เมื่อหมดพลังจากงาน ร่างกายก็ต้องการการซ่อมแซม ด่วนนนนนนน!!!!!!

ขอหลบไปพักสูดออกซิเจนให้เต็มปอด สักสองวันนะจ๊ะ เบราๆ

ทริปนี้เราเลือกสวนผึ้ง เพราะใกล้กรุงเทพฯ ขับรถไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง
คนขับไม่เหนื่อย คนนั่งก็ไม่เมื่อยด้วยนะเออ

เราไม่ได้วางแผนอะไรเลย แม้แต่ที่พักก็ไม่ได้จอง ไปนั่งหาข้อมูลกันระหว่างนั่งรถ ชิล สุดๆ
บางคนก็บอกสวนผึ้งไม่เห็นมีอะไรเลย งั้นลองไปดูกันว่าไม่มีอะไรจริงไหม

ช่วงที่เราไปคือ 12-13 พ.ย. ที่ผ่านมา คิดว่าช่วงนี้อากาศน่าจะเริ่มเย็นลงบ้าง แต่ไทยก็คือไทย ฤดูหนาวเป็นเรื่องของอนาคต ><!
เราออกเดินทางประมาณเที่ยงกว่าๆ ไปถึงสวนผึ้งสามโมงกว่าๆ แม่เจ้า!!! รถติดมาก

เอาหล่ะ เริ่มที่แรกกันเลย

>>CORO field<< แวะชิมเมลอนหวานๆ กันก่อน



รูปแอบเยอะ อยากให้ดูกันเพลินๆ ^^






มาดูในส่วนของ ของกินกันบ้าง


ภาพอาหารมีน้อย เพราะหิว จัดการกันเรียบภายในพริบตา
จริงๆ มีทั้งหมดสี่อย่างคือ ไอศกรีมเมลอนโยเกิร์ต, เมลอนปั่น, เมลอนสด 1 ซีก และ ในรูปจำชื่อไม่ได้ แต่เป็นเมนูแนะนำของทางร้าน
อารมณ์เหมือนกินทาโกะยากิยังไงบอกไม่ถูกกกก

จบจากที่นี่เย็นพอดี เราก็เริ่มหาที่พัก โดยดูจากเว็บไซต์แต่กี่ที่ๆ ก็เต็ม สุดท้ายเจอที่นี่
เลยขับรถไปดูสถานที่จริงก่อนจะจองผ่านเว็บ

>>บ้านกรชมพู<<

ขอใช้รูปที่ถ่ายตอนเช้าแล้วกัน จะได้ชัดเจน

ฟรีไวไฟ ฟรีอาหารเช้า ราคาน่าคบหา เลยขอเข้าไปดูห้องสักหน่อย เพื่อช่วยในการตัดสินใจ

ห้องสะอาด มีผ้าเช็ดตัว สบู่ เครื่องทำน้ำอุ่น ทีวี มีน้ำเปล่าให้ด้วย
แถมเจ้าของบ้านน่ารักมากๆ ประทับใจเจ้าของบ้านด้วย เลยตัดสินใจพักที่นี่เลย ไม่จองผ่านเว็บละ จองกับเจ้าของบ้านนี่แหละ
เจ้าของบ้านเป็นคุณลุงกับคุณป้า พูดจาดี ใจดีด้วย


เราเลือกห้องนี้เพราะนอนได้สี่คน ราคาดีงามอยุ่ที่ 1,500 บาท/คืน ถ้าเป็นวันธรรมดาราคาจะถูกลงอีก

คุณลุงคุณป้า แนะนำร้านอาหารมื้อเย็นให้ และยังขับรถนำไปด้วย น่ารักสุดๆ
และแล้วเราก็มาถึงร้านนี้
>>ร้านครัวริมทาง<<

หน้าร้านก็มีฉากให้ถ่ายรูปนิดหน่อย
เรามาดูเมนูอาหารกัน อ่อที่นี่เขาก็มีกาแฟขายด้วยนะ

เมนูไม่เยอะ แต่รสชาติจัดว่าเด็ด

มื้อเย็นได้แก่ ต้มยำรวม, ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ 2 จาน, ยำอีก 1 จาน, ข้าวเปล่า 2 จาน
ถูกใจมาก มื้อนี้หมดไป 280 บาท

เช้าวันอาทิตย์ ออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน!!!!!
ที่นีมีดาดฟ้า ให้เราขึ้นไปดูบรรยากาศข้างบนกันด้วย

บนตึกสีขาวนี่แหละ จุดชมวิว5555


อากาศตอนเช้ากับกลางคืนเย็นกำลังดี อุณหภูมิประมาณ 25-26 องศา
เอ้าาาสูดออกซิเจนไปเยอะๆเลยยยยยย

