เนื่องจากนี้เป็นกระทู้แรกที่ตั้งในพันทิปเลยนะคะ ถ้าเกิดทำอะไรผิดพลาดไป ขออภัยไว้ด้วย
เรากับเขารู้จักกันทาง Tinder ค่ะ เขามาเที่ยวไทย 2 อาทิตย์ แต่ตอนที่รู้จักกันเขามาอยู่ได้ 1 อาทิตย์แล้วค่ะ
ฝรั่งในทินเดอร์บางคน ชวนมีเซ็กซ์ บางคนถามราคา บางคนอยากจะรู้จักคนไทย เพื่ออยากได้ โรงแรม แท็กซ่ ในราคาพิเศษ
แต่คนนี้เขาสุภาพ ให้เกียรติ มีมารยาท ไม่คุยลามก ไม่ร้องขอความช่วยเหลืออะไร เราเลยคุยกับเขาเยอะหน่อย
เขาพยายามนัดให้ไปเจอ ชวนเราประมาณ 3 รอบ เราก็ไม่อยากไปเท่าไหร่ เพราะว่า กลัวการไปเจอคนแปลกหน้า
แต่ครั้งนี้ที่ได้เจอเพราะเขาถามเราว่า วันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ เราทำงานกี่โมง และมีธุระไหนไหม
พอเราบอกไป เขามาเฉลยว่า มะรืนนี้เขากลับประเทศแล้ว มาเจอกันหน่อยไหม
ด้วยความที่เขาชวนเรา 3 รอบ แล้วเขากำลังจะกลับประเทศ และเขาก็รู้ว่าเราว่าง และที่คุยมา มันก็คุยกันด้วยดีมาตลอด เลยเหมือนปฏิเสธเขาไม่ได้เลยค่ะ
พอถึงวันนัด เราใช้เวลาที่ร้านไอติม ประมาณสองชั่วโมง
น้ำหนักการคุย อยู่ที่เขา 70% อยู่ที่เรา 30%
คำถามที่เขาถามเรามีดังต่อไปนี้
อายุเท่าไหร่ / ทำงานอะไร / เงินเดือนประมาณเท่าไหร่ / มีรถยนต์ไหม / อยู่ที่นี่มานานแค่ไหน / มีแผนในอนาคตไว้ว่าอย่างไร / เป็นคนจังหวัดอะไร
/ กลับบ้านบ่อยไหม / มีพี่น้องกี่คน / อายุเท่าไหร่ / เธอเรียนอะไร / เรียนแบบไหน / มหาลัยอะไร / สอบแบบไหน / สอบเมื่อไหร่ / เวลาว่างชอบทำอะไร
/ ชอบดูหนังแบบไหน / ในอนาคตวางแผนหน้าที่การงานไว้อย่างไรบ้าง
เราถามเขาว่า สำหรับคนไทยอายุ 30 คือผู้ชายที่ต้องมีลูก มีครอบครัว แต่งงานไปแล้ว เขาก็ชี้แจงมาว่า ที่บ้านเขา คนจะแต่งงานตอน 35 - 36 ในรุ่นเดียวกันกับเขามีคนแต่งงานแล้วแค่ 5% ประเพณีของเขาคือ ต้องซื้อบ้านก่อน แล้วมีแฟน แฟนมาอยู่ด้วยกันสัก 2 ปี แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะแต่งงานกัน
เขาถามกลับว่าของคนไทยเป็นยังไง เราก็บอกว่า เขาจะมีแฟน แต่งงาน อาจจะซื้อบ้านก่อน หรือ หลัง ส่วนใหญ่จะหลัง จะได้ช่วยกันส่งค่าบ้าน แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว หลายๆคน ก็เลือกจะอยู่ด้วยกันก่อน เราก็บอกว่า ของเธอดีกว่านะ เพราะได้รู้ว่าอยู่ด้วยกันได้ไหมก่อนจะแต่งงาน ดีกว่าแต่งงานไปแบบไม่รู้เลยว่าเราจะอยู่ด้วยกันได้ไหม เขาบอกว่าคนอิตาลี จะเป็นครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนึงมีลูกแค่คนเดียว เพราะพ่อแม่จะบ้างานมาก
