ทริปนี้เป็นทริปสั้นๆ ที่พาขุ่นหลานซึ่งปิดเทอมไปปีนยอดดอยผ้าห่มปก ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศ โดยนอนแช่น้ำพุร้อนฝางกันก่อน 1 คืน ประทับใจกับร้านอานน ร้านกาแฟและจำหน่ายผลิตภัณฑ์การเกษตรและงานฝีมือแสนสวย ท่ามกลางรูปปั้นงานศิลปะอื่นๆ มากมาย และใท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามและบริศุทธิ์ ขอเป็นกำลังใจให้ร้านอานน ที่มุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพ ด้วยคุณภาพและความงดงาม ผมรับรองได้ว่า หากท่านเป็นผู้ที่รักธรรมชาติและความงดงามแล้ว ที่นี่ คุณจะไม่ผิดหวังแน่นอน
หลังจากนั้นขับรถขึ้นลานกางเต็นท์กิ่วลม ซึ่งเป็นลานกางเต็นท์ที่สูงที่สุดของประเทศ ประทับใจกับเพื่อนบ้านคือน้องนัทและน้องพัฒน์ นักศึกษาแพทย์ปี 4 พระมงกุฏ ที่ขับบิ๊กไบค์มาจากตัวเมืองเชียงใหม่ คืนนี้ กินปิ่งย่างไก่และแซลมอน มันต้มขิง และน้ำอันชัญมะนาวกันอย่างเอร็ดอร่อย
รุ่งขึ้นเดินขึ้นดอยตี 3 และเดินไปกลับ 7 กม. ประทับใจกับความยากลำบากและความงดงามของธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของที่นี่ หลังจากนั้นเดินกลับ ได้เห็นความงามเต็มตา หลังจากที่เดินขึ้นมาในความมืดตลอดทาง บนยอดดอยหมอกฟรุ้งฟริ้งตลอด แต่ที่ด้านล่างเราสามาถเห็นทะเลหมอกได้เต็มตา
น้องนัทและน้องพัฒน์ช่วยกันทำข้าวเช้ามีข้าวต้มปลาแซลมอน ไข่เจียวหมูสับ และมันต้มขิง เอร็ดอร่อยกันอีกมื้อ
ขอบคุณน้องนัทที่ช่วยแบกสัมภาระขึ้นไปยอดดอย ช่วยให้เราได้กินกาแฟร้อนๆ กับขนมปังอร่อยๆ เสียดายที่น้องพัฒน์เจ็บขา ทำให้ไม่ได้ขึ้นมาชมความงาม ขอบคุณน้องหนึ่ง หัวหน้าหน่วยทีนี่ ที่ช่วยพาขึ้นดอยและดูแลความปลอดภัย ขอบคุณเจ้าแรมโบ้ อัลเซเชี่ยนและเจ้าบิ๊ก หลังอานที่เดินเป็นเพื่อนขึ้นดอย
อิ่มแล้วเก็บบ้านขึ้นรถ ขากลับน้องนัทติดรถลงไปด้วย ทำให้ต้องเรียงสัมภาระกันใหม่ บรรทุกแน่นเอียด และส่งน้องนัทขึ้นบิ๊กไบค์กับน้องพัฒน์ อำลากันด้วยประทับใจ หวังว่าคงได้เจอกันอีกครั้งครับ
มุ่งหน้าต่อไปที่อช.แจ้ซ้อน คืนนี้โชคดีที่ได้กางเต็นท์ใต้ชายคาอาคารบริการเต็นท์ ทำให้ไม่เปียกฝนและมีไฟฟ้าใช้ ได้อาบน้ำแร่ร้อนๆ อีกครั้ง มันช่างมีความสุขเหลือเกิน
รุ่งขึ้นมุ่งหน้าอช.ตากสินมหาราช แวะซื้อเสาวรส 4 โล 100 เมล่อนญี่ปุ่น 5 ลูก 200 สตรอเบอรี่สุก 5 ถุง 400 ไม่สุก 2 โล 420 อะโวคาโด้พันธุ์ธรรมดา 3 โล 100 แฮก โลละ 100 คืนนี้หลับสบาย
เช้าวันต่อมา ตื่นแต่เช้า วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นสวยงามมากๆ แล้วกลับบ้าน
ทริปนี้ งบประมาณความสุขประมาณ 7,500 บาท ระยะทางประมาณ 1,900 กม.
