ่านภูเขาขึ้นดอยไปเรื่อยๆ เส้นทางถูกปรับปรุงจนสัญจรได้ดีพอสมควร เส้นทางนี้เราจะผ่าน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเเม่ตื่น มีดอยสอยมาลัย หลังคาเมืองตาก เป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เเต่เส้นทางขึ้นนั้นลำบากพอสมควร ควรใช้รถกระบะขับเคลื่อนสีล้อ จะดีที่สุด ตลอดสองข้างทางก็จะผ่านหมู่บ้านม้งหลายบ้าน มีวิวเป็นไร่ข้าวโพดบนดอยสูง สลับกับป่าดิบเขา สลับกันไปเรื่อยๆ นอกจากนั้น เมื่อขับรถไปใกล้ๆ จะถึงทางลงดอยในเขตอำเภอเเม่ระมาดเราก็จะผ่าน อุทยานเเห่งชาติขุนพะวอ เป็นอุทยานที่ตรงที่ทำการเสาธง ตัดกับสนามหญ้า เเละถนน ทางขึ้นที่ทำการสวยมาก ตรงปากทางเข้าอุทยานยังมี นาขั้นบันได ซึ่งช่วงที่ไปข้าวกำลังเหลือง สีทองกำลังงาม ดูสบายตา บวกกับอากาสเย็นๆบนดอย สดชื่นยิ่งนัก
หลังจากเวิ้นเว้อ ได้พอควรก็ ออกเดินทางต่อไปยัง อำเภอเเม่ระมาด เเละมุ่งตรงขึ้นเหนือไปตามเส้นทาง เเม่ระมาด - เเม่สะเรียง โดยใช้เส้นทาง ทางหลวงเเผ่นดินหมายเลข 105 จากตัวอำเภอ เเม่ระมาด - ไปยัง อุทยานเเห่งชาติเเม่เมยนั้น มีระยะทางทั้งหมด 105 กม. เส้นทางก็จะเลาะตะเข็บชายเเดน ไทย - พม่า ไปเรื่อยๆๆ บรรยากาศสองข้างทางต้นไม้ร่มรื่นพอสมควร
เดินทางมาเรื่อยๆ ก็จะมาพบกับศูนย์อพยพผู้ลี้ภัยสงครามเเม่หละ เป็นหนึ่งใน 3 ศูนย์อพยพของชาวพม่า ที่มีในจังหวัดตาก โดยมีอีก 2 ศูนย์อพยพ ในเขตอำเภอพบพระ เเละอุ้มผาง อย่างละศูนย์ จอดรถถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ซักเเช๊ะสองเเช๊ะ อ้าว ออกเดินทางต่อได้
เเละเเล้วเราก็ถึง ทางเเยกขึ้นอุทยานเเห่งชาติเเม่เมย ต้องขับรถขึ้นดอยไปอีก 11 กม. เลยเเวะทานข้าว เที่ยว ซื้อเสบียง เเละเสื่อหนึ่งผืน เพื่อปูรองนอนในเต็นท์คืนนี้ 55555 เรียบร้อย ข้นดอยได้ พอขับรถขึ้นดอยเเค่นั้นเเหละ อ๊ากกกกกกก ทางเเย่มาก ถนนหนทางที่ขึ้นไปถึงที่ทำการ ของอุทยานเเห่งชาติเเม่เมย ถือว่าชำรุด ประมาณ 80% ของเส้นทางได้ ถือว่า เดินทางทุลักทุเลพอสมควร 555 เอาวะ อยากมานิ เจอเเบบไหนก็ต้องยอม เมื่อขับรถมาถึงอุทยานเเห่งชาติเเม่เมย ผมก็ขับรถเลยไป ที่จุดชมวิว ม่อนครูบาใส กะว่าจะกางเต็นท์ตรงนี้ เเต่เมื่อดูสภาพพื้นที่เเล้ว เฮ้ย เปลี่ยวไปนะ 55555555555555
