ไปดูมาแล้ว...
ออกเรือใหญ่ใจต้องกล้า หนังสอนว่าการไล่ล่านำมาซึ่งการจองเวร In the Heart of the Sea หัวใจเพชฌฆาตวาฬมหาสมุทร (ให้ 7/10)
************ไม่สปอยล์************
เชื่อว่าหลานๆ คนคงคุ้นเคยกับตำนานของเจ้าปลาวาฬยักษ์ Moby-Dick กันมาบ้าง แม้จะไม่เคยอ่านหรือฟังเรื่องราวอย่างละเอียด แต่ก็คงเคยได้ยินชื่อ เพราะนิยายนี้เขียนขึ้นโดย เฮอร์แมน เมลวิล (Herman Melvile) ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงซึ่งถูกถ่ายทอดลงในหนังสือ In the Heart of the Sea ผลงานการเขียนของ นาธาเนียล ฟิลบริค (Nathaniel Philbrick) ซึ่งเรื่องราวจากหนังสือเล่มนี้ กำลังจะถูกถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ ผ่านฝีมือการกำกับของ รอน โฮวาร์ด (Ron Howard) ผู้กำกับ ที่เคยคว้ารางวัลจากการกำกับภาพยนตร์ A Beautiful Mind มาแล้ว
.
เรื่องราวเกี่ยวกับอะไร? เรื่องราวการเดินเรือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เรือล่าปลาวาฬจากแนนทักเก็ตที่ชื่อ Essex ถูกโจมตีโดยปลาวาฬสีขาวขนาดมหึมาที่ไม่ยอมลดละ ทำให้ลูกเรือบนเรือทั้ง 3 ลำ ต้องหาทางเอาชีวิตรอด ตลอดช่วงเวลา 90 วัน ท่ามกลางโรคร้าย ความหิวโหย จนนำไปสู่บททดสอบที่เป็นตราบาปในการมีชีวิตอยู่ ซึ่งหนังนำเสนอ Part ปัจจุบันเล่าถึง Part อดีตถ่ายทอดการเดินทางอันน่าหวาดกลัวได้อย่างน่าสนใจ
ดูแล้วเป็นไง? หากมองในแง่ภาพและความสมจริงใหญ่ยักษ์อลังการนี่ให้เต็ม 10 แต่หนังมันมีอะไรแฝงเป็นนัยยะมากกว่านั้น เสียดายที่มันยังตีไม่แตกแหกไม่สุด ไม่งั้นจะเป็นหนังที่มีความซับซ้อนทางศีลธรรมภายใต้เปลือกนอกที่เป็นหนังแอ็คชันดรามาว่าด้วยการเดินทางในท้องทะเลที่น่าตื่นเต้นก็เป็นได้
.
จากนักล่ากลายมาเป็นผู้ถูกล่า : การปะทะห้ำหั่นกันระหว่างนักล่าและปลาวาฬเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของหนังเท่านั้น อุตสาหกรรมการล่าปลาวาฬในยุคต้นศตวรรษที่ 19 เน้นการผลิตน้ำมันเป็นหลักก่อนจะมีคนคิดหาวิธีขุดน้ำมันจากใต้พื้นโลก น้ำมันปลาวาฬให้แสงสว่างแก่อเมริกาและยุโรป ผู้คนกล่อมทารกให้หลับในเปลที่ทำจากกระดูกปลาวาฬเฟอร์นิเจอร์ ชุดคอร์เซ็ตของผู้หญิงและสิ่งจำเป็นสารพัดอย่างทำมาจากผลพลอยได้ของปลาวาฬ ปลาวาฬจึงไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าสินค้าที่รอการเก็บเกี่ยวเท่านั้น