ขับตั้งแต่ตี3 ถึง 4 โมงเย็น 860 กม. ฝนตกตลอดทาง เบาบ้าง หนักบ้าง หยุดบ้าง
ถึงแล้ว อช.ผ้าห่มปก ลานกางเต็นท์ปีที่แล้วเป็นที่จอดรถ ใกล้ห้องน้ำ สะดวกมาก
บรยากาศหน้าเต็นท์ เขียวสดชื่น
น้ำพุร้อนพุ่งสูงมากทุกครึ่งชั่วโมง นานประมาณ 3-4 นาที
บ่อแช่รวมแยกชายหญิง คนละ 20 บาท แต่มีกลุ่มวัยรุ่นผู้ชายแถวนั้นหลายคนมา บางคนทำตัวไม่ดี ไปชะโงกดูบ่อผู้หญิงด้วย แย่จัง
อึ้ม สบายใจจัง
ฝนตกตลอดคืน แต่ไม่หนักมาก ตื่นเช้าขึ้นมา บรรยากาศสดชื่น
มีหลายจุดให้เที่ยวได้ทั้งปี
บริเวณลานกางเต็นท์
แผนที่เดินทางไปลานกิ่วดอย เพื่อปีนยอดผ้าห่มปก
บอร์ดกลางแจ้ง แนะนำสถานที่
ร้านฃาอานน
อยู่ริมอาคารร้านอาหาร
มีศิลปะกลางแจ้ง ฝีมือเจ้าของและผู้ปั้น ร่วมกันสร้างสรรค์
นางกำลังฟิน
ศิลปะกับธรรมชาติสวยงามกลมกลืน
เจ้าของร้าน อดีตนักวิชาการการเกษตร อาจารย์นน ไว้จะรีวิวเฉพาะที่นี่อีกครั้งครับ
หลงรักธรรมชาติและงานศิลปะที่นี่
ร้านชาอานน ณ อุทยานแห่งชาติ ดอยผ้าห่มปก
อาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยว หากยังไม่ได้จองกางเต็นท์หรือเต็นท์ออนไลน์ ติดต่อที่นี่ก่อนครับ รถที่อนุญาตต้องโฟร์วิวล์เท่านั้นครับ
ม่านธรรมชาติจากรากไม้
ท้องฟ้าสดใส ทำให้จนท.อุทยานให้เดินทางขึ้นยอดได้
หลังจากผ่านด่านห้วยบอนมาแล้ว จะผ่านหมู่บ้าน ซึ่งวันหยุดจะมีเด็กๆ มาคอยต้อนรับและขอขนม โปรดติดไม้ติดมือมาด้วยนะครับ
วัดห้วยบอนกำลังเทคอนกรีตเพื่อขึ้นไปเที่ยวถ้ำ ระยะทางประมาณ 150 เมตร คาดว่าก่อนปีใหม่ น่าจะเสร็จครับ
ทางเดินก่อนเทคอนกรีต เละครับ อย่างนี้ ถอยดีกว่า
ความอุดมสมบูรณ์ที่จุดชมวิว ก่อนถึงลานกิ่วลม
ถึงแล้ว กิ่วลม ลานกางเต็นท์สูงที่สุดในประเทศไทย
อาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ติดต่อเพื่อขึ้นยอดผ้าห่มปก
ด้านหลังของเต็นท์อุทยาน เป็นลานกว้าง
ด้านหน้าของเต็นท์อุทยาน มีอ่างล้างจานอยู่ 2 จุด
โชคดีที่จนท.ให้กางในศาลาได้
เจ้าแรมโบ้ อัลเซเชี่ยน และเจ้าบิ๊ก หลังอาน พนักงานต้อนรับของที่นี่
บรรยากาศที่ลาน คืนนั้นมีแค่ 2 เต็นท์
ดอกไม้สวยๆ หน้าอาคาร
ดอกไม้สวยๆ เห็นลานด้านล่าง
รุ่งขึ้น ตื่นตี 2 ครึ่ง ฝนตกจนถึงตี 3 ครึ่ง หยุดตก จนท.จึงให้ขึ้นยอดดอยได้ เดินอย่างเดียว เพราะมืดตลอดทาง ควรเตรียมรองเท้าผ้าใบ ไม้เท้า ไฟฉายคาดหัว เพื่อเดินได้สะดวก
เจ้าบิ๊ก หลังอาน เก่งมาก นำหน้าตลอด ส่วนเจ้าแรมโบ้ อัลเซเชี่ยน ตัวโตใจเสาะ ตามหลังเจ้านายตลอด
