สวัสดีค่ะ
มีโอกาสได้กลับไปโอไดบะอีกครั้งหนึ่งเมื่อไม่กี่วันมานี้ก็เลยถือโอกาสกลับไปชิมอาหารฝีมือซันจิคุงอีกค่ะ ดูซิว่าเข้าโลกใหม่แล้ว ฝีมือจะพัฒนาไปแค่ไหน
เราไปชิมด้วยกันเถอะค่ะ
ร้านอยู่ที่ชั้นเจ็ด ตึกฟูจิทีวี ลงรถไฟสายยูริคาโมเมะ สถานีไดบะ แล้วเดินไปอีกหน่อยเดียวค่ะ ถึงตึกฟูจิทีวีแล้วก็ขึ้นบันไดเลื่อนตรงขึ้นไปถึงร้านอาหารเลย เราก็จะเจอหัวเรือโกอิ้งแมรี่ใหญ่บิ๊กเบิ้มรออยู่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือไฟรูปลูฟี่กับชอปเปอร์
แล้วเราก็เดินเข้าปากปลาไปเลยค่ะ
ปกติร้านเปิด 10.30-22.00 อาหารเย็น 17.00-22.00 (Last order 21.30) แต่นี่ก็จะเข้าหนาวเเล้ว ก็เลยเปลี่ยนเวลานิดหน่อย เป็น อาหารเย็น 17.00-20.00 (Last Order 19.30) ดิฉันไปถึงตอนหกโมงกว่า ๆ ในร้านมีลูกค้าอยู่สองสามโต๊ะ แต่พนักงานก็บริการเต็มที่ น่าเสียดายนิดหน่อยที่น้องแว่นสุดหล่อของดิฉันไม่อยู่เสียแล้ว เสียดายจัง แต่มันก็ตั้งสองปีมาแล้วเนอะ ครั้งนี้มีน้องใส่ชุดพ่อครัวสีขาว หน้าตาน่ารักไม่แพ้กันมาบริการแทน แต่น้องพูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้เลยค่ะ (เสียใจ ว่าจะเต๊าะซะหน่อย อดเลย) แถมเมนูไม่มีภาษาอังกฤษ แต่ก็เป็นรูปภาพ เลยใช้วิธีชี้เอา ก็หมดปัญหาค่ะ และคิดไว้แล้วด้วยว่าจะไปกินดินเนอร์เซ็ตเหมือนเดิม
หน้าตาเซ็ตโตะที่ตั้งใจไปกินค่ะ (รูปจากเว็บไซต์)
มีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย เซ็ตอาหารเย็นจะไม่รวมขนมหวานแล้วนะคะ ราคาก็ลดลงมาเหลือ 3,650 เยน
หน้าตาอาหารก็เปลี่ยน ไหน ๆ เราก็เข้าโลกใหม่แล้วนี่นา
สั่งของหวานเพิ่มเติมได้นะคะ มีเมนูใหม่ ๆ เยอะเลย แต่ดิฉันเกลียดของหวาน แค่เจ้าผลโกมุโกมุลูกก่อนนั้นก็แทบตายแล้วค่ะ เลยเลือกสั่งมินิเซ็ตดีกว่า
แต่จริง ๆ ที่สั่งเพราะอยากได้ของแถมค่ะ paper craft รูปภัตตาคารบาราติเอ
(ถามน้องชุดกุ๊กเพื่อความแน่ใจว่าสั่งเซ็ตนี้แล้วได้เรือนี่จริง ๆ นะ แค่นี้สื่อสารกันอยู่เกือบสิบนาที กว่าจะเข้าใจ เหงื่อตกเลยค่ะ
)
สั่งอาหารไปแล้วก็มาดูบรรยากาศในร้านกันค่ะ
นั่นแน่ะ ตกแต่งรอรับเทศกาลคริสต์มาสด้วยต้นคริสต์มาสสวมหมวกฟางซะด้วยค่ะ
ธงของร้านยังอยู่เหมือนเดิม
ข้างล่างเป็นแผนที่โลก
รวม ๆ แล้วก็เปลี่ยนแปลงไปหลายอย่างทีเดียวนะคะ
แต่ที่ไม่เปลี่ยนคือ "เขา" ค่ะ ยืนหล่อ ๆ ต้อนรับลูกค้าเหมือนเดิม
แต่ข้างหลังนั่นมือใคร??