สิ่งที่เรารู้จักจากตัวเขาคือ
เขาเป็นลูกชายคนเดียว สูง 182 cm. อยู่กับแม่สองคน แม่เขาอยู่บ้าน ส่วนเขาต้องมาทำงานที่ต่างจังหวัดที่ห่างจากบ้านเขา 100 กว่ากิโล
เขาจบ ป.โท จากอังกฤษ ทำงานให้กับบริษัทชาวอเมริกัน ที่อยู่ในอิตาลี เลิกกับแฟนมา 5 ปีแล้ว แฟนเก่ามีแฟนใหม่ไป 3 คนแล้ว แต่ตัวเขายังรออยู่
เขาบอกว่า ถ้าแฟนเก่ากลับมาเขาก็โอเค แต่ทุกวันนี้ยังไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้น และไม่น่าจะเกิดขึ้นด้วย ทุกวันนี้เขาก็มองหาคนที่ใช่ แต่ยังไม่เจอ
หลังจากเขากลับประเทศไป เราก็คุยกันทุกวันนะคะ ผ่านไลน์ เพราะว่าเราไม่มี whatsapp และเขามีไลน์ แต่ไม่ได้ใช้ จะใช้เพื่อไว้คุยกับเรา
เราคุยกันทุกวัน วันละ 2 - 5 ชั่วโมง เวลาประเทศเขาตามหลังเรา 6 ชั่วโมง คือเขาเลิกงาน 6 โมงเย็น ที่ไทยคือ เที่ยงคืน เราจะได้คุยช่วง เที่ยงคืน
ถึง ตีสาม ทุกวัน เขาบอกว่า เขาจะกลับมาไทยอีกประมาณปีหน้า แต่ยังไม่แน่ใจว่าเดือนไหน และจังหวัดอะไร เขาอยากเที่ยวเกาะไหนสักแห่ง
เราก็บอกเขาตรงๆว่าเราคิดถึงเขา เขาตอบกลับมาว่า ดีใจนะ ที่ได้ยินอย่างนั้น แต่อยากรู้จักกันให้มากกว่านี้ เจอกันให้มากกว่านี้ คุยกันให้มากกว่านี้
และอยากไปกินอย่างอื่นที่ไม่ใช่ไอติม เราก็เลยบอกว่า คราวหน้าเธอเลือกร้านเอาแล้วกัน
หลังจากเขากลับไป เขาจะเล่าเรื่องราวในแต่ละวันให้ฟัง
วันนี้อากาศหนาวมาก 5 องศาได้ / บิน 15 ชั่วโมง เพลียมาก ผม jet lag หลับไป 12 ชั่วโมงติดกัน / กลับมาทำงานวันแรกหลังจากหยุดยาวงานเยอะมาก / ผมขับรถกลับบ้านช่วงวันหยุด ถนนเขาทำทางใหม่ รถติดมาก ผมขับรถเหนื่อยมาก / กำลังพาแม่ไปหาหมอ แม่เจ็บเข่า หมอให้ทำกายภาพ กับยามา / ค่ำนี้ไปเตะฟุตบอลการกุศลกับเพื่อน พร้อมส่งรูปประกอบ อธิบายว่าเพื่อนคนไทยสูงเท่าไหร่ / วันนี้ผมโดนอีเมล์ตามตัวด่วนเพราะมีงานเข้า / วันนี้ผมแย่มากเลย งานผมยุ่งมากๆ โดนลูกค้าตำหนิอีก / วันนี้ผมจะไปซ้อมฟุตบอลของสโมสรในที่ทำงานนะ /
เขาจดจำรายละเอียดเรื่องของเราได้ดีมาก จนเราแปลกใจมากเลยค่ะ