วันนี้ท้องฟ้าสดใส มาก มีเพียงเราเเละน้องดำ ตุ๊กตาตัวน้อย ที่มีรุ่นน้องถักให้ เอาไว้เป็นเพื่อนเดินทาง เห็นเเล้วเเบบ เอ่อ เหมือนกันมาก หลังจากนั้นผมก็ปูเสื่อนอน พักกลางวันเอาเเรง เเละเมื่อตื่นขึ้นเเดดเริ่มคล้อย ดูเวลา เเละตัดสินใจ เอางัยดี นอนตรงนี้เปลี่ยวไป ไม่มีเพื่อนเลย เเต่บรรยากาศที่ม่อนครูบาใสถือว่าสงบดีมาก ลมพัดเย็นสบาย ลานกว้างๆ หญ้าสีเขียว มีขี้วัวบ้าง ประกอบกับเก้าอี้ไม้ ใต้ต้นไม้ใหญ่ นั่งมองทิวเขาสลับซับซ้อนของฝั่งพม่า มันช่าง สุขสงบจิตใจดีเสียนี่กะไร กัน 5555 เพ้อ
ผมก็เลย ย้อนกลับไปกางเต็นท์ตรงที่ทำการ ข้างลำธารเล็กๆๆ บรรยากาศดีมาก นักท่องเที่ยวน้อยเพราะเป็นวันจันทร์ มีนักท่องเที่ยวมากางเต็นท์ตรงที่ทำการ ประมาณ3 กรุ๊ปได้
วันนี้เป็นอีกวันนึง ที่นอนเร็วมาก เมื่อยล้าจากการขับรถมอไซด์บนดอย พอสมควรทำให้หลับเร็ว พรุ่งนี้ มีโปรเเกรมตื่นไปรับลม ชมทะเลหมอกตอนเช้า กะว่าจะไปหลายๆๆม่อน เพราะอุทยานเเห่งชาติเเม่เมย มีจุดชมทะเลหมอกเยอะมาก ถนน ไปถึงเกือบทุกจุด เเต่ ที่ เซ็งคือ ถนนชไรุดทั้งเส้น 555555
ก่อนเเสงสุดท้ายจะหมดก็เดินชมรอบๆอุทยาน เเสงสุดท้ายของวัน กับทิวเขางามๆๆ ฟ้าสวยๆๆ วันนี้ ทำให้เเสงสุดท้ายของวัน ที่อุทยานเเห่งชาติเเม่มวย สวยงามเเละมีความหมายยิ่งนัก
เช้ามืด วันที่ 24 พ.ย. 58 พูดคำว่า อรุณสวัสดิ์ แม่เมย ได้เวลาตามล่า ทะเลหมอก รีบทำภาระกิจ ส่วนตัวล้างหน้าเเต่งตัว เเละเตรียมกล้อง เเละขับรถ ออกไปอย่างช้าๆๆตามเส้นทางไปชมทะเลหมอก ทีเเรกก็กะว่าจะไปหลายม่อน เเต่เมื่อขับไปจริงๆๆก็สู้ไม่ไหว 5555 ไปได้เเค่ม่อนพูนสุดา ซึ่งเลยที่ทำการไป 7.5 กม. เเละรู้สึกว่าวิวไม่สวยเท่าเมื่อวานที่ม่อนครูบาใส พอมาถึงม่อนครูบาใส มันสามารถชมวิวได้กว้างกว่าม่อนพูนสุดา เเต่ ก็ไม่สวยเท่าม่อนกิ่วลม ซึ่งสามารถชมทะเลหมอกได้กว้างกว่า ทำเลหมอกที่เราดูวันนี้เกิดจาก ลำน้ำเเม่เมย หรือเเม่น้ำเมย ซึ้งกั้น ระหว่าง ชายเเดนไทยกับพม่า เเละมีทิวเขา ของฝั่งพม่าเป็น ฉากหลัง หมอกสีขาว เขาสีเขียว ฟ้าสีฟ้า นี่เเหละบรรยากาศหน้าหนาวที่ต้องการ
เมื่อมาถึง ม่อนครูบาใส เฮ้ย ผมเจอ สองสามีภรรยามีอายุ พอสมควร เเค้มปิ้ง ทำกับข้าว น่ารักมาก มาสอง คน ลุงกับป้า ทักทายกันพอหอมปากหอมคอ ที่น่าอิดฉายิ่งนักคือ ถ่ายวีดีโอด้วย สลับกันถ่าย พร้อมเปิดเพลง สมัยเค้า จำได้คร่าวๆๆว่าเป็นเพลงเที่ยวละไม รึป่าวไม่รู้ น่ารักอ่า ได้เเต่อมยิ้มอยู่ในใจ หัวเราะอยู่คนเดียวเพราะชอบใจ ลุงกับป้าคู่นี้มาก ส่วนเรารึ นั่งเพ้อ นั่งเหม่อ ชมทะเลหมอกต่อไป 55555555 บอกตัวเองว่า เอาตามที่สบายใจเลยดำ
เห็นภาพตัวเอง เเล้วนึกถึง คำพูดที่ว่า "เพราะโลกมันกว้าง คนที่จะนั่งเคียงข้าง จึงสำคัญ" ได้เเต่ส่งรูปที่เราคิดว่าสวยให้เเฟนดู เผื่อเขาอยากจะมาเที่ยวกับเราบ้าง 55555555