มาแอบหยิบอาหารที่ซันจิคุงถืออยู่ น่าเสียดายไม่เห็นตัวเนอะ
แมลงโทรสารของเจ้าของร้านก็ยังอยู่นะคะ เหมือนกับเจ้าแมลงโทรสารที่ฉายวีดิโอก็ยังอยู่ แต่เปลี่ยนที่ไป
คราวนี้ก็มาดูการเปลี่ยนแปลงของร้านบ้างค่ะ
มีธงสัญลักษณ์ของลูกเรือแต่ละคนแขวนอยู่
แล้วนั่นใครอยู่ตรงนั้น มาดูกันใกล้ ๆ มั้ยคะ
อ้อ โซโลกับโรบิน
ส่วนนี่ชอปเปอร์ อยู่กับภาพวาดและลายเซ็นต์ของอาจารย์โอดะ
ส่วนคนอื่น ๆ ก็แยกกันไป
แต่ดิฉันหาเจอแค่พ่อคนนี้ มาแอบหลบซุ่มทำอะไรอยู่คะอุซป?
กับแม่คนนี้
นามิกับอาวุธของเพื่อน ๆ
คราวนี้ผิดหวังค่ะ มาช้าไป ไม่ได้เจอคุณเชฟตัวเป็น ๆ เลย ก็เลยไม่มีโมเม้นต์กรี๊ดกร๊าดถ่ายรูปเหมือนครั้งที่แล้ว ระหว่างรออาหารก็นั่งฟังเพลงและดูวิดีโอไปเรื่อย ๆ ค่ะ คราวนี้ฉายตอนของโลกใหม่ รอไม่นานอาหารก็มา
จานแรกค่ะ อาหารเรียกน้ำย่อย
กระแสทะเลชั้นลึก ได้แรงบันดาลใจจากการที่พวกลูฟี่จะต้องลงไปตามกระแสทะเลเพื่อเข้าสู่เกาะเงือก กระแสทะเลชั้นลึกเหมือนน้ำตกขนาดใหญ่และก้นทะเลนั้นก็มีคราเคนอยู่ ลูฟี่ โซโล และซันจิออกไปสู้กับคราเคนแล้วถูกกลืนไปกับกระแสทะเล ขณะที่พวกที่เหลืออยู่บนเรือซันนี่ก็ออกตามหา แล้วนี่ก็คือที่มาของอาหารจานนี้ที่แสดงให้เห็นภาพของกระแสทะเล เรือซันนี่ และคราเคน
จานนี้เป็นซุปใสคอนซอมเม่ทำจากเจลลี่ มีครีมหยอดด้านบน ไอ้ก้อน ๆ นั่นคือไข่นกกระทาแทนเรือซันนี่ ส่วนเจ้าตัวยึกยือนั่นก็คือคราเคนนั่นเอง
ไอเดียดีนะคะ แต่ดิฉันว่ารสชาติมันพิลึกมากเลยค่ะ ตัวซุปมันเค็ม ๆ มีรสคาว ๆ อย่างบอกไม่ถูก กินไปนี่ขมวดคิ้วไป ถามตัวเองทุก ๆ สามวินาทีว่า นี่ตูกำลังกินอะไรอยู่ฟะ!?
แต่หมึกนั่นก็เคี้ยวกรุบ ๆ มันปากดีค่ะ
พอผ่านกระแสทะเลปีศาจไปแล้ว เราก็มาถึงเกาะเงือก
เป็นซุปชาวเดอร์สาหร่าย ซุปข้นที่เคมี่ทำให้พวกหมวกฟางกินเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น แต่ความซุ่มซ่ามของเคมี่เลยทำออกมาเป็นซุปเย็นซะงั้น ทางร้านจึงนำไปปรับปรุงนิดหน่อยให้กลายเป็นซุปร้อน ๆ ใส่สาหร่าย แครอท และปลาหมึก รับประทานกับขนมปัง
จานนี้อร่อยนะคะ เสียดายมากที่ตอนนั้นดิฉันเจ็บคอเพราะเริ่มเป็นหวัด การกินซุปข้นทำให้คันคอ เริ่มไอ กลัวโดนคุณเชฟไล่ตะเพิดออกจากร้านมากค่ะเลยต้องหยุดกินชั่วคราว พอหายไอก็ช้อนกินแต่เนื้อ เหลือน้ำซุปเอาไว้ เพราะไม่ไหวจะกินจริง ๆ ค่ะ เริ่มไอแล้วจะหยุดยาก
จานสุดท้ายของเซ็ต คือเมนคอร์ส พายเนื้อเป็ด
ได้แรงบันดาลใจจากตอนที่ฟาน เดอ เดคเค่นขว้างเรือโนอาห์ใส่องค์หญิงชิราโฮชิ แล้วพอเจ้าตัวโดนทำร้ายสลบไป เรือโนอาห์ก็ตกลงมา จะโดนเกาะเงือก ลูฟี่ต้องหยุดด้วยการจะทำลายเรือโนอาห์ซะ แต่พวกเจ้าทะเลมาหยุดเอาไว้ได้ก่อน และลากเรือโนอาห์ไป เหตุการณ์ตอนนั้นก็ออกมาเป็นพายเนื้อเป็ดแสนอร่อยจานนี้แหละค่ะ เนื้อเป็ดสับนุ่มชุ่มฉ่ำ รับประทานกับเกรวี่และผักต้ม อร่อยมากค่ะ และเพราะดิฉันกลัวมากว่าเกาะเงือกจะถูกทำลายก็เลยกินจนเกลี้ยงจาน ไม่ต้องถึงมือลูฟี่เลยล่ะค่ะ
จบจากอาหารเย็นก็เป็นมินิเซ็ตของหวานมาล้างปากกันหน่อย ลาเต้กับเค้กทำเป็นรูปผลปีศาจ
ลาเต้ทำลายเป็นสัญลักษณ์ของเชฟขาแดง ส่วนของขนม ตัวฐานอบใส่งาด้วย ด้านบนเป็นมันสีม่วง ขนมมาชิ้นเล็ก พอเหมาะกับคนไม่ชอบกินขนมอย่างดิฉันพอดี รสชาติจัดว่าดีค่ะ ไม่หวาน ดิฉันกินได้
แต่ขนมกับกาแฟนี่ช่างมันเถอะค่ะ เราสั่งมาเพื่อสิ่งนี้!
มาเริ่มทำภัตตาคารลอยทะเล "บาราติเอ" กันเลย
ไม่ยากมาก แต่ใช้เวลาทีเดียวค่ะ ดิฉันทำอยู่วันนึงเต็ม ๆ วิธีทำก็เป็นญี่ปุ่นล้วน แกะเอามั่ว ๆ จากภาพ ไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่ พลาดเยอะ บางอย่างก็ทำไม่ได้อย่างเขา ก็ดัดแปลงเอาบ้าง แต่ออกมามันก็ยังเป็นภัตตาคารตัวปลานะคะ
เสร็จแล้วค่ะ ดิฉันมีบาราติเออยู่ที่บ้านแล้ว! /me ดีใจมว้ากกกก
รวมค่าเสียหายแล้ว จ่ายไป 5,150 เยน ถูกกว่าคราวที่แล้ว และส่วนตัวว่าคุ้มเพราะดิฉันได้บาราติเอกลับไปครอบครองพร้อมรอยยิ้มของน้องกุ๊กชุดขาว
ใครที่มาเที่ยวที่โอไดบะก็อย่าลืมแวะมาทักทายซันจิคุงกับคุณเชฟนะคะ (ขอชื่อกับเบอร์โทรน้องกุ๊กให้ดิฉันด้วย ดิฉันจนใจจะขอด้วยภาษาอังกฤษจริง ๆ ค่ะ
)
(เห่อสุด!)
