เรื่องมีอยู่ว่าที่บ้าน จขกท มีที่ดินอยู่ผืนนึงประมาณ 1 ไร่กว่า
ที่ดินผืนนี้ซื้อไว้อยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านของพ่อ จขกท โดยพ่อ ปลูกผักทำสวนอาศัยขายกินเล็กๆน้อยๆ
ยังเสียภาษีที่ดินและไปดูแลสวนทุกวัน ไม่ได้ทิ้งรกร้าง ที่ดินผืนนี้เดิมที พ่อ จขกท ได้รับมรดกมาจากปู่ย่า
ซึ่งในตอนที่ปู่ย่ายังมีชีวิต เป็นชาวสวนธรรมดา ไม่มีความรู้ ได้อนุเคราะห์ให้คนมาปลูกบ้านอยู่อาศัยอยู่
กินพื้นที่เกือบ 50 ตรว เป็นเวลา 10 กว่าปีแล้ว โดยไม่ทำสัญญาใดๆเลย ไม่มีความเกี่ยวเนื่องเป็นญาติพี่น้องด้วย
เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้วปู่ย่าเสียด้วยโรคชรา ที่ดินเพิ่งตกเป็นของพ่อ โดยพ่อ จขกท ก็อายุกว่า 70 ปีแล้ว
ตัวคนอาศัยคนแรก อาศัยอยู่ประมาณ 5 ปี ได้ดิบได้ดีไปเป็นทนายความ ได้ไปซื้อบ้านอาศัยอยู่ที่อื่น
แต่ตนได้ยกบ้านหลังนี้ ให้กับลูกที่มีปัญหาทางจิต เนื่องจากติดสารเสพติด วันดีคืนดี มีการมั่วสุมส่งเสียงดัง
จุดไฟเผาไหม้บริเวณบ้าน และข่มขู่คนข้างบ้าน บ้านมีลักษณะกึ่งร้างๆ เพราะขาดการดูแลซ่อมแซม
สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน บ้านข้างๆอยู่บ่อยครั้ง
โดยชาวบ้านเหล่านั้นก็มาแจ้งแก่ครอบครัว จขกท ให้พ่อมาช่วยพูด หรือจัดการให้หน่อย
พ่อ จขกท ก็หนักใจแต่ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะกลัวฟ้องร้องแล้วโอกาสจะแพ้คดีความสูง อีกอย่างฝั่งเค้าเป็นทนาย หัวหมอมาก
ไหนจะต้องเตรียมเงินในการฟ้องศาลอีก บ้าน จขกท ไม่มีใครมีความรู้ด้านกฏหมายเลย
ครั้งล่าสุด พ่อ จขกท โทรไปหาตัวพ่อที่เป็นทนายความว่าให้ช่วยพูดตักเตือนพฤติกรรมลูกให้หน่อย ชาวบ้านเค้ามาฟ้อง
ปรากฏว่า เค้าพูดจาไม่ดีมากๆ และไล่ให้ไปฟ้องศาลเพราะเค้าไม่กลัว เค้าเป็นทนาย เราเสียเปรียบมากๆ
ให้อาศัยเพราะความเมตตา เงินสักแดงก็ไม่เคยได้ มีสัมพันธ์อันดีมาโดยตลอด ไม่เคยไปว่าหรือด่าทอเลย ออกจะเกรงใจด้วยซ้ำ ตอนนี้
เหมือนน้ำท่วมปากมาก ที่ดินผืนนี้ราคาไม่น้อย ไม่ต่ำกว่าห้าล้าน
ตอนนี้เลยมีแค่หนทางเดียวคือต้องฟ้องขับไล่ เราจะมีโอกาสชนะคดีบ้างมั๊ยคะ เดือดร้อนมากจริงๆ
ขอรับรองว่าเป็นความจริงทุกประการค่ะ
ฟ้องร้องขับไล่ที่ แนะนำหน่อยค่ะ
ที่ดินผืนนี้ซื้อไว้อยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านของพ่อ จขกท โดยพ่อ ปลูกผักทำสวนอาศัยขายกินเล็กๆน้อยๆ
ยังเสียภาษีที่ดินและไปดูแลสวนทุกวัน ไม่ได้ทิ้งรกร้าง ที่ดินผืนนี้เดิมที พ่อ จขกท ได้รับมรดกมาจากปู่ย่า
ซึ่งในตอนที่ปู่ย่ายังมีชีวิต เป็นชาวสวนธรรมดา ไม่มีความรู้ ได้อนุเคราะห์ให้คนมาปลูกบ้านอยู่อาศัยอยู่
กินพื้นที่เกือบ 50 ตรว เป็นเวลา 10 กว่าปีแล้ว โดยไม่ทำสัญญาใดๆเลย ไม่มีความเกี่ยวเนื่องเป็นญาติพี่น้องด้วย
เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้วปู่ย่าเสียด้วยโรคชรา ที่ดินเพิ่งตกเป็นของพ่อ โดยพ่อ จขกท ก็อายุกว่า 70 ปีแล้ว
ตัวคนอาศัยคนแรก อาศัยอยู่ประมาณ 5 ปี ได้ดิบได้ดีไปเป็นทนายความ ได้ไปซื้อบ้านอาศัยอยู่ที่อื่น
แต่ตนได้ยกบ้านหลังนี้ ให้กับลูกที่มีปัญหาทางจิต เนื่องจากติดสารเสพติด วันดีคืนดี มีการมั่วสุมส่งเสียงดัง
จุดไฟเผาไหม้บริเวณบ้าน และข่มขู่คนข้างบ้าน บ้านมีลักษณะกึ่งร้างๆ เพราะขาดการดูแลซ่อมแซม
สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน บ้านข้างๆอยู่บ่อยครั้ง
โดยชาวบ้านเหล่านั้นก็มาแจ้งแก่ครอบครัว จขกท ให้พ่อมาช่วยพูด หรือจัดการให้หน่อย
พ่อ จขกท ก็หนักใจแต่ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะกลัวฟ้องร้องแล้วโอกาสจะแพ้คดีความสูง อีกอย่างฝั่งเค้าเป็นทนาย หัวหมอมาก
ไหนจะต้องเตรียมเงินในการฟ้องศาลอีก บ้าน จขกท ไม่มีใครมีความรู้ด้านกฏหมายเลย
ครั้งล่าสุด พ่อ จขกท โทรไปหาตัวพ่อที่เป็นทนายความว่าให้ช่วยพูดตักเตือนพฤติกรรมลูกให้หน่อย ชาวบ้านเค้ามาฟ้อง
ปรากฏว่า เค้าพูดจาไม่ดีมากๆ และไล่ให้ไปฟ้องศาลเพราะเค้าไม่กลัว เค้าเป็นทนาย เราเสียเปรียบมากๆ
ให้อาศัยเพราะความเมตตา เงินสักแดงก็ไม่เคยได้ มีสัมพันธ์อันดีมาโดยตลอด ไม่เคยไปว่าหรือด่าทอเลย ออกจะเกรงใจด้วยซ้ำ ตอนนี้
เหมือนน้ำท่วมปากมาก ที่ดินผืนนี้ราคาไม่น้อย ไม่ต่ำกว่าห้าล้าน
ตอนนี้เลยมีแค่หนทางเดียวคือต้องฟ้องขับไล่ เราจะมีโอกาสชนะคดีบ้างมั๊ยคะ เดือดร้อนมากจริงๆ
ขอรับรองว่าเป็นความจริงทุกประการค่ะ