สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ พันทิป ทุกคนนน อันนี้เป็นทู้แรกในชีวิต หลังจากแอบอยู่ในพันทิปมานานมาก นึกอะไรไม่ออกก็มาหา ข้อมูลแถวนี้ตลอด วันนี้เลยอยากจะคืนกำไร สู่สังคมบ้าง จะมาบอกเล่าเรื่องราวการท่องเที่ยว ตรัง เพื่อเป็นข้อมูลให้เพื่อนๆ ที่สนใจ ได้ลองเก็บข้อมูลกันนะจ๊ะ หากตกหล่นตรงไหนไป ต้องขออภัยด้วยนะจ๊ะ
เริ่ม !
ทริปนี้เกิดจากอารมณ์ล้วนอยากไปเที่ยวทะเล และมีโปรแอร์ เอเชีย (โปร หรือเปล่า ไม่รู้นะ แต่ค่าตั๋ว ไป - กลับ 2 คน ก็เกือบๆ 5,000 บาท ฮือๆๆ) ครั้งนี้ตก เพื่อนร่วมทางได้ 1 คนจ้าา จองตั้งแต่มีนาคม ออกเดินทาง 20 พฤศจิกายน ช่วงเวลาท่องเที่ยวสำหรับทริปนี้มีเวลาทั้งหมด 3 วัน 2 คืน และขขอแนะนำว่าช่วงเวลาที่เหมาะกับการเที่ยวตรัง คือเดือนพฤศจิกายน ถึงต้นเดือนพฤษภาคม (จะได้มีโอกาสลอดถ้ำมรกตพอดี)
คร่าวๆ ก็หาข้อมูลในพันทิป และ อากู๋ ว่ามีที่เที่ยวที่ไหนน่าไปบ้างและที่พักราคาเบาๆ หาไปหามาดันเจอเว็บไซต์ทัวร์จังหวัดตรัง มีโปรโมชั่นจองที่พัก พร้อมเที่ยว จร้า มาแบบแพ็คคู่ ขนาดนี้ มิสามารถปล่อยผ่านได้ จริงๆ รายละเอียดแพ็คเกจทัวร์ก็คือ เที่ยว + ดำน้ำ 4 เกาะ เที่ยวบนบกประมาณ 5 ที่ และ ก็พักโรงแรมในเมืองติดสถานนีรถไฟตรัง 3 วัน 2 คืนข่า คือ ก็เอาแผนงานไปเสนอเพื่อน นางโอเค ก็จองทัวร์ จ่ายเงิน เรียบร้อย ล่วงหน้า 1 อาทิตย์ พร้อมลุยจ้า (ปล. นี่แนบรายละเอียดทัวร์มาด้วยนะ
http://www.talaytrang.com)
วันแรกของการเดินทาง
ไปถึงสนามบินดอนเมือง 07.00 น. เช็คอินออนไลน์เรียบร้อย เหลือพิมพ์ Boarding pass รอเครื่องออก
แปร๊นๆๆๆ เครื่องบินล่อนขึ้นตั้งแต่ 8.00 เวลาผ่านไป ถึงท่าจอดเครื่องบิน จังหวัดตรัง แล้วจ้า วันที่ไปถึงตรัง อากาศดีมากๆ ไม่มีฝนแดดไม่แรงมากเท่าไหร่ วันนี้พี่เขาก็โทรมาบอกและว่าจะมารอรับ เพราะเราก็บอกเขาว่าจะไปถึงกี่โมง เสร็จแล้วพี่เขาก็ไปเอารถ เอ้าเป็นรถเก๋งอ่ะ พี่เขาก็อธิบายว่า มีกรุ๊ปใหญ่เขาไปเที่ยวก่อนหน้าเราแล้ว เรา 2 คนกะเพื่อน เลยได้เที่ยวแถมไกด์ส่วนตัว อิอิ เริ่มภารกิจเที่ยวบนบก ตั้งแต่ 9.30 น. จ้า
สถานที่เที่ยวที่แรก คือถ้ำเล ได้ไปลอดท้องมังกรด้วย ต้องนั่งเรือเข้าไปดูหินงอกหินย้อย (ตอนพี่เขาพายเรือเขาก็บอกว่าถ้ำเนี้ยประกอบด้วยภูเขาปูน 3 ลูกติดกัน แน่ะ) และ ลอดท้องมังกร เรือลำหนึ่งต้องนั่งประมาณ 5 คน แต่เรากับเพื่อนแค่ของคน เรือเลยลอย เวลาไปลอดท้องมังกร เลยค่อนข้างลำบากดันเรืออย่างทุลักทุเล (เพราะเรือมันลอยแทบจะถึงเพดานถ้ำอ่ะ แนะนำว่าใครไม่ชอบที่แคบ ที่มืด ถ้ำเลไม่ใช่สำหรับคุณแน่ๆ) หินย้อย เฉี่ยวหน้า ซ้ายที ขวาที ยิ่งกว่า fast อีกจ้า และที่สำคัญคือ ลุ้นโคดดดดดดดดดดดดดดดด พี่คนเรือบอกว่าตามความเชื่อคนที่ได้ลอดใต้ท้องมังกรทองออกไปได้ จะเหมือนเกิดใหม่ มีชีวิตที่ดี สดใส ซาบซ่า ไร้ทุกข์ โศก โรคภัย
ที่ที่สองคือ ชมบ้านของพระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี (ประวัติท่านน่าสนใจมาก เป็นผู้ริเริ่มให้นำต้นยางพารามาปลูกในภาคใต้เลย พี่ไกด์บอกว่าคนตรังรักและเคารพท่านมาก คือทุกบ้านจะมีรูปท่านเลยล่ะ) บ้านท่านอากาศดี ร่มรื่น และไม่ได้ใหญ่เว่อวัง อะไรเลย แต่เหมือนบ้านชาวบ้านทั่วไป ในพิพิธภัณฑ์จะมีบอกเล่าเรื่องราว ความเป็นมาของตระกูล และ ผลงานที่ท่านได้ทำไว้ให้คนรุ่นหลังได้ระลึกถึงกัน จ้ะ ขากลับไกด์พาไปดูต้นยางต้นแรกของไทยดั้ว ต้นเล็กนิดเดียว อายุกว่า 100 ปี (แต่ไม่ได้ถ่ายรุปไว้อ่ะ)
สถานที่ถัดไปคือ สถานีรถไฟกันตัง สถานีปลายทางสุดท้าย ท้ายสุดของเขตแดนใต้จ้ะ คือเมื่อก่อนสถานีนี้ อยู่ติดทะเลเลยล่ะ เพราะว่าเป็นเมืองท่า สำหรับขนส่งสินค้า แต่ต่อมาพอย้ายเมืองท่าไปจังหวัดอื่นเขาก็ถมที่ปลูกสร้างบ้านเรือน จนเดี๋ยวนี้สถานีนี้ไม่ได้ติดทะเลแล้ว บรรยากาศยังมีกลิ่นอายของความย้อนยุค ความโบราณคลาสสิค เหมาะกับการไปถ่ายรูป และ ซึมซับบรรยากาศ ที่สำคัญเขามีห้องสมุดรถไฟด้วยนะคะ แอร์เย็นฉ่ำหนังสือเยอะ พอสมควร ส่วนใหญ่เป็นหนังสือเด็กๆ
สถานีต่อไปสวนพฤกษชาติ ของจังหวัดตรังจร้า ตอนแรกคิดว่าเหมือนสวนรถไฟมีแต่ต้นไม้เฉยๆ ๕๕๕ แต่พอเข้าไปในสวนป่า กลับรู้สึกว่านี่คือป่าจริงๆ มีความเป็นป่า มีป้ายติดชื่อต้นไม้ต่างๆ และให้ข้อมูลความรุ้แบบคร่าวๆ ต้นไม้แปลกที่เราไม่รู้จักเยอะมาก และ ต้นไม้ต้นใหญ่เต็มไปหมด สมุนไพรก็เยอะแยะ ธรรมชาติมาก อุดมสมบูรณ์มาก และมีหอคอยต่างระดับเชื่อมเป็นสะพานให้ไต่ไล่ระดับความสูงขึ้นไปชมผืนป่าโดยรอบ เป็นสถานที่ที่ควรไปเลยล่ะ
ช่วงเย็นของวันแรกไกด์พากลับที่พักตอนประมาณ 17.00 น.
ตกเย็นค่ำ ท้องร้องประท้วงให้เราออกไปข้างนอกอีกแล้ว โชคดีมากที่พักที่เราจองไว้ในแพ็คเกจ อยู่ในเมือง ใกล้สถานีรถไฟตรัง ตอนเย็นจะมีตลาดนัดตรงสถานีรถไฟ เราก็ออกไปลุยหาของกินง่ายมาก
ร้านข้าวก็ขายไม่แพง สนใจร้านไหนเข้าไปจัดได้เลย ราคาไม่แพง ที่สำคัญให้ข้าวและกับเยอะมากๆ คืออิ่มและดีงามมาก ตบท้ายด้วยขนมหวานที่ขายในตลาดอีกทีนึง มีความสุขสุดๆ พอจัดของกินตรงตลาดนัดรถไฟเสร็จ ก็เดินไปหาร้านน้ำชาวัยโจ๋ เลยสี่แยกไฟแดงไป พี่ไกด์บอกว่าร้านนี้วัยรุ่นมาทานเยอะมาก ร้านนี้จะขายพวกน้ำหวานต่างๆ และ โรตี ลองสั่งมาทานก็อร่อยดี จบวันแรกด้วยการอัดของกินเต็มที่สุดๆ
วันที่ 2 ได้เวลาท่องทะเล ดำน้ำดูปะการัง ใช้ชีวิตแบบช้าๆ ที่ตรัง
ตอนเช้าท่าเรือปางเม็ง ประมาณ 9.30 น.
วิวท่าเรือ
ภารกิจที่ 1 นั่งเรือไปเล่นน้ำที่แรกเลย คือถ้ำมรกตอ(ที่เกาะมุก) ลูกเรือก็ต้องเกาะประคองกันลงไปเพื่อว่ายน้ำลอดเข้าถ้ำ เพื่อไปเจอหาดทรายสวยๆ คือต้องบอกว่าวันที่เราไปเป็นช่วงวันหยุดคนเยอะมาก พอลอดถ้ำไปถึงหาดแทนที่จะเห็นหาดฟินๆ ดันมีแต่นักท่องเที่ยวเต็มไปหมด เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปสักเท่าไหร่
ลานโล่งหลังจากลอดผ่านถ้ำมรกตมาแล้ว
สีของหาดทรายที่เกาะมุก
ภารกิจที่ เกาะกระดาน หาดสวย ทรายขาววิ้งๆๆๆ น้ำใสน่าเล่นมาก เกาะนี้จะมีบ้านพักบนเกาะด้วย คนพักเยอะมาก ทั้งชาวไทยและต่างชาติ แต่ที่เห็นส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ส่วนตัวบ้านพัก หรือรีสอร์ท จะอยู่ติดกับหาดเลย บรรยากาศดี เหมาะสำหรับมานอนเล่น พักผ่อน เปลี่ยนที่นอน
ปล. ช่วงกลางวันกินบุฟเฟ่ต์บนเรือจ้า ทัวร์เขาจัดไว้ให้
ภารกิจต่อมา ไปดำน้ำ ที่เกาะเชือก เกาะม้า ทะเลแถวนี้ยังอุดมสมบูรณ์มาก มีสัตว์ใต้ท้องทะเลน่ารักๆ และปะการัง สีสันสดใส หลากหลายมาก
ใครที่เป็นมือใหม่ หัดเที่ยว อยากดำน้ำ แบบตื้น แนะนำที่นี่เลย ขนาดเราที่ว่ายน้ำไม่เป็น ยังรู้สึก สนุก และเพลิน จนลืมกลัวเลยล่ะ
กิจกรรมทัวร์วันนี้จบกระบวนการทั้งหมดเวลาประมาณ 16.30 น. ต้องอำลาทะเล ปลาน้อย และ ปะการัง เพื่อขึ้นฝั่ง แต่ระหว่างทางก็ยังมีความสวยงามของทะเล ให้เราเห็นอยู่ดี
ช่วงเย็นรถตู้มาส่งที่โรงแรม เราปฎิบัติภารกิจเรียบร้อย ท้องร้องประท้วงหาอะไรเข้าปากอีกแล้ว วันนี้ต้องจัดร้านที่เขาว่าดี ชื่อร้านตามรูปจ้า
ร้านนี้อาหารถือว่าอร่อยดีค่ะ ติ่มซำก็อร่อย กับข้าวคาว ก็แซ่บใช้ได้ ถ้าได้ไปตรังอีกก็อาจจะแวะไปทานอีกค่ะ (ราคาค่อนข้างสูงสำหรับการเที่ยวประหยัดแบบเราค่ะ)
กินข้าวเย็นเสร็จ ต้องไปเดินย่อย ที่เซ็นเตอร์พ้อยท์ ตรังสินะ ข้างๆ ศาลากลางเลยค่ะ เราเดินจากร้านอาหารไปเลย ถือเป็นการย่อยเพื่อไปจัดของกินที่เซ็นเตอร์พ้อยท์ (อารมณ์ตลาดนัดกลางคืนแถวบ้านเราค่ะ แต่ที่ชอบคือมีน้ำมะม่วงเบาด้วย และ ของขายถูก)
หลังจากกินรอบสองที่ตลาดนัดกลางคืนเสร็จแล้วเป็นอันจบพิธีฯ เข้านอนแบบสบายใจ เพื่อเตรียมกำลังหิ้วของฝากวันรุ่งขึ้น
เช้าของวันที่ 3 เดินจากโรงแรม ไปจัดขนมเปี๊ยะซอย 9 ระหว่างรอขนมก็กินจนอิ่มเลยจ้า จากนั้นไปซื้อเค้กไข่ที่ร้านเลิศรส สาขา2 ที่ใกล้ๆ กับร้านกุหลาบ(ร้านเบเกอรี่ชื่อดัง และ เก่าแก่ในตรัง) พอดีวันที่เราไปร้านกุหลาบปิด ปรากฎว่าเค้กแยมส้มเลิศรส เริ่ดสมชื่อ อร่อยมากจ้า ถ้าได้ไปอีกจะซื้อกลับมาอีกเยอะๆ เลยทุกคนที่ได้ชิมพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อย เว่อๆๆๆ และไม่ลืมแวะกินข้าวหมูย่างเมืองตรังร้านดังย่านนั้น ปรากฎว่าไม่ใช่ทางเราอย่างแรง มันหมูค่อนข้างเยอะ ใครไม่ชอบทานมันๆ อาจจะไม่ถูกใจนะจ๊ะ ระหว่างเดินทางกลับที่พัก ก่อนถึงโบสถ์เก่าแก่ของตรัง เราได้แวะร้านขายของมือ2 มีของให้เลือกไม่เยอะแต่เพื่อนได้กระเป๋ามา 3 ใบ จ่ะ หมดไปเหนาะ 150 บาท ดีงามมาก
จากนั้นก็แว้นมอเตอร์ไซค์ รับจ้างกลับโรงแรม เพราะโปรยลงมาแล้ว
สุดท้ายนี้ไม่อยากจะเอ่ยเลยตรังจ๋า เราคงต้องจากกันแล้ว ขอบคุณที่ให้ประสบการณ์ดีๆ กับเรานะ หากเพื่อนๆ คนไหนมีคำถาม ยิงคำถามได้เลยนะคะ จะแวะมาตอบ และขออภัยที่มาต่อกระทู้ล่าช้า เนื่องจากติดภารกิจ ค่ะ ทั้งนี้ขอบคุณพันทิป แหล่งข้อมูลดีๆ ที่ทำให้เราได้ประสบการณ์ดีๆ จากการเที่ยวครั้งนี้ค่ะ
[CR] หนีงาน...มาหา...ตัง (ตรัง)
เริ่ม !
ทริปนี้เกิดจากอารมณ์ล้วนอยากไปเที่ยวทะเล และมีโปรแอร์ เอเชีย (โปร หรือเปล่า ไม่รู้นะ แต่ค่าตั๋ว ไป - กลับ 2 คน ก็เกือบๆ 5,000 บาท ฮือๆๆ) ครั้งนี้ตก เพื่อนร่วมทางได้ 1 คนจ้าา จองตั้งแต่มีนาคม ออกเดินทาง 20 พฤศจิกายน ช่วงเวลาท่องเที่ยวสำหรับทริปนี้มีเวลาทั้งหมด 3 วัน 2 คืน และขขอแนะนำว่าช่วงเวลาที่เหมาะกับการเที่ยวตรัง คือเดือนพฤศจิกายน ถึงต้นเดือนพฤษภาคม (จะได้มีโอกาสลอดถ้ำมรกตพอดี)
คร่าวๆ ก็หาข้อมูลในพันทิป และ อากู๋ ว่ามีที่เที่ยวที่ไหนน่าไปบ้างและที่พักราคาเบาๆ หาไปหามาดันเจอเว็บไซต์ทัวร์จังหวัดตรัง มีโปรโมชั่นจองที่พัก พร้อมเที่ยว จร้า มาแบบแพ็คคู่ ขนาดนี้ มิสามารถปล่อยผ่านได้ จริงๆ รายละเอียดแพ็คเกจทัวร์ก็คือ เที่ยว + ดำน้ำ 4 เกาะ เที่ยวบนบกประมาณ 5 ที่ และ ก็พักโรงแรมในเมืองติดสถานนีรถไฟตรัง 3 วัน 2 คืนข่า คือ ก็เอาแผนงานไปเสนอเพื่อน นางโอเค ก็จองทัวร์ จ่ายเงิน เรียบร้อย ล่วงหน้า 1 อาทิตย์ พร้อมลุยจ้า (ปล. นี่แนบรายละเอียดทัวร์มาด้วยนะ http://www.talaytrang.com)
วันแรกของการเดินทาง
ไปถึงสนามบินดอนเมือง 07.00 น. เช็คอินออนไลน์เรียบร้อย เหลือพิมพ์ Boarding pass รอเครื่องออก
แปร๊นๆๆๆ เครื่องบินล่อนขึ้นตั้งแต่ 8.00 เวลาผ่านไป ถึงท่าจอดเครื่องบิน จังหวัดตรัง แล้วจ้า วันที่ไปถึงตรัง อากาศดีมากๆ ไม่มีฝนแดดไม่แรงมากเท่าไหร่ วันนี้พี่เขาก็โทรมาบอกและว่าจะมารอรับ เพราะเราก็บอกเขาว่าจะไปถึงกี่โมง เสร็จแล้วพี่เขาก็ไปเอารถ เอ้าเป็นรถเก๋งอ่ะ พี่เขาก็อธิบายว่า มีกรุ๊ปใหญ่เขาไปเที่ยวก่อนหน้าเราแล้ว เรา 2 คนกะเพื่อน เลยได้เที่ยวแถมไกด์ส่วนตัว อิอิ เริ่มภารกิจเที่ยวบนบก ตั้งแต่ 9.30 น. จ้า
สถานที่เที่ยวที่แรก คือถ้ำเล ได้ไปลอดท้องมังกรด้วย ต้องนั่งเรือเข้าไปดูหินงอกหินย้อย (ตอนพี่เขาพายเรือเขาก็บอกว่าถ้ำเนี้ยประกอบด้วยภูเขาปูน 3 ลูกติดกัน แน่ะ) และ ลอดท้องมังกร เรือลำหนึ่งต้องนั่งประมาณ 5 คน แต่เรากับเพื่อนแค่ของคน เรือเลยลอย เวลาไปลอดท้องมังกร เลยค่อนข้างลำบากดันเรืออย่างทุลักทุเล (เพราะเรือมันลอยแทบจะถึงเพดานถ้ำอ่ะ แนะนำว่าใครไม่ชอบที่แคบ ที่มืด ถ้ำเลไม่ใช่สำหรับคุณแน่ๆ) หินย้อย เฉี่ยวหน้า ซ้ายที ขวาที ยิ่งกว่า fast อีกจ้า และที่สำคัญคือ ลุ้นโคดดดดดดดดดดดดดดดด พี่คนเรือบอกว่าตามความเชื่อคนที่ได้ลอดใต้ท้องมังกรทองออกไปได้ จะเหมือนเกิดใหม่ มีชีวิตที่ดี สดใส ซาบซ่า ไร้ทุกข์ โศก โรคภัย
ที่ที่สองคือ ชมบ้านของพระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี (ประวัติท่านน่าสนใจมาก เป็นผู้ริเริ่มให้นำต้นยางพารามาปลูกในภาคใต้เลย พี่ไกด์บอกว่าคนตรังรักและเคารพท่านมาก คือทุกบ้านจะมีรูปท่านเลยล่ะ) บ้านท่านอากาศดี ร่มรื่น และไม่ได้ใหญ่เว่อวัง อะไรเลย แต่เหมือนบ้านชาวบ้านทั่วไป ในพิพิธภัณฑ์จะมีบอกเล่าเรื่องราว ความเป็นมาของตระกูล และ ผลงานที่ท่านได้ทำไว้ให้คนรุ่นหลังได้ระลึกถึงกัน จ้ะ ขากลับไกด์พาไปดูต้นยางต้นแรกของไทยดั้ว ต้นเล็กนิดเดียว อายุกว่า 100 ปี (แต่ไม่ได้ถ่ายรุปไว้อ่ะ)
สถานที่ถัดไปคือ สถานีรถไฟกันตัง สถานีปลายทางสุดท้าย ท้ายสุดของเขตแดนใต้จ้ะ คือเมื่อก่อนสถานีนี้ อยู่ติดทะเลเลยล่ะ เพราะว่าเป็นเมืองท่า สำหรับขนส่งสินค้า แต่ต่อมาพอย้ายเมืองท่าไปจังหวัดอื่นเขาก็ถมที่ปลูกสร้างบ้านเรือน จนเดี๋ยวนี้สถานีนี้ไม่ได้ติดทะเลแล้ว บรรยากาศยังมีกลิ่นอายของความย้อนยุค ความโบราณคลาสสิค เหมาะกับการไปถ่ายรูป และ ซึมซับบรรยากาศ ที่สำคัญเขามีห้องสมุดรถไฟด้วยนะคะ แอร์เย็นฉ่ำหนังสือเยอะ พอสมควร ส่วนใหญ่เป็นหนังสือเด็กๆ
สถานีต่อไปสวนพฤกษชาติ ของจังหวัดตรังจร้า ตอนแรกคิดว่าเหมือนสวนรถไฟมีแต่ต้นไม้เฉยๆ ๕๕๕ แต่พอเข้าไปในสวนป่า กลับรู้สึกว่านี่คือป่าจริงๆ มีความเป็นป่า มีป้ายติดชื่อต้นไม้ต่างๆ และให้ข้อมูลความรุ้แบบคร่าวๆ ต้นไม้แปลกที่เราไม่รู้จักเยอะมาก และ ต้นไม้ต้นใหญ่เต็มไปหมด สมุนไพรก็เยอะแยะ ธรรมชาติมาก อุดมสมบูรณ์มาก และมีหอคอยต่างระดับเชื่อมเป็นสะพานให้ไต่ไล่ระดับความสูงขึ้นไปชมผืนป่าโดยรอบ เป็นสถานที่ที่ควรไปเลยล่ะ
ช่วงเย็นของวันแรกไกด์พากลับที่พักตอนประมาณ 17.00 น.
ตกเย็นค่ำ ท้องร้องประท้วงให้เราออกไปข้างนอกอีกแล้ว โชคดีมากที่พักที่เราจองไว้ในแพ็คเกจ อยู่ในเมือง ใกล้สถานีรถไฟตรัง ตอนเย็นจะมีตลาดนัดตรงสถานีรถไฟ เราก็ออกไปลุยหาของกินง่ายมาก
ร้านข้าวก็ขายไม่แพง สนใจร้านไหนเข้าไปจัดได้เลย ราคาไม่แพง ที่สำคัญให้ข้าวและกับเยอะมากๆ คืออิ่มและดีงามมาก ตบท้ายด้วยขนมหวานที่ขายในตลาดอีกทีนึง มีความสุขสุดๆ พอจัดของกินตรงตลาดนัดรถไฟเสร็จ ก็เดินไปหาร้านน้ำชาวัยโจ๋ เลยสี่แยกไฟแดงไป พี่ไกด์บอกว่าร้านนี้วัยรุ่นมาทานเยอะมาก ร้านนี้จะขายพวกน้ำหวานต่างๆ และ โรตี ลองสั่งมาทานก็อร่อยดี จบวันแรกด้วยการอัดของกินเต็มที่สุดๆ
วันที่ 2 ได้เวลาท่องทะเล ดำน้ำดูปะการัง ใช้ชีวิตแบบช้าๆ ที่ตรัง
ตอนเช้าท่าเรือปางเม็ง ประมาณ 9.30 น.
วิวท่าเรือ
ภารกิจที่ 1 นั่งเรือไปเล่นน้ำที่แรกเลย คือถ้ำมรกตอ(ที่เกาะมุก) ลูกเรือก็ต้องเกาะประคองกันลงไปเพื่อว่ายน้ำลอดเข้าถ้ำ เพื่อไปเจอหาดทรายสวยๆ คือต้องบอกว่าวันที่เราไปเป็นช่วงวันหยุดคนเยอะมาก พอลอดถ้ำไปถึงหาดแทนที่จะเห็นหาดฟินๆ ดันมีแต่นักท่องเที่ยวเต็มไปหมด เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูปสักเท่าไหร่
ลานโล่งหลังจากลอดผ่านถ้ำมรกตมาแล้ว
สีของหาดทรายที่เกาะมุก
ภารกิจที่ เกาะกระดาน หาดสวย ทรายขาววิ้งๆๆๆ น้ำใสน่าเล่นมาก เกาะนี้จะมีบ้านพักบนเกาะด้วย คนพักเยอะมาก ทั้งชาวไทยและต่างชาติ แต่ที่เห็นส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ส่วนตัวบ้านพัก หรือรีสอร์ท จะอยู่ติดกับหาดเลย บรรยากาศดี เหมาะสำหรับมานอนเล่น พักผ่อน เปลี่ยนที่นอน
ปล. ช่วงกลางวันกินบุฟเฟ่ต์บนเรือจ้า ทัวร์เขาจัดไว้ให้
ภารกิจต่อมา ไปดำน้ำ ที่เกาะเชือก เกาะม้า ทะเลแถวนี้ยังอุดมสมบูรณ์มาก มีสัตว์ใต้ท้องทะเลน่ารักๆ และปะการัง สีสันสดใส หลากหลายมาก
ใครที่เป็นมือใหม่ หัดเที่ยว อยากดำน้ำ แบบตื้น แนะนำที่นี่เลย ขนาดเราที่ว่ายน้ำไม่เป็น ยังรู้สึก สนุก และเพลิน จนลืมกลัวเลยล่ะ
กิจกรรมทัวร์วันนี้จบกระบวนการทั้งหมดเวลาประมาณ 16.30 น. ต้องอำลาทะเล ปลาน้อย และ ปะการัง เพื่อขึ้นฝั่ง แต่ระหว่างทางก็ยังมีความสวยงามของทะเล ให้เราเห็นอยู่ดี
