สวัสดีค่ะ ภาคต่อจากรีวิวที่แล้วนะคะ วันนี้จะพาเพื่อนๆ ชมฟาร์ม ตามมาเลยค่ะ
3.Coro House
เป็นโรงเรือน Organic ขนาดใหญ่ ที่ใช้เทคโนโลยีควบคุมการเพาะปลูกด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (Coro Brain)
จากประเทศอิสราเอล ที่นี่เค้าดูแลเอาใจใส่ต้นไม้ เพราะในฟาร์มจะเปิดเพลงโมสาร์ทให้ต้นไม้ฟ้งด้วยนะ
เค้าว่ากันว่าการเปิดเพลงให้ต้นไม้ฟัง จะทำให้ต้นไม้เจริญเติบโต ออกดอกออกผลได้ดี
ทีแรกคิดว่าเปิดให้เราฟังเสียอีก 55555
โรงเรือนจะปลูกพืช 2 ชนิดหลัก ๆ ดังนี้
เมล่อนสายพันธุ์ Hokkaido มี 2 ชนิด คือ
โทมิเมล่อน (Tomi Melon) เมล่อนเปลือกสีทอง เนื้อสีเขียว รสชาติหวานหอม เนื้อกรอบ
และโยชิเมล่อน (Yoshi Melon) เมล่อนเปลือกสีเขียว เนื้อสีส้ม รสชาติหวานฉ่ำ เนื้อนุ่ม
Coro House : โรงเรือน Organic ขนาดใหญ่
Coro House : โรงเรือน Organic ขนาดใหญ่
ปิดชั่วคราว!! วันนี้เมล่อนชั้นประถม อยู่ในช่วงการปลอดเชื้อค่ะ อดเข้าเลยอ่ะค่ะ
โรงเรือนผักไฮโดรค่ะ ก่อนเข้าเราต้องฆ่าเชื้อก่อนเข้านะคะ ชุบเท้าฆ่าเชื้อตรงนี้ค่ะ
ตามมา ๆ ค่ะ
ต้นอ่อนค่ะ กำลังเพาะอยู่เลย
คุ้นๆมั้ยค่ะ ผักไฮโดรที่เราทานใน Coro Cafe ค่ะ สด สะอาด ปลอดเชื้อ รู้ยัง!!
ดูธรรมชาติมากๆ เลยใช่มั้ยค่ะ วันสบาย ๆ แบบนี้
ถ่ายรูปกับ Mascot “โคโรโระคุง” สักหน่อยดีกว่า มีทุกจุดเลยนะคะ
อากาศวันนี้ไม่ร้อนมาก เราได้สัมผัสโรงเรือนอย่างใกล้ชิดเลยค่ะ
บรรยากาศในฟาร์มผักไฮโดร
ผักไฮโดรมีหลายชนิดนะคะ ใช้ทำสลัดค่ะ
สดและปลอดเชื้อมากๆ รับรองสะอาดแน่นอนค่ะ
ในโรงเรือนนี้ นอกจากจะมีผักไฮโดรปลอดเชื้อแล้ว ยังมีโซนทานตะวันด้วยนะ
ตามมาดูกันเลยค่ะ ไม่ต้องไปถึงสระบุรี หรือลพบุรีเลยค่ะ เราเลยถ่ายไว้หลายรูปเลย
งานถนัดเลยค่ะ ถ่ายรูปเนี๊ย
ทานตะวันในโรงเรือน ดอกใหญ่มาก
แดดแรงยังไง เราสู้ สวยมากๆ ค่ะ
4. Coro Garden
เป็นกิจกรรมการปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิตด้วยตนเอง โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้ข้อมูล แบ่งออกเป็น 2 โซนย่อย ดังนี้
Grow Zone
เป็นกิจกรรมเรียนรู้วิธีการปลูกผักด้วยตนเอง โดยเริ่มจากขุดหลุมให้ลึกพอสมควร นำต้นกล้าวางลงไปในหลุม
กลบดินให้เรียบร้อย เขียนชื่อลงในแผ่นป้าย แล้วปักไว้ข้าง ๆ ต้นกล้า เมื่อเก็บเกี่ยวได้ก็เอาไปบริจาควัด โรงเรียน
หรือเอามาประกอบอาหารเองค่ะ
ภาพโรงเรือนค่ะ
โดยรอบโรงเรือน
Harvest Zone
เป็นกิจกรรมเรียนรู้วิธีการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ถูกต้องด้วยตนเอง โดยจะมีชะลอมเล็ก ๆ แจกให้คนละ 1 อัน
