เป็นเรื่องจริงค่ะ เนื้อหาอาจมีตกหล่นบ้างนะคะ ขอแทนตัวลูกหนี้ในเรื่องนี้ว่า นางบีนะคะ
เรื่องมีอยู่ว่าต้นเดือนเมษายน ปี 2557 เพื่อนร่วมงานของเราซึ่งเป็นข้าราชการได้ขอยืมเงินเรากับแม่เรา จำนวน 40,000 บาท โดยเซ็นสัญญาระบุจะใช้คืนวันที่ 31 พฤษภาคม 2557 ดอกเบี้ยร้อยละ 3
แม่เราปล่อยเงินกู้ให้คนที่รู้จักก็ทำมานานพอสมควรแต่ไม่ถึงขนาดเป็นแก๊งเงินกู้นอกระบบหรอก นางบีคนนี้คงได้ยินมาเลยมาขอยืมบอกว่ายืมให้ญาติจะเอารักษาแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็ง นางบีก็รับปากรับคำอย่างดีว่าจะเอาเงินมาใช้คืนตรงเวลา เขาบอกว่าจะเป็นคนรับใช้หนี้เอง อะไรจะเป็นคนดีขนาดนั้น
ในตอนแรกเรากับแม่ก็รู้สึกว่าได้บุญนะได้ช่วยคนป่วยอะไรอย่างนี้ เชื่อสนิทเลยละ มีบอกว่าคนป่วยดีขึ้น ได้รับการรักษาเพราะเงินก้อนนี้แหละ
แต่พอครบสัญญานางบีก็บอกเราว่ารอให้คนที่เขายืมไปขายที่ก่อนนะ จะเอาเงินมาใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ยโน่นนี่นั่นสารพัดจะหามาอ้าง ถ้าไม่ได้ตัวเขาก็จะหาใช้เองเหมือนที่บอกไว้ตอนแรก เรากับแม่ก็รู้สึกแปลกๆแล้วนะตอนนี้ จากนั้นผ่านมาหลายเดือนเรากับแม่ก็เริ่มทวงหนักขึ้นคือแม่เคยไปถามเรื่องหนี้ถึงที่ทำงาน แต่แม่เราก็ยังให้เกียรติเค้านะคือถามดีๆ แต่นางบีก็บอกปัดๆให้พ้นตัวไป ตอนนี้เพื่อนที่ทำงานรู้แล้วว่าเขาเป็นหนี้แม่เรา แล้วเราก็ตาสว่างเลยทีนี้เพราะคนอื่นก็เราให้ฟังเรื่องนี้สินของเขาซึ่งมีหลายล้านบาท คือตัวนางบีเป็นหม้ายและตอนนี้ก็กำลังติดพันชายหนุ่มอยู่คนหนึ่งซึ่งการเป็นหนี้ของนางบีก็มาจากสาเหตุนี้ด้วย
ต้นเดือนธันวาคม 2557 นางบีย้ายไปทำงานที่ใหม่ซึ่งทำให้แม่เราทวงเงินยากขึ้น ทีนี้ก็มารู้อีกว่านอกจากแม่เราแล้วนางบีก็ติดหนี้คนอื่นๆที่เรารู้จักอีก อย่างเช่นติดหนี้หวยใต้ดินก็หลายพันอยู่เหมือนกัน เจ้าหนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะย้ายไปทำงานที่ใหม่จึงกลายเป็นหนี้สูญไป
แม่เราปรึกษาคนโน้นคนนี้และได้ไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมเพื่อให้เขามาเจรจาการชำระหนี้ แต่ก็ไม่มาตามนัด จนท.ศูนย์มีหนังสือไปถึงนางบีสองครั้งแต่ก็ไม่มา พอแม่เราโทรไปถามก็อ้างว่าไม่ได้รับ ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นหนังสือที่ต้องมีการเซ็นรับด้วยและ จนท.ศูนย์ก็บอกว่ามีการเซ็นรับแล้ว แม่เราพยายามโทรหานางบีบ่อยมากบ้างครั้งก็รับบ้างแต่ไม่เคยเป็นฝ่ายโทรหาแม้แต่ครั้งเดียว คือพอนางบีรู้ว่าแม่เราร้องเรียนศูนย์ฯ นางบีก็มีขู่เราด้วยนะว่าถ้าทำอย่างนี้จะไม่ใช้เงินคืน บอกว่าจะไม่ยอมเซ็นอะไรทั้งนั้น แม่เราโกรธมากๆ
