เนื่องจากว่าในงานไทยเที่ยวไทยครั้งที่ 35(มั้ง) ผมได้ซื้อ Voucher เพื่อไปพักที่ไร่เบญจวรรณในราคาประมาณสองพันกว่าบาท พักได้4คน พร้อมอาหารเช้า ซึ่งเป็นการซื้อไว้ล่วงหน้านานพอสมควร
เมื่อถึงวันออกเดินาง 21พย.58 เช้าออกจากบ้านตอน8.30น. เมื่อรับเพื่อนทุกคนเสร็จสรรพออกจากกทม.ได้9.30 โดยเราวิ่งไปออกทางพระรามสอง โดยขึ้นทางด่วนดินแดงไป เมื่อลงทางด่วนก็พบกับมหกรรมรถติดมากกกกกก
มาถึงราชบุรีตอนบ่ายโพงพอดีเป๊ะ แวะไปสักการะเจ้าแม่กวนอิมที่วัดหนองหอยซะหน่อย ทางเข้าวัดเมื่อมาจากถนนเจดีย์หักจะต้องเลี้ยวขึ้นเขาไปนิดนึง (ไม่ชันมาก)
ลิงเยอะมาก
ลิงกินแตงโมด้วย
ลิงตัวนี้โดนกัดมา น่าสงสาร
ไอ้ลิงพวกนี้เล่นอะไรไม่อายคนเดินผ่านไปผ่านมาเลย
เสร็จแล้วก็มาไหว้พระกันต่อ
งานถ่ายรูปต้องมา 555
บ่ายสองแล้วไปทานข้าวกันดีกว่า ที่นี่มีโรงเจด้วย ของรองท้องก่อนนิดนึงละกัน
อืม...อาหารารสชาดใช้ได้ ใครที่ทานอาหารในโรงเจเสร็จแล้วอย่าลืมล้างจานที่ทานด้วยละ
เป็นอันว่าเสร็จจากวัดหนองหอย ที่นี่เราใช้เวลาไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ แล้วเราก็ออกไปสถานที่ต่อไป นั่นก็คือ Coro field อยู่ในอ.สวนผึ้ง ที่นี่เป็น Land Mark แห่งใหม่ของสวนผึ้ง มีกิจกรรมต่างๆภายในสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ ซึ่งมีตั้งแต่ปลูกต้นมะเขือเทศ หรือเก็บเกี่ยวผลของมัน โดยที่สามารถเอากลับบ้านได้ ส่วนผลไม้ของที่นี่จะปลูกแบบออแกนิคทั้งหมด ผลไม้ที่ขึ้นชื่อของที่นี่คือเมลอนสายพันธุ์ญี่ปุ่น เนื่องจากว่าเป็นฟาร์มเมลอนนั่นเอง
และเมลอนญี่ปุ่นนี้จะสามารถซื้อเป็นผลก็ได้ หรือจะสั่งเป็นน้ำปั่นก็ได้ เป็นของทานเล่น ซึ่งที่นี่ก็จะมีบริการให้ และถ้าหากซื้อเป็นลูกก็จะอยู่ที่ กก.ละ 199บาท เป็นพันธุ์โยชิ เนื้อจะมีสีส้ม หอมหวานมาก ส่วนพันธุ์ที่ใช้ทำน้ำปั่นจะเป็นเนื้อสีเขียว คนละพันธุ์กัน จำชื่อไม่ได้
ขอยืมรูปมาจากในเน็ตละกัน Credit :M Thai
เมื่อมาถึงแล้วก็ขอศึกษาหน่อยละกัน ว่าต้นนี้ใช้ดินอะไร
แอบถ่ายเพื่อนหน่อย
หล่อซะไม่มีอะ
อันนี้เป็นเมลอนปั่นครีมชีส
นายแบบจำเป็น
ไอศกรีมเมลอน หวานๆมันๆ
ก่อนกลับขอถ่ายรูปหน่อย
เสียดายที่เรามาถึงช้าไป เลยไม่มีกิจกรรมให้ทำเลย แต่ผมก็ได้เมลอนกลับมาฝากที่บ้าน 2 ลูก หวานมากเลย ใครไปแนะนำให้ลองชิมดู รับรองติดใจ
สถานที่สุดท้ายของวันนี้ก่อนที่จะเข้าที่พักนั่นก็ตือ Veneto สวนผึ้ง ซึ่งถ้าคุณมาจาก Coro field ให้ขับตรงขึ้นมาอีกประมาณ 10กม. จะเห็นป้าย Veneto อยู่ด้านซ้ายมือ
สำหรับใครที่สงสัยว่าที่นี่ต่างจากตลาดน้ำทั่วไปยังไง ขอบอกเลยว่าที่นี่เน้นบรรยากาศ เหมาะที่จะพาแฟนมาถ่ายรูปมากกว่าที่จะมาเดินซื้อของเหมือนตลาดน้ำทั่วไป เพราะที่นี่แทบจะไม่มีร้านค้าเลย (ที่มีก็เป็นร้านขายของที่ระลึก) และต้องเสียค่าบัตรผ่านประตูคนละ 50 บาท ด้วย
ที่นี่นมีพิพิธภัณฑ์ 4 มิติด้วย สำหรับใครที่อยากเข้าชม และมีบริการถ่ายรูปให้ฟรีหน้าทางเข้า...แต่จะสามารถเอารูปกลับไปได้ด้วยราคาเพียง 120 บาท เท่านั้น!!! ซึ่งแน่นอนว่าพวกเราไม่เอา เพราะเราเอากล้องไปอยู่แล้ว
ยิ้มหน่อย
รูปที่ระลึก
ก็อกน้ำล้างมือในห้องน้ำ ดีไซด์แปลกตา
แฟนพันธุ์แท้ AIS แต่ใช้ DTAC
ที่นี่มีให้ถีบจักรยานน้ำด้วย ค่าตั๋วก็คนละ 50 บาท ปั่นกี่ชั่วโมงก็ได้ แต่เราปั่นกันเกือบๆชั่วโมงก็เหนื่อยแล้ว (ปั่นไล่ชนกัน) เรามันเถื่อน
หรือจะเลือกเป็นเรือที่มีรูปร่างเป็นรถก็ได้
ขอดูแผนที่แปป
พอเสร็จจาก Veneto เราก็รีบตรงกลับที่พักกันเลย เพราะไม่อยากให้ดึก แถวนั้นถนนค่อนข้างมืดพอสมควร ไร่เบญจวรรณรีสอร์ทเป็นที่พักแนว Home Stay และมีสวนผลไม้ เช่น ฝรั่ง ชมพู่ ทับทิมจันทน์ และมะยงชิต จะออกผลในช่วงกพ.-มี.ค. แต่ตอนที่ไปเป็นเดือนพย. จึงไม่มี อด
เมื่อถึงที่พัก เช็คอิน เก็บสัมภาระเสร็จก็ตรงมาที่ส่วนที่จัดไว้สำหรับทานอาหาร อาหารที่นี่ถือว่าใช้ได้ เสิร์ฟได้เร็ว แต่เรื่องรสชาดยังต้องปรับปรุง
ยำถั่วพลู จานนี้ใส่กะทิเยอะไปหน่อย จึงทำให้ค่อนข้างเลี่ยน จานนี้ต้องปรับปรุง
ปลาทอดน้ำปลา ปลาไม่สด บางจุดมีกลิ่น แต่รสชาดใช้ได้ โดยรวมผ่าน
ไก่ผัดเม็ดมะม่วง รสชาดใช้ได้เลยทีเดียว
คะน้าผัดน้ำมันหอย จานนี้ก็รสชาด OK
ห้องพัก เนื่องจากถ่ายหลังจากที่เราได้นั่งพักกันแล้ว เลยมีสภาพอย่างที่เห็น
ด้านใน ถึงห้องจะเล็กแต่ก็ค่อนข้างใหม่
ภายนอกห้อง
บรรยากาศตอนเช้า
อาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์
หลังจากทานอาหารดช้าเสร็จเรียบร้อย ก็เข้าห้องไปอาบน้ำ เก็บของเพื่อเตรียมตัวไปถ้ำจอมพลกัน แต่เราดูทีวีเพลินไปหน่อยเลยออกมาช้ากว่าที่แพลนไว้ 555
ที่นี่ก็ลิงเยอะเหมือนที่วัดหนองหอย แต่ลิงซนกว่า
ทางขึ้นถ้ำจอมพล
ถ่ายรูปก่อนเข้าถ้ำ(มอง)
วง Boy Band จากวัดลิงขบ
ไม่เข้าถ้ำเสือแล้วจะได้ลูกเสืออย่างไร สุดท้ายก็ไม่ได้อยู่ดี เพราะ "ไม่มีเสือซักตัว" ฮ่าาาาา
เมื่อออกมาก็ต้องพบว่ารถที่เอาไปโดนลิงโหนที่ปัดน้ำฝนเล่นจนที่ปัดน้ำฝนหลังห้อยลงมาเดี๋ยวค่อยกลับไปให้ศูนย์จัดการแล้วกัน แล้วเราก็กลับกทม.และแวะทานอาหารเย็นที่เซ็นทรัลศาลายา
[CR] [CR]ไปเที่ยวสวนผึ้งกันเต๊อะ 2วัน1คืน
เมื่อถึงวันออกเดินาง 21พย.58 เช้าออกจากบ้านตอน8.30น. เมื่อรับเพื่อนทุกคนเสร็จสรรพออกจากกทม.ได้9.30 โดยเราวิ่งไปออกทางพระรามสอง โดยขึ้นทางด่วนดินแดงไป เมื่อลงทางด่วนก็พบกับมหกรรมรถติดมากกกกกก
มาถึงราชบุรีตอนบ่ายโพงพอดีเป๊ะ แวะไปสักการะเจ้าแม่กวนอิมที่วัดหนองหอยซะหน่อย ทางเข้าวัดเมื่อมาจากถนนเจดีย์หักจะต้องเลี้ยวขึ้นเขาไปนิดนึง (ไม่ชันมาก)