ให้เลือกเก็บมะเขือเทศสีแดงและสีเหลือง ที่สุกพร้อมทานแล้วได้ตามใจชอบ และนำกลับบ้านได้ค่ะ
มีป้ายบอกรายละเอียดของการทำกิจกรรมค่ะ ค่าเข้าคนละ 180 บาท
ทางเดินภายในโรงเรือน เลือกเก็บตามใจชอบเลยค่ะ
มะเขือเทศสายพันธุ์ฮอลแลนด์ มี
2 ชนิด คือ
มะเขือเทศสีแดง (Red Holland Cherry) และมะเขือเทศสีเหลือง (Yellow Holland Cherry)
ชะลอมสำหรับเก็บมะเขือนะคะ รับตรงจุดนี้เลยค่ะ
อุปกรณ์พร้อม ลุยสิค่ะ รอรั๊ยยย! ฮ่าๆๆๆๆๆ
น่ากินใช่มั้ยค่ะ ผลโต๊โตค่ะ
เพื่อนๆ ที่ชอบเที่ยวแนวธรรมชาติ มีโอกาศมาเที่ยวแถวอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี อย่าลืมแวะมา Coro Field
ชมฟาร์มเมล่อน Organic กันนะ ไม่เสียค่าเข้าชม แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายในการทำกิจกรรมแต่ละโซน
และได้รับของที่ระลึกเก๋ ๆ กลับบ้านด้วย
เวลาเปิด-ปิด:
วันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 09.00 – 18.00 น.
วันศุกร์ – อาทิตย์ เวลา 08.30 –
21.00 น.
Tel: 092-569-4791
The end แล้วค่ะ รีวิวหน้าจะพาไปเที่ยวไหน ติดตามรีวิวของเราได้นะ
รีวิวโดย : เขมณัฏฐ์
[CR] "Coro Field" (โคโรฟิลด์) ฟาร์มเมล่อนออร์แกนิคแห่งแรกของไทย (ตอนจบ)
สวัสดีค่ะ ภาคต่อจากรีวิวที่แล้วนะคะ วันนี้จะพาเพื่อนๆ ชมฟาร์ม ตามมาเลยค่ะ
3.Coro House
เป็นโรงเรือน Organic ขนาดใหญ่ ที่ใช้เทคโนโลยีควบคุมการเพาะปลูกด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (Coro Brain)
จากประเทศอิสราเอล ที่นี่เค้าดูแลเอาใจใส่ต้นไม้ เพราะในฟาร์มจะเปิดเพลงโมสาร์ทให้ต้นไม้ฟ้งด้วยนะ
เค้าว่ากันว่าการเปิดเพลงให้ต้นไม้ฟัง จะทำให้ต้นไม้เจริญเติบโต ออกดอกออกผลได้ดี
ทีแรกคิดว่าเปิดให้เราฟังเสียอีก 55555
โรงเรือนจะปลูกพืช 2 ชนิดหลัก ๆ ดังนี้
เมล่อนสายพันธุ์ Hokkaido มี 2 ชนิด คือ
โทมิเมล่อน (Tomi Melon) เมล่อนเปลือกสีทอง เนื้อสีเขียว รสชาติหวานหอม เนื้อกรอบ
และโยชิเมล่อน (Yoshi Melon) เมล่อนเปลือกสีเขียว เนื้อสีส้ม รสชาติหวานฉ่ำ เนื้อนุ่ม
Coro House : โรงเรือน Organic ขนาดใหญ่
Coro House : โรงเรือน Organic ขนาดใหญ่
ปิดชั่วคราว!! วันนี้เมล่อนชั้นประถม อยู่ในช่วงการปลอดเชื้อค่ะ อดเข้าเลยอ่ะค่ะ
โรงเรือนผักไฮโดรค่ะ ก่อนเข้าเราต้องฆ่าเชื้อก่อนเข้านะคะ ชุบเท้าฆ่าเชื้อตรงนี้ค่ะ
ตามมา ๆ ค่ะ
ต้นอ่อนค่ะ กำลังเพาะอยู่เลย
คุ้นๆมั้ยค่ะ ผักไฮโดรที่เราทานใน Coro Cafe ค่ะ สด สะอาด ปลอดเชื้อ รู้ยัง!!
