เครื่องสำอาง Cruelty-Free "ความสวย ที่ไม่ต้องขึ้นอยู่บนความเจ็บปวด"

กระทู้สนทนา
สวัสดีเพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกคนค่ะ
นี่เป็นกระทู้แรกของเรา ตื่นเต้นมากๆ จุ๊บๆ


ที่สมัครพันทิปมาก็เพื่อการนี้เลยค่ะ เพราะมีเรื่องอยากจะบอกต่อกับสาวๆ
เรื่องความสวยความงาม อยากจะมีกระทู้ของตัวเองบ้าง 5555555
แต่ด้วยความอ่อนหัดในการแต่งหน้า (แง)
วันนี้ก็เลยไม่ได้จะมา How to หรือมีทริคแต่งหน้ามาฝากสาวๆ
แต่เป็นอีกแง่มุมหนึ่งของเครื่องสำอางที่อยากบอกต่อ
ซึ่งเราบังเอิญรู้จากข่าวต่างประเทศที่แชร์ๆ มา +กับกำลังทำทีสิสในเรื่องนี้พอดีเลย
เรื่องที่จะมาเมาท์วันนี้ก็คื๊อออ เรื่องการทดลองกับสัตว์ในเครื่องสำอางนั่นเองค่า

เราเชื่อว่าน่าจะมีสาวๆ หลายๆ คน พอจะทราบในเรื่องนี้มาบ้างแล้ว
แต่อาจยังไม่ได้ทราบถึงรายละเอียดต่างๆ
วันนี้ก็เลยย่อๆ สรุปๆ ข้อมูลในเรื่องนี้มาให้สาวๆ อ่าน เพลินๆ เข้าใจง่ายๆ กันน๊า
เผื่อมีสาวๆ คนไหนสนใจเทรนด์สวยใจดี จะได้มาร่วมกันช่วยน้องๆ ในห้องทดลองกันโน๊ะ
(ยาวหน่อย แต่อยากให้อ่านนะ จุ๊บ)


บทที่ 1 : What is animals testing? การทดลองกับสัตว์คืออะไร? ทำไมต้องทดลอง? ทดลองยังไง? มันจะทรมานแค่ไหนกัน?!
การทดลองกับสัตว์ จริงๆ ไม่ได้มีแค่ในเครื่องสำอางเท่านั้นนะคะ อย่างที่รู้กันทั่วไปก็คือมีการทดลองกับยามาก่อน เพื่อจะดูว่า ได้ผลแค่ไหน ผลข้างเคียง ต่างๆนาๆ รวมไปถึงยังมีการทดลองกับสารเคมีทุกสิ่งอย่างที่ต้องสัมผัสกับผิวหนัง หรือมนุษย์มีโอกาสจะกิน จะดมเข้าไป อย่างเช่นผลิตภัณฑ์ Household พวกยาล้างจาน ยาล้างห้องน้ำ ผงซักฟอก แม้กระทั่งซีอิ๊ววว!! (ซีอิ๊วก็ยังทดลองกับสัตว์เพื่อวิจัยในเรื่องของโปรตีนและสารในถั่วที่คนอาจ แพ้ได้ค่ะ)
อ่ะ แต่เราจะพูดถึงเรื่องการทดลองกับสัตว์ในเครื่องสำอางกันเป็นหลักโน๊ะ
การทดลองในสัตว์นั้นแบ่งเป็น 4 แบบค่ะ (เล่าคร่าวๆ นะ) อย่างแรกคือทดลองว่าทาไปแพ้ไม๊ อย่างที่ 2 คือทาเสร็จแล้วหลังจากโดนแดดจะเผาไหม้ไม๊ อย่างที่ 3คือทาแล้วซึมซาบดีไม๊ เร็วแค่ไหน ส่วนอย่างที่ 4 คือการทดลองกับดวงตา ซึ่งทั้ง 4 ขั้นตอนนี้ ล้วนแล้วแต่สร้างความเจ็บปวดให้กับสัตว์น้อยๆ ในห้องทดลองทั้งสิ้น
ลองคิดถึงเวลาเราโดนสารเคมีกัดผิว หรือเวลาไปกัดสีผม ย้อมผมแล้วแสบหนังหัวสุดๆ ขนาดแค่บนหัวเรา ยังแสบแทบขาดใจ แต่กับสัตว์ทดลองตัวเล็กๆ พวกนี้ เวลาที่โดนทาลงไปบนตัว แค่ปลายแปรง ก็แทบจะทั่วตัวของเค้าแล้ว แน่นอนว่าความเจ็บปวดนี้สามารถทำให้เจ้าตัวเล็กตายได้ง่ายๆ และตายไปจำนวนมากกกกก อย่างที่เราคงไม่เคยคาดคิด โดยจากสถิติแล้ว ตั้งแต่ปี 1980 เราใช้สัตว์ทดลองปีละ 115,000,000 ตัว ดังนั้นจากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลา 35 ปี มีสัตว์ทดลองต้องตายไปแล้วกว่า 4,025,000,000 ตัว! (อ้างอิงจากเว็บไซต์ crueltyfreeinternational ขอขอบคุณข้อมูลด้วยนะคะ) คือมันเยอะมากอะ มันมากกว่าประชากรไทยของเรา 4,000 กว่าเท่าตัว
ส่วนการทดลองกับดวงตานั้น อาจจะไม่ถึงตาย แต่รับรองว่าตาบอดแน่ๆ ค่ะ กว่าจะได้มาสคาร่าดีๆซักอัน หรืออายไลน์เนอร์เนื้อแมทกันน้ำเจ๋งๆ มีน้องต่ายต้องตาบอดจากการถูกสารเคมีฉีดเข้าที่ดวงตาโดยตรง ขอย้ำว่าโดยตรง! ใช่ค่ะ เอาเข็มทิ่มเข้าไปในลูกตาเลยค่ะ! ฮือออ
นอกจากนั้นค่ะ เราอาจเข้าใจว่าสัตว์ทดลองคือหนู หรือกระต่าย แต่จริงๆ แล้วสัตว์ทดลองคือสัตว์ทุกชนิดบนโลก ที่ทางวิทยาศาสตร์ได้วิเคราะห์มาแล้วว่าเหมาะสมกับการทดลองประเภทนั้นๆ ที่สุดแล้ว อย่างน้องหมาที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ ก็ถูกนำไปทดลองเพื่อดมกลิ่นของสารเคมี หรือน้องแมวที่เราตกเป็นทาสกันอยู่นั้น ก็ยังต้องตกเป็นทาสการทดลองอยู่ในห้องแลปทั่วโลกในตอนนี้ Y Y
อ่านกันแล้วอาจไม่เห็นภาพ เรามีคลิปสั้นๆ 60 วินาที ที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตคุณและชีวิตน้อยๆไปตลอดกาลมาให้ทดลองดูกันด้วยนะ
ภาพค่อนข้างรุนแรง แต่อยากให้ดูนะคะ เราอาจจะอยากหลีกเลี่ยงที่จะรู้ แต่มันคือความจริงที่สัตว์เหล่านี้ไม่สามารถจะหลีกหนีได้เลย (คลิปจากองค์กรณ์ PETA ค่ะ ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ)
https://www.youtube.com/watch?v=G6cVcGmFm28



บทที่ 2 : What is Cluelty-Free cosmetic?
เครื่องสำอางที่ไม่ทดลองกับสัตว์คืออะไร? ไม่ทดลองกับสัตว์มาก่อนแล้วมาใช้จะอันตรายไม๊? รู้ได้ไงว่าไม่ทดลอง? มีแบรนด์ไหนให้เลือกบ้าง? หาซื้อยากปะเนี่ย?!

เครื่องสำอางที่ไม่ทดลองกับสัตว์ หรือที่เราเรียกกันว่า Cruelty-Free cosmetic ก็คือเครื่องสำอางทั่วไปที่แทรกซึมอยู่รอบตัวเราและเราสาวไทยส่วนใหญ่ไม่ ค่อยรู้ตัวหรอกค่ะ กว่าจะรู้อีกทีก็ อ๊าว อยู่ในกระเป๋าเครื่องสำอางเรียบร้อยแล้ว เผลอๆ เป็นไอเท็มประจำที่ขาดไม่ได้อีกตะหาก! (ไม่ได้มั่ว ไม่ได้โม้ เดี๋ยวถ้าเฉลยรายชื่อในตอนท้ายแล้วจะร้องตู้วหูว มีครบทุกแบรนด์แล้วม้างงง)

เวลาพูดว่าเครื่องสำอางนี้ไม่ทดลองกับสัตว์นะ สาวๆ หลายคนก็อาจรู้สึกว่า จริงหงอ ดีนะ แต่เดี๋ยววว ถ้าไม่ทดลองแล้วมาใช้เลยเนี่ยนะ ถ้าหน้าพังทำไง?! ไม่ได้นะ การแพ้เครื่องสำอางเป็นเรื่องที่เรียกได้ว่าอุบัติภัยสำหรับผู้หญิงเลยก็ว่า ได้
แตตตต่ ไม่ทดลองกับสัตว์ไม่ได้แปลว่าไม่ทดลองเลยนะคะ แต่ผ่านการทดลองโดยกรรมวิธีอื่นๆ มาแล้ว อาธิ การทดลองโดยการเพาะเซลล์เนื้อเยื่อมนุษย์ การวิเคราะห์ผ่านเซลล์จำลองในคอมพิวเตอร์ เซลล์จำลองในแผ่นชิพ หรือแม้กระทั่งการทดลองกับคนจริงๆ โดยใช้อาสาสมัคร ซึ่งวิธีการต่างๆ เหล่านี้ อยากจะบอกว่ามันเวิร์คกว่าการทดลองกับสัตว์ทุกๆ เวย์ ทั้งความแม่นยำในการทดลอง เพราะวิเคราะห์กับเซลล์หรือโครงสร้างเซลล์จริงของมนุษย์ อยากได้ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์สาวๆประเทศไหนโซนไหน ได้ผิวจริงมาลองเลยยย และผิวคนจริงๆ ไม่ใช่ผิวหนังน้องต่ายในห้องทดลองที่ไม่เคยโดนแดดโดนฝนมันไม่มีทางจะแทนกัน ได้อยู่แล้ว (จริงๆ มันไม่น่าแทนได้ตั้งแต่การเป็นคนกับต่ายแล้วนะ!) รวมไปถึงต้นทุนในการทดลองนั้นต่ำกว่าด้วยนะคะ เพราะการทดลองกับสัตว์นั้นเราต้องเลี้ยงดูให้อาหาร ทำโรงพักพิงให้กับเค้าก่อนนำมาทดลอง ทำให้มีรายจ่ายที่สูงกว่าทดลองสมัยใหม่ที่มีขึ้นมาทดแทนอีกด้วย

ค่ะ! เริ่ดแล้วยัง? ยังนะ ความดีงามยังไม่จบ!

การไม่ทดลองกับสัตว์นั้น อีกด้านนึงของเหตุผลอาจมาจากการผลิตที่ไม่ใส่สารเคมีเลย เช่นพวกแบรนด์ออร์แกนิกต่างๆ หรืออาจจะใส่น้อยลงมากเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยแน่นอนกับอาสาสมัคร ในทางกลับกัน เหตุผลอีกด้านของแบรนด์ที่ทดลองกับสัตว์อาจไม่ได้ทดลองเพื่อเพิ่มความ ปลอดภัยให้ผู้บริโภค แต่เป็นการหาขีดสุดของการใส่สารเคมีให้เยอะเท่าที่จะทำได้แทน
เคยมีเคสในต่างประเทศเกี่ยวกับสารชื่อว่าเธแลต ซึ่งเป็นสารที่ใช้เพื่อให้กลิ่นติดทนนานตลอดวัน เป็นสารที่อันตรายกับปอดหากสูดดมบ่อยๆ ทำให้มีผู้บริโภคหลายรายที่ใช้เป็นประจำเป็นโรคเกี่ยวกับปอดจนเกิดการฟ้อง ร้องขึ้นกับแบรนด์เหล่านี้ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้ทำการทดลองกับสัตว์มาแล้วทั้งสิ้นนนน (อ่านต่อได้ที่ http://medinfo.psu.ac.th/pr/WebBoard/readboard.php?id=52)

การสังเกตผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทดลองกับสัตว์นั้นสามารถทำได้โดยการพลิกหลังกล่อง หรือหาจากบนตัวสินค้านั้นค่ะ จะมีสัญลักษณ์ที่เรียกกันว่า leapping bunny หรือน้องต่ายโดด หรืออาจมีประโยคว่า 'no animal testing' 'we never tested on animal' 'cruety-free' หรือแม้กระทั่งว่าเป็น VEGAN product ค่ะ
แต่!! (แต่อีกแล้ววว) การมีโลโก้ cruelty-free อยู่นั้นอาจเชื่อไม่ได้ค่ะ เพราะบางทีการใส่โลโก้อาจเป็นเหตุผลทางการตลาด หรือเรียกง่ายๆ ว่าโกหกเอาหน้าแสร้งว่าดีเลิศประเสริฐศรีที่แท้ก็โกหกใจดำอำมหิตค่ะ! (นี่คือเรียกง่ายแล้ว) หรือบางทีบริษัทเค้าอาจไม่ได้ทดลองจริงแหละ แต่ที่ไม่ทดลองก็เพราะแหล่งผลิตหรือมือที่ 3 ที่ขายส่วนผสมมานั้นเค้าทดลองมาแล้วน่ะสิ! อย่ามาหลอกกันซะให้ยาก!
เพื่อให้ชีวิตง่ายขึ้น เรามีลิสต์มาให้แล้วค่าา อยู่ในรูปของตัสนี้นะคะ โดยข้อมูลเป็นแบรนด์ cruelty-free ที่เราสามารถจับจ่ายกันได้ในบิวตี้สโตร์ หรือห้างสรรพสินค้า หรือแม้กระทั่งเซเว่นฯ ในประเทศไทยเรียบร้อยแล้วค่ะ (รายชื่อนี้ได้มาจากเพจ www.facebook.com/skippingbunbun ค่ะ ต้องขอขอบคุณเพจนี้มากๆ เป็นเพจที่ทำให้เราเปลี่ยนมาเป็น cruelty-free ได้อย่างแท้จริงและเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่มากกก ขอบคุณอีกครั้งค่า! ไปไลค์ด่วนนน) หรือถ้าเป็นแบรนด์ที่ไม่มีในรายชื่อ ดูแล้วไม่มั่นใจ สามารถเช็คได้โดยพิมพ์ชื่อลงในเว็บไซต์ของ PETA ตามลิงค์นี้เลยค่า http://features.peta.org/cruelty-free-company-se…/index.aspx)





อ่านมาถึงตรงนี้ สาวๆ คงรู้สึกปลอดภัยและเริ่มตกหลุมรัก Cruelty-Free cosmetics กันบ้างแล้วแหละะะ ถ้าอยากรักหมดใจก็ไปปป ไปดูรายชื่อแล้วซื้อลองซะ! กระซิบด้วยเสียงอันดังก้องเลยว่า รายชื่อพวกนี้จริงๆ มันคือนิพพานของสาวผิวแพ้ง่ายเลยก็ว่าได้ เพราะแต่ละตัวอ่อนโยน และเคลมมาเรื่อง non-chemical ทั้งน้านนนค๊า

สาวๆ คนไหนสนใจ ตอนนี้เราเปิดเพจรีวิวเครื่องสำอางที่ไม่ทดลองกับสัตว์
เมาท์มอย ลองผิดลองถูก อยู่ในเพจ https://www.facebook.com/begentille นะคะ

ขอบคุณสาวๆ ทุกคนที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้นะค๊า
"เพราะผู้หญิงไม่ได้เลือกแค่เครื่องสำอางที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง"

ปล. คลิปนี้เป็นภาพการทดลองรวมๆ นะคะ ทั้งเกี่ยวกับทางการแพทย์และผลิตภัณฑ์แคทฯอื่นๆ ด้วยค่ะ
ปล2. ขอขอบคุณที่มาของรูป และขออนุญาตใช้ด้วยนะคะ หามาจากกูเกิ้ลแล้วมามิกซ์อีกทีค่า
ปล3.เครื่องสำอางออร์แกนิกก็ไม่ได้แปลว่าไม่ทดลองนะ เช็คก่อนน๊า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่