เมื่อเพ้อจนได้ที่ เต็มอิ่มกับบรรยากาสก็ออกเดินทางต่อ เก็บข้าวของสัมภาระทั้งหมด โดยเป้าหมายของวันที่สอง นั้นอยู่ที่ ภูชี้เพ้อ หน่วยจัดการต้นน้ำเเม่หยอดนั่นเอง เราก็ใช้เส้นทางเดิมต่อ คือทางหลวงเเผ่นดินหมายเลข 105 เเม่สอด - เเม่สะเรียง ตั้งเเต่ช่วงสามเเยกเข้า อช.เเม่เมยไป ทางค่อนข้างเปลี่ยว ขับรถไป นานๆจะมีรถสวนกันมาซักคัน วิวสองข้างทางสวยงามพอสมควร เพราะเส้นทางนี้เลาะริมน้ำเมยไปหลายสิบกิโลเมตร หลังจากเลยช่วงที่เลาะริมน้ำเมยก็จะ เริ่มขึ้นดอย ผ่านป่าดิบเขา ทางค่อนข้างดีมากในช่วงนี้ 555 วิวก็สวย ลมก็พัดเย็นสบาย เเต่เมื่อเริ่มเข้ารอยต่อ ของอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตากกับ อำเภอสบเมย จ.เเม่ฮ่องสอน ถนนชำรุดเยอะมาก เเทบจะท้อเลยทีเดียว เอาวะไหนๆก็ดั้นด้นมาละ ไปให้ถึงดิวะดำ 5555
เมื่อ ขับรถผ่านทางชำรุดมาเรื่อยๆจนเข้าเขต อำเภอสบเมย ถนนหนทางก็เริ่มดีขึ้น บ้าง จนดีขึ้นเรื่อยๆเมื่อเราเดินทางไปจนถึงอำเภอเเม่สะเรียงประมาณ บ่ายโมงกว่าๆๆ ก็เเวะซื้อของกินของใช้เเละทานข้าวเที่ยงให้มีเเรงเดินทางต่อ ต่อด้วย เติมน้ำมันไว้ก่อนให้เต็มถัง ตังไม่มีช่างมัน ปลอบใจตัวเองขณะที่มีตังติดตัว 150 บาท 5555555
[SR] หนีลอยกระทง ไปหลงดอย .... รับลมหนาวเเรก..ที่ แม่เมย..ภูชี้เพ้อ...อินทนนท์
สวัสดีครับชาวพันทิป ที่รักทุกท่าน ขอเเทนตัวเองว่าชาดำ เมื่ออุตุฯประกาศว่าประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวเเล้ว ไอ้เราก็ เอางัยดีวะ ลูกจ้างหน่วยงานรัฐเเบบเรา จะสิ้นปีเเล้ว โบนง โบนัส คงไม่มีเหมือนภาคเอกชนเขาหรอก งั้นก็จัดการ เขียนใบลาพักผ่อน ยาวห้าวัน เพื่อให้โบนัสตัวเอง ออกไป ท่องดอย รับลมหนาว (ทั้งๆๆที่ก็ทำงานทุกวันนี้ก็อยู่บนดอย 55555 อยู่เเล้ว) เเต่ดัน ช่วงที่ลา ดันเป็นช่วง ประเพณีลอยกระทงพอดี ชัดเลยเอางัยดี จะอยู่เลยลอยกระทง หรือจะไปหลงดอย เมื่อเสร็จสิ้นภาระกิจงานเเต่งน้องชายที่บ้านก็จัดการ เก็บของ เตรียมอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการเดินทางท่องเที่ยว ทั้งถุงนอน เต็นท์ กล้องถ่ายรูป ขาตั้งกล้อง ของส่วนตัวบ้างหยิบยืมบ้าง โดยรอบนี้ ใช้รถมอเตอร์ไซด์คู่ใจ Benelli tnt 300s รถขนาด 300 cc กำลังดี สำหรับการเดินทาง เสริมกล่องท้าย เเละกระเป๋ากันน้ำใบใหญ่ ลืมบอก ว่าเดินทางคนเดียว เป้าหมายของการเดินทางนั้นมีดังนี้
1.อุทยานเเห่งชาติเเม่เมย อ.ท่าสองยาง จ.ตาก
2.ภูชี้เพ้อ หน่วยจัดการต้นน้ำเเม่หยอด
3..............................................
