ท่านติ่งวินเทจท่านนึงเคยตั้งชื่อตอน 12 ไว้ว่า “ท่านดนัยงานเข้า”
ส่วนตอน 13 ดิชั้นอยากจะตั้งว่า “ท่านดนัยงานงอก”
ตอน 14 “ท่านดนัยยิ่งแก้ก็ยิ่งยุ่ง”
(ท่านแก้ปัญหาที่น้องหญิงทำเย็นชากับท่าน ไม่มองหน้าไม่คุยกับท่าน
ด้วยการจดหมายไปทูลขอประทานน้องหญิงจากท่านพจน์ และจดหมายไปยังเด็จพ่อเด็จแม่ท่าน ให้ไปสู่ขอน้องหญิง
ทำให้น้องหญิงยิ่งโกรธท่านดนัยหนักขึ้นอีกหลายเท่า โสน้าหน้า 55
คำพูดของท่านพจน์ลอยมาเลย ราวกับท่านรู้อนาคต “ให้ท่านดนัยเรียนผูกแล้วเรียนแก้เอง” รักท่านพจน์ 55)
ส่วนตอน 15 ดิชั้นขอตั้งชื่อตอนว่า “ยิ้มปริศนาของท่านดนัย”
รู้สึกว่าในตอนนี้ ท่านดนัยจะทรงทำให้ติ่งรู้สึกหมั่นไส้มากเป็นพิเศษ
เพราะเหมือนกับท่านจะไม่ค่อยรู้สึกรู้สมทุกข์ร้อน กับความทุกข์ของน้องหญิงเลย
แล้วยังจะมายิ้มอีก ยิ้มกริ่มอยู่ได้ น่าหมั่นไส้นัก
จนมาพีคถึงที่สุด ในฉากที่ท่านน้องทรงเปียโนไป กันแสงไปอย่างน่าสงสารเป็นที่สุด ติ่งน้ำตาท่วมจอ
แต่ท่านพี่กลับยิ้มแป้น ยิ้มแก้มแตก อย่างหล่อเชอ
ทำไมท่านพี่ถึงยิ้มแก้มแตกได้ลงคอ ทัยทำด้วยอะไร
ทั้งๆ ในขณะนั้น น้องหญิงของท่าน กำลังกันแสงด้วยดวงใจที่แหลกสลายเพราะตัวท่าน
อ่ะล่ะ วันนี้ดิชั้นจะมาโม้ แก้ต่างให้ท่านดนัยสุดที่รักของหญิงกรรณาวดี ม.จ. (โอ้แม่จ้าว)
ในฐานะที่ดิชั้นเป็นพระคู่หมั้นกิ๊กลับๆ ของท่าน กร๊าก
แต่ก็ไม่รู้ว่า จะแก้ตัวให้ท่านหลุดหรือเปล่านะ หรือว่าจะยิ่งแก้ยิ่งยุ่งเหมือนกับท่านก็ไม่รู้ 55
ตามความคิดของดิชั้นนะ ที่ท่านยิ้ม ไม่ใช่เพราะท่านไม่เห็นน้ำตาของน้องหญิง
ตรงข้าม ท่านยิ้ม ก็ “เพราะ” ท่านเห็นน้ำตาของน้องหญิง
ในมุมของท่านหญิง ยิ้มนั้นคือยิ้มของนายเล็ก
แต่ในมุมของท่านดนัย ยิ้มนั้นคือยิ้มของท่าน ไม่ใช่ยิ้มของนายเล็ก
แล้วมันจะต่างกันยังไง
การที่ท่านไม่ยอมสารภาพความจริงกับน้องหญิงซักทีนั้น ไม่ใช่เพราะมีคนมาขัดจังหวะทุกครั้งหรอก
และไม่ใช่เพราะกลัวน้องหญิงกริ้วท่านด้วย
ตอนแรกท่านอาจจะอยากสารภาพจริงๆ แต่ก็ไม่มีจังหวะเหมาะจริงๆ
แต่หลังๆ เหมือนจะเป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น ข้ออ้างที่จะทำให้ท่านรู้สึกผิดน้อยลง
ที่ไม่ยอมสารภาพ และทำให้น้องหญิงต้องทรงทุกข์ทรมานใจขนาดนั้น
หากท่านจะสารภาพจริงๆ ท่านย่อมสามารถจะจัดหาทั้งกาละและเทศะที่เหมาะๆ
ที่จะทำให้ท่านสารภาพได้ โดยไม่มีใครมารบกวน
แต่ดิชั้นมีความรู้สึกว่า ลึกๆ แล้ว ในใจของท่านดนัย แอบอยากรู้ว่า
น้องหญิงจะรักท่าน ที่ตัวตนแท้ๆ ของท่าน โดยไม่เกี่ยวกับยศฐาบรรดาศักดิ์ ได้หรือไม่
เหมือนที่เก็จกำง๋งกับหนูอาด รักท่านที่ตัวตนจริงๆ ของท่าน โดยที่ไม่รู้ว่าท่านคือท่านดนัย
ดังจะเห็นได้จากตอนที่ท่านวิเคราะห์ความรู้สึกของท่านหญิงที่มีต่อนายเล็ก กับวิมล
ท่านถึงกับโพล่งออกมาด้วยท่าทางดีใจแบบไม่ปิดบังเลยว่า “หรือท่านหญิงจะตกหลุมรักนายเล็ก”
และตอนที่ท่านโพล่งถามท่านหญิงว่า “จะตัดสินใจทำตามคนอื่น หรือทำตามใจองค์เอง”
ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าท่านจะรู้องค์หรือไม่ก็ตาม ท่านดนัยจึงเหมือนกับประวิงเวลาในการสารภาพไปเรื่อยๆ
ด้วยลึกๆ ในใจของท่าน อยากจะรู้ให้แน่แก่ใจว่า ท่านน้องจะรักท่าน ที่ตัวตนแท้ๆ ของท่าน ได้หรือไม่
เหมือนท่านจะแอบรอเวลาให้ถึงวันนั้น วันที่ท่านจะได้รู้ความนัยในส่วนลึกในหัวใจของน้องหญิง
และแล้ววันนั้นก็มาถึง ในวันที่ท่านหญิงตัดสินใจด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างถึงที่สุด
ว่าจะต้องตัดใจจากนายเล็กอย่างเด็ดขาด
พร้อมประกาศว่าเกลียดเกลียดเกลียดท่านดนัย และจะไม่มีวันแต่งงานกับท่าน
ท่านหญิงจึงไม่มีความจำเป็นใดๆ อีกต่อไป ที่จะต้องปิดบังความในใจที่มีต่อนายเล็ก
แม้ไม่อาจเอ่ยจากโอษฐ์ แต่สายตาของท่าน ตอนที่เดินผ่านนายเล็ก
ได้เปิดเผยความในใจของท่าน ที่มีต่อนายเล็กจนหมดสิ้น
สายตาของท่านหญิง ที่มองนิ่งอยู่ที่นายเล็กเนิ่นนาน เป็นคอนทราสต์อย่างชัดเจน
กับการที่ท่านเพิ่งประกาศหยกๆ ว่าเกลียดแสนเกลียดท่านดนัย
ท่านได้เผยให้นายเล็ก ได้รับรู้ความรู้สึกในส่วนลึกในหัวใจท่าน โดยไม่ต้องพูดเลยแม้แต่คำเดียว
ในที่สุด ความอดทนอดกลั้นของท่านหญิงก็มาถึงที่สุด เมื่อท่านได้ระบายความรู้สึกทุกอย่างที่มีต่อนายเล็ก ผ่านเปียโน
เมื่อทำนบน้ำตาพังทลาย น้ำตาของท่าน คือการเปิดเผยความจริงสูงสุด
นาทีที่ท่านหญิงกันแสงด้วยหัวใจที่แหลกสลาย และหันมอง “นายเล็ก” อย่างเต็มตา
ราวกับว่าท่านจะได้มองเขาเป็นครั้งสุดท้าย และจะไม่ได้เห็นเขาอีกแล้วในชีวิตนี้
นาทีนั้น สายตาของท่านได้เปิดเผยความนัยในส่วนลึกของหัวใจอย่างหมดสิ้น ให้นายเล็กได้รับรู้
นาทีที่น้องหญิงใจสลาย
กลับเป็นนาทีที่หัวใจของท่านพี่เบ่งบานพองโต ด้วยความปลาบปลื้มยินดี อย่างที่สุด
ด้วยนาทีนั้น ท่านพี่ได้ตระหนักแน่แก่ใจอย่างหมดสิ้นสงสัยใดๆ แล้วว่า
น้องหญิงรักท่านอย่างสุดหัวใจ และรักท่านที่ตัวตนแท้ๆ ของท่าน และดังนั้น ท่านจึงคลี่ยิ้มออกมา
น้ำตาของน้องหญิงที่หลั่งให้แก่ “นายเล็กแปลง” เสมือนสิ่งยืนยันในรักแท้อันบริสุทธิ์ ที่น้องหญิงมอบแก่ท่าน
ในใจของท่านดนัยในยามนั้น คงรู้สึกวาบหวามดื่มด่ำ ในรสแห่งรักแท้ จากคนที่ท่านรักสุดหัวใจ
และความสุขอันสุดแสนนั้น ได้ล้นท้นออกมาจากใจของท่าน กลายเป็นรอยยิ้มกว้างอันเป็นปริศนาของท่านดนัย
ท่านพี่แอบฟินเงียบๆ อยู่ในทัยเพียงองค์เดียว โดยไม่มีใครระแคะระคาย
ร้ายกาจมากค่ะท่าน แต่ดิชั้นก็ฟิ้นฟิน
สุดท้ายแล้ว ท่านหญิงกลับต้องเป็นฝ่ายเปิดเผย “ความจริง” (ในใจ) ที่มีต่อนายเล็ก
ก่อนที่ท่านดนัยจะเปิดเผยองค์เองเสียอีก
แต่ท่านพี่ก็จะหนีไม่พ้นต้องได้รับผล ที่ท่านทำกับท่านน้องในตอนนี้ดอก
ตัวอย่างตอนจบ ที่เชิงบันได
ท่านแต่งซะโก้ แต่เก้อ
หล่อ แต่แห้ว
รักท่านนะ แต่โสน้าหน้า 55
ปล. ช่วยด้วยค่ะ ดิชั้นหยุดตั้งทู้ “รัตนาวดี” ไม่ได้
ไม่เคยตั้งทู้ให้ละครเรื่องไหนมากเท่านี้มาก่อนเลย
ยิ้มปริศนาของท่านดนัย
ส่วนตอน 13 ดิชั้นอยากจะตั้งว่า “ท่านดนัยงานงอก”
ตอน 14 “ท่านดนัยยิ่งแก้ก็ยิ่งยุ่ง”
(ท่านแก้ปัญหาที่น้องหญิงทำเย็นชากับท่าน ไม่มองหน้าไม่คุยกับท่าน
ด้วยการจดหมายไปทูลขอประทานน้องหญิงจากท่านพจน์ และจดหมายไปยังเด็จพ่อเด็จแม่ท่าน ให้ไปสู่ขอน้องหญิง
ทำให้น้องหญิงยิ่งโกรธท่านดนัยหนักขึ้นอีกหลายเท่า โสน้าหน้า 55
คำพูดของท่านพจน์ลอยมาเลย ราวกับท่านรู้อนาคต “ให้ท่านดนัยเรียนผูกแล้วเรียนแก้เอง” รักท่านพจน์ 55)
ส่วนตอน 15 ดิชั้นขอตั้งชื่อตอนว่า “ยิ้มปริศนาของท่านดนัย”
รู้สึกว่าในตอนนี้ ท่านดนัยจะทรงทำให้ติ่งรู้สึกหมั่นไส้มากเป็นพิเศษ
เพราะเหมือนกับท่านจะไม่ค่อยรู้สึกรู้สมทุกข์ร้อน กับความทุกข์ของน้องหญิงเลย
แล้วยังจะมายิ้มอีก ยิ้มกริ่มอยู่ได้ น่าหมั่นไส้นัก
จนมาพีคถึงที่สุด ในฉากที่ท่านน้องทรงเปียโนไป กันแสงไปอย่างน่าสงสารเป็นที่สุด ติ่งน้ำตาท่วมจอ
แต่ท่านพี่กลับยิ้มแป้น ยิ้มแก้มแตก อย่างหล่อเชอ
ทำไมท่านพี่ถึงยิ้มแก้มแตกได้ลงคอ ทัยทำด้วยอะไร
ทั้งๆ ในขณะนั้น น้องหญิงของท่าน กำลังกันแสงด้วยดวงใจที่แหลกสลายเพราะตัวท่าน
อ่ะล่ะ วันนี้ดิชั้นจะมาโม้ แก้ต่างให้ท่านดนัยสุดที่รักของหญิงกรรณาวดี ม.จ. (โอ้แม่จ้าว)
ในฐานะที่ดิชั้นเป็นพระคู่หมั้นกิ๊กลับๆ ของท่าน กร๊าก
แต่ก็ไม่รู้ว่า จะแก้ตัวให้ท่านหลุดหรือเปล่านะ หรือว่าจะยิ่งแก้ยิ่งยุ่งเหมือนกับท่านก็ไม่รู้ 55
ตามความคิดของดิชั้นนะ ที่ท่านยิ้ม ไม่ใช่เพราะท่านไม่เห็นน้ำตาของน้องหญิง
ตรงข้าม ท่านยิ้ม ก็ “เพราะ” ท่านเห็นน้ำตาของน้องหญิง
ในมุมของท่านหญิง ยิ้มนั้นคือยิ้มของนายเล็ก
แต่ในมุมของท่านดนัย ยิ้มนั้นคือยิ้มของท่าน ไม่ใช่ยิ้มของนายเล็ก
แล้วมันจะต่างกันยังไง
การที่ท่านไม่ยอมสารภาพความจริงกับน้องหญิงซักทีนั้น ไม่ใช่เพราะมีคนมาขัดจังหวะทุกครั้งหรอก
และไม่ใช่เพราะกลัวน้องหญิงกริ้วท่านด้วย
ตอนแรกท่านอาจจะอยากสารภาพจริงๆ แต่ก็ไม่มีจังหวะเหมาะจริงๆ
แต่หลังๆ เหมือนจะเป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น ข้ออ้างที่จะทำให้ท่านรู้สึกผิดน้อยลง
ที่ไม่ยอมสารภาพ และทำให้น้องหญิงต้องทรงทุกข์ทรมานใจขนาดนั้น
หากท่านจะสารภาพจริงๆ ท่านย่อมสามารถจะจัดหาทั้งกาละและเทศะที่เหมาะๆ
ที่จะทำให้ท่านสารภาพได้ โดยไม่มีใครมารบกวน
แต่ดิชั้นมีความรู้สึกว่า ลึกๆ แล้ว ในใจของท่านดนัย แอบอยากรู้ว่า
น้องหญิงจะรักท่าน ที่ตัวตนแท้ๆ ของท่าน โดยไม่เกี่ยวกับยศฐาบรรดาศักดิ์ ได้หรือไม่
เหมือนที่เก็จกำง๋งกับหนูอาด รักท่านที่ตัวตนจริงๆ ของท่าน โดยที่ไม่รู้ว่าท่านคือท่านดนัย
ดังจะเห็นได้จากตอนที่ท่านวิเคราะห์ความรู้สึกของท่านหญิงที่มีต่อนายเล็ก กับวิมล
ท่านถึงกับโพล่งออกมาด้วยท่าทางดีใจแบบไม่ปิดบังเลยว่า “หรือท่านหญิงจะตกหลุมรักนายเล็ก”
และตอนที่ท่านโพล่งถามท่านหญิงว่า “จะตัดสินใจทำตามคนอื่น หรือทำตามใจองค์เอง”
ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าท่านจะรู้องค์หรือไม่ก็ตาม ท่านดนัยจึงเหมือนกับประวิงเวลาในการสารภาพไปเรื่อยๆ
ด้วยลึกๆ ในใจของท่าน อยากจะรู้ให้แน่แก่ใจว่า ท่านน้องจะรักท่าน ที่ตัวตนแท้ๆ ของท่าน ได้หรือไม่
เหมือนท่านจะแอบรอเวลาให้ถึงวันนั้น วันที่ท่านจะได้รู้ความนัยในส่วนลึกในหัวใจของน้องหญิง
และแล้ววันนั้นก็มาถึง ในวันที่ท่านหญิงตัดสินใจด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างถึงที่สุด
ว่าจะต้องตัดใจจากนายเล็กอย่างเด็ดขาด
พร้อมประกาศว่าเกลียดเกลียดเกลียดท่านดนัย และจะไม่มีวันแต่งงานกับท่าน
ท่านหญิงจึงไม่มีความจำเป็นใดๆ อีกต่อไป ที่จะต้องปิดบังความในใจที่มีต่อนายเล็ก
แม้ไม่อาจเอ่ยจากโอษฐ์ แต่สายตาของท่าน ตอนที่เดินผ่านนายเล็ก
ได้เปิดเผยความในใจของท่าน ที่มีต่อนายเล็กจนหมดสิ้น
สายตาของท่านหญิง ที่มองนิ่งอยู่ที่นายเล็กเนิ่นนาน เป็นคอนทราสต์อย่างชัดเจน
กับการที่ท่านเพิ่งประกาศหยกๆ ว่าเกลียดแสนเกลียดท่านดนัย
ท่านได้เผยให้นายเล็ก ได้รับรู้ความรู้สึกในส่วนลึกในหัวใจท่าน โดยไม่ต้องพูดเลยแม้แต่คำเดียว
ในที่สุด ความอดทนอดกลั้นของท่านหญิงก็มาถึงที่สุด เมื่อท่านได้ระบายความรู้สึกทุกอย่างที่มีต่อนายเล็ก ผ่านเปียโน
เมื่อทำนบน้ำตาพังทลาย น้ำตาของท่าน คือการเปิดเผยความจริงสูงสุด
นาทีที่ท่านหญิงกันแสงด้วยหัวใจที่แหลกสลาย และหันมอง “นายเล็ก” อย่างเต็มตา
ราวกับว่าท่านจะได้มองเขาเป็นครั้งสุดท้าย และจะไม่ได้เห็นเขาอีกแล้วในชีวิตนี้
นาทีนั้น สายตาของท่านได้เปิดเผยความนัยในส่วนลึกของหัวใจอย่างหมดสิ้น ให้นายเล็กได้รับรู้
นาทีที่น้องหญิงใจสลาย
กลับเป็นนาทีที่หัวใจของท่านพี่เบ่งบานพองโต ด้วยความปลาบปลื้มยินดี อย่างที่สุด
ด้วยนาทีนั้น ท่านพี่ได้ตระหนักแน่แก่ใจอย่างหมดสิ้นสงสัยใดๆ แล้วว่า
น้องหญิงรักท่านอย่างสุดหัวใจ และรักท่านที่ตัวตนแท้ๆ ของท่าน และดังนั้น ท่านจึงคลี่ยิ้มออกมา
น้ำตาของน้องหญิงที่หลั่งให้แก่ “นายเล็กแปลง” เสมือนสิ่งยืนยันในรักแท้อันบริสุทธิ์ ที่น้องหญิงมอบแก่ท่าน
ในใจของท่านดนัยในยามนั้น คงรู้สึกวาบหวามดื่มด่ำ ในรสแห่งรักแท้ จากคนที่ท่านรักสุดหัวใจ
และความสุขอันสุดแสนนั้น ได้ล้นท้นออกมาจากใจของท่าน กลายเป็นรอยยิ้มกว้างอันเป็นปริศนาของท่านดนัย
ท่านพี่แอบฟินเงียบๆ อยู่ในทัยเพียงองค์เดียว โดยไม่มีใครระแคะระคาย
ร้ายกาจมากค่ะท่าน แต่ดิชั้นก็ฟิ้นฟิน
สุดท้ายแล้ว ท่านหญิงกลับต้องเป็นฝ่ายเปิดเผย “ความจริง” (ในใจ) ที่มีต่อนายเล็ก
ก่อนที่ท่านดนัยจะเปิดเผยองค์เองเสียอีก
แต่ท่านพี่ก็จะหนีไม่พ้นต้องได้รับผล ที่ท่านทำกับท่านน้องในตอนนี้ดอก
ตัวอย่างตอนจบ ที่เชิงบันได
ท่านแต่งซะโก้ แต่เก้อ
หล่อ แต่แห้ว
รักท่านนะ แต่โสน้าหน้า 55
ปล. ช่วยด้วยค่ะ ดิชั้นหยุดตั้งทู้ “รัตนาวดี” ไม่ได้
ไม่เคยตั้งทู้ให้ละครเรื่องไหนมากเท่านี้มาก่อนเลย