ปัจจุบันนี้เชียงใหม่นับได้ว่าเป็นจังหวัดยอดฮิตที่ผู้คนเข้ามาท่องเที่ยวกันอย่างถล่มทลาย ซึ่งอะไรที่ดัง ๆ ในเชียงใหม่ไม่ว่าจะบ้านแม่กำปอง กิ่วแม่ปาน ฯลฯ ก็เรียกได้ว่าช่วงปลายปีก็จะยิ่งแออัดกันเข้าไปใหญ่ สำหรับตัวผมเองนั้นเป็นคนที่ชื่นชอบในการท่องเที่ยวธรรมชาติ ซึ่งเน้นไปทางอุทยานแห่งชาติเป็นหลัก ดังที่ได้เขียนในกระทู้ก่อน ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนพยายามทำให้เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่รักในการท่องเที่ยวธรรมชาติอย่างจริงจัง และครั้งนี้ก็มีผู้ร่วมเดินทางท่านเดิมจากครั้งที่แล้ว ดีเจจอมยุ่งจากคลื่น 94 EFM ผู้รักในธรรมชาติมาร่วมเดินทางไปด้วยกันในครั้งนี้ครับ
ขอเปิดรูปด้วยความยิ่งใหญ่ของอุทยานแห่งชาติออบขานก่อนไว้เป็นน้ำจิ้ม โดยจะขอพูดถึงอุทยานแห่งชาติแม่วางกันก่อนครับ
ครั้งนี้อยากจะนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติที่อาจจะไม่คุ้นเคย หรืออาจจะเคยได้ยินแต่ก็มีชื่อในเรื่องอื่น ๆ ดังเช่นอุทยานแห่งชาติแม่วางที่ในโซนนั้นก็จะเป็นสถานที่ล่องแพ หรืออุทยานแห่งชาติออบขานที่มีลำธารน้ำไหล นั่งเล่นได้ที่ปลายน้ำกันอย่างสนุกสนาน
และในการนำเสนอถึงสองอุทยานแห่งชาติในกระทู้เดียวนั่นก็เพราะ เราสามารถไปทั้งสองสถานที่ได้ภายในวันเดียว ซึ่ง อุทยานแห่งชาติแม่วางนั้น ตั้งอยู่บริเวณ อำเภอดอยหล่อ ส่วนอุทยานแห่งชาติออบขานนั้นตั้งอยู่ในอำเภอหางดงซึ่งมีระยะทางไม่ห่างกันมากนัก
การเดินทางเราจากตัวเมืองเชียงใหม่สามารถใช้ถนนเลียบเส้นคันคลองบนทางหลวงหมายเลข 121 แล้วไปตัดที่ เส้น 1013 ซึ่งเราสามารถไปอุทยานแห่งชาติออบขานได้ก่อน แต่เนื่องจากสถานที่ของอุทยานแห่งชาติออบขานนั้นเป็นพื้นที่โล่ง ซึ่งจะร้อนมากในเวลากลางวัน จึ่งต้องเลือกไปในช่วงบ่ายแทน
สำหรับอุทยานแห่งชาติแม่วางนี้ จะขอเสนอในส่วนของน้ำตกแม่สะป๊อก และน้ำตกแม่วาง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เขตบริเวณนี้เป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านด้วย ซึ่งถือเป็นอุทยานแห่งชาติอีกแห่งที่มีหมู่บ้านตั้งอยู่ก่อนการประกาศการเป็นอุทยานแห่งชาติ เช่นเดียวกับ อุทยานแห่งชาติแม่ปิงที่จังหวัดลำพูน
เมื่อเราขับรถมาทางหลวงหมายเลข 1013 เรื่อย ๆ จะพบป้ายบอกทางไปทั้งน้ำตกแม่สะป๊อกและน้ำตกแม่วาง โดยสำหรับน้ำตกแม่สะป๊อกนั้นจะอยู่ในบริเวณของโครงการหลวงแม่สะป๊อกนั่นเอง