เป็นอันว่าเสร็จจากวัดหนองหอย ที่นี่เราใช้เวลาไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ แล้วเราก็ออกไปสถานที่ต่อไป นั่นก็คือ Coro field อยู่ในอ.สวนผึ้ง ที่นี่เป็น Land Mark แห่งใหม่ของสวนผึ้ง มีกิจกรรมต่างๆภายในสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ ซึ่งมีตั้งแต่ปลูกต้นมะเขือเทศ หรือเก็บเกี่ยวผลของมัน โดยที่สามารถเอากลับบ้านได้ ส่วนผลไม้ของที่นี่จะปลูกแบบออแกนิคทั้งหมด ผลไม้ที่ขึ้นชื่อของที่นี่คือเมลอนสายพันธุ์ญี่ปุ่น เนื่องจากว่าเป็นฟาร์มเมลอนนั่นเอง
และเมลอนญี่ปุ่นนี้จะสามารถซื้อเป็นผลก็ได้ หรือจะสั่งเป็นน้ำปั่นก็ได้ เป็นของทานเล่น ซึ่งที่นี่ก็จะมีบริการให้ และถ้าหากซื้อเป็นลูกก็จะอยู่ที่ กก.ละ 199บาท เป็นพันธุ์โยชิ เนื้อจะมีสีส้ม หอมหวานมาก ส่วนพันธุ์ที่ใช้ทำน้ำปั่นจะเป็นเนื้อสีเขียว คนละพันธุ์กัน จำชื่อไม่ได้
เสียดายที่เรามาถึงช้าไป เลยไม่มีกิจกรรมให้ทำเลย แต่ผมก็ได้เมลอนกลับมาฝากที่บ้าน 2 ลูก หวานมากเลย ใครไปแนะนำให้ลองชิมดู รับรองติดใจ
สถานที่สุดท้ายของวันนี้ก่อนที่จะเข้าที่พักนั่นก็ตือ Veneto สวนผึ้ง ซึ่งถ้าคุณมาจาก Coro field ให้ขับตรงขึ้นมาอีกประมาณ 10กม. จะเห็นป้าย Veneto อยู่ด้านซ้ายมือ
สำหรับใครที่สงสัยว่าที่นี่ต่างจากตลาดน้ำทั่วไปยังไง ขอบอกเลยว่าที่นี่เน้นบรรยากาศ เหมาะที่จะพาแฟนมาถ่ายรูปมากกว่าที่จะมาเดินซื้อของเหมือนตลาดน้ำทั่วไป เพราะที่นี่แทบจะไม่มีร้านค้าเลย (ที่มีก็เป็นร้านขายของที่ระลึก) และต้องเสียค่าบัตรผ่านประตูคนละ 50 บาท ด้วย
ที่นี่นมีพิพิธภัณฑ์ 4 มิติด้วย สำหรับใครที่อยากเข้าชม และมีบริการถ่ายรูปให้ฟรีหน้าทางเข้า...แต่จะสามารถเอารูปกลับไปได้ด้วยราคาเพียง 120 บาท เท่านั้น!!! ซึ่งแน่นอนว่าพวกเราไม่เอา เพราะเราเอากล้องไปอยู่แล้ว
พอเสร็จจาก Veneto เราก็รีบตรงกลับที่พักกันเลย เพราะไม่อยากให้ดึก แถวนั้นถนนค่อนข้างมืดพอสมควร ไร่เบญจวรรณรีสอร์ทเป็นที่พักแนว Home Stay และมีสวนผลไม้ เช่น ฝรั่ง ชมพู่ ทับทิมจันทน์ และมะยงชิต จะออกผลในช่วงกพ.-มี.ค. แต่ตอนที่ไปเป็นเดือนพย. จึงไม่มี อด
เมื่อถึงที่พัก เช็คอิน เก็บสัมภาระเสร็จก็ตรงมาที่ส่วนที่จัดไว้สำหรับทานอาหาร อาหารที่นี่ถือว่าใช้ได้ เสิร์ฟได้เร็ว แต่เรื่องรสชาดยังต้องปรับปรุง
ห้องพัก เนื่องจากถ่ายหลังจากที่เราได้นั่งพักกันแล้ว เลยมีสภาพอย่างที่เห็น
หลังจากทานอาหารดช้าเสร็จเรียบร้อย ก็เข้าห้องไปอาบน้ำ เก็บของเพื่อเตรียมตัวไปถ้ำจอมพลกัน แต่เราดูทีวีเพลินไปหน่อยเลยออกมาช้ากว่าที่แพลนไว้ 555
เมื่อออกมาก็ต้องพบว่ารถที่เอาไปโดนลิงโหนที่ปัดน้ำฝนเล่นจนที่ปัดน้ำฝนหลังห้อยลงมาเดี๋ยวค่อยกลับไปให้ศูนย์จัดการแล้วกัน แล้วเราก็กลับกทม.และแวะทานอาหารเย็นที่เซ็นทรัลศาลายา