[CR] [รีวิวอัลบั้ม] Purpose - Justin Bieber (ขอโอกาสอีกซักครั้ง)

ขอโอกาสอีกซักครั้ง





วันนี้ผู้เขียนขอย้ายมาสายป็อบวัยรุ่นบ้าง ศิลปินที่ข้าพเจ้าจะรีวิวในวันนี้ เป็นซุปตาร์วัยเยาว์อย่าง Justin Bieber ไม่ได้พูดถึงป็อบสตาร์รายนี้มานานพอสมควรแล้ว แต่ก่อนยอมรับเลยครับว่า ไม่ค่อยถูกชะตากับเด็กคนนี้พอสมควร เพราะสร้างวีรกรรมไว้เยอะเหลือเกิน ได้ยินข่าวไอ้เด็กคนนี้ทีไร อุทานขึ้นในใจ อีกแล้วหรอเนี่ย ทำตัวหลงระเริงชัดๆ เป็นเด็กปากหมา แถมขี้อวดอีกต่างหาก ผู้ชายด้วยกันเองเห็นแล้วแอบหมั่นไส้อยู่ไม่น้อย ถึงขั้นผมสัญญากับตัวเองเลยว่า ผมจะไม่ฟังเพลงและติดตามข่าวของมันอีกต่อไป พอเข้าสู่ปีนี้ดูเหมือนว่า ข่าวฉาวค่อนข้างเพลาลงไปเยอะเลยนะครัช ไม่รู้เหมือนกันว่า ที่ไม่ออกมาสร้างข่าว เพราะ ยุ่งอยู่กับการทำอัลบั้มชุดนี้รึเปล่า ผมเองก็แอบอ่านประวัติของแม่บีเบอร์ ก็รู้สึกสงสารเหมือนกัน เลยให้คะแนนสงสารไอ้เด็กคนนี้ซักหน่อย แต่เอาเถอะ มันน่าจะปรับปรุงตัวแล้วล่ะนะ ไม่คิดมาก


สิ่งที่ทำให้ผมเริ่มสนใจอัลบั้ม Purpose ของป็อบสตาร์รายนี้ คงไม่ใช่ข่าวฉาวที่ลดน้อยลง เพราะผมเป็นแค่นักฟังเพลงเฉยๆ ไม่ถึงขั้นเป็นติ่งของบีเบอร์หรอกนะครับ แต่เป็นเพราะ 2 ซิงเกิ้ลที่ปล่อยออกมาอย่าง What Do You Mean  และ Sorry ต่างหาก ผมว่าสองเพลงนี้มีความแตกต่างจากเพลงป็อบทั่วๆไปนะ ทำให้เพลงของเค้าดูไม่กระจอกเลยในสายตาผม ความหมายของสองเพลงนี้ดีใช้ได้เลยครับ อีกอย่างนึงที่ผมสนใจเป็นพิเศษก็คือ แขกรับเชิญในอัลบั้มชุดนี้ ไม่ใช่กระจอก อาทิเช่น Ed Sheeran , Travis $cott , Big Sean , Halsey และ Nas มาร่วมแจมด้วย เซอร์ไพร์สรายหลังมากๆ ไม่น่าเชื่อว่า แร็พเปอร์ระดับตำนานรายดังกล่าว จะยอมลดความเป็นผู้ใหญ่มาแร็พในเพลงของวัยรุ่นได้ ซึ่งนั่นทำให้ผมเห็นว่า ป็อบสตาร์รายนี้น่าจะมีอะไรพิเศษบางอย่างเฮีย Nas กับศิลปินระดับซุปตาร์รายอื่นถึงช่วยกันมาเป็นแขกรับเชิญร่วมงานในอัลบั้มชุดนี้ ในที่สุด ข้าพเจ้าจึงยอมเปิดใจฟังอัลบั้มชุดนี้

อัลบั้มชุดนี้แนวเพลงส่วนใหญ่จะออกแนวป็อบเรียบๆ ได้รับอิทธิพลจากฮิพฮอพมากพอสมควร เปิดด้วย Mark My Words เปิดแบบแปลกๆ ขาดความเป็น first impression เยอะไปพอสมควร การที่มีคอรัส นา นา น้า นา นา มันค่อนข้างเยอะจนน่ารำคาญไปเลย ซึ่งมันขัดกับดนตรีเปียโนช้าๆเรียบๆ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



I'll Show You เป็นแทร็คถัดมาที่แก้ขัดแทร็คแรกได้เป็นอย่างดีครับ ท่อนฮุกเพิ่มความตื่นตาตื่นใจขึ้นมาหน่อย


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



What Do You Mean? ยอมรับว่าซิงเกิ้ลนี้ผมถูกใจมากครับ จังหวะเพลงกำลังพอดี ไม่เร็วไม่ช้าจนเกินไป บีทกลมกล่อม เนื้อหาเข้าใจหัวอกผู้ชายได้เป็นอย่างดี เพราะผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยาก นั่นคือคอนเซปต์หลักของเพลงนี้ ที่ถูกใจเพราะผู้เขียนไม่ค่อยเข้าใจผู้หญิงเนี่ยแหละ