เริ่มต้นมือเช้า แบบรองท้องๆ ด้วยอาหารเช้าแบบบริการตนเอง
ทอด ปิ้ง ชง ทำเองโลดดดด เขามีแยม เนย กระทะ น้ำมัน ไข่ ขนมปัง กาแฟ โอวัลตินให้พร้อม




เก้าโมงเช้า เริ่มออกเดินทางได้ เพราะร้าน หรือสถานที่ต่างๆเริ่มเปิดแล้ว
ที่แรกของวันนี้

>> Moai<< เป็นร้านกาแฟฉากสวยยยย แต่ไม่ได้เข้าไปชิมกาแฟเลย เพราะเราแพ้กาแฟ




ต่อไปเป็นมื้อเช้าที่จริงจัง และหนักแน่!!
>>ก๋วยเตี๋ยวไข่ต้มยำ สูตรคุณยาย<<


ก๋วยเตี๋ยวอร่อยไม่ต้องปรุงเพิ่ม ลอดช่องก็หอม และมีข้าวพองกรอบๆ ให้ได้เคี้ยวเพลินๆ ด้วย
อิ่มแล้วเดินทางต่อไป

>>บ้านหอมเทียน<<
ที่นี่มีค่าเข้า 60 บาท แต่เขาก็มีเทียนให้ติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย







มีจุดให้ชมวิวอีกแล้ว เขาบอกว่ามองออกไปตรงนั้น คือเทือกเขาตะนาวศรี




ที่ต่อไปกันเลย
>>Veneto<<
ค่าเข้าไปดูสวนข้างใน และให้อาหารปลาคราฟ คนละ 50 บาท
สำหรับใครอยากเข้าไปดูภาพสี่มิติสามารถซื้อบัตรเพิ่มได้ และที่นี่มีกระต่ายให้เราถ่ายรูปเล่นกันด้วยนะ

เข้าไปก็ดูเงียบๆ นักท่องเที่ยวน้อยมากกก แต่แนะนำให้ซื้อบัตรเข้าไปข้างในเถอะ
ไปเที่ยวกันเยอะๆ ประเทศไทยจะได้คึกคัก




น้องคราฟเยอะมาก กินจุด้วย


ก๊อกน้ำในห้องน้ำ เก๋ๆ








หิวอีกแล้ววววว
หาข้าวกลางวันกินกัน
ที่นี่เลย ทางผ่านอีกละ ฮ่าๆ



มีปลาอีกอย่าง แต่ไม่ได้ถ่าย

ฝั่งตรงข้ามก็มีตลาดเล็กๆให้เดิน




กินอิ่มแล้วก็เดินทางต่อ ตามสเตป
ระหว่างทางที่จะไปที่สุดท้ายของวันนี้ เราก็ขับรถรอบเขาไปเรื่อยๆ
แวะถ่ายรูปเป็นระยะๆ




ตรงข้ามรีสอร์ทมีน้ำให้ว่ายเล่นด้วย


ฝนตกแล้ว เห็นสายฝนไหม?


ชอบมากเลย อากาศดีมากๆ เปิดหน้าต่างรถ รับอากาศข้างนอกเข้ามา ฟินเฟ่ออออ

ที่สุดท้ายของวันนี้แล้ว ฝนยังคงตกต่อไป แต่พรำๆ เรายังเดินกันได้
>> The Scenery Vintage Farm<<
ค่าเข้า 50 บาท ได้ป้อนหญ้าน้องแกะด้วย

ไปดูข้างในกันเลย




มีไอศกรีมนมแกะ?







จริงๆเขาจะให้แกะวิ่งเล่นตรงสนามที่มีรูปปั้นหมานั่นแหละ แต่ฝนตกหนักเลยโดนต้อนเข้าคอกเลย
บรรดาน้องแกะก็ปล่อยกับระเบิดเต็มไปหมด หลบกันสนุกเลย







ที่สุดท้าย เดินทางกลับ เตรียมลุยงานต่อไป
เป็นทริปที่ดีต่อใจจริงๆ ใครไม่รู้จะไปไหนก็แนะนำเลยค่ะ ช่วงหน้าหนาวแบบนี้ แวะไปสูดอากาศดีๆกัน
ใช้งบไม่มาก ไม่ต้องลางาน อิอิ แต่อันนี้ก็แล้วแต่สไตล์การเที่ยวของแต่ละคนน้า บางคนอาจไม่ชอบเพราะมันดูไม่ค่อยมีอะไรให้เที่ยวแต่เราชอบ