เราบอกเขาว่าเราจะไปร้านเสริมสวย เขาถาม ไปทำอะไร เราบอกว่าไปทำเล็บ เขาถามจะทาสีไหน เราส่งรูปไปให้ดู เขาบอกว่า จะเปลี่ยนสีเล็บเหรอ
เราก็อึ้งไปเลยค่ะ จำได้กระทั่งสีเล็บ
เราบอกว่าช่วงต้นเดือนธันวาเราจะกลับบ้าน เพราะที่ไทยเป็นวันพ่อนะ พูดทิ้งไว้เมื่อสองอาทิตย์ก่อน เมื่อวานเขาบอกว่า ใกล้เวลาจะได้กล้บบ้านแล้วสินะ
เราทำงานจนลืมไปแล้วว่าเราจะกลับบ้าน เขากลับจำได้ และเป็นคนมาเตือนเราเฉยเลย
จากการพูดคุยเรารู้สึกว่าเขาเป็นคนฉลาด จำรายละเอียดเล็กน้อยได้หมด แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราแปลกใจคือ เขาถามคำถามนึงกับเราสามครั้งแล้ว
คือถามว่า เราวางแผนชีวิตไว้ยังไง จะอยู่ที่นี่ไปตลอดเลยไหม คำถามนี้ก่อนเจอกัน ก็ถามครั้งนึง ตอนเจอกันก็ถามครั้งนึง เมื่อคืน ก็ถามอีกครั้งนึง
อีกเรื่องนึงที่ตลกคือ เขาชอบพูดอะไรอ้อมๆ เว้นช่องว่างให้เราเป็นคนเสนอ เช่น
ปีหน้าผมว่าจะมาเมืองไทยนะ อาจจะไปเที่ยวบางที่ที่เป็นเกาะ เราก็เข้าใจทันทีว่าหมายถึงจังหวัดที่เราอยู่ ก็เลยแกล้งรับมุกนางไป
เธอมาสิ มาเที่ยวเลย เราจะช่วยหาที่พักราคาถูกให้ บลาๆๆ
ครั้งต่อมา เราแลกรูปบ้านเกิดของกันและกัน พอเขาเห็นของเราก็บอกว่า คุณมีแผนการที่บ้านเกิดของคุณไหม เราบอกว่า ณ ตอนนี้ เราวางแผนชีวิต เราทั้งหมดไว้ในจังหวัดที่เราอยู่หมดแล้ว ไม่มีที่บ้านเกิดของตัวเองเลย อนาคตอาจจะไม่แน่ แต่ ณ วันนี้ ไม่มีเลย แล้วของเธอละ เขาบอกว่า อิตาลีมันหนาว เขาอยากไปอยู่ประเทศที่มันไม่หนาว มีชายทะเล มีแสงแดด เราก็ด้วยความหมั่นไส้ที่เขาชอบพูดแบบนี้ ก็เลยแกล้งบอกไปว่า ไม่ไปอินเดียดูล่ะ เขาบอกว่าอินเดีย ยังไม่มียุโรปมาลงทุน ผมก็เคยไปเที่ยวด้วย อยากไปประเทศที่เคยไปมาแล้ว (หนูแอบคิดว่าเขากำลังอ่อย) 5555
สิ่งที่ทำให้เราสับสนคือ การกระทำกับคำพูดของเขามันสวนทางกัน ปากบอกยังรักแฟนเก่า และเขาไม่เคยทักไลน์มาหาก่อนเลยสักครั้ง หลังจากกลับประเทศ มีแต่เราทักไปคนเดียว เราก็เคยถามเขาตรงๆนะคะ ว่าทำไมไม่ทักมาบ้างเขาบอกว่า เราเป็นคนดี อย่าไปกังวลเลยว่าใครทักใครก่อน สำหรับเราเขาคุยได้อยุ่แล้ว เราสับสนมากเลยค่ะ การกระทำแต่ละอย่างชวนให้เราคิดเหลือเกินค่ะ
ตอนนี้ จขกท. ตกหลุมรักเขาค่ะ มองอะไรไม่เห็นความจริงเลยค่ะ ช่วยทำให้ตาสว่างหน่อยได้ไหมคะ