แม่ชวนน้าชายเราไปถามที่ทำงานใหม่ของนางบีๆก็โว้ยวายใหญ่คือทำให้คนเข้าใจผิดได้เลยว่าเป็นฝ่ายแม่เราที่ไปถามยืมเงินเขา จากนั้นยังไงไม่รู้เดือน ก.พ. เค้าก็ฝากเงินเพื่อนที่ทำงานเก่ามาให้ 3,000 บาท พร้อมกับให้เซ็นรับเงินด้วย เดือนต่อมาก็ฝากมาอีก 3,000 บาท แม่กับเราก็เบาใจขึ้นมาบ้าง แต่แล้วหลังจากนั้นเดือนต่อมาเงียบหายจะโทรไปก็ไม่อยากรับสายถ้ารับสายจะพูดจาไม่ดีด้วย ได้แต่บอกว่าใจเย็นๆ คือพูดแบบนี้ทุกครั้งที่ติดต่อได้ พอถามว่าจะได้เมื่อไหร่นางบีก็บอกวันที่เท่านั้นเท่านี้นะเมื่อถึงกำหนดก็บอกใจเย็นๆก่อนได้จริงๆ
ทีนี้เขาลาออกจาก กบข. เรารู้ว่าจะได้เงินก้อน แม่เราก็หวังว่าคงได้จริงๆแหละ พอเงินออกหายจ้อยใช้หนี้อย่างอื่นหมด เขามีหนี้เยอะอย่างที่บอกไปแต่ก็ไม่ยอมใช้หนี้แม่เรา โทรไปถามบอกใจเย็นๆ ได้จริง คือแม่เราโมโหมากเลย
ในการติดต่อกับเขาจะมีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่เป็นสื่อกลางคอยติดต่อให้เรากับแม่เพราะเค้าไม่อยากรับโทรศัพท์เรา เราก็จะคอยถามคนๆนี้เสมอซึ่งก็ค่อนข้างเกรงใจเขามาก อีกอย่างคือเพื่อนร่วมงานคนนี้ก็เป็นหนึ่งในเจ้าหนี้เช่นเดียวกัน
วันก่อนเราก็ถามผ่านสื่อกลางเธอก็บอกว่านางบีจะไปสุรินทร์ไปหาเงินมาให้ หาทางไหนนั้นก็ไม่รู้จริงๆค่ะ หวังเพียงแต่ได้เงินคืนเท่านั้น
คำถามถึงท่านผู้รู้ค่ะ
1. สัญญาที่เซ็นไว้สิ้นสุดหรือยัง ทำสัญญาต้นเดือนเมษายน 2557 ในสัญญาระบุต้องใช้หนี้คืนวันที่ 31 พฤษภาคม 2557
2. เงิน 6,000 บาท ที่นางบีได้ใช้คืนส่วนหนึ่งนั้นจะทำให้เราเสียเปรียบหรือไม่ถ้าหากจะเรียกร้องว่านางบีไม่ยอมชดใช้หนี้คืน
3. กรณีนี้นางบีเป็นข้าราชการเราจะสามารถร้องเรียนต้นสังกัดของนางบีได้หรือไม่ กรณีที่เป็นหนี้แต่ไม่ยอมชดใช้คืน
4.สามารถแจ้งความเอาผิดได้หรือไม่ เคยมีคนรู้สึกถูกเบี้ยวหนี้แล้วไปแจ้งความเอาผิดลูกหนี้ ตร.ก็รับแจ้งความค่ะ
คนค้ำประกันสัญญาของนางบีคือลูกชายค่ะ เรียบจบแล้วมีงานทำแต่ยังขอเงินแม่ใช้อยู่ นางบีอายุห้าสิบต้นๆค่ะ
ส่วนหนึ่งเรากับแม่ก็ใจอ่อนที่ให้นางบียืมเงินเพราะทำงานด้วยกันมานานค่อนข้างสนิทกันแต่ก็ไม่รู้เบื้องหลังลึกๆค่ะ
ขอขอบคุณสำหรับคำตอบ คำแนะนำ ข้อเสนอแนะล่วงหน้านะคะ
ไม่รู้จะแท็กห้องไหนดีค่ะ
ทวงหนี้ยังไงดี
เรื่องมีอยู่ว่าต้นเดือนเมษายน ปี 2557 เพื่อนร่วมงานของเราซึ่งเป็นข้าราชการได้ขอยืมเงินเรากับแม่เรา จำนวน 40,000 บาท โดยเซ็นสัญญาระบุจะใช้คืนวันที่ 31 พฤษภาคม 2557 ดอกเบี้ยร้อยละ 3
แม่เราปล่อยเงินกู้ให้คนที่รู้จักก็ทำมานานพอสมควรแต่ไม่ถึงขนาดเป็นแก๊งเงินกู้นอกระบบหรอก นางบีคนนี้คงได้ยินมาเลยมาขอยืมบอกว่ายืมให้ญาติจะเอารักษาแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็ง นางบีก็รับปากรับคำอย่างดีว่าจะเอาเงินมาใช้คืนตรงเวลา เขาบอกว่าจะเป็นคนรับใช้หนี้เอง อะไรจะเป็นคนดีขนาดนั้น
ในตอนแรกเรากับแม่ก็รู้สึกว่าได้บุญนะได้ช่วยคนป่วยอะไรอย่างนี้ เชื่อสนิทเลยละ มีบอกว่าคนป่วยดีขึ้น ได้รับการรักษาเพราะเงินก้อนนี้แหละ
แต่พอครบสัญญานางบีก็บอกเราว่ารอให้คนที่เขายืมไปขายที่ก่อนนะ จะเอาเงินมาใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ยโน่นนี่นั่นสารพัดจะหามาอ้าง ถ้าไม่ได้ตัวเขาก็จะหาใช้เองเหมือนที่บอกไว้ตอนแรก เรากับแม่ก็รู้สึกแปลกๆแล้วนะตอนนี้ จากนั้นผ่านมาหลายเดือนเรากับแม่ก็เริ่มทวงหนักขึ้นคือแม่เคยไปถามเรื่องหนี้ถึงที่ทำงาน แต่แม่เราก็ยังให้เกียรติเค้านะคือถามดีๆ แต่นางบีก็บอกปัดๆให้พ้นตัวไป ตอนนี้เพื่อนที่ทำงานรู้แล้วว่าเขาเป็นหนี้แม่เรา แล้วเราก็ตาสว่างเลยทีนี้เพราะคนอื่นก็เราให้ฟังเรื่องนี้สินของเขาซึ่งมีหลายล้านบาท คือตัวนางบีเป็นหม้ายและตอนนี้ก็กำลังติดพันชายหนุ่มอยู่คนหนึ่งซึ่งการเป็นหนี้ของนางบีก็มาจากสาเหตุนี้ด้วย
ต้นเดือนธันวาคม 2557 นางบีย้ายไปทำงานที่ใหม่ซึ่งทำให้แม่เราทวงเงินยากขึ้น ทีนี้ก็มารู้อีกว่านอกจากแม่เราแล้วนางบีก็ติดหนี้คนอื่นๆที่เรารู้จักอีก อย่างเช่นติดหนี้หวยใต้ดินก็หลายพันอยู่เหมือนกัน เจ้าหนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะย้ายไปทำงานที่ใหม่จึงกลายเป็นหนี้สูญไป
แม่เราปรึกษาคนโน้นคนนี้และได้ไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมเพื่อให้เขามาเจรจาการชำระหนี้ แต่ก็ไม่มาตามนัด จนท.ศูนย์มีหนังสือไปถึงนางบีสองครั้งแต่ก็ไม่มา พอแม่เราโทรไปถามก็อ้างว่าไม่ได้รับ ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นหนังสือที่ต้องมีการเซ็นรับด้วยและ จนท.ศูนย์ก็บอกว่ามีการเซ็นรับแล้ว แม่เราพยายามโทรหานางบีบ่อยมากบ้างครั้งก็รับบ้างแต่ไม่เคยเป็นฝ่ายโทรหาแม้แต่ครั้งเดียว คือพอนางบีรู้ว่าแม่เราร้องเรียนศูนย์ฯ นางบีก็มีขู่เราด้วยนะว่าถ้าทำอย่างนี้จะไม่ใช้เงินคืน บอกว่าจะไม่ยอมเซ็นอะไรทั้งนั้น แม่เราโกรธมากๆ
แม่ชวนน้าชายเราไปถามที่ทำงานใหม่ของนางบีๆก็โว้ยวายใหญ่คือทำให้คนเข้าใจผิดได้เลยว่าเป็นฝ่ายแม่เราที่ไปถามยืมเงินเขา จากนั้นยังไงไม่รู้เดือน ก.พ. เค้าก็ฝากเงินเพื่อนที่ทำงานเก่ามาให้ 3,000 บาท พร้อมกับให้เซ็นรับเงินด้วย เดือนต่อมาก็ฝากมาอีก 3,000 บาท แม่กับเราก็เบาใจขึ้นมาบ้าง แต่แล้วหลังจากนั้นเดือนต่อมาเงียบหายจะโทรไปก็ไม่อยากรับสายถ้ารับสายจะพูดจาไม่ดีด้วย ได้แต่บอกว่าใจเย็นๆ คือพูดแบบนี้ทุกครั้งที่ติดต่อได้ พอถามว่าจะได้เมื่อไหร่นางบีก็บอกวันที่เท่านั้นเท่านี้นะเมื่อถึงกำหนดก็บอกใจเย็นๆก่อนได้จริงๆ
ทีนี้เขาลาออกจาก กบข. เรารู้ว่าจะได้เงินก้อน แม่เราก็หวังว่าคงได้จริงๆแหละ พอเงินออกหายจ้อยใช้หนี้อย่างอื่นหมด เขามีหนี้เยอะอย่างที่บอกไปแต่ก็ไม่ยอมใช้หนี้แม่เรา โทรไปถามบอกใจเย็นๆ ได้จริง คือแม่เราโมโหมากเลย
ในการติดต่อกับเขาจะมีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่เป็นสื่อกลางคอยติดต่อให้เรากับแม่เพราะเค้าไม่อยากรับโทรศัพท์เรา เราก็จะคอยถามคนๆนี้เสมอซึ่งก็ค่อนข้างเกรงใจเขามาก อีกอย่างคือเพื่อนร่วมงานคนนี้ก็เป็นหนึ่งในเจ้าหนี้เช่นเดียวกัน
วันก่อนเราก็ถามผ่านสื่อกลางเธอก็บอกว่านางบีจะไปสุรินทร์ไปหาเงินมาให้ หาทางไหนนั้นก็ไม่รู้จริงๆค่ะ หวังเพียงแต่ได้เงินคืนเท่านั้น
คำถามถึงท่านผู้รู้ค่ะ
1. สัญญาที่เซ็นไว้สิ้นสุดหรือยัง ทำสัญญาต้นเดือนเมษายน 2557 ในสัญญาระบุต้องใช้หนี้คืนวันที่ 31 พฤษภาคม 2557
2. เงิน 6,000 บาท ที่นางบีได้ใช้คืนส่วนหนึ่งนั้นจะทำให้เราเสียเปรียบหรือไม่ถ้าหากจะเรียกร้องว่านางบีไม่ยอมชดใช้หนี้คืน
3. กรณีนี้นางบีเป็นข้าราชการเราจะสามารถร้องเรียนต้นสังกัดของนางบีได้หรือไม่ กรณีที่เป็นหนี้แต่ไม่ยอมชดใช้คืน
4.สามารถแจ้งความเอาผิดได้หรือไม่ เคยมีคนรู้สึกถูกเบี้ยวหนี้แล้วไปแจ้งความเอาผิดลูกหนี้ ตร.ก็รับแจ้งความค่ะ
คนค้ำประกันสัญญาของนางบีคือลูกชายค่ะ เรียบจบแล้วมีงานทำแต่ยังขอเงินแม่ใช้อยู่ นางบีอายุห้าสิบต้นๆค่ะ
ส่วนหนึ่งเรากับแม่ก็ใจอ่อนที่ให้นางบียืมเงินเพราะทำงานด้วยกันมานานค่อนข้างสนิทกันแต่ก็ไม่รู้เบื้องหลังลึกๆค่ะ
ขอขอบคุณสำหรับคำตอบ คำแนะนำ ข้อเสนอแนะล่วงหน้านะคะ
ไม่รู้จะแท็กห้องไหนดีค่ะ