review: The Good Dinosaur ผจญภัยไดโนเสาร์เพื่อนรัก
ไม่แย่ แต่ไม่สนุก ไม่ประทับใจ ไม่ชอบ เป็น Pixar Animation ที่ไม่รู้สึกว่าน่าจดจำเลย ... ไม่โอเคตั้งแต่หนังสั้นที่ฉายปะหน้าแล้ว
.
ไอเดียเริ่มต้นของเรื่องนี้คือ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอุกกาบาตไม่ได้ชนโลก และไดโนเสาร์มีชีวิตยืนยาวต่อมาอีกหลายล้านปี ... ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องนี้นี่จินตนาการเลยว่าจะต้องสนุกแน่ ๆ คงจะได้เห็นไดโนเสาร์อยู่ร่วมกับมนุษย์ยุคปัจจุบัน มี gag ล้ำ ๆ ฮา ๆ ตามประสาดิสนีย์และพิกซาร์ที่เราต้องอุทานว่า "เฮ้ย! คิดได้ไงเนี่ย" ฯลฯ
.
แต่เนื้อหาจริง ๆ ไม่ใช่แบบนั้น หนังโฟกัสไปที่ไดโนเสาร์คอยาวนิสัยปอดแหกชื่อ อาร์โล ที่กลัวทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ลูกไก่ไปจนถึงฟ้าผ่า ... ครอบครัวของอาร์โลตั้งรกรากอยู่ในหุบเขา ปลูกกระท่อมไว้พักอาศัย แล้วก็ทำไร่ข้าวโพดเลี้ยงชีพ ... แต่แล้วก็เกิดอุบัติเหตุที่ทำให้อาร์โลต้องพลัดพรากจากบ้าน และออกผจญภัยไปกับเด็กมนุษย์ถ้ำชื่อ สป็อต เพื่อหาทางกลับบ้าน
.
มันคือหนังแนว Coming of Age ที่สอนผู้ชมวัยเด็กให้รู้ว่าการโตเป็นผู้ใหญ่มันเป็นยังไง พูดถึงมิตรภาพ ครอบครัว และความกล้าหาญแบบหน่อมแน้ม ไร้มิติอย่างสิ้นเชิง ... ไอเดียที่แปลกใหม่ในเรื่องนี้คือให้ไดโนเสาร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา คิดและพูดได้แบบคนเรา ปลูกบ้าน ทำไร่ไถนา บางตัวก็ออกไปเลี้ยงวัวเลี้ยงควายตามทุ่งหญ้า ... ส่วนเหล่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหลาย (ซึ่งเกิดขึ้นหลังไดโนเสาร์หลายล้านปี) ก็กลายเป็นสัตว์เลี้ยง แม้กระทั่งมนุษย์ที่มีพฤติกรรมคล้าย ๆ กับหมาน้อย มีเห่าหอน รักและปกป้องเจ้านาย อะไรอย่างนี้
.
มีไดโนเสาร์ในเรื่องน้อยมาก ๆ .. นับแล้วน่าจะแค่ 5-6 สายพันธุ์ และดีไซน์ก็กะโหลกกะลา ไม่สวยเลย ... นอกจากอาร์โลแล้ว ไดโนเสาร์อื่น ๆ คือตัวประกอบที่ถ้าตัดออกไปก็ไม่มีผลอะไรกับเนื้อหา โดยเฉพาะพี่ ๆ ของอาร์โลที่ไม่ต้องมีเลยก็ยังได้ ... เสียดายตัวไดโนเสาร์สามเขา ที่ออกมาเรียกเสียงฮาแบบมึน ๆ แค่ไม่กี่นาที แล้วก็ไม่มีบทอีกเลย ทั้ง ๆ ที่ตัวนี้โผล่อยู่บนโปสเตอร์หนังด้วย
.
จุดดีของหนังคืองานด้านภาพที่สวย สมจริง ให้บรรยากาศทวีปอเมริกาเหนือตอนกลาง อีกทั้งการบิ๊วอารมณ์ซึ้งซึ่งทำได้ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไร เพราะทั้งหมดมันก็เป็นไปตามสูตรหนังเฟรนด์ชิพที่ต้องมีฉากเสียสละและพลัดพราก ไม่มีอะไรใหม่ ซึ้งก็จริง แต่ดูแล้วก็เฉย ๆ ไม่ต่างอะไรจากหนังแนวนี้เรื่องอื่น ๆ
.
ภาพรวมของหนังเหมือนเอาหนังหลายเรื่องมาผสมกัน ... ช่วงแรก ๆ ทำให้คิดถึงบางฉากใน The Lion King ... ช่วงกลางเหมือนหนังคาวบอย ... ส่วนช่วงท้ายนี่ลอก Ice Age ภาคแรกมาชัด ๆ!!
.
สรุปคือไม่แย่ขนาดผิดหวัง แต่มันไม่สนุก ไม่มีอะไรแปลกใหม่ และไม่ทำให้รู้สึกว่านี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าไดโนเสาร์ไม่สูญพันธุ์เลย เหมือนแค่ว่าสร้างตัวละครให้เป็นไดโนเสาร์แทนที่จะเป็นมนุษย์เท่านั้น ... ถ้าจะให้ดี แนะนำว่าหาเรื่อง "Dinosaur" ที่ฉายเมื่อปี 2000 มาดูจะดีกว่า นั่นคือหนังจากดิสนีย์ที่มอบความบันเทิงในธีมไดโนเสาร์ได้สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
#TheGoodDinoTH
-----------------------------------------------------
หนังสั้นที่ฉายปะหน้าเรื่องนี้ ชื่อว่า Sanjay's Superteam สร้างจากเรื่องจริงตอนเด็ก ๆ ของทีมงานพิกซาร์คนนึงที่ทะเลาะกับพ่อเพราะอยากดูการ์ตูนฮีโร่ แต่พ่อก็เอาแต่จะชวนมาสวดมนต์ ... ภาพสวยและแปลกดี แต่ดูแล้วไม่ได้อะไรจากเรื่องนี้เลย ไม่เข้าใจว่าสร้างมาทำไม จะสื่ออะไร เหมือนแค่อยากเผยแพร่เทพเจ้าของอินเดีย แค่นั้น ..... คุณภาพต่างจาก LAVA เมื่อกลางปีราวฟ้ากับเหว
The Good Dinosaur ผจญภัยไดโนเสาร์เพื่อนรัก
ไม่แย่ แต่ไม่สนุก ไม่ประทับใจ ไม่ชอบ เป็น Pixar Animation ที่ไม่รู้สึกว่าน่าจดจำเลย ... ไม่โอเคตั้งแต่หนังสั้นที่ฉายปะหน้าแล้ว
.
ไอเดียเริ่มต้นของเรื่องนี้คือ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอุกกาบาตไม่ได้ชนโลก และไดโนเสาร์มีชีวิตยืนยาวต่อมาอีกหลายล้านปี ... ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องนี้นี่จินตนาการเลยว่าจะต้องสนุกแน่ ๆ คงจะได้เห็นไดโนเสาร์อยู่ร่วมกับมนุษย์ยุคปัจจุบัน มี gag ล้ำ ๆ ฮา ๆ ตามประสาดิสนีย์และพิกซาร์ที่เราต้องอุทานว่า "เฮ้ย! คิดได้ไงเนี่ย" ฯลฯ
.
แต่เนื้อหาจริง ๆ ไม่ใช่แบบนั้น หนังโฟกัสไปที่ไดโนเสาร์คอยาวนิสัยปอดแหกชื่อ อาร์โล ที่กลัวทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ลูกไก่ไปจนถึงฟ้าผ่า ... ครอบครัวของอาร์โลตั้งรกรากอยู่ในหุบเขา ปลูกกระท่อมไว้พักอาศัย แล้วก็ทำไร่ข้าวโพดเลี้ยงชีพ ... แต่แล้วก็เกิดอุบัติเหตุที่ทำให้อาร์โลต้องพลัดพรากจากบ้าน และออกผจญภัยไปกับเด็กมนุษย์ถ้ำชื่อ สป็อต เพื่อหาทางกลับบ้าน
.
มันคือหนังแนว Coming of Age ที่สอนผู้ชมวัยเด็กให้รู้ว่าการโตเป็นผู้ใหญ่มันเป็นยังไง พูดถึงมิตรภาพ ครอบครัว และความกล้าหาญแบบหน่อมแน้ม ไร้มิติอย่างสิ้นเชิง ... ไอเดียที่แปลกใหม่ในเรื่องนี้คือให้ไดโนเสาร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา คิดและพูดได้แบบคนเรา ปลูกบ้าน ทำไร่ไถนา บางตัวก็ออกไปเลี้ยงวัวเลี้ยงควายตามทุ่งหญ้า ... ส่วนเหล่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหลาย (ซึ่งเกิดขึ้นหลังไดโนเสาร์หลายล้านปี) ก็กลายเป็นสัตว์เลี้ยง แม้กระทั่งมนุษย์ที่มีพฤติกรรมคล้าย ๆ กับหมาน้อย มีเห่าหอน รักและปกป้องเจ้านาย อะไรอย่างนี้
.
มีไดโนเสาร์ในเรื่องน้อยมาก ๆ .. นับแล้วน่าจะแค่ 5-6 สายพันธุ์ และดีไซน์ก็กะโหลกกะลา ไม่สวยเลย ... นอกจากอาร์โลแล้ว ไดโนเสาร์อื่น ๆ คือตัวประกอบที่ถ้าตัดออกไปก็ไม่มีผลอะไรกับเนื้อหา โดยเฉพาะพี่ ๆ ของอาร์โลที่ไม่ต้องมีเลยก็ยังได้ ... เสียดายตัวไดโนเสาร์สามเขา ที่ออกมาเรียกเสียงฮาแบบมึน ๆ แค่ไม่กี่นาที แล้วก็ไม่มีบทอีกเลย ทั้ง ๆ ที่ตัวนี้โผล่อยู่บนโปสเตอร์หนังด้วย
.
จุดดีของหนังคืองานด้านภาพที่สวย สมจริง ให้บรรยากาศทวีปอเมริกาเหนือตอนกลาง อีกทั้งการบิ๊วอารมณ์ซึ้งซึ่งทำได้ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไร เพราะทั้งหมดมันก็เป็นไปตามสูตรหนังเฟรนด์ชิพที่ต้องมีฉากเสียสละและพลัดพราก ไม่มีอะไรใหม่ ซึ้งก็จริง แต่ดูแล้วก็เฉย ๆ ไม่ต่างอะไรจากหนังแนวนี้เรื่องอื่น ๆ
.
ภาพรวมของหนังเหมือนเอาหนังหลายเรื่องมาผสมกัน ... ช่วงแรก ๆ ทำให้คิดถึงบางฉากใน The Lion King ... ช่วงกลางเหมือนหนังคาวบอย ... ส่วนช่วงท้ายนี่ลอก Ice Age ภาคแรกมาชัด ๆ!!
.
สรุปคือไม่แย่ขนาดผิดหวัง แต่มันไม่สนุก ไม่มีอะไรแปลกใหม่ และไม่ทำให้รู้สึกว่านี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าไดโนเสาร์ไม่สูญพันธุ์เลย เหมือนแค่ว่าสร้างตัวละครให้เป็นไดโนเสาร์แทนที่จะเป็นมนุษย์เท่านั้น ... ถ้าจะให้ดี แนะนำว่าหาเรื่อง "Dinosaur" ที่ฉายเมื่อปี 2000 มาดูจะดีกว่า นั่นคือหนังจากดิสนีย์ที่มอบความบันเทิงในธีมไดโนเสาร์ได้สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
#TheGoodDinoTH
-----------------------------------------------------
หนังสั้นที่ฉายปะหน้าเรื่องนี้ ชื่อว่า Sanjay's Superteam สร้างจากเรื่องจริงตอนเด็ก ๆ ของทีมงานพิกซาร์คนนึงที่ทะเลาะกับพ่อเพราะอยากดูการ์ตูนฮีโร่ แต่พ่อก็เอาแต่จะชวนมาสวดมนต์ ... ภาพสวยและแปลกดี แต่ดูแล้วไม่ได้อะไรจากเรื่องนี้เลย ไม่เข้าใจว่าสร้างมาทำไม จะสื่ออะไร เหมือนแค่อยากเผยแพร่เทพเจ้าของอินเดีย แค่นั้น ..... คุณภาพต่างจาก LAVA เมื่อกลางปีราวฟ้ากับเหว