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



Sorry ซิงเกิ้ลนี้ผมก็ถูกใจครับ จะว่าไปแล้วเพลงนี้มีจังหวะที่คึกคักมากที่สุดในอัลบั้มชุดนี้แล้วล่ะครับ จังหวะแดนซ์ๆ ซาวน์ดไม่โหลดีครับ เนื้อหาใกล้เคียงกับชีวิตจริงของหนุ่มบีเบอร์อยู่ไม่น้อย ขอโอกาสจากสาวอีกซักครั้ง ไม่รู้เหมือนกันว่า ต้องการจะสื่อถึง Selena Golmez อยู่รึเปล่า


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



Love Yourself เพลงนี้เป็น First Impression จริงจังเลยล่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่มีชื่อ Ed Sheeran ห้อยท้ายชื่อเพลงก็ตาม แต่เราก็สัมผัสได้ถึงสไตล์เพลงที่มีความเป็นเอ็ด ชีแรน อย่างเต็มเปี่ยม หนักแน่นเป็นทุนเดิม อคูลสติกกีตาร์ไฟฟ้าเท่ๆเบาๆฟังสบาย สร้างสีสันด้วยเสียงแซกโซโฟน ถึงแม้ว่าเอ็ดจะอยู่ในสถานะเป็น Vocal Backup แต่เสียงโหยหวนของเอ็ดมันเสริมท่อนฮุกได้ดีมาก มีพลัง แถมเนื้อหาก็ดีด้วย หากว่ารักเรามันไม่น่าจะไปรอด เราควรรักตัวเองก่อนดีกว่ามั้ย ห่างกันซักพักนั่งทบทวนตัวเอง ผมเชื่อว่าทุกคนต้องชอบเพลงนี้ จนเชียร์ให้ตัดเป็นซิงเกิ้ลถัดไปอย่างแน่นอน


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



Company มาแบบช้าๆซาวน์ดโฉบเฉี่ยวลึกลับดีครับ ท่อนฮุกเล่นคอรัสหลอนๆใช่ย่อย มีเสน่ห์ไปอีกแบบ No Pressure ดนตรีช้าๆบวกความเป็นฮิพฮอพนิดหน่อย จังหวะค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรัดมาก สมชื่อเพลงเลย ได้แร็พเปอร์เพื่อนสนิท Big Sean มาแร็พช้าๆเข้มๆยานๆ เข้ากับเพลงได้ดี เท่ห์เลยล่ะ เพลงนี้พูดถึงความรักที่รอได้เสมอ ไม่ต้องรีบร้อนอะไรมาก ไม่กดดันซึ่งกันและกัน เพลงนี้น่าจะเหมาะกับหนุ่มที่กำลังจีบสาวคนนึงอยู่ครับ ดูท่าทีไปก่อน อย่ารีบเร่งอะไรมาก

No Sense มาในแบบฮิพฮอพดาร์กๆ ซาวน์ดหลอนๆเลื้อยๆ ได้ Travis $cott แร็พเปอร์ออโต้จูนมาร่วมแจมด้วย หลังจากที่เคยชวนบีเบอร์ไปร่วมแจมในเพลง Maria I'm Drunk จากอัลบั้ม Rodeo ซึ่งเป็นเพลงที่ผู้เขียนชื่นชอบมากที่สุดในอัลบั้มชุดนั้นด้วย


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



The Feeling ได้นักร้องสาวสุดเท่ห์ Helsey มาร่วมแจมด้วย เป็นเพลงที่มาลึกลับน่าค้นหามากๆครับ ท่อนฮุกเป็นอะไรที่สวยงาม น่ารัก ทั้งบีเบอร์กับเฮล์เซ่ย์เคมีตรงกันมากๆครับ เลยทำให้อะไรหลายๆอย่างมันดูลงตัว หลงรักเพลงนี้เข้าอย่างจัง


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



ถึงแม้ว่าแขกรับเชิญจะหมดแล้ว ถึงเวลาที่บีเบอร์ขอโชว์เดี่ยวบ้าง เริ่มด้วย Life Is Worth Living เพลงช้าๆซึ้งๆ บัลลาดเปียโน ฟังดูแล้วใกล้เคียงเพลงป็อบสไตล์ Westlife แต่มีความหนักแน่นในตัว เนื้อหาดี เริ่มเข้าสู่คอนเซปต์หลักของอัลบั้มชุดนี้มากขึ้นเรื่อยๆที่พูดถึงการขอโอกาสจากสังคมเพื่อที่จะได้ปรับปรุงตัวอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะทำผิดพลาดมาเยอะ ในชีวิตของคนเราก็ต้องเรียนรู้เพื่อที่จะเติบโตบ้างเป็นเรื่องธรรมดา


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



จาเพลงช้าก็มาต่อเนื่องด้วยเพลงแดนซ์อีกสองเพลง Where Are U Now  ซิงเกิ้ลเก่าจากสองดีเจและโปรดิวเซอร์ Skrillