จะทำไงกับเพื่อนแบบนี้ดี

กระทู้คำถาม
สวัสดีค่ะ วันนี้ขอมาตั้งกระทู้ถาม รวมถึงระบายหน่อยๆค่ะ อาจจะยาวหน่อย อ่านให้จบนะคะแล้วก็ช่วย แนะนำวิธีจัดการกับเพื่อนคนนี้ทีค่ะ เหนื่อยกับนางมาก  กับเพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงาน  เล่าเลยละกันนะคะ เรามีเพื่อนที่ทำงานที่สนิทกันแบบ มีอะไรก็ปรึกษา ก็คุยกันทุกเรื่องค่ะอยู่แล้วเป็นเพื่อนรุ่นน้องค่ะ แล้วมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เรากับเอ( สมมุติชื่อน้องเอ แล้วกันนะคะ )ต้องไปบูธที่ห้างค่ะ แล้วเพื่อนรุ่นพี่คนนี้ ให้ชื่อว่าพี่บีแล้วกันนะก็ไปด้วย(พี่บีเค้าอายุเยอะกว่าเรา1ปีค่ะส่วนเออายุน้องกว่าเรา3แต่เราให้เกียรติบีเรียกบีพี่ค่ะ) เขาก็เข้ามาทักมาคุยเราก็เลยสนิทกัน 3 คน ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ เราทำงานหยุดเสาร์-อาทิตย์ เอก็จะชวนไปนั่งขายเสื้อผ้ามือ 2 กันค่ะ เอาเสื้อผ้าตัวเองที่ไม่ได้ใส่แล้วไปนั่งขายกันพี่ บีก็บอกว่าอยากไปด้วยหารายได้ ก็ไปขายกันสนุกๆได้บ้างไม่ได้บ้าง พอสนิทกันมากขึ้นพี่บีก็เริ่มแทนตัวเองว่ากูกับเรากับเอ ซึ่งก่อนหน้านี้เค้าก็จะเรียกชื่อนะค่ะ ก็คิดว่าไม่เป็นไรคงเพราะสนิทกันมากมั้ง  จากนั้นก็ไปขายเสื้อผ้ามือ2ด้วยกันทุกอาทิตย์ค่ะ เราไม่ได้พักแถวเดียวกันเวลานัดเจอกันแฟนเราก็จะขับรถไปส่ง (เราขับไม่เป็น อิอิ) พี่บีก็พูดขึ้นมาว่า กูจะซื้อรถละเวลามาขายของแ...งลำบาก อิ๊บอ๋ายเลย ต้องนั่งแท็กซี่โคตะระเปลือง เราก็ สตั๊นไป 5 วินาที เลยพูดกับพี่บีว่า คำนวณดูดีๆละกันถ้าจะซื้อต้องผ่อนให้ไหวนะ ไม่ใช่แค่คิดว่าคนอื่นมี อยากมีบ้างเสื้อผ้าก็ขายได้ใช่จะเยอะ เค้าก็พูดกับเรา น้ำเสียงออกแนวตะคอกว่า “ตูบริหารเงินเป็น”

หลังจากนั้นประมาณ 4 เดือนพี่บีเค้าก็ได้รถมาขับสมใจค่ะ แต่พี่แกก็ยังขับไม่เป็นนะ หัดขับเองเลยในซอยบ้างออกถนนใหญ่บ้างชนบ้าง เครมมา 4 ครั้ง แล้วพี่แกก็ไปรับเสื้อผ้ามือ1จากประตูน้ำมาขาย ก็เหมือนเดิมได้บ้างไม่ได้บ้าง เวลาจะไปขายของพี่บีแกก็จะโทรไปหาเอตอนบ่าย 2 ให้ไปจองที่ให้หน่อย เอบอกว่าเอไม่ไปเอไม่ได้รับเสื้อผ้ามาขายแล้ว พี่บีตะคอกเอว่า เมิงไปจองให้กูไม่ได้หรือไง อยู่ใกล้แค่นี้เอง เอก็ต้องไป(เพราะโดนด่า555) จากนั้น เดือนแรกหลังจากที่พี่บีมีรถ ก็ผ่านไปด้วยดี (ดีหรือเปล่าไม่รู้)เข้าเดือนที่ 2 กลางเดือนพี่บีเริ่มคุยกับเราเรื่อง หมุนเงินไม่ทันภาระเยอะมาก ทั้งค่าห้องค่ารถ รวม หนึ่งหมื่นสี่พันบาท (เงินเดือนพี่บีแค่ หนึ่งหมื่นห้าพันบาทถ้วนยังไม่หักประกันสังคม) ไม่เหลือเงินใช้เลยทำไงดีวะ เราก็เลยพูดว่า  บอกแล้วว่าให้ดูดีๆก่อนจะซื้อ เป็นงี้ทุกเดือนจะทำไงล่ะ พี่บีก็พูดกับเราว่าแค่เดือนนี้  ตูบริหารเงินเป็น (อวดดีอีกละ) เมิงมีตังให้กูยืมเปล่าเดี๋ยวคืนให้สิ้นเดือน (ตอนแรกก็ว่าจะให้เลยนะสงสารแต่ได้ยินคำว่าตูบริหารเงินเป็นแทบไม่อยากจะให้เลย)เราเลยบอกว่า เดี๋ยวดูให้ จากนั้น สิ้นเดือนที่บริษัทเราก็มีโปรโมชั่นให้พนักงานกู้ยืมเงินระยะการผ่อนชำระสูงสุด 24 เดือน(ปกติ 12 เดือน) พี่บีแกก็มาปรึกษาเราอีกรอบนึงเราก็บอกพี่เขาไปว่า คิดดีๆนะแค่ไม่กู้ก็ไม่มีพอจะใช้แล้ว ตูบริหารเงินเป็น สเต็บเดิม เฮ้อออออเพลีย ไม่รู้จะมาปรึกษาทำไม เอก็มาเล่าให้ฟังอีกว่า พี่บีมายืมตัง เขาไม่พอใช้ เราก็สงสารเค้านะคะ แต่ช่วยอะไรไม่ได้มาก จากนั้นพี่บีก็ดำเนินการกู้เงินได้ตังมาจำนวนนึงไม่เยอะมากแต่นางก็ แฮปปี้นะ เอามาใช้หนี้เรากับเอ เอาไปลงทุนขายเสื้อผ้าเหมือนเดิม มีอยู่วันนึงค่ะนั่งขายเสื้อผ้าด้วยกัน เราก็เลยถามพี่บีว่า
เรา-พี่มีแฟนยังอะ
พี่บี-สตั๊นไป 5 วินาที มีแล้ว
เรา-จริงหรอ
พี่บี-เออ ตูไม่อยากมีหรอก ถ้ามีแล้วเป็นแบบเมิงอะ
เรา-เป็นแบบหนูมันเป็นยังไงเหรอ
พี่บี-ไม่มีจะกิน จะมีไปทำไม
เอ-พี่ไปรู้ได้ไงว่าเขาไม่มีจะกิน
เรา-หนูก็ไม่เคยยืมเงินใครกินนะ มีให้เก็บทุกเดือนไม่เคยเดือนร้อน
พี่บี-......................
วันนั้นก้อผ่านไปด้วยการไม่คุยกันเลย เราก็คุยกับเอ อย่างเดียว หลังจากนั้นเงินที่พี่แกกู้มาก็หมดค่ะ ภายใน1 มาปรึกษาเหมือนเดิม เงินไม่พอใช้จะลาออกไปขายเสื้อผ้าอย่างเดียว ทำงานบริษัท ไม่พอใช้ไม่มีเวลาขายของ ขายของดีกว่า เราก็บอกพี่แกไปว่า ทำงานไปด้วยดีแล้วอย่างน้อยก็ยังมีเงินเดือนประจำไว้ผ่อนรถจ่ายค่าห้องเค้าก็บอกว่าไม่พอหรอก เราก็เลยบอกว่าตามใจโตแล้ว ผ่านไป2เดือนเราทำเรื่องซื้อบ้านผ่าน แล้วก็ย้ายเข้าไปอยู่บ้านเลย พี่บีก็ถามเราว่า เป็นไงบ้างล่ะบ้าน แมวชอบมั้ย เราก็เลยตอบไปว่า ไม่รู้สิถ้าพี่คุยกับแมวรู้เรื่องมาถามให้หน่อย พี่แกก็เงิบไป วันต่อมา เอมาเล่าให้ฟังว่าพี่บีจะขายรถมาซื้อบ้านแล้ว รู้หรือยัง เราก็ตกใจ เพราะพี่แกได้รถมาเองจะขายแล้วเหรอ เอบอกกับเราว่า เขาบอกว่าจะเลิกขายของแล้วรถก็ไม่ได้ใช้ซื้อบ้านดีกว่า ต่อจากวันนี้พี่บีก็มาถามเราเกี่ยวกับเรื่องกู้บ้านค่ะ เราก็บอกแกไปแอบพูดเปรยๆว่า มีรถแล้วคงทำเรื่องไม่ได้เงินเดือนไม่ถึง 2 หมื่นเลย ภาระเยอะ พี่บีก็เลยบอกเราว่าจะขายรถแล้วก็จะทำเรื่องยื่นกู้ซื้อบ้าน เราก็เลยถามกลับไปว่าจะไหวป่าว ผ่อนต่อเดือนเยอะนะ แค่นี้พี่ยังไม่ไหวแล้ว พี่บีก็ตอบกลับมาว่า ตูมีพี่น้อง บริหารเงินได้ เราก็เลยบอกว่า อืมมมมมมมมมมมมมมแล้วแต่เลย  พี่จะมาซื้อตามหนูอะได้แต่ต้องดูกำลังตัวเอง หนูมีแฟน ช่วยกันผ่อนได้ พอไปได้ ไม่ขัดสน แต่ถ้าพี่คิดว่าไหว แล้วแต่เลยเตือนเพราะหวังดี เค้าก็บอกว่า เออ ห่วงชีวิตเมิงเถอะ เค้าก็ไปพูดเรื่องเราให้เอฟังว่า เราผ่อนเยอะจะไหวเหรอ ทั้งบ้านทั้งรถ จะเอาไรแด...เอก็มาเล่าให้เราฟัง55555เรากับเอสนิทกันมาก  เอพูดกับเราว่า พี่บีเค้ากลัวแกได้ดีกว่า เห็นมั้ยตอนแกมีรถเค้าก็ไปดาวน์รถมาขับ เห็นแกซื้อบ้านก็ จะซื้อตามอีก เราก็เลยบอกว่า คนเราต่างความคิด อย่าทำแบบนั้นนะเอ เอาตามกำลังและแรงเราไหว อย่าทำอะไรเกินตัว เพราะไม่มีใครช่วยอะไรเราได้หรอก ทุกวันนี้พี่บีก็ยังหมุนเงินกับเราอยู่ ยืมวันนี้ อีก 2 วันเอามาคืนแล้วก็ยืมใหม่ แต่พูดกับเราเสมอว่า ตูบริหารเงินเป็น  เราไม่รู้ว่าจะพูดกับเค้ายังไงดีเราเคยบอกกับพี่บีไปแล้วว่าตัดภาระที่ไม่จำเป็นออกบ้างเพราะทุกวันนี้ หนี้นางเยอะกว่าเงินเดือนแล้ว  มาทำงานพี่บีแกก็จะซื้อข้างกล่องๆละ 25 บาทกินแค่ครึ่งนึงเหลือครึ่งนึงเก็บไว้กินตอนเที่ยงบางทีกับข้าวเสียกลิ่นออกมาเตะจมูกเลยพี่แกก็จะบอกว่ามีกลิ่นนิดหน่อยไม่เป็นไร กินได้ ตอนบ่ายหิวพี่แกก็จะไลน์มาถามว่ามีไรกินบ้างหิว ก็จะบอกนางให้มาเอาขนมไปกิน บ้างเราไม่รู้จะพูดกับพี่แกยังไงแล้วค่ะ เค้าดื้อมาก คนที่แผนกพี่แกก็ไม่มีใครอยากจะคุยกับแก แกพูด ไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่ ปากยิ่งกว่าแม่ค้า

ส่วนเอนั้น ไม่คุยกับพี่บีเลยค่ะ ถ้าพี่บีไม่ทัก มันบอกว่าเกลียดมาก ชอบด่า ชอบใช้มัน แล้วว่ามันว่ามันขี้เกียจ ไม่ไปขายของด้วย เอบอกว่า เค้าชวนเพราะเค้าหาคนหารค่าที่ เราก็ไม่มีของจะขายแล้วเลยไม่ไปแต่เค้าไม่เข้าใจ เราเลย ส่วนตัวจขกท.นั้นไม่ไปขายด้วยตั้งแต่นานแล้ว ไม่ชอบพี่แกชอบใช้จิงๆอ่าแหละ555555
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่