เดทกับอิตาเลียน ปฏิกิริยาหลังจากเขากลับประเทศไป แบบนี้แปลว่าอะไรคะ
เรากับเขารู้จักกันทาง Tinder ค่ะ เขามาเที่ยวไทย 2 อาทิตย์ แต่ตอนที่รู้จักกันเขามาอยู่ได้ 1 อาทิตย์แล้วค่ะ
ฝรั่งในทินเดอร์บางคน ชวนมีเซ็กซ์ บางคนถามราคา บางคนอยากจะรู้จักคนไทย เพื่ออยากได้ โรงแรม แท็กซ่ ในราคาพิเศษ
แต่คนนี้เขาสุภาพ ให้เกียรติ มีมารยาท ไม่คุยลามก ไม่ร้องขอความช่วยเหลืออะไร เราเลยคุยกับเขาเยอะหน่อย
เขาพยายามนัดให้ไปเจอ ชวนเราประมาณ 3 รอบ เราก็ไม่อยากไปเท่าไหร่ เพราะว่า กลัวการไปเจอคนแปลกหน้า
แต่ครั้งนี้ที่ได้เจอเพราะเขาถามเราว่า วันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ เราทำงานกี่โมง และมีธุระไหนไหม
พอเราบอกไป เขามาเฉลยว่า มะรืนนี้เขากลับประเทศแล้ว มาเจอกันหน่อยไหม
ด้วยความที่เขาชวนเรา 3 รอบ แล้วเขากำลังจะกลับประเทศ และเขาก็รู้ว่าเราว่าง และที่คุยมา มันก็คุยกันด้วยดีมาตลอด เลยเหมือนปฏิเสธเขาไม่ได้เลยค่ะ
พอถึงวันนัด เราใช้เวลาที่ร้านไอติม ประมาณสองชั่วโมง
น้ำหนักการคุย อยู่ที่เขา 70% อยู่ที่เรา 30%
คำถามที่เขาถามเรามีดังต่อไปนี้
อายุเท่าไหร่ / ทำงานอะไร / เงินเดือนประมาณเท่าไหร่ / มีรถยนต์ไหม / อยู่ที่นี่มานานแค่ไหน / มีแผนในอนาคตไว้ว่าอย่างไร / เป็นคนจังหวัดอะไร
/ กลับบ้านบ่อยไหม / มีพี่น้องกี่คน / อายุเท่าไหร่ / เธอเรียนอะไร / เรียนแบบไหน / มหาลัยอะไร / สอบแบบไหน / สอบเมื่อไหร่ / เวลาว่างชอบทำอะไร
/ ชอบดูหนังแบบไหน / ในอนาคตวางแผนหน้าที่การงานไว้อย่างไรบ้าง
เราถามเขาว่า สำหรับคนไทยอายุ 30 คือผู้ชายที่ต้องมีลูก มีครอบครัว แต่งงานไปแล้ว เขาก็ชี้แจงมาว่า ที่บ้านเขา คนจะแต่งงานตอน 35 - 36 ในรุ่นเดียวกันกับเขามีคนแต่งงานแล้วแค่ 5% ประเพณีของเขาคือ ต้องซื้อบ้านก่อน แล้วมีแฟน แฟนมาอยู่ด้วยกันสัก 2 ปี แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะแต่งงานกัน
เขาถามกลับว่าของคนไทยเป็นยังไง เราก็บอกว่า เขาจะมีแฟน แต่งงาน อาจจะซื้อบ้านก่อน หรือ หลัง ส่วนใหญ่จะหลัง จะได้ช่วยกันส่งค่าบ้าน แต่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว หลายๆคน ก็เลือกจะอยู่ด้วยกันก่อน เราก็บอกว่า ของเธอดีกว่านะ เพราะได้รู้ว่าอยู่ด้วยกันได้ไหมก่อนจะแต่งงาน ดีกว่าแต่งงานไปแบบไม่รู้เลยว่าเราจะอยู่ด้วยกันได้ไหม เขาบอกว่าคนอิตาลี จะเป็นครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวนึงมีลูกแค่คนเดียว เพราะพ่อแม่จะบ้างานมาก