4..............................................
3 กับ 4 ยังว่าง เพราะ ที่วางเเผนไว้ ไม่รู้รถจะไปได้หรือเวลา จะพอรึป่าว เเละเเล้วก็เริ่มออกเดินทาง ในเวลาสายๆๆ ของวันที่ 23 พ.ย. 58 โดย ออกเดินทางจากเมืองตาก ใช้เส้นทางหมายเลข 1 พหลโยธิน ตรงไปยังอำเภอบ้านตาก เเละเลี้ยวซ้ายเข้าเขตเทศบาล บ้านตาก หลังจากนั้นก็ใช้เส้นทาง หมายเลข 1175 บ้านตาก - เเม่ระมาด
เส้นทางนี้ไต่ผ่านภูเขาขึ้นดอยไปเรื่อยๆ เส้นทางถูกปรับปรุงจนสัญจรได้ดีพอสมควร เส้นทางนี้เราจะผ่าน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเเม่ตื่น มีดอยสอยมาลัย หลังคาเมืองตาก เป็นจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เเต่เส้นทางขึ้นนั้นลำบากพอสมควร ควรใช้รถกระบะขับเคลื่อนสีล้อ จะดีที่สุด ตลอดสองข้างทางก็จะผ่านหมู่บ้านม้งหลายบ้าน มีวิวเป็นไร่ข้าวโพดบนดอยสูง สลับกับป่าดิบเขา สลับกันไปเรื่อยๆ นอกจากนั้น เมื่อขับรถไปใกล้ๆ จะถึงทางลงดอยในเขตอำเภอเเม่ระมาดเราก็จะผ่าน อุทยานเเห่งชาติขุนพะวอ เป็นอุทยานที่ตรงที่ทำการเสาธง ตัดกับสนามหญ้า เเละถนน ทางขึ้นที่ทำการสวยมาก ตรงปากทางเข้าอุทยานยังมี นาขั้นบันได ซึ่งช่วงที่ไปข้าวกำลังเหลือง สีทองกำลังงาม ดูสบายตา บวกกับอากาสเย็นๆบนดอย สดชื่นยิ่งนัก
หลังจากเวิ้นเว้อ ได้พอควรก็ ออกเดินทางต่อไปยัง อำเภอเเม่ระมาด เเละมุ่งตรงขึ้นเหนือไปตามเส้นทาง เเม่ระมาด - เเม่สะเรียง โดยใช้เส้นทาง ทางหลวงเเผ่นดินหมายเลข 105 จากตัวอำเภอ เเม่ระมาด - ไปยัง อุทยานเเห่งชาติเเม่เมยนั้น มีระยะทางทั้งหมด 105 กม. เส้นทางก็จะเลาะตะเข็บชายเเดน ไทย - พม่า ไปเรื่อยๆๆ บรรยากาศสองข้างทางต้นไม้ร่มรื่นพอสมควร
เดินทางมาเรื่อยๆ ก็จะมาพบกับศูนย์อพยพผู้ลี้ภัยสงครามเเม่หละ เป็นหนึ่งใน 3 ศูนย์อพยพของชาวพม่า ที่มีในจังหวัดตาก โดยมีอีก 2 ศูนย์อพยพ ในเขตอำเภอพบพระ เเละอุ้มผาง อย่างละศูนย์ จอดรถถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ซักเเช๊ะสองเเช๊ะ อ้าว ออกเดินทางต่อได้
เเละเเล้วเราก็ถึง ทางเเยกขึ้นอุทยานเเห่งชาติเเม่เมย ต้องขับรถขึ้นดอยไปอีก 11 กม. เลยเเวะทานข้าว เที่ยว ซื้อเสบียง เเละเสื่อหนึ่งผืน เพื่อปูรองนอนในเต็นท์คืนนี้ 55555 เรียบร้อย ข้นดอยได้ พอขับรถขึ้นดอยเเค่นั้นเเหละ อ๊ากกกกกกก ทางเเย่มาก ถนนหนทางที่ขึ้นไปถึงที่ทำการ ของอุทยานเเห่งชาติเเม่เมย ถือว่าชำรุด ประมาณ 80% ของเส้นทางได้ ถือว่า เดินทางทุลักทุเลพอสมควร 555 เอาวะ อยากมานิ เจอเเบบไหนก็ต้องยอม เมื่อขับรถมาถึงอุทยานเเห่งชาติเเม่เมย ผมก็ขับรถเลยไป ที่จุดชมวิว ม่อนครูบาใส กะว่าจะกางเต็นท์ตรงนี้ เเต่เมื่อดูสภาพพื้นที่เเล้ว เฮ้ย เปลี่ยวไปนะ 55555555555555
วันนี้ท้องฟ้าสดใส มาก มีเพียงเราเเละน้องดำ ตุ๊กตาตัวน้อย ที่มีรุ่นน้องถักให้ เอาไว้เป็นเพื่อนเดินทาง เห็นเเล้วเเบบ เอ่อ เหมือนกันมาก หลังจากนั้นผมก็ปูเสื่อนอน พักกลางวันเอาเเรง เเละเมื่อตื่นขึ้นเเดดเริ่มคล้อย ดูเวลา เเละตัดสินใจ เอางัยดี นอนตรงนี้เปลี่ยวไป ไม่มีเพื่อนเลย เเต่บรรยากาศที่ม่อนครูบาใสถือว่าสงบดีมาก ลมพัดเย็นสบาย ลานกว้างๆ หญ้าสีเขียว มีขี้วัวบ้าง ประกอบกับเก้าอี้ไม้ ใต้ต้นไม้ใหญ่ นั่งมองทิวเขาสลับซับซ้อนของฝั่งพม่า มันช่าง สุขสงบจิตใจดีเสียนี่กะไร กัน 5555 เพ้อ
ผมก็เลย ย้อนกลับไปกางเต็นท์ตรงที่ทำการ ข้างลำธารเล็กๆๆ บรรยากาศดีมาก นักท่องเที่ยวน้อยเพราะเป็นวันจันทร์ มีนักท่องเที่ยวมากางเต็นท์ตรงที่ทำการ ประมาณ3 กรุ๊ปได้
วันนี้เป็นอีกวันนึง ที่นอนเร็วมาก เมื่อยล้าจากการขับรถมอไซด์บนดอย พอสมควรทำให้หลับเร็ว พรุ่งนี้ มีโปรเเกรมตื่นไปรับลม ชมทะเลหมอกตอนเช้า กะว่าจะไปหลายๆๆม่อน เพราะอุทยานเเห่งชาติเเม่เมย มีจุดชมทะเลหมอกเยอะมาก ถนน ไปถึงเกือบทุกจุด เเต่ ที่ เซ็งคือ ถนนชไรุดทั้งเส้น 555555
ก่อนเเสงสุดท้ายจะหมดก็เดินชมรอบๆอุทยาน เเสงสุดท้ายของวัน กับทิวเขางามๆๆ ฟ้าสวยๆๆ วันนี้ ทำให้เเสงสุดท้ายของวัน ที่อุทยานเเห่งชาติเเม่มวย สวยงามเเละมีความหมายยิ่งนัก
เช้ามืด วันที่ 24 พ.ย. 58 พูดคำว่า อรุณสวัสดิ์ แม่เมย ได้เวลาตามล่า ทะเลหมอก รีบทำภาระกิจ ส่วนตัวล้างหน้าเเต่งตัว เเละเตรียมกล้อง เเละขับรถ ออกไปอย่างช้าๆๆตามเส้นทางไปชมทะเลหมอก ทีเเรกก็กะว่าจะไปหลายม่อน เเต่เมื่อขับไปจริงๆๆก็สู้ไม่ไหว 5555 ไปได้เเค่ม่อนพูนสุดา ซึ่งเลยที่ทำการไป 7.5 กม. เเละรู้สึกว่าวิวไม่สวยเท่าเมื่อวานที่ม่อนครูบาใส พอมาถึงม่อนครูบาใส มันสามารถชมวิวได้กว้างกว่าม่อนพูนสุดา เเต่ ก็ไม่สวยเท่าม่อนกิ่วลม ซึ่งสามารถชมทะเลหมอกได้กว้างกว่า ทำเลหมอกที่เราดูวันนี้เกิดจาก ลำน้ำเเม่เมย หรือเเม่น้ำเมย ซึ้งกั้น ระหว่าง ชายเเดนไทยกับพม่า เเละมีทิวเขา ของฝั่งพม่าเป็น ฉากหลัง หมอกสีขาว เขาสีเขียว ฟ้าสีฟ้า นี่เเหละบรรยากาศหน้าหนาวที่ต้องการ