ดอกไม้สวยๆ ที่ยอดผ้าห่มปก
กำลังเบ่งบาน
สวยงาม
แปลกตา
ดอกตากบ เบ่งบานมากบนยอด
บรรยากาศหมอกฟรุ้งฟริ้ง แต่ฟ้ายังไม่เปิด
ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกดีกว่า น้องนัท นศ.แพทย์ปี 4 พระมงกุฏ ขุ่นหลาน นศ.แพทยืปี 3 มศว. เจ้าบิ๊กและเจ้าแรมโบ้
พี่หนึ่ง หัวหน้าหน่วยที่นี่ นิสัยดี รับผิดชอบงานดีมากๆ
(ปีใหม่ที่ผ่านมา คอยอำนวยความสะดวก ดูแลนทท.ตลอดคืนจนถึงเช้า)
ขากลับได้เห็นทางเดินแล้ว ถึงกับเสียวเล็กน้อย
บรรยากาศสวยงามมากๆ
หมอกฟรุ้งฟริ้ง ต้องรอสัก 1-2 ชม. ฟ้าน่าจะเปิดเห็นทะเลหมอก แต่ต้องไปแล้วครับ
ต้นไม้ก็ห่มเสื้อกันหนาวเหมือนกัน
กลับกันเถอะ
ความอุดมสมบูรณ์
ความสวยงาม
สมบูรณ์
ฝอยลมมั้ง
จุดชมวิว มีหลุมบังเกอร์ ในอดีตทหารขุนส่าจะอยู่ที่นี่ ไปอีก 1.5 กมใถึงยอดดอย
อีก 2000 เมตรถึงยอดดอย
ฟ้าเปิดเห็นทะเลหมอกก่อนถึงม่อนวัดใจ ต่อไปพี่หนึ่งจะบุกเบิกทางให้คนที่ขึ้นถึงยอดไม่ไหวได้ชมทะเลหมอกกัน
หมอกสวยๆ
ทางเดินเป็นดินลื่น ไม้เท้าช่วยได้เยอะ
ม่อนวัดใจ 500 เมตรจากลานกางเต็นท์
ทะเลหมอกที่ลานกางเต็นท์ด้านบน
น้องพัฒน์กับขุ่นหลานกับน้องนัท
กรำศึกมาหนัก
ช่วยกันทำกับข้าว
ข้าวต้มปลาแซลมอน ไข่เจียวหมูสับ มันเทศต้มขิง น้ำอัชัญมะนาว
กลับแล้ว
ดินลูกรังอัดแน่น
บางช่วงร่มรื่น
บางฃ่วงเละหน่อย เละมากมีช่วงเดียว
มากางเต็นท์นอนกันเถอะ ตอน พาขุ่นหลานไปปีนยอดดอยผ้าห่มปก
หลังจากนั้นขับรถขึ้นลานกางเต็นท์กิ่วลม ซึ่งเป็นลานกางเต็นท์ที่สูงที่สุดของประเทศ ประทับใจกับเพื่อนบ้านคือน้องนัทและน้องพัฒน์ นักศึกษาแพทย์ปี 4 พระมงกุฏ ที่ขับบิ๊กไบค์มาจากตัวเมืองเชียงใหม่ คืนนี้ กินปิ่งย่างไก่และแซลมอน มันต้มขิง และน้ำอันชัญมะนาวกันอย่างเอร็ดอร่อย
รุ่งขึ้นเดินขึ้นดอยตี 3 และเดินไปกลับ 7 กม. ประทับใจกับความยากลำบากและความงดงามของธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของที่นี่ หลังจากนั้นเดินกลับ ได้เห็นความงามเต็มตา หลังจากที่เดินขึ้นมาในความมืดตลอดทาง บนยอดดอยหมอกฟรุ้งฟริ้งตลอด แต่ที่ด้านล่างเราสามาถเห็นทะเลหมอกได้เต็มตา
น้องนัทและน้องพัฒน์ช่วยกันทำข้าวเช้ามีข้าวต้มปลาแซลมอน ไข่เจียวหมูสับ และมันต้มขิง เอร็ดอร่อยกันอีกมื้อ
ขอบคุณน้องนัทที่ช่วยแบกสัมภาระขึ้นไปยอดดอย ช่วยให้เราได้กินกาแฟร้อนๆ กับขนมปังอร่อยๆ เสียดายที่น้องพัฒน์เจ็บขา ทำให้ไม่ได้ขึ้นมาชมความงาม ขอบคุณน้องหนึ่ง หัวหน้าหน่วยทีนี่ ที่ช่วยพาขึ้นดอยและดูแลความปลอดภัย ขอบคุณเจ้าแรมโบ้ อัลเซเชี่ยนและเจ้าบิ๊ก หลังอานที่เดินเป็นเพื่อนขึ้นดอย
อิ่มแล้วเก็บบ้านขึ้นรถ ขากลับน้องนัทติดรถลงไปด้วย ทำให้ต้องเรียงสัมภาระกันใหม่ บรรทุกแน่นเอียด และส่งน้องนัทขึ้นบิ๊กไบค์กับน้องพัฒน์ อำลากันด้วยประทับใจ หวังว่าคงได้เจอกันอีกครั้งครับ
มุ่งหน้าต่อไปที่อช.แจ้ซ้อน คืนนี้โชคดีที่ได้กางเต็นท์ใต้ชายคาอาคารบริการเต็นท์ ทำให้ไม่เปียกฝนและมีไฟฟ้าใช้ ได้อาบน้ำแร่ร้อนๆ อีกครั้ง มันช่างมีความสุขเหลือเกิน
รุ่งขึ้นมุ่งหน้าอช.ตากสินมหาราช แวะซื้อเสาวรส 4 โล 100 เมล่อนญี่ปุ่น 5 ลูก 200 สตรอเบอรี่สุก 5 ถุง 400 ไม่สุก 2 โล 420 อะโวคาโด้พันธุ์ธรรมดา 3 โล 100 แฮก โลละ 100 คืนนี้หลับสบาย
เช้าวันต่อมา ตื่นแต่เช้า วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นสวยงามมากๆ แล้วกลับบ้าน
ทริปนี้ งบประมาณความสุขประมาณ 7,500 บาท ระยะทางประมาณ 1,900 กม.
ขับตั้งแต่ตี3 ถึง 4 โมงเย็น 860 กม. ฝนตกตลอดทาง เบาบ้าง หนักบ้าง หยุดบ้าง
ถึงแล้ว อช.ผ้าห่มปก ลานกางเต็นท์ปีที่แล้วเป็นที่จอดรถ ใกล้ห้องน้ำ สะดวกมาก
บรยากาศหน้าเต็นท์ เขียวสดชื่น
น้ำพุร้อนพุ่งสูงมากทุกครึ่งชั่วโมง นานประมาณ 3-4 นาที
บ่อแช่รวมแยกชายหญิง คนละ 20 บาท แต่มีกลุ่มวัยรุ่นผู้ชายแถวนั้นหลายคนมา บางคนทำตัวไม่ดี ไปชะโงกดูบ่อผู้หญิงด้วย แย่จัง
อึ้ม สบายใจจัง
ฝนตกตลอดคืน แต่ไม่หนักมาก ตื่นเช้าขึ้นมา บรรยากาศสดชื่น
มีหลายจุดให้เที่ยวได้ทั้งปี
บริเวณลานกางเต็นท์
แผนที่เดินทางไปลานกิ่วดอย เพื่อปีนยอดผ้าห่มปก
บอร์ดกลางแจ้ง แนะนำสถานที่
ร้านฃาอานน
อยู่ริมอาคารร้านอาหาร
มีศิลปะกลางแจ้ง ฝีมือเจ้าของและผู้ปั้น ร่วมกันสร้างสรรค์
นางกำลังฟิน
ศิลปะกับธรรมชาติสวยงามกลมกลืน
เจ้าของร้าน อดีตนักวิชาการการเกษตร อาจารย์นน ไว้จะรีวิวเฉพาะที่นี่อีกครั้งครับ
หลงรักธรรมชาติและงานศิลปะที่นี่
ร้านชาอานน ณ อุทยานแห่งชาติ ดอยผ้าห่มปก
อาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยว หากยังไม่ได้จองกางเต็นท์หรือเต็นท์ออนไลน์ ติดต่อที่นี่ก่อนครับ รถที่อนุญาตต้องโฟร์วิวล์เท่านั้นครับ
ม่านธรรมชาติจากรากไม้
ท้องฟ้าสดใส ทำให้จนท.อุทยานให้เดินทางขึ้นยอดได้
หลังจากผ่านด่านห้วยบอนมาแล้ว จะผ่านหมู่บ้าน ซึ่งวันหยุดจะมีเด็กๆ มาคอยต้อนรับและขอขนม โปรดติดไม้ติดมือมาด้วยนะครับ
วัดห้วยบอนกำลังเทคอนกรีตเพื่อขึ้นไปเที่ยวถ้ำ ระยะทางประมาณ 150 เมตร คาดว่าก่อนปีใหม่ น่าจะเสร็จครับ
ทางเดินก่อนเทคอนกรีต เละครับ อย่างนี้ ถอยดีกว่า
ความอุดมสมบูรณ์ที่จุดชมวิว ก่อนถึงลานกิ่วลม
ถึงแล้ว กิ่วลม ลานกางเต็นท์สูงที่สุดในประเทศไทย
อาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ติดต่อเพื่อขึ้นยอดผ้าห่มปก
ด้านหลังของเต็นท์อุทยาน เป็นลานกว้าง
ด้านหน้าของเต็นท์อุทยาน มีอ่างล้างจานอยู่ 2 จุด
โชคดีที่จนท.ให้กางในศาลาได้
เจ้าแรมโบ้ อัลเซเชี่ยน และเจ้าบิ๊ก หลังอาน พนักงานต้อนรับของที่นี่
บรรยากาศที่ลาน คืนนั้นมีแค่ 2 เต็นท์
ดอกไม้สวยๆ หน้าอาคาร
ดอกไม้สวยๆ เห็นลานด้านล่าง
รุ่งขึ้น ตื่นตี 2 ครึ่ง ฝนตกจนถึงตี 3 ครึ่ง หยุดตก จนท.จึงให้ขึ้นยอดดอยได้ เดินอย่างเดียว เพราะมืดตลอดทาง ควรเตรียมรองเท้าผ้าใบ ไม้เท้า ไฟฉายคาดหัว เพื่อเดินได้สะดวก
เจ้าบิ๊ก หลังอาน เก่งมาก นำหน้าตลอด ส่วนเจ้าแรมโบ้ อัลเซเชี่ยน ตัวโตใจเสาะ ตามหลังเจ้านายตลอด
ดอกไม้สวยๆ ที่ยอดผ้าห่มปก
กำลังเบ่งบาน
สวยงาม
แปลกตา
ดอกตากบ เบ่งบานมากบนยอด
บรรยากาศหมอกฟรุ้งฟริ้ง แต่ฟ้ายังไม่เปิด
ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกดีกว่า น้องนัท นศ.แพทย์ปี 4 พระมงกุฏ ขุ่นหลาน นศ.แพทยืปี 3 มศว. เจ้าบิ๊กและเจ้าแรมโบ้
พี่หนึ่ง หัวหน้าหน่วยที่นี่ นิสัยดี รับผิดชอบงานดีมากๆ
(ปีใหม่ที่ผ่านมา คอยอำนวยความสะดวก ดูแลนทท.ตลอดคืนจนถึงเช้า)
ขากลับได้เห็นทางเดินแล้ว ถึงกับเสียวเล็กน้อย
บรรยากาศสวยงามมากๆ
หมอกฟรุ้งฟริ้ง ต้องรอสัก 1-2 ชม. ฟ้าน่าจะเปิดเห็นทะเลหมอก แต่ต้องไปแล้วครับ
ต้นไม้ก็ห่มเสื้อกันหนาวเหมือนกัน
กลับกันเถอะ
ความอุดมสมบูรณ์
ความสวยงาม
สมบูรณ์
ฝอยลมมั้ง
จุดชมวิว มีหลุมบังเกอร์ ในอดีตทหารขุนส่าจะอยู่ที่นี่ ไปอีก 1.5 กมใถึงยอดดอย
อีก 2000 เมตรถึงยอดดอย
ฟ้าเปิดเห็นทะเลหมอกก่อนถึงม่อนวัดใจ ต่อไปพี่หนึ่งจะบุกเบิกทางให้คนที่ขึ้นถึงยอดไม่ไหวได้ชมทะเลหมอกกัน
หมอกสวยๆ
ทางเดินเป็นดินลื่น ไม้เท้าช่วยได้เยอะ
ม่อนวัดใจ 500 เมตรจากลานกางเต็นท์
ทะเลหมอกที่ลานกางเต็นท์ด้านบน
น้องพัฒน์กับขุ่นหลานกับน้องนัท
กรำศึกมาหนัก
ช่วยกันทำกับข้าว
ข้าวต้มปลาแซลมอน ไข่เจียวหมูสับ มันเทศต้มขิง น้ำอัชัญมะนาว
กลับแล้ว
ดินลูกรังอัดแน่น
บางช่วงร่มรื่น
บางฃ่วงเละหน่อย เละมากมีช่วงเดียว