สิ่งที่เรารู้จักจากตัวเขาคือ
เขาเป็นลูกชายคนเดียว สูง 182 cm. อยู่กับแม่สองคน แม่เขาอยู่บ้าน ส่วนเขาต้องมาทำงานที่ต่างจังหวัดที่ห่างจากบ้านเขา 100 กว่ากิโล
เขาจบ ป.โท จากอังกฤษ ทำงานให้กับบริษัทชาวอเมริกัน ที่อยู่ในอิตาลี เลิกกับแฟนมา 5 ปีแล้ว แฟนเก่ามีแฟนใหม่ไป 3 คนแล้ว แต่ตัวเขายังรออยู่
เขาบอกว่า ถ้าแฟนเก่ากลับมาเขาก็โอเค แต่ทุกวันนี้ยังไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้น และไม่น่าจะเกิดขึ้นด้วย ทุกวันนี้เขาก็มองหาคนที่ใช่ แต่ยังไม่เจอ
หลังจากเขากลับประเทศไป เราก็คุยกันทุกวันนะคะ ผ่านไลน์ เพราะว่าเราไม่มี whatsapp และเขามีไลน์ แต่ไม่ได้ใช้ จะใช้เพื่อไว้คุยกับเรา
เราคุยกันทุกวัน วันละ 2 - 5 ชั่วโมง เวลาประเทศเขาตามหลังเรา 6 ชั่วโมง คือเขาเลิกงาน 6 โมงเย็น ที่ไทยคือ เที่ยงคืน เราจะได้คุยช่วง เที่ยงคืน
ถึง ตีสาม ทุกวัน เขาบอกว่า เขาจะกลับมาไทยอีกประมาณปีหน้า แต่ยังไม่แน่ใจว่าเดือนไหน และจังหวัดอะไร เขาอยากเที่ยวเกาะไหนสักแห่ง
เราก็บอกเขาตรงๆว่าเราคิดถึงเขา เขาตอบกลับมาว่า ดีใจนะ ที่ได้ยินอย่างนั้น แต่อยากรู้จักกันให้มากกว่านี้ เจอกันให้มากกว่านี้ คุยกันให้มากกว่านี้
และอยากไปกินอย่างอื่นที่ไม่ใช่ไอติม เราก็เลยบอกว่า คราวหน้าเธอเลือกร้านเอาแล้วกัน
หลังจากเขากลับไป เขาจะเล่าเรื่องราวในแต่ละวันให้ฟัง
วันนี้อากาศหนาวมาก 5 องศาได้ / บิน 15 ชั่วโมง เพลียมาก ผม jet lag หลับไป 12 ชั่วโมงติดกัน / กลับมาทำงานวันแรกหลังจากหยุดยาวงานเยอะมาก / ผมขับรถกลับบ้านช่วงวันหยุด ถนนเขาทำทางใหม่ รถติดมาก ผมขับรถเหนื่อยมาก / กำลังพาแม่ไปหาหมอ แม่เจ็บเข่า หมอให้ทำกายภาพ กับยามา / ค่ำนี้ไปเตะฟุตบอลการกุศลกับเพื่อน พร้อมส่งรูปประกอบ อธิบายว่าเพื่อนคนไทยสูงเท่าไหร่ / วันนี้ผมโดนอีเมล์ตามตัวด่วนเพราะมีงานเข้า / วันนี้ผมแย่มากเลย งานผมยุ่งมากๆ โดนลูกค้าตำหนิอีก / วันนี้ผมจะไปซ้อมฟุตบอลของสโมสรในที่ทำงานนะ /
เขาจดจำรายละเอียดเรื่องของเราได้ดีมาก จนเราแปลกใจมากเลยค่ะ
เราบอกเขาว่าเราจะไปร้านเสริมสวย เขาถาม ไปทำอะไร เราบอกว่าไปทำเล็บ เขาถามจะทาสีไหน เราส่งรูปไปให้ดู เขาบอกว่า จะเปลี่ยนสีเล็บเหรอ
เราก็อึ้งไปเลยค่ะ จำได้กระทั่งสีเล็บ
เราบอกว่าช่วงต้นเดือนธันวาเราจะกลับบ้าน เพราะที่ไทยเป็นวันพ่อนะ พูดทิ้งไว้เมื่อสองอาทิตย์ก่อน เมื่อวานเขาบอกว่า ใกล้เวลาจะได้กล้บบ้านแล้วสินะ
เราทำงานจนลืมไปแล้วว่าเราจะกลับบ้าน เขากลับจำได้ และเป็นคนมาเตือนเราเฉยเลย
จากการพูดคุยเรารู้สึกว่าเขาเป็นคนฉลาด จำรายละเอียดเล็กน้อยได้หมด แต่มีสิ่งหนึ่งที่เราแปลกใจคือ เขาถามคำถามนึงกับเราสามครั้งแล้ว
คือถามว่า เราวางแผนชีวิตไว้ยังไง จะอยู่ที่นี่ไปตลอดเลยไหม คำถามนี้ก่อนเจอกัน ก็ถามครั้งนึง ตอนเจอกันก็ถามครั้งนึง เมื่อคืน ก็ถามอีกครั้งนึง
อีกเรื่องนึงที่ตลกคือ เขาชอบพูดอะไรอ้อมๆ เว้นช่องว่างให้เราเป็นคนเสนอ เช่น
ปีหน้าผมว่าจะมาเมืองไทยนะ อาจจะไปเที่ยวบางที่ที่เป็นเกาะ เราก็เข้าใจทันทีว่าหมายถึงจังหวัดที่เราอยู่ ก็เลยแกล้งรับมุกนางไป
เธอมาสิ มาเที่ยวเลย เราจะช่วยหาที่พักราคาถูกให้ บลาๆๆ
ครั้งต่อมา เราแลกรูปบ้านเกิดของกันและกัน พอเขาเห็นของเราก็บอกว่า คุณมีแผนการที่บ้านเกิดของคุณไหม เราบอกว่า ณ ตอนนี้ เราวางแผนชีวิต เราทั้งหมดไว้ในจังหวัดที่เราอยู่หมดแล้ว ไม่มีที่บ้านเกิดของตัวเองเลย อนาคตอาจจะไม่แน่ แต่ ณ วันนี้ ไม่มีเลย แล้วของเธอละ เขาบอกว่า อิตาลีมันหนาว เขาอยากไปอยู่ประเทศที่มันไม่หนาว มีชายทะเล มีแสงแดด เราก็ด้วยความหมั่นไส้ที่เขาชอบพูดแบบนี้ ก็เลยแกล้งบอกไปว่า ไม่ไปอินเดียดูล่ะ เขาบอกว่าอินเดีย ยังไม่มียุโรปมาลงทุน ผมก็เคยไปเที่ยวด้วย อยากไปประเทศที่เคยไปมาแล้ว (หนูแอบคิดว่าเขากำลังอ่อย) 5555
สิ่งที่ทำให้เราสับสนคือ การกระทำกับคำพูดของเขามันสวนทางกัน ปากบอกยังรักแฟนเก่า และเขาไม่เคยทักไลน์มาหาก่อนเลยสักครั้ง หลังจากกลับประเทศ มีแต่เราทักไปคนเดียว เราก็เคยถามเขาตรงๆนะคะ ว่าทำไมไม่ทักมาบ้างเขาบอกว่า เราเป็นคนดี อย่าไปกังวลเลยว่าใครทักใครก่อน สำหรับเราเขาคุยได้อยุ่แล้ว เราสับสนมากเลยค่ะ การกระทำแต่ละอย่างชวนให้เราคิดเหลือเกินค่ะ
ตอนนี้ จขกท. ตกหลุมรักเขาค่ะ มองอะไรไม่เห็นความจริงเลยค่ะ ช่วยทำให้ตาสว่างหน่อยได้ไหมคะ