เมื่อมาถึง ม่อนครูบาใส เฮ้ย ผมเจอ สองสามีภรรยามีอายุ พอสมควร เเค้มปิ้ง ทำกับข้าว น่ารักมาก มาสอง คน ลุงกับป้า ทักทายกันพอหอมปากหอมคอ ที่น่าอิดฉายิ่งนักคือ ถ่ายวีดีโอด้วย สลับกันถ่าย พร้อมเปิดเพลง สมัยเค้า จำได้คร่าวๆๆว่าเป็นเพลงเที่ยวละไม รึป่าวไม่รู้ น่ารักอ่า ได้เเต่อมยิ้มอยู่ในใจ หัวเราะอยู่คนเดียวเพราะชอบใจ ลุงกับป้าคู่นี้มาก ส่วนเรารึ นั่งเพ้อ นั่งเหม่อ ชมทะเลหมอกต่อไป 55555555 บอกตัวเองว่า เอาตามที่สบายใจเลยดำ
เห็นภาพตัวเอง เเล้วนึกถึง คำพูดที่ว่า "เพราะโลกมันกว้าง คนที่จะนั่งเคียงข้าง จึงสำคัญ" ได้เเต่ส่งรูปที่เราคิดว่าสวยให้เเฟนดู เผื่อเขาอยากจะมาเที่ยวกับเราบ้าง 55555555
เมื่อเพ้อจนได้ที่ เต็มอิ่มกับบรรยากาสก็ออกเดินทางต่อ เก็บข้าวของสัมภาระทั้งหมด โดยเป้าหมายของวันที่สอง นั้นอยู่ที่ ภูชี้เพ้อ หน่วยจัดการต้นน้ำเเม่หยอดนั่นเอง เราก็ใช้เส้นทางเดิมต่อ คือทางหลวงเเผ่นดินหมายเลข 105 เเม่สอด - เเม่สะเรียง ตั้งเเต่ช่วงสามเเยกเข้า อช.เเม่เมยไป ทางค่อนข้างเปลี่ยว ขับรถไป นานๆจะมีรถสวนกันมาซักคัน วิวสองข้างทางสวยงามพอสมควร เพราะเส้นทางนี้เลาะริมน้ำเมยไปหลายสิบกิโลเมตร หลังจากเลยช่วงที่เลาะริมน้ำเมยก็จะ เริ่มขึ้นดอย ผ่านป่าดิบเขา ทางค่อนข้างดีมากในช่วงนี้ 555 วิวก็สวย ลมก็พัดเย็นสบาย เเต่เมื่อเริ่มเข้ารอยต่อ ของอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตากกับ อำเภอสบเมย จ.เเม่ฮ่องสอน ถนนชำรุดเยอะมาก เเทบจะท้อเลยทีเดียว เอาวะไหนๆก็ดั้นด้นมาละ ไปให้ถึงดิวะดำ 5555
เมื่อ ขับรถผ่านทางชำรุดมาเรื่อยๆจนเข้าเขต อำเภอสบเมย ถนนหนทางก็เริ่มดีขึ้น บ้าง จนดีขึ้นเรื่อยๆเมื่อเราเดินทางไปจนถึงอำเภอเเม่สะเรียงประมาณ บ่ายโมงกว่าๆๆ ก็เเวะซื้อของกินของใช้เเละทานข้าวเที่ยงให้มีเเรงเดินทางต่อ ต่อด้วย เติมน้ำมันไว้ก่อนให้เต็มถัง ตังไม่มีช่างมัน ปลอบใจตัวเองขณะที่มีตังติดตัว 150 บาท 5555555
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น