น้ำตกแม่สะป๊อกเป็นน้ำตกขนาดกลางสูงราว ๆ 15 เมตรโดยบริเวณด้านหลังเป็นถ้ำน้ำตกสามารถเดินไปชมม่านน้ำตกได้
ในเวลากลางวันเมื่อแสงสาดส่องสามารถมองเห็นรุ้งกินน้ำได้อย่างชัดเจน
สายน้ำหลังถ้ำน้ำตก
เมื่อน้ำกระทบหิน
แล้วเราก็เดินทางต่อไปที่น้ำตกแม่วาง ก่อนถึงน้ำตกแม่วางที่นี่มีร้านกาแฟอยู่ ซึ่งบริเวณด้านหลังร้านกาแฟนั้นช่วงเวลานี้ (เดือนพฤศจิกายน) ทุ่งข้าวกำลังได้เวลาเก็บเกี่ยวเปลี่ยนเป็นสีทอง เหมาะแก่การนั่งชมวิว และรับประทานอาหารไปพร้อม ๆ กัน
ที่นี่มีบริการทั้งเครื่องดื่มและอาหาร อีกทั้งราคาไม่แพง
หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่น้ำตกแม่วาง การเดินทางมาที่น้ำตกแนะนำว่าควรจะมาด้วยรถกระบะ หากไม่ต้องการเดินเท้าเข้าไปอีก 700 เมตร ซึ่งหากเป็นรถยนต์จะต้องจอดไว้ที่ปากทางแล้วเดินเข้าไป ซึ่งที่นี่ผมได้พูดคุยกับเจ้าของร้านค้าในเขตน้ำตก จึงได้ทราบว่า ที่นี่เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ ที่นี่มีบ้านพัก และมีหมู่บ้านที่บรรยากาศดีอยู่ที่บริเวณบ้านผ่าหม่น สวยงามไม่แพ้บ้านแม่กำปองอยู่ แต่การเดินทางจะต้องจ้างรถของชาวบ้านพาเข้าไปหากไม่มีรถกระบะยกสูง ใครมีโอกาสก็ลองไปกันนะครับ
เจ้าหมาน้อยนอนสบายใต้ร่มไม้ด้านหลังเป็นน้ำตก
น้ำตกแม่วางเป็นน้ำตกขนาดกลางสูงประมาณ 15 เมตร แต่ความแรงของน้ำตกนั้นเรียกได้ว่าละอองน้ำกระจาย ซึ่งน้ำตกแม่วางก็เป็นต้นน้ำของลำน้ำแม่วาง ซึ่งจะไหลต่อไปเพื่อให้คนที่อยู่บริเวณแพด้านล่างได้ล่องกันนั่นเองครับ
น้ำตกแม่วางในมุมใต้ร่มไม้สวยงาม
น้ำตกแม่วางจากด้านข้าง น้ำไหลแรงมากอันตรายห้ามลงเล่นครับ
ความแรงของน้ำทำให้ไอฟุ้งกระจายไปทั่ว
แสงสาดส่องเหนือน้ำตกเป็นลำ
ที่บริเวณน้ำตกมีงูสายรุ้งลาย ซึ่งจับปลาเล็กเป็นอาหารด้วยครับ นับได้ว่าที่นี่ธรรมชาติยังสมบูรณ์อยู่ยิ่งนัก
เมื่อเสร็จจากภาคเช้าแล้ว เราจึงเดินทางต่อไปที่อุทยานแห่งชาติออบขาน ซึ่งที่นี่ ผมว่ามันยิ่งใหญ่อลังการมาก หลังจากที่ได้เคยมาสำรวจหลายครั้ง ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ถ่ายทอดความงดงามและความยิ่งใหญ่ของสถานที่แห่งนี้ให้ได้ชมกันครับ สำหรับอุทยานแห่งชาติออบขานนั้น อยู่ที่อำเภอหางดง เราจะขับรถย้อนกลับมาจากทางอุทยานแห่งชาติแม่วาง แล้ววิ่งกลับเส้นทางเดิมก็จะเจอป้ายเลี้ยวเข้าสู่ตัวอุทยานแห่งชาติ