น่าสลดกับทัศนคติโดยทั่วไปในสังคมตะวันตกช่วงนั้นที่คิดว่ามนุษย์มีอำนาจปกครองเหนือธรรมชาติรวมถึงสัตว์ทั้งหมดด้วย สรรพสิ่งใดในโลกล้วนอยากมีชีวิตและรักตัวกลัวตายกันทั้งนั้น การไล่ล่าจึงนำมาซึ่งการจองเวร การโต้ตอบจากวาฬยักษ์เป็นเหมือนเสียงจากธรรมชาติที่ตะโกนบอกพวกมนุษย์ว่า พอได้แล้ว ! มันเป็นผู้ปกป้องที่กำลังบอกนักล่าปลาวาฬด้วยวิธีเดียวที่มันทำได้ว่าให้หยุดการรุกรานน่านน้ำและฆ่าครอบครัวของมัน สักที
ชนชั้นในสังคม : ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบันคนเก่งดีมีความสามารถก็ไม่อาจเทียบเท่าคนมีเส้นมีสายหรือคนมีแบคดีได้ เชส (พระเอกของเรื่อง) เป็นคนชนชั้นแรงงานที่มีทักษะและคุณสมบัติเหมาะแก่การเป็นกัปตันแต่ไม่ได้มีสิทธิแต่กำเนิดเพราะเขาไม่ได้มาจากตระกูลที่มีอภิสิทธิ์และไม่ได้มีชื่อหรือภูมิหลังที่เหมาะสมเขาจึงไม่ได้รับตำแหน่งกัปตันและต้องไปเป็นต้นหนให้จอร์จพอลลาร์ด สองคนนี้ขัดแย้งกันอย่างหนักเนื่องจากเชสรู้อยู่เต็มอกว่าเขาควรเป็นกัปตันและลึกๆแล้วพอลลาร์ดเองก็รู้ตัวเช่นกัน เมื่อทั้งสองพยายามวางอำนาจในหมู่ลูกเรือ สถานการณ์จึงเริ่มอันตรายเพราะทั้งสองมีความเห็นขัดแย้งกันในการทำสิ่งต่างๆ ลูกเรือตั้งคำถามว่าตัวเองควรเชื่อใครเพราะโอเวนเชสมีความสามารถแต่พอลลาร์ดมีชาติตระกูล จะว่าไปเรื่องชนชั้น มันก็คล้ายๆ ระบบอุปถัมภ์ในสังคมไทยอยู่ไม่น้อย
มากกว่าการไล่ล่าวาฬ : หากมองให้ดีการไล่ล่าวาฬเป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น ตัวละครแต่ละตัวล้วนมีสิ่งที่ต้องการได้มาหลังจากการออกล่าต่างกันออกไป พอลลาร์ดเป็นทายาทของครอบครัวนักล่าปลาวาฬที่มีชื่อเสียงและเติบโตมาพร้อมกับความรับผิดชอบในการรักษามรดกของตระกูลพอลลาร์ดไว้ ไม่ว่าเขาจะถนัดด้านนี้หรือไม่เขารับความกดดันเอาไว้มากมาย พอลลาร์ดไม่ได้ถูกผลักดันด้วยความต้องการที่จะเอาชนะหรือล่าปลาวาฬ แต่เป็นการไล่ตามอุดมคติซึ่งเป็นภาระที่เขารับมาจากชื่อเสียงของตระกูล ขณะที่โอเวน เชสต้องการรายได้มาจุนเจือครอบครัว การไล่ล่าของเชสจึงมีเป้าหมายอยู่ที่ครอบครัวที่พร้อมหน้าสมบูรณ์อยู่กับลูกและภรรยา
รอดชีวิต VS มีชีวิตรอด : การออกเรือล่าวาฬแต่ละครั้งล้วนมีความเสี่ยง ไหนจะคลื่นลม ไหนจะคลื่นน้ำ รวมถึงอันตรายจากสิ่งมีชีวิตใต้น้ำด้วยเช่นกัน เฉกเช่นการทำธุรกิจ การลงทุนมีความเสี่ยง หนังสะท้อนได้ว่าชีวิตของคนที่อยู่บนเรือล่าปลาวาฬกลับถูกทิ้งขว้างไม่ได้มีค่ามากไปกว่ารายการในงบดุลของบริษัท ชอบที่หนังใช้ประโยชน์จากการเอาตัวรอดกลางมหาสมุทรเปรียบเทียบกับการเอาตัวรอดทางธุรกิจ คนใกล้ตายก็ต้องหาทางรอดชีวิต ในขณะที่คนเป็นก็ต้องหาทางอยู่แบบมีชีวิตรอดเช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นเหตุการณ์ก่อนและหลังออกล่ามีแง่มุมที่น่าสนใจ ผู้รอดชีวิตตอบสนองอย่างไรต่อประสบการณ์ที่ตัวเองได้ฝ่าฟันมา ทุกคนอยู่คนละฟากจากสิ่งที่ตัวเองเป็นในตอนเริ่มต้น เมื่อกลับมาบ้าน พวกเขาจะมองดูตัวเองและมองโลกอย่างไร มองการล่าปลาวาฬอย่างไร พวกเขาจะกลับไปทำอย่างเดิมอีกหรือไม่ หรือพวกเขาอาจคิดว่าการกระทำนี้อาจจะผิด เรื่องนี้อาจให้บทเรียนบางอย่างแก่เราก็เป็นได้
โดยสรุปชอบภาพน้ำทะเลและวาฬยักษ์อลังและทรงพลังมาก งานซีจีโดยทีมวิชวลเอฟเฟ็กต์ยอดเยี่ยมเหลือเกิน มันดูมีชีวิตจริงๆ หากเลือกได้แนะนำให้ไปดูในระบบ 3D หรือ 4DX รับรองคุ้มแน่นอน คลื่นลม คลื่นน้ำ กระแทกตาแหกกันเลยทีเดียว
เตรียมมุ่งหน้าออกเรือไปสุดขอบโลก ทิ้งบ้านไว้เบื้องหลังพร้อมความหวังอันน้อยนิด เพื่อค้นหาความจริงใน In the Heart of the Sea หัวใจเพชฌฆาตวาฬมหาสมุทร วันนี้ทุกโรงภาพยนตร์
ลุงหนวด จรวดใจเพชร
https://www.facebook.com/Universalreviews/
[SR] ออกเรือใหญ่ใจต้องกล้า หนังสอนว่าการไล่ล่านำมาซึ่งการจองเวร In the Heart of the Sea หัวใจเพชฌฆาตวาฬมหาสมุทร
ไปดูมาแล้ว...
ออกเรือใหญ่ใจต้องกล้า หนังสอนว่าการไล่ล่านำมาซึ่งการจองเวร In the Heart of the Sea หัวใจเพชฌฆาตวาฬมหาสมุทร (ให้ 7/10)
************ไม่สปอยล์************
เชื่อว่าหลานๆ คนคงคุ้นเคยกับตำนานของเจ้าปลาวาฬยักษ์ Moby-Dick กันมาบ้าง แม้จะไม่เคยอ่านหรือฟังเรื่องราวอย่างละเอียด แต่ก็คงเคยได้ยินชื่อ เพราะนิยายนี้เขียนขึ้นโดย เฮอร์แมน เมลวิล (Herman Melvile) ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงซึ่งถูกถ่ายทอดลงในหนังสือ In the Heart of the Sea ผลงานการเขียนของ นาธาเนียล ฟิลบริค (Nathaniel Philbrick) ซึ่งเรื่องราวจากหนังสือเล่มนี้ กำลังจะถูกถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ ผ่านฝีมือการกำกับของ รอน โฮวาร์ด (Ron Howard) ผู้กำกับ ที่เคยคว้ารางวัลจากการกำกับภาพยนตร์ A Beautiful Mind มาแล้ว
.
