โดย ไทยรัฐออนไลน์ 21 พ.ย. 2558
นักธุรกิจสัญชาติสหรัฐฯ ร้องนายกฯ เอาผิดสายการบินโลว์คอสต์ หลังอ้างพนักงานภาคพื้นดินยึดพาสปอร์ตเอาไว้จนตกเครื่องบิน วืดเซ็นสัญญา สร้างความเสียหายต่อธุรกิจยับ ตั้งลำร้อง ICAO ประจานมาตรฐานการบินของไทย...
เมื่อวันที่ 21 พ.ย.2558 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า น.ส.ภควาที ทูฮี่ (Pakawatee Toohey) คนไทยที่ได้สัญชาติสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นนักธุรกิจและทนายความ เดินทางมายื่นเรื่องร้องเรียนถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงาน ก.พ. ซึ่งขึ้นอยู่กับสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ตรวจสอบท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) สายการบินโลว์คอสต์เวียดเจ็ท และบริษัทบีเอฟเอส ซึ่งเป็นบริษัทที่มีพนักงานภาคพื้นดินรับช่วงดูแลสายการบินโลว์คอสต์เวียดเจ็ท ที่ยึดพาสปอร์ตผู้โดยสาร มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมจนตกเครื่อง ไม่สามารถบินไปลงนามทำธุรกิจได้ทันตามนัดหมายที่ประเทศเวียดนาม
โดย น.ส.ภควาที กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2556 ระหว่างที่จะขึ้นเครื่องบินของสายการบินเวียดเจ็ท เที่ยวบินวีเจ 8912 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อไปเซ็นสัญญาทำธุรกิจที่ประเทศเวียดนาม ปรากฏว่ามีพนักงานภาคพื้นดินคนหนึ่งเป็นผู้ชาย สร้างความเดือดร้อนและเรียกร้องเงินจากตน โดยกระทำการกักขัง หน่วงเหนี่ยว ไม่ให้เดินทางไปนอกประเทศ และยังยึดหน่วงหนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ต เอาไว้ ขณะกำลังจะเดินออกไปยังประตูขึ้นเครื่องบิน แม้พยายามทวงถามหลายครั้งก็ไม่ยอมคืนพาสปอร์ตให้ จนเครื่องบินออกไป เป็นเหตุให้พลาดการเดินทาง ก่อให้เกิดความเสียหายทางชื่อเสียงและทางธุรกิจจำนวนมาก
ภาพใช้ประกอบเนื้อหาข่าวเท่านั้น
น.ส.ภควาที กล่าวอีกว่า พนักงานภาคพื้นดินคนดังกล่าวอ้างเพียงว่า กระเป๋าแฮนด์แครี่ (กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง) น้ำหนักเกินไปเพียง 1.4 กิโลกรัม ซึ่งไม่ใช่ประเด็นใหญ่ และไม่ทำให้พนักงานภาคพื้นดินคนดังกล่าวมีสิทธิทางกฎหมายที่จะใช้เป็นข้ออ้างในการยึดพาสปอร์ต และหน่วงเหนี่ยวไม่ให้ตนเดินทางได้ อีกทั้งยังมีพฤติกรรมที่ไม่ดี กระทบต่อจิตใจของผู้โดยสาร วางตัวไม่เหมาะสมกับอาชีพงานให้บริการที่สนามบิน ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของสายการบินเวียดเจ็ท ทอท. แต่จนถึงวันนี้บริษัทนี้ และสายการบินเวียดเจ็ท ยังไม่ได้ทำการเยียวยาหรือขอโทษ หรือกระทำการใดๆ อันเป็นการสมควรและเพิกเฉยต่อปัญหา จากการกระทำของพนักงานลูกจ้างของตนเอง ราวกับว่ามิได้มีการกระทำความผิดใดๆ เกิดขึ้น บริษัทบีเอฟเอส สายการบินเวียดเจ็ท และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรรับผิดชอบ แต่กลับไม่มีผู้ใดออกมาแถลงแสดงความรับผิดชอบแก้ปัญหานี้ ไม่มีการสอบสวน ปล่อยให้ลูกจ้างที่กระทำความผิดลอยนวล ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินและนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ต่อไปจะยื่นเรื่องนี้ต่อกระทรวงการท่องเที่ยวฯ สถานทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย และองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อทางศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ได้รับเรื่องไว้ ทางสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ส่งเรื่องดังกล่าวพร้อมรายละเอียดไปถึงกระทรวงคมนาคมพิจารณาทันที โดยระบุลงในหนังสือที่ส่งไปว่าผลเป็นประการใด ขอให้แจ้งผู้ร้องและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อสอบถามไปยังสายการบินเวียดเจ็ทหลายครั้ง ตามเบอร์โทรศัพท์ที่พนักงานขายตั๋วให้มา เพื่อขอฟังข้อมูลอีกด้านหนึ่งถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปรากฏว่าเมื่อโทรศัพท์เข้าไปหลายครั้งมีลักษณะสายไม่ว่างอยู่ตลอดเวลา.