อุทยานแห่งชาติออบขานนั้นภูมิประเทศนับว่าแปลกตานัก เพราะพืชพันธุ์ที่ขึ้นนั้นขึ้นอยู่บนภูเขาหินปูนและหินอัคนีเรียงรายกันยาวนับหลายกิโลเมตร ที่นี่ก็จะเป็นป่าเต็งรังสลับกับป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง ดังนั้น การที่เป็นป่าเต็งรัง เราก็จะเห็นใบไม้เปลี่ยนสีกันที่นี่ด้วยครับ
และนี่คือจุดที่สวยงามและยิ่งใหญ่ของออบขาน ออบนั้นคือหินผาที่ถูกการกัดเซาะของสายน้ำทำให้เกิดเป็นช่องแคบ
ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติของออบขานนั้นเราก็จะเดินเป็นระยะทางไปกลับประมาณ 2 กิโลเมตร โดยผ่านจุดแรกคือออบขาน สู่ออบไฮ อันเป็นเส้นทางที่กำลังพอเหมาะพอดี หากใครมีเวลามากกว่านั้นก็สามารถเดินต่อไปที่ผาตูบได้ เชิญชมความสวยงามของอุทยานแห่งชาติออบขานกันได้เลยครับ
ถ่ายจากมุมสูง จุดนี้ค่อนข้างสูงมากทีเดียวครับ นับได้ว่ามีความสวยงามอย่างยิ่ง
ดีเจจอมยุ่งยืนอยู่ที่หน้าผามุมนี้ก็สวยงามเป็นอีกจุดหนึ่งที่เป็นธรรมชาติที่แปลกตาของประเทศไทยครับ
หากใครชื่นชอบในธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา ต้องที่นี่ครับอุทยานแห่งชาติออบขาน เดินไปอีกสักพักจะเจอจุดที่สามารถลงมาถ่ายด้านล่างได้
เรายังสามารถถ่ายภาพคลื่นสายน้ำนุ่ม ๆ ที่นี่ได้อีกด้วย เหมาะกับผู้ที่รักการถ่ายภาพธรรมชาติครับ
บริเวณที่ดีเจจอมยุ่งยืนอยู่ตรงนี้คือออบไฮครับ ช่วงนี้น้ำเริ่มน้อยทำให้สามารถลงมาเดินเล่นได้
เก็บตกกับป่าเปลี่ยนสีกันสักหน่อย
ช่วงนี้ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีครับ มีทั้งสีเหลือง สีส้ม สีแดง
ดอกหญ้าขจรจบดอกเหลือง
ดอกไม้เล็ก ๆ ที่ขึ้นปกคลุมไปทั่วโขดหิน
ลากันไปด้วยหอยทากที่อยู่บนโขดหินครับ
อุทยานแห่งชาติแม่วางที่ไม่ได้มีดีแค่ล่องแพ และ อุทยานแห่งชาติออบขานแกรนแคนยอนหินอัคนี
ครั้งนี้อยากจะนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวในเชียงใหม่ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติที่อาจจะไม่คุ้นเคย หรืออาจจะเคยได้ยินแต่ก็มีชื่อในเรื่องอื่น ๆ ดังเช่นอุทยานแห่งชาติแม่วางที่ในโซนนั้นก็จะเป็นสถานที่ล่องแพ หรืออุทยานแห่งชาติออบขานที่มีลำธารน้ำไหล นั่งเล่นได้ที่ปลายน้ำกันอย่างสนุกสนาน