เรื่องราวเกี่ยวกับอะไร? เรื่องราวการเดินเรือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เรือล่าปลาวาฬจากแนนทักเก็ตที่ชื่อ Essex ถูกโจมตีโดยปลาวาฬสีขาวขนาดมหึมาที่ไม่ยอมลดละ ทำให้ลูกเรือบนเรือทั้ง 3 ลำ ต้องหาทางเอาชีวิตรอด ตลอดช่วงเวลา 90 วัน ท่ามกลางโรคร้าย ความหิวโหย จนนำไปสู่บททดสอบที่เป็นตราบาปในการมีชีวิตอยู่ ซึ่งหนังนำเสนอ Part ปัจจุบันเล่าถึง Part อดีตถ่ายทอดการเดินทางอันน่าหวาดกลัวได้อย่างน่าสนใจ
ดูแล้วเป็นไง? หากมองในแง่ภาพและความสมจริงใหญ่ยักษ์อลังการนี่ให้เต็ม 10 แต่หนังมันมีอะไรแฝงเป็นนัยยะมากกว่านั้น เสียดายที่มันยังตีไม่แตกแหกไม่สุด ไม่งั้นจะเป็นหนังที่มีความซับซ้อนทางศีลธรรมภายใต้เปลือกนอกที่เป็นหนังแอ็คชันดรามาว่าด้วยการเดินทางในท้องทะเลที่น่าตื่นเต้นก็เป็นได้
.
จากนักล่ากลายมาเป็นผู้ถูกล่า : การปะทะห้ำหั่นกันระหว่างนักล่าและปลาวาฬเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของหนังเท่านั้น อุตสาหกรรมการล่าปลาวาฬในยุคต้นศตวรรษที่ 19 เน้นการผลิตน้ำมันเป็นหลักก่อนจะมีคนคิดหาวิธีขุดน้ำมันจากใต้พื้นโลก น้ำมันปลาวาฬให้แสงสว่างแก่อเมริกาและยุโรป ผู้คนกล่อมทารกให้หลับในเปลที่ทำจากกระดูกปลาวาฬเฟอร์นิเจอร์ ชุดคอร์เซ็ตของผู้หญิงและสิ่งจำเป็นสารพัดอย่างทำมาจากผลพลอยได้ของปลาวาฬ ปลาวาฬจึงไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าสินค้าที่รอการเก็บเกี่ยวเท่านั้น น่าสลดกับทัศนคติโดยทั่วไปในสังคมตะวันตกช่วงนั้นที่คิดว่ามนุษย์มีอำนาจปกครองเหนือธรรมชาติรวมถึงสัตว์ทั้งหมดด้วย สรรพสิ่งใดในโลกล้วนอยากมีชีวิตและรักตัวกลัวตายกันทั้งนั้น การไล่ล่าจึงนำมาซึ่งการจองเวร การโต้ตอบจากวาฬยักษ์เป็นเหมือนเสียงจากธรรมชาติที่ตะโกนบอกพวกมนุษย์ว่า พอได้แล้ว ! มันเป็นผู้ปกป้องที่กำลังบอกนักล่าปลาวาฬด้วยวิธีเดียวที่มันทำได้ว่าให้หยุดการรุกรานน่านน้ำและฆ่าครอบครัวของมัน สักที
ชนชั้นในสังคม : ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบันคนเก่งดีมีความสามารถก็ไม่อาจเทียบเท่าคนมีเส้นมีสายหรือคนมีแบคดีได้ เชส (พระเอกของเรื่อง) เป็นคนชนชั้นแรงงานที่มีทักษะและคุณสมบัติเหมาะแก่การเป็นกัปตันแต่ไม่ได้มีสิทธิแต่กำเนิดเพราะเขาไม่ได้มาจากตระกูลที่มีอภิสิทธิ์และไม่ได้มีชื่อหรือภูมิหลังที่เหมาะสมเขาจึงไม่ได้รับตำแหน่งกัปตันและต้องไปเป็นต้นหนให้จอร์จพอลลาร์ด สองคนนี้ขัดแย้งกันอย่างหนักเนื่องจากเชสรู้อยู่เต็มอกว่าเขาควรเป็นกัปตันและลึกๆแล้วพอลลาร์ดเองก็รู้ตัวเช่นกัน เมื่อทั้งสองพยายามวางอำนาจในหมู่ลูกเรือ สถานการณ์จึงเริ่มอันตรายเพราะทั้งสองมีความเห็นขัดแย้งกันในการทำสิ่งต่างๆ ลูกเรือตั้งคำถามว่าตัวเองควรเชื่อใครเพราะโอเวนเชสมีความสามารถแต่พอลลาร์ดมีชาติตระกูล จะว่าไปเรื่องชนชั้น มันก็คล้ายๆ ระบบอุปถัมภ์ในสังคมไทยอยู่ไม่น้อย
มากกว่าการไล่ล่าวาฬ : หากมองให้ดีการไล่ล่าวาฬเป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น ตัวละครแต่ละตัวล้วนมีสิ่งที่ต้องการได้มาหลังจากการออกล่าต่างกันออกไป พอลลาร์ดเป็นทายาทของครอบครัวนักล่าปลาวาฬที่มีชื่อเสียงและเติบโตมาพร้อมกับความรับผิดชอบในการรักษามรดกของตระกูลพอลลาร์ดไว้ ไม่ว่าเขาจะถนัดด้านนี้หรือไม่เขารับความกดดันเอาไว้มากมาย พอลลาร์ดไม่ได้ถูกผลักดันด้วยความต้องการที่จะเอาชนะหรือล่าปลาวาฬ แต่เป็นการไล่ตามอุดมคติซึ่งเป็นภาระที่เขารับมาจากชื่อเสียงของตระกูล ขณะที่โอเวน เชสต้องการรายได้มาจุนเจือครอบครัว การไล่ล่าของเชสจึงมีเป้าหมายอยู่ที่ครอบครัวที่พร้อมหน้าสมบูรณ์อยู่กับลูกและภรรยา
รอดชีวิต VS มีชีวิตรอด : การออกเรือล่าวาฬแต่ละครั้งล้วนมีความเสี่ยง ไหนจะคลื่นลม ไหนจะคลื่นน้ำ รวมถึงอันตรายจากสิ่งมีชีวิตใต้น้ำด้วยเช่นกัน เฉกเช่นการทำธุรกิจ การลงทุนมีความเสี่ยง หนังสะท้อนได้ว่าชีวิตของคนที่อยู่บนเรือล่าปลาวาฬกลับถูกทิ้งขว้างไม่ได้มีค่ามากไปกว่ารายการในงบดุลของบริษัท ชอบที่หนังใช้ประโยชน์จากการเอาตัวรอดกลางมหาสมุทรเปรียบเทียบกับการเอาตัวรอดทางธุรกิจ คนใกล้ตายก็ต้องหาทางรอดชีวิต ในขณะที่คนเป็นก็ต้องหาทางอยู่แบบมีชีวิตรอดเช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นเหตุการณ์ก่อนและหลังออกล่ามีแง่มุมที่น่าสนใจ ผู้รอดชีวิตตอบสนองอย่างไรต่อประสบการณ์ที่ตัวเองได้ฝ่าฟันมา ทุกคนอยู่คนละฟากจากสิ่งที่ตัวเองเป็นในตอนเริ่มต้น เมื่อกลับมาบ้าน พวกเขาจะมองดูตัวเองและมองโลกอย่างไร มองการล่าปลาวาฬอย่างไร พวกเขาจะกลับไปทำอย่างเดิมอีกหรือไม่ หรือพวกเขาอาจคิดว่าการกระทำนี้อาจจะผิด เรื่องนี้อาจให้บทเรียนบางอย่างแก่เราก็เป็นได้
โดยสรุปชอบภาพน้ำทะเลและวาฬยักษ์อลังและทรงพลังมาก งานซีจีโดยทีมวิชวลเอฟเฟ็กต์ยอดเยี่ยมเหลือเกิน มันดูมีชีวิตจริงๆ หากเลือกได้แนะนำให้ไปดูในระบบ 3D หรือ 4DX รับรองคุ้มแน่นอน คลื่นลม คลื่นน้ำ กระแทกตาแหกกันเลยทีเดียว
เตรียมมุ่งหน้าออกเรือไปสุดขอบโลก ทิ้งบ้านไว้เบื้องหลังพร้อมความหวังอันน้อยนิด เพื่อค้นหาความจริงใน In the Heart of the Sea หัวใจเพชฌฆาตวาฬมหาสมุทร วันนี้ทุกโรงภาพยนตร์
ลุงหนวด จรวดใจเพชร
https://www.facebook.com/Universalreviews/