ดูธรรมชาติมากๆ เลยใช่มั้ยค่ะ วันสบาย ๆ แบบนี้
ถ่ายรูปกับ Mascot “โคโรโระคุง” สักหน่อยดีกว่า มีทุกจุดเลยนะคะ
อากาศวันนี้ไม่ร้อนมาก เราได้สัมผัสโรงเรือนอย่างใกล้ชิดเลยค่ะ
บรรยากาศในฟาร์มผักไฮโดร
ผักไฮโดรมีหลายชนิดนะคะ ใช้ทำสลัดค่ะ
สดและปลอดเชื้อมากๆ รับรองสะอาดแน่นอนค่ะ
ในโรงเรือนนี้ นอกจากจะมีผักไฮโดรปลอดเชื้อแล้ว ยังมีโซนทานตะวันด้วยนะ
ตามมาดูกันเลยค่ะ ไม่ต้องไปถึงสระบุรี หรือลพบุรีเลยค่ะ เราเลยถ่ายไว้หลายรูปเลย
งานถนัดเลยค่ะ ถ่ายรูปเนี๊ย
ทานตะวันในโรงเรือน ดอกใหญ่มาก
แดดแรงยังไง เราสู้ สวยมากๆ ค่ะ
4. Coro Garden
เป็นกิจกรรมการปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิตด้วยตนเอง โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้ข้อมูล แบ่งออกเป็น 2 โซนย่อย ดังนี้
Grow Zone
เป็นกิจกรรมเรียนรู้วิธีการปลูกผักด้วยตนเอง โดยเริ่มจากขุดหลุมให้ลึกพอสมควร นำต้นกล้าวางลงไปในหลุม
กลบดินให้เรียบร้อย เขียนชื่อลงในแผ่นป้าย แล้วปักไว้ข้าง ๆ ต้นกล้า เมื่อเก็บเกี่ยวได้ก็เอาไปบริจาควัด โรงเรียน
หรือเอามาประกอบอาหารเองค่ะ
ภาพโรงเรือนค่ะ
โดยรอบโรงเรือน
Harvest Zone
เป็นกิจกรรมเรียนรู้วิธีการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ถูกต้องด้วยตนเอง โดยจะมีชะลอมเล็ก ๆ แจกให้คนละ 1 อัน
ให้เลือกเก็บมะเขือเทศสีแดงและสีเหลือง ที่สุกพร้อมทานแล้วได้ตามใจชอบ และนำกลับบ้านได้ค่ะ
มีป้ายบอกรายละเอียดของการทำกิจกรรมค่ะ ค่าเข้าคนละ 180 บาท
ทางเดินภายในโรงเรือน เลือกเก็บตามใจชอบเลยค่ะ
มะเขือเทศสายพันธุ์ฮอลแลนด์ มี
2 ชนิด คือ
มะเขือเทศสีแดง (Red Holland Cherry) และมะเขือเทศสีเหลือง (Yellow Holland Cherry)
ชะลอมสำหรับเก็บมะเขือนะคะ รับตรงจุดนี้เลยค่ะ
อุปกรณ์พร้อม ลุยสิค่ะ รอรั๊ยยย! ฮ่าๆๆๆๆๆ
น่ากินใช่มั้ยค่ะ ผลโต๊โตค่ะ
เพื่อนๆ ที่ชอบเที่ยวแนวธรรมชาติ มีโอกาศมาเที่ยวแถวอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี อย่าลืมแวะมา Coro Field
ชมฟาร์มเมล่อน Organic กันนะ ไม่เสียค่าเข้าชม แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายในการทำกิจกรรมแต่ละโซน
และได้รับของที่ระลึกเก๋ ๆ กลับบ้านด้วย
เวลาเปิด-ปิด:
วันจันทร์ – พฤหัสบดี เวลา 09.00 – 18.00 น.
วันศุกร์ – อาทิตย์ เวลา 08.30 –
21.00 น.
Tel: 092-569-4791
The end แล้วค่ะ รีวิวหน้าจะพาไปเที่ยวไหน ติดตามรีวิวของเราได้นะ
รีวิวโดย : เขมณัฏฐ์