และในการนำเสนอถึงสองอุทยานแห่งชาติในกระทู้เดียวนั่นก็เพราะ เราสามารถไปทั้งสองสถานที่ได้ภายในวันเดียว ซึ่ง อุทยานแห่งชาติแม่วางนั้น ตั้งอยู่บริเวณ อำเภอดอยหล่อ ส่วนอุทยานแห่งชาติออบขานนั้นตั้งอยู่ในอำเภอหางดงซึ่งมีระยะทางไม่ห่างกันมากนัก
การเดินทางเราจากตัวเมืองเชียงใหม่สามารถใช้ถนนเลียบเส้นคันคลองบนทางหลวงหมายเลข 121 แล้วไปตัดที่ เส้น 1013 ซึ่งเราสามารถไปอุทยานแห่งชาติออบขานได้ก่อน แต่เนื่องจากสถานที่ของอุทยานแห่งชาติออบขานนั้นเป็นพื้นที่โล่ง ซึ่งจะร้อนมากในเวลากลางวัน จึ่งต้องเลือกไปในช่วงบ่ายแทน
สำหรับอุทยานแห่งชาติแม่วางนี้ จะขอเสนอในส่วนของน้ำตกแม่สะป๊อก และน้ำตกแม่วาง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เขตบริเวณนี้เป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านด้วย ซึ่งถือเป็นอุทยานแห่งชาติอีกแห่งที่มีหมู่บ้านตั้งอยู่ก่อนการประกาศการเป็นอุทยานแห่งชาติ เช่นเดียวกับ อุทยานแห่งชาติแม่ปิงที่จังหวัดลำพูน
เมื่อเราขับรถมาทางหลวงหมายเลข 1013 เรื่อย ๆ จะพบป้ายบอกทางไปทั้งน้ำตกแม่สะป๊อกและน้ำตกแม่วาง โดยสำหรับน้ำตกแม่สะป๊อกนั้นจะอยู่ในบริเวณของโครงการหลวงแม่สะป๊อกนั่นเอง
เมื่อน้ำกระทบหิน
แล้วเราก็เดินทางต่อไปที่น้ำตกแม่วาง ก่อนถึงน้ำตกแม่วางที่นี่มีร้านกาแฟอยู่ ซึ่งบริเวณด้านหลังร้านกาแฟนั้นช่วงเวลานี้ (เดือนพฤศจิกายน) ทุ่งข้าวกำลังได้เวลาเก็บเกี่ยวเปลี่ยนเป็นสีทอง เหมาะแก่การนั่งชมวิว และรับประทานอาหารไปพร้อม ๆ กัน
ที่นี่มีบริการทั้งเครื่องดื่มและอาหาร อีกทั้งราคาไม่แพง
หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าไปที่น้ำตกแม่วาง การเดินทางมาที่น้ำตกแนะนำว่าควรจะมาด้วยรถกระบะ หากไม่ต้องการเดินเท้าเข้าไปอีก 700 เมตร ซึ่งหากเป็นรถยนต์จะต้องจอดไว้ที่ปากทางแล้วเดินเข้าไป ซึ่งที่นี่ผมได้พูดคุยกับเจ้าของร้านค้าในเขตน้ำตก จึงได้ทราบว่า ที่นี่เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ ที่นี่มีบ้านพัก และมีหมู่บ้านที่บรรยากาศดีอยู่ที่บริเวณบ้านผ่าหม่น สวยงามไม่แพ้บ้านแม่กำปองอยู่ แต่การเดินทางจะต้องจ้างรถของชาวบ้านพาเข้าไปหากไม่มีรถกระบะยกสูง ใครมีโอกาสก็ลองไปกันนะครับ
น้ำตกแม่วางเป็นน้ำตกขนาดกลางสูงประมาณ 15 เมตร แต่ความแรงของน้ำตกนั้นเรียกได้ว่าละอองน้ำกระจาย ซึ่งน้ำตกแม่วางก็เป็นต้นน้ำของลำน้ำแม่วาง ซึ่งจะไหลต่อไปเพื่อให้คนที่อยู่บริเวณแพด้านล่างได้ล่องกันนั่นเองครับ
น้ำตกแม่วางในมุมใต้ร่มไม้สวยงาม
น้ำตกแม่วางจากด้านข้าง น้ำไหลแรงมากอันตรายห้ามลงเล่นครับ
ความแรงของน้ำทำให้ไอฟุ้งกระจายไปทั่ว
แสงสาดส่องเหนือน้ำตกเป็นลำ
ที่บริเวณน้ำตกมีงูสายรุ้งลาย ซึ่งจับปลาเล็กเป็นอาหารด้วยครับ นับได้ว่าที่นี่ธรรมชาติยังสมบูรณ์อยู่ยิ่งนัก
เมื่อเสร็จจากภาคเช้าแล้ว เราจึงเดินทางต่อไปที่อุทยานแห่งชาติออบขาน ซึ่งที่นี่ ผมว่ามันยิ่งใหญ่อลังการมาก หลังจากที่ได้เคยมาสำรวจหลายครั้ง ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ถ่ายทอดความงดงามและความยิ่งใหญ่ของสถานที่แห่งนี้ให้ได้ชมกันครับ สำหรับอุทยานแห่งชาติออบขานนั้น อยู่ที่อำเภอหางดง เราจะขับรถย้อนกลับมาจากทางอุทยานแห่งชาติแม่วาง แล้ววิ่งกลับเส้นทางเดิมก็จะเจอป้ายเลี้ยวเข้าสู่ตัวอุทยานแห่งชาติ
อุทยานแห่งชาติออบขานนั้นภูมิประเทศนับว่าแปลกตานัก เพราะพืชพันธุ์ที่ขึ้นนั้นขึ้นอยู่บนภูเขาหินปูนและหินอัคนีเรียงรายกันยาวนับหลายกิโลเมตร ที่นี่ก็จะเป็นป่าเต็งรังสลับกับป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง ดังนั้น การที่เป็นป่าเต็งรัง เราก็จะเห็นใบไม้เปลี่ยนสีกันที่นี่ด้วยครับ
ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติของออบขานนั้นเราก็จะเดินเป็นระยะทางไปกลับประมาณ 2 กิโลเมตร โดยผ่านจุดแรกคือออบขาน สู่ออบไฮ อันเป็นเส้นทางที่กำลังพอเหมาะพอดี หากใครมีเวลามากกว่านั้นก็สามารถเดินต่อไปที่ผาตูบได้ เชิญชมความสวยงามของอุทยานแห่งชาติออบขานกันได้เลยครับ
ดีเจจอมยุ่งยืนอยู่ที่หน้าผามุมนี้ก็สวยงามเป็นอีกจุดหนึ่งที่เป็นธรรมชาติที่แปลกตาของประเทศไทยครับ
หากใครชื่นชอบในธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา ต้องที่นี่ครับอุทยานแห่งชาติออบขาน เดินไปอีกสักพักจะเจอจุดที่สามารถลงมาถ่ายด้านล่างได้
เรายังสามารถถ่ายภาพคลื่นสายน้ำนุ่ม ๆ ที่นี่ได้อีกด้วย เหมาะกับผู้ที่รักการถ่ายภาพธรรมชาติครับ
บริเวณที่ดีเจจอมยุ่งยืนอยู่ตรงนี้คือออบไฮครับ ช่วงนี้น้ำเริ่มน้อยทำให้สามารถลงมาเดินเล่นได้
เก็บตกกับป่าเปลี่ยนสีกันสักหน่อย
ช่วงนี้ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีครับ มีทั้งสีเหลือง สีส้ม สีแดง
ดอกหญ้าขจรจบดอกเหลือง
ดอกไม้เล็ก ๆ ที่ขึ้นปกคลุมไปทั่วโขดหิน
ลากันไปด้วยหอยทากที่อยู่บนโขดหินครับ