http://www.thairath.co.th/content/540973 
ร้องนายกฯ ถูกสายการบินยึดพาสปอร์ตจนตกเครื่อง วืดเซ็นสัญญางาน
เมื่อวันที่ 21 พ.ย.2558 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า น.ส.ภควาที ทูฮี่ (Pakawatee Toohey) คนไทยที่ได้สัญชาติสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นนักธุรกิจและทนายความ เดินทางมายื่นเรื่องร้องเรียนถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงาน ก.พ. ซึ่งขึ้นอยู่กับสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ตรวจสอบท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) สายการบินโลว์คอสต์เวียดเจ็ท และบริษัทบีเอฟเอส ซึ่งเป็นบริษัทที่มีพนักงานภาคพื้นดินรับช่วงดูแลสายการบินโลว์คอสต์เวียดเจ็ท ที่ยึดพาสปอร์ตผู้โดยสาร มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมจนตกเครื่อง ไม่สามารถบินไปลงนามทำธุรกิจได้ทันตามนัดหมายที่ประเทศเวียดนาม
โดย น.ส.ภควาที กล่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2556 ระหว่างที่จะขึ้นเครื่องบินของสายการบินเวียดเจ็ท เที่ยวบินวีเจ 8912 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อไปเซ็นสัญญาทำธุรกิจที่ประเทศเวียดนาม ปรากฏว่ามีพนักงานภาคพื้นดินคนหนึ่งเป็นผู้ชาย สร้างความเดือดร้อนและเรียกร้องเงินจากตน โดยกระทำการกักขัง หน่วงเหนี่ยว ไม่ให้เดินทางไปนอกประเทศ และยังยึดหน่วงหนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ต เอาไว้ ขณะกำลังจะเดินออกไปยังประตูขึ้นเครื่องบิน แม้พยายามทวงถามหลายครั้งก็ไม่ยอมคืนพาสปอร์ตให้ จนเครื่องบินออกไป เป็นเหตุให้พลาดการเดินทาง ก่อให้เกิดความเสียหายทางชื่อเสียงและทางธุรกิจจำนวนมาก
น.ส.ภควาที กล่าวอีกว่า พนักงานภาคพื้นดินคนดังกล่าวอ้างเพียงว่า กระเป๋าแฮนด์แครี่ (กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง) น้ำหนักเกินไปเพียง 1.4 กิโลกรัม ซึ่งไม่ใช่ประเด็นใหญ่ และไม่ทำให้พนักงานภาคพื้นดินคนดังกล่าวมีสิทธิทางกฎหมายที่จะใช้เป็นข้ออ้างในการยึดพาสปอร์ต และหน่วงเหนี่ยวไม่ให้ตนเดินทางได้ อีกทั้งยังมีพฤติกรรมที่ไม่ดี กระทบต่อจิตใจของผู้โดยสาร วางตัวไม่เหมาะสมกับอาชีพงานให้บริการที่สนามบิน ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของสายการบินเวียดเจ็ท ทอท. แต่จนถึงวันนี้บริษัทนี้ และสายการบินเวียดเจ็ท ยังไม่ได้ทำการเยียวยาหรือขอโทษ หรือกระทำการใดๆ อันเป็นการสมควรและเพิกเฉยต่อปัญหา จากการกระทำของพนักงานลูกจ้างของตนเอง ราวกับว่ามิได้มีการกระทำความผิดใดๆ เกิดขึ้น บริษัทบีเอฟเอส สายการบินเวียดเจ็ท และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรรับผิดชอบ แต่กลับไม่มีผู้ใดออกมาแถลงแสดงความรับผิดชอบแก้ปัญหานี้ ไม่มีการสอบสวน ปล่อยให้ลูกจ้างที่กระทำความผิดลอยนวล ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินและนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ต่อไปจะยื่นเรื่องนี้ต่อกระทรวงการท่องเที่ยวฯ สถานทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย และองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อทางศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ได้รับเรื่องไว้ ทางสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ส่งเรื่องดังกล่าวพร้อมรายละเอียดไปถึงกระทรวงคมนาคมพิจารณาทันที โดยระบุลงในหนังสือที่ส่งไปว่าผลเป็นประการใด ขอให้แจ้งผู้ร้องและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อสอบถามไปยังสายการบินเวียดเจ็ทหลายครั้ง ตามเบอร์โทรศัพท์ที่พนักงานขายตั๋วให้มา เพื่อขอฟังข้อมูลอีกด้านหนึ่งถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ปรากฏว่าเมื่อโทรศัพท์เข้าไปหลายครั้งมีลักษณะสายไม่ว่างอยู่ตลอดเวลา.
http://www.thairath.co.th/content/540973