ช่วงเย็นรถตู้มาส่งที่โรงแรม เราปฎิบัติภารกิจเรียบร้อย ท้องร้องประท้วงหาอะไรเข้าปากอีกแล้ว วันนี้ต้องจัดร้านที่เขาว่าดี ชื่อร้านตามรูปจ้า
ร้านนี้อาหารถือว่าอร่อยดีค่ะ ติ่มซำก็อร่อย กับข้าวคาว ก็แซ่บใช้ได้ ถ้าได้ไปตรังอีกก็อาจจะแวะไปทานอีกค่ะ (ราคาค่อนข้างสูงสำหรับการเที่ยวประหยัดแบบเราค่ะ)
กินข้าวเย็นเสร็จ ต้องไปเดินย่อย ที่เซ็นเตอร์พ้อยท์ ตรังสินะ ข้างๆ ศาลากลางเลยค่ะ เราเดินจากร้านอาหารไปเลย ถือเป็นการย่อยเพื่อไปจัดของกินที่เซ็นเตอร์พ้อยท์ (อารมณ์ตลาดนัดกลางคืนแถวบ้านเราค่ะ แต่ที่ชอบคือมีน้ำมะม่วงเบาด้วย และ ของขายถูก)
หลังจากกินรอบสองที่ตลาดนัดกลางคืนเสร็จแล้วเป็นอันจบพิธีฯ เข้านอนแบบสบายใจ เพื่อเตรียมกำลังหิ้วของฝากวันรุ่งขึ้น
เช้าของวันที่ 3 เดินจากโรงแรม ไปจัดขนมเปี๊ยะซอย 9 ระหว่างรอขนมก็กินจนอิ่มเลยจ้า จากนั้นไปซื้อเค้กไข่ที่ร้านเลิศรส สาขา2 ที่ใกล้ๆ กับร้านกุหลาบ(ร้านเบเกอรี่ชื่อดัง และ เก่าแก่ในตรัง) พอดีวันที่เราไปร้านกุหลาบปิด ปรากฎว่าเค้กแยมส้มเลิศรส เริ่ดสมชื่อ อร่อยมากจ้า ถ้าได้ไปอีกจะซื้อกลับมาอีกเยอะๆ เลยทุกคนที่ได้ชิมพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อย เว่อๆๆๆ และไม่ลืมแวะกินข้าวหมูย่างเมืองตรังร้านดังย่านนั้น ปรากฎว่าไม่ใช่ทางเราอย่างแรง มันหมูค่อนข้างเยอะ ใครไม่ชอบทานมันๆ อาจจะไม่ถูกใจนะจ๊ะ ระหว่างเดินทางกลับที่พัก ก่อนถึงโบสถ์เก่าแก่ของตรัง เราได้แวะร้านขายของมือ2 มีของให้เลือกไม่เยอะแต่เพื่อนได้กระเป๋ามา 3 ใบ จ่ะ หมดไปเหนาะ 150 บาท ดีงามมาก
จากนั้นก็แว้นมอเตอร์ไซค์ รับจ้างกลับโรงแรม เพราะโปรยลงมาแล้ว
สุดท้ายนี้ไม่อยากจะเอ่ยเลยตรังจ๋า เราคงต้องจากกันแล้ว ขอบคุณที่ให้ประสบการณ์ดีๆ กับเรานะ หากเพื่อนๆ คนไหนมีคำถาม ยิงคำถามได้เลยนะคะ จะแวะมาตอบ และขออภัยที่มาต่อกระทู้ล่าช้า เนื่องจากติดภารกิจ ค่ะ ทั้งนี้ขอบคุณพันทิป แหล่งข้อมูลดีๆ ที่ทำให้เราได้ประสบการณ์ดีๆ จากการเที่ยวครั้งนี้ค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น