[CR] "Baratie" หลังเข้าสู่โลกใหม่แล้ว ฝีมือการทำอาหารของซันจิคุงจะเป็นยังไง กลับไปชิมกันเถอะค่ะ
มีโอกาสได้กลับไปโอไดบะอีกครั้งหนึ่งเมื่อไม่กี่วันมานี้ก็เลยถือโอกาสกลับไปชิมอาหารฝีมือซันจิคุงอีกค่ะ ดูซิว่าเข้าโลกใหม่แล้ว ฝีมือจะพัฒนาไปแค่ไหน
เราไปชิมด้วยกันเถอะค่ะ
ร้านอยู่ที่ชั้นเจ็ด ตึกฟูจิทีวี ลงรถไฟสายยูริคาโมเมะ สถานีไดบะ แล้วเดินไปอีกหน่อยเดียวค่ะ ถึงตึกฟูจิทีวีแล้วก็ขึ้นบันไดเลื่อนตรงขึ้นไปถึงร้านอาหารเลย เราก็จะเจอหัวเรือโกอิ้งแมรี่ใหญ่บิ๊กเบิ้มรออยู่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือไฟรูปลูฟี่กับชอปเปอร์
แล้วเราก็เดินเข้าปากปลาไปเลยค่ะ
ปกติร้านเปิด 10.30-22.00 อาหารเย็น 17.00-22.00 (Last order 21.30) แต่นี่ก็จะเข้าหนาวเเล้ว ก็เลยเปลี่ยนเวลานิดหน่อย เป็น อาหารเย็น 17.00-20.00 (Last Order 19.30) ดิฉันไปถึงตอนหกโมงกว่า ๆ ในร้านมีลูกค้าอยู่สองสามโต๊ะ แต่พนักงานก็บริการเต็มที่ น่าเสียดายนิดหน่อยที่น้องแว่นสุดหล่อของดิฉันไม่อยู่เสียแล้ว เสียดายจัง แต่มันก็ตั้งสองปีมาแล้วเนอะ ครั้งนี้มีน้องใส่ชุดพ่อครัวสีขาว หน้าตาน่ารักไม่แพ้กันมาบริการแทน แต่น้องพูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้เลยค่ะ (เสียใจ ว่าจะเต๊าะซะหน่อย อดเลย) แถมเมนูไม่มีภาษาอังกฤษ แต่ก็เป็นรูปภาพ เลยใช้วิธีชี้เอา ก็หมดปัญหาค่ะ และคิดไว้แล้วด้วยว่าจะไปกินดินเนอร์เซ็ตเหมือนเดิม
หน้าตาเซ็ตโตะที่ตั้งใจไปกินค่ะ (รูปจากเว็บไซต์)
มีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย เซ็ตอาหารเย็นจะไม่รวมขนมหวานแล้วนะคะ ราคาก็ลดลงมาเหลือ 3,650 เยน
หน้าตาอาหารก็เปลี่ยน ไหน ๆ เราก็เข้าโลกใหม่แล้วนี่นา
สั่งของหวานเพิ่มเติมได้นะคะ มีเมนูใหม่ ๆ เยอะเลย แต่ดิฉันเกลียดของหวาน แค่เจ้าผลโกมุโกมุลูกก่อนนั้นก็แทบตายแล้วค่ะ เลยเลือกสั่งมินิเซ็ตดีกว่า
แต่จริง ๆ ที่สั่งเพราะอยากได้ของแถมค่ะ paper craft รูปภัตตาคารบาราติเอ
(ถามน้องชุดกุ๊กเพื่อความแน่ใจว่าสั่งเซ็ตนี้แล้วได้เรือนี่จริง ๆ นะ แค่นี้สื่อสารกันอยู่เกือบสิบนาที กว่าจะเข้าใจ เหงื่อตกเลยค่ะ )
สั่งอาหารไปแล้วก็มาดูบรรยากาศในร้านกันค่ะ
นั่นแน่ะ ตกแต่งรอรับเทศกาลคริสต์มาสด้วยต้นคริสต์มาสสวมหมวกฟางซะด้วยค่ะ
ธงของร้านยังอยู่เหมือนเดิม
ข้างล่างเป็นแผนที่โลก
รวม ๆ แล้วก็เปลี่ยนแปลงไปหลายอย่างทีเดียวนะคะ
แต่ที่ไม่เปลี่ยนคือ "เขา" ค่ะ ยืนหล่อ ๆ ต้อนรับลูกค้าเหมือนเดิม
แต่ข้างหลังนั่นมือใคร??
มาแอบหยิบอาหารที่ซันจิคุงถืออยู่ น่าเสียดายไม่เห็นตัวเนอะ
แมลงโทรสารของเจ้าของร้านก็ยังอยู่นะคะ เหมือนกับเจ้าแมลงโทรสารที่ฉายวีดิโอก็ยังอยู่ แต่เปลี่ยนที่ไป
คราวนี้ก็มาดูการเปลี่ยนแปลงของร้านบ้างค่ะ
มีธงสัญลักษณ์ของลูกเรือแต่ละคนแขวนอยู่
แล้วนั่นใครอยู่ตรงนั้น มาดูกันใกล้ ๆ มั้ยคะ
อ้อ โซโลกับโรบิน
ส่วนนี่ชอปเปอร์ อยู่กับภาพวาดและลายเซ็นต์ของอาจารย์โอดะ
ส่วนคนอื่น ๆ ก็แยกกันไป
แต่ดิฉันหาเจอแค่พ่อคนนี้ มาแอบหลบซุ่มทำอะไรอยู่คะอุซป?
กับแม่คนนี้
นามิกับอาวุธของเพื่อน ๆ
คราวนี้ผิดหวังค่ะ มาช้าไป ไม่ได้เจอคุณเชฟตัวเป็น ๆ เลย ก็เลยไม่มีโมเม้นต์กรี๊ดกร๊าดถ่ายรูปเหมือนครั้งที่แล้ว ระหว่างรออาหารก็นั่งฟังเพลงและดูวิดีโอไปเรื่อย ๆ ค่ะ คราวนี้ฉายตอนของโลกใหม่ รอไม่นานอาหารก็มา
จานแรกค่ะ อาหารเรียกน้ำย่อย
กระแสทะเลชั้นลึก ได้แรงบันดาลใจจากการที่พวกลูฟี่จะต้องลงไปตามกระแสทะเลเพื่อเข้าสู่เกาะเงือก กระแสทะเลชั้นลึกเหมือนน้ำตกขนาดใหญ่และก้นทะเลนั้นก็มีคราเคนอยู่ ลูฟี่ โซโล และซันจิออกไปสู้กับคราเคนแล้วถูกกลืนไปกับกระแสทะเล ขณะที่พวกที่เหลืออยู่บนเรือซันนี่ก็ออกตามหา แล้วนี่ก็คือที่มาของอาหารจานนี้ที่แสดงให้เห็นภาพของกระแสทะเล เรือซันนี่ และคราเคน
จานนี้เป็นซุปใสคอนซอมเม่ทำจากเจลลี่ มีครีมหยอดด้านบน ไอ้ก้อน ๆ นั่นคือไข่นกกระทาแทนเรือซันนี่ ส่วนเจ้าตัวยึกยือนั่นก็คือคราเคนนั่นเอง
ไอเดียดีนะคะ แต่ดิฉันว่ารสชาติมันพิลึกมากเลยค่ะ ตัวซุปมันเค็ม ๆ มีรสคาว ๆ อย่างบอกไม่ถูก กินไปนี่ขมวดคิ้วไป ถามตัวเองทุก ๆ สามวินาทีว่า นี่ตูกำลังกินอะไรอยู่ฟะ!? แต่หมึกนั่นก็เคี้ยวกรุบ ๆ มันปากดีค่ะ
พอผ่านกระแสทะเลปีศาจไปแล้ว เราก็มาถึงเกาะเงือก
เป็นซุปชาวเดอร์สาหร่าย ซุปข้นที่เคมี่ทำให้พวกหมวกฟางกินเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น แต่ความซุ่มซ่ามของเคมี่เลยทำออกมาเป็นซุปเย็นซะงั้น ทางร้านจึงนำไปปรับปรุงนิดหน่อยให้กลายเป็นซุปร้อน ๆ ใส่สาหร่าย แครอท และปลาหมึก รับประทานกับขนมปัง
จานนี้อร่อยนะคะ เสียดายมากที่ตอนนั้นดิฉันเจ็บคอเพราะเริ่มเป็นหวัด การกินซุปข้นทำให้คันคอ เริ่มไอ กลัวโดนคุณเชฟไล่ตะเพิดออกจากร้านมากค่ะเลยต้องหยุดกินชั่วคราว พอหายไอก็ช้อนกินแต่เนื้อ เหลือน้ำซุปเอาไว้ เพราะไม่ไหวจะกินจริง ๆ ค่ะ เริ่มไอแล้วจะหยุดยาก
จานสุดท้ายของเซ็ต คือเมนคอร์ส พายเนื้อเป็ด
ได้แรงบันดาลใจจากตอนที่ฟาน เดอ เดคเค่นขว้างเรือโนอาห์ใส่องค์หญิงชิราโฮชิ แล้วพอเจ้าตัวโดนทำร้ายสลบไป เรือโนอาห์ก็ตกลงมา จะโดนเกาะเงือก ลูฟี่ต้องหยุดด้วยการจะทำลายเรือโนอาห์ซะ แต่พวกเจ้าทะเลมาหยุดเอาไว้ได้ก่อน และลากเรือโนอาห์ไป เหตุการณ์ตอนนั้นก็ออกมาเป็นพายเนื้อเป็ดแสนอร่อยจานนี้แหละค่ะ เนื้อเป็ดสับนุ่มชุ่มฉ่ำ รับประทานกับเกรวี่และผักต้ม อร่อยมากค่ะ และเพราะดิฉันกลัวมากว่าเกาะเงือกจะถูกทำลายก็เลยกินจนเกลี้ยงจาน ไม่ต้องถึงมือลูฟี่เลยล่ะค่ะ
จบจากอาหารเย็นก็เป็นมินิเซ็ตของหวานมาล้างปากกันหน่อย ลาเต้กับเค้กทำเป็นรูปผลปีศาจ
ลาเต้ทำลายเป็นสัญลักษณ์ของเชฟขาแดง ส่วนของขนม ตัวฐานอบใส่งาด้วย ด้านบนเป็นมันสีม่วง ขนมมาชิ้นเล็ก พอเหมาะกับคนไม่ชอบกินขนมอย่างดิฉันพอดี รสชาติจัดว่าดีค่ะ ไม่หวาน ดิฉันกินได้
แต่ขนมกับกาแฟนี่ช่างมันเถอะค่ะ เราสั่งมาเพื่อสิ่งนี้!
มาเริ่มทำภัตตาคารลอยทะเล "บาราติเอ" กันเลย
ไม่ยากมาก แต่ใช้เวลาทีเดียวค่ะ ดิฉันทำอยู่วันนึงเต็ม ๆ วิธีทำก็เป็นญี่ปุ่นล้วน แกะเอามั่ว ๆ จากภาพ ไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่ พลาดเยอะ บางอย่างก็ทำไม่ได้อย่างเขา ก็ดัดแปลงเอาบ้าง แต่ออกมามันก็ยังเป็นภัตตาคารตัวปลานะคะ
เสร็จแล้วค่ะ ดิฉันมีบาราติเออยู่ที่บ้านแล้ว! /me ดีใจมว้ากกกก
รวมค่าเสียหายแล้ว จ่ายไป 5,150 เยน ถูกกว่าคราวที่แล้ว และส่วนตัวว่าคุ้มเพราะดิฉันได้บาราติเอกลับไปครอบครองพร้อมรอยยิ้มของน้องกุ๊กชุดขาว
ใครที่มาเที่ยวที่โอไดบะก็อย่าลืมแวะมาทักทายซันจิคุงกับคุณเชฟนะคะ (ขอชื่อกับเบอร์โทรน้องกุ๊กให้ดิฉันด้วย ดิฉันจนใจจะขอด้วยภาษาอังกฤษจริง ๆ ค่ะ )
(เห่อสุด!)
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น