ก่อนอื่ต้องขอโทษ กระทู้นัชี้ยาวหน่อยนะคะ เป็นเพื่อนสนิทกับอดีตสามีมาสิบกว่าปี ก่อนเค้ามาขอแต่งงาน เพราะจะไปเรียนต่อ ป.เอกต่างประเทศ อยากให้เราไปด้วย เพราะไปหลายปี
ครอบครัวสามีเป็นคนจีน สามีคือลูกชายคนโต ไม่เคยรู้จักคุ้นเคยกับทางบ้านเค้ามาก่อน ไปเจอแม่เค้าตอนเค้ามาขอให้แต่งงาน เค้าพาไปหาแม่ ตอนแรกดิฉันปฏิเสธิการแต่งงาน เพราะไม่แน่ใจว่าเค้าจะต้องไปนอกนานแค่ไหน ไม่อยากรอเก้อ แต่เค้าบอกถ้าแต่งงานตามไปได้ ทุนให้ภรรยาไปด้วยได้ แม่เค้าพูดดี ว่ารับปากจะจัดงานแต่งให้ หลังจากแฟนเรียนจบกลับมา เกลี้ยกล่อมทุกอย่าง ไปหมั้นถึงบ้าน เค้าดีมากตอนแรก พอแฟนไปเรียนได้สักพัก เรายังไม่ได้ตามไป แฟนขอกลับมาจดทะเบียนในอีก 1 ปี ให้หลัง ไม่ทันกี่เดือนที่แฟนไปเรียน แม่สามีเริ่มออกลาย ไม่ยอมให้ไปเยี่ยมที่บ้าน ทำตัวห่างเหิน คัดค้านไม่ให้แฟนกลับมาจดทะเบียน เราจึงได้จดทะเบียนกันช้า และตามไปช้าถึงสองปี
อดีตสามีเรียนไม่จบ อาจารย์ที่คุมวิทยานิพนธ์เค้าอยู่สงสัยว่าเค้าจะป่วยทางจิตเวช เพราะไม่ยอมส่งงาน เค้ามีอาการแบบ โรค Perfectionist คือทำอะไรต้องดีกว่าคนอื่น เขียนงานต้องดีกว่าเจ้าขอภาษาถึงจะยอมเขียน Professor เค้าใจดีมากส่งไปพบจิตแพทย์ที่เมืองที่อยู่ เค้าก็ไม่ยอมรักษา ไม่เปิดใจรักษา สุดท้ายกลับมาเมืองไทย เรียนไม่จบ ดิขั้นเข้าใจ ไม่เคยตำหนิ แต่สงสาร
เค้า ไม่กล้าบอกครอบครัวอยู่นาน ลืมบอกไป ก่อนไปเค้าสอนในมหาวิทยาลัย กลับมาก็มาสอนตมเดิม แต่ไม่ยอมบอกครอบครัว ช่วงนั้นมีไปพบจิตแพทย์แล้ว หมอบอกว่า เป็นโรคกลัวทำความผิด คือแม่เค้าเลี้ยงมาแบบกดดันมากทำอะไรก็ผิดหมด เค้าเลยไม่ยอมเขียนวิทยานิพนธ์เพราะกล้วเขียนผิด แล้วอาจาย์จะแก้ ทั้งๆทีอาจารย์ บอกเขียนมาเถอะ ขอให้เขียน จะแก้ให้จบจนได้ แต่เค้าก็ป่วยเกินกว่าจะทำได้ หมอขอให้รักษา แต่อาการไม่ดีขึ้น สุดท้ายตัดสินใจบอกพ่อแม่ ว่าเรียนไม่จบเพราะอะไร พ่อแม่รับไม่ได้ โยนความผิดว่าเป็นเพราะภรรยาไม่ดี โดยไม่ให้เหตุผลเลยว่าไม่ดียังไง
พ่อแม่เค้ากลับคำ ไม่ยอมให้จัดงานแต่งงาน ต้องการบีบให้เลิกกัน สามีก็เป็นคนอยู่ในโอวาทและกลัวแม่มาก ไม่กล้าโต้แย้ง เค้าเสียใจมากที่พ่อแม่เค้าผิดคำพูดแต่เค้าไม่กล้าโต้แย้ง
แต่ดิฉันเสียใจที่สุด เหมือนถูกหลอกให้เป็นเครื่องมือให้ลูกชายเค้าไปเรียน แล้วกลับมาก็ผิดคำพุด ดิฉันอายญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงมา มีแต่คนถามทำไมยังไม่จัดงานแต่งเสียที ไปไหน สามีไม่ยอมแนะนำว่าเป็นภรรยา ที่สำคัญพ่อแม่สามีหาเรื่องด่าทอบ่อยมา ถึงอยู่คนละบ้าน แต่ถ้าได้เจอ จะด่าทอถึงพ่อแม่ดิชั้น
ดิชั้นเองก็ทนมา ห้าปี สุขภาพจิตเสียมาก พบจิตแพทย์ทุกเดือน ลืมความเจ็บปวดไม่ได้ที่ถูกกระทำ แถมสามียังโกรธถ้าเมื่อไหร่เรามีการพูดระบายความเสียใจออกมา เค้าจะอาละวาด เสียงดัง เค้าบอกว่า ว่าพ่อแม่เค้า คือว่าเค้า บ่อยครั้งที่พูดอะไรไป เค้าคิดไปเองว่าเราตำหนิ เหมือนที่แม่เค้าชอบตำหนิเค้า มาตลอดชีวิต หมอบอกว่าเป็นอาการทางจิตอย่างนึงที่เกิดจากแม่ที่ทำร้ายจิตใจเค้ามาแต่เด็กด้วยการตำหนิทุกอย่าง และตอนนี้ตามทฎษีทางจิตเวช เค้าคิดว่าดิชั้นคือแม่เค้า
เรื่องอื่นเค้าดีมากค่ะ เงินเดือนให้ใช้ทุกบาททุกสตางค์ เวลาป่วยก็ดูแลดี ถ้าเค้าปรกติดี แต่ดิชั้นทนอยู่กับความเจ็บปวดที่โดนหลอกไม่ได้ และเหมือนสามี ไม่เคยเห็นใจความรู้สึกเราจริงๆ ช่วงหลัง มีอาการคิดว่าดิชั้นตำหนิเค้า บ่อยขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่ได้ตำหนิก็ตาม
ตอนนี้ตัดสินใจหย่าค่ะ อยากออกจากความทรมานนั้นเสียที รู้สึกว่าทางบ้านเค้าโหดร้ายเกินทน ใส่ความดิชั้นในเรื่องไม่เป็นจริง และถือเป็นเหตุอ้างว่าไม่ให้แต่งงาน เพราะดิชั้นเลว ไม่รับเป็นสะใภ้ ดิชั้นคิดว่าเป็นข้ออ้างที่เค้าตั้งใจไม่อยากให้แต่งกับลูกเค้าแต่แรก ดิชั้นเป็นคนไทย และฐานะทางบ้านปานกลาง สะใภ้เค้าคนอื่นฐานะดี จิตใจดิชั้นทุดโทรมมาก ตัดสินใจหย่ามาไม่กี่วันนี้เอง ดิชั้นอยู่กับเค้ามา ห้า ปี ยอมรับว่ารักมาก ตอนนี้ก็ยังรักอยู่ จึงทรมานมาก แต่กลัวว่า ถ้าทนต่อไป อาจเป็นบ้าได้
ดิชั้นทำถูกต้องมั๊ยคะ เราไม่มีลูกด้วยกัน มีแต่แมวหกตัว
หย่าเพราะทนทางบ้านสามีไม่ไหว ทำถูกมั๊ยคะ
ครอบครัวสามีเป็นคนจีน สามีคือลูกชายคนโต ไม่เคยรู้จักคุ้นเคยกับทางบ้านเค้ามาก่อน ไปเจอแม่เค้าตอนเค้ามาขอให้แต่งงาน เค้าพาไปหาแม่ ตอนแรกดิฉันปฏิเสธิการแต่งงาน เพราะไม่แน่ใจว่าเค้าจะต้องไปนอกนานแค่ไหน ไม่อยากรอเก้อ แต่เค้าบอกถ้าแต่งงานตามไปได้ ทุนให้ภรรยาไปด้วยได้ แม่เค้าพูดดี ว่ารับปากจะจัดงานแต่งให้ หลังจากแฟนเรียนจบกลับมา เกลี้ยกล่อมทุกอย่าง ไปหมั้นถึงบ้าน เค้าดีมากตอนแรก พอแฟนไปเรียนได้สักพัก เรายังไม่ได้ตามไป แฟนขอกลับมาจดทะเบียนในอีก 1 ปี ให้หลัง ไม่ทันกี่เดือนที่แฟนไปเรียน แม่สามีเริ่มออกลาย ไม่ยอมให้ไปเยี่ยมที่บ้าน ทำตัวห่างเหิน คัดค้านไม่ให้แฟนกลับมาจดทะเบียน เราจึงได้จดทะเบียนกันช้า และตามไปช้าถึงสองปี
อดีตสามีเรียนไม่จบ อาจารย์ที่คุมวิทยานิพนธ์เค้าอยู่สงสัยว่าเค้าจะป่วยทางจิตเวช เพราะไม่ยอมส่งงาน เค้ามีอาการแบบ โรค Perfectionist คือทำอะไรต้องดีกว่าคนอื่น เขียนงานต้องดีกว่าเจ้าขอภาษาถึงจะยอมเขียน Professor เค้าใจดีมากส่งไปพบจิตแพทย์ที่เมืองที่อยู่ เค้าก็ไม่ยอมรักษา ไม่เปิดใจรักษา สุดท้ายกลับมาเมืองไทย เรียนไม่จบ ดิขั้นเข้าใจ ไม่เคยตำหนิ แต่สงสาร
เค้า ไม่กล้าบอกครอบครัวอยู่นาน ลืมบอกไป ก่อนไปเค้าสอนในมหาวิทยาลัย กลับมาก็มาสอนตมเดิม แต่ไม่ยอมบอกครอบครัว ช่วงนั้นมีไปพบจิตแพทย์แล้ว หมอบอกว่า เป็นโรคกลัวทำความผิด คือแม่เค้าเลี้ยงมาแบบกดดันมากทำอะไรก็ผิดหมด เค้าเลยไม่ยอมเขียนวิทยานิพนธ์เพราะกล้วเขียนผิด แล้วอาจาย์จะแก้ ทั้งๆทีอาจารย์ บอกเขียนมาเถอะ ขอให้เขียน จะแก้ให้จบจนได้ แต่เค้าก็ป่วยเกินกว่าจะทำได้ หมอขอให้รักษา แต่อาการไม่ดีขึ้น สุดท้ายตัดสินใจบอกพ่อแม่ ว่าเรียนไม่จบเพราะอะไร พ่อแม่รับไม่ได้ โยนความผิดว่าเป็นเพราะภรรยาไม่ดี โดยไม่ให้เหตุผลเลยว่าไม่ดียังไง
พ่อแม่เค้ากลับคำ ไม่ยอมให้จัดงานแต่งงาน ต้องการบีบให้เลิกกัน สามีก็เป็นคนอยู่ในโอวาทและกลัวแม่มาก ไม่กล้าโต้แย้ง เค้าเสียใจมากที่พ่อแม่เค้าผิดคำพูดแต่เค้าไม่กล้าโต้แย้ง
แต่ดิฉันเสียใจที่สุด เหมือนถูกหลอกให้เป็นเครื่องมือให้ลูกชายเค้าไปเรียน แล้วกลับมาก็ผิดคำพุด ดิฉันอายญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงมา มีแต่คนถามทำไมยังไม่จัดงานแต่งเสียที ไปไหน สามีไม่ยอมแนะนำว่าเป็นภรรยา ที่สำคัญพ่อแม่สามีหาเรื่องด่าทอบ่อยมา ถึงอยู่คนละบ้าน แต่ถ้าได้เจอ จะด่าทอถึงพ่อแม่ดิชั้น
ดิชั้นเองก็ทนมา ห้าปี สุขภาพจิตเสียมาก พบจิตแพทย์ทุกเดือน ลืมความเจ็บปวดไม่ได้ที่ถูกกระทำ แถมสามียังโกรธถ้าเมื่อไหร่เรามีการพูดระบายความเสียใจออกมา เค้าจะอาละวาด เสียงดัง เค้าบอกว่า ว่าพ่อแม่เค้า คือว่าเค้า บ่อยครั้งที่พูดอะไรไป เค้าคิดไปเองว่าเราตำหนิ เหมือนที่แม่เค้าชอบตำหนิเค้า มาตลอดชีวิต หมอบอกว่าเป็นอาการทางจิตอย่างนึงที่เกิดจากแม่ที่ทำร้ายจิตใจเค้ามาแต่เด็กด้วยการตำหนิทุกอย่าง และตอนนี้ตามทฎษีทางจิตเวช เค้าคิดว่าดิชั้นคือแม่เค้า
เรื่องอื่นเค้าดีมากค่ะ เงินเดือนให้ใช้ทุกบาททุกสตางค์ เวลาป่วยก็ดูแลดี ถ้าเค้าปรกติดี แต่ดิชั้นทนอยู่กับความเจ็บปวดที่โดนหลอกไม่ได้ และเหมือนสามี ไม่เคยเห็นใจความรู้สึกเราจริงๆ ช่วงหลัง มีอาการคิดว่าดิชั้นตำหนิเค้า บ่อยขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่ได้ตำหนิก็ตาม
ตอนนี้ตัดสินใจหย่าค่ะ อยากออกจากความทรมานนั้นเสียที รู้สึกว่าทางบ้านเค้าโหดร้ายเกินทน ใส่ความดิชั้นในเรื่องไม่เป็นจริง และถือเป็นเหตุอ้างว่าไม่ให้แต่งงาน เพราะดิชั้นเลว ไม่รับเป็นสะใภ้ ดิชั้นคิดว่าเป็นข้ออ้างที่เค้าตั้งใจไม่อยากให้แต่งกับลูกเค้าแต่แรก ดิชั้นเป็นคนไทย และฐานะทางบ้านปานกลาง สะใภ้เค้าคนอื่นฐานะดี จิตใจดิชั้นทุดโทรมมาก ตัดสินใจหย่ามาไม่กี่วันนี้เอง ดิชั้นอยู่กับเค้ามา ห้า ปี ยอมรับว่ารักมาก ตอนนี้ก็ยังรักอยู่ จึงทรมานมาก แต่กลัวว่า ถ้าทนต่อไป อาจเป็นบ้าได้
ดิชั้นทำถูกต้องมั๊ยคะ เราไม่มีลูกด้วยกัน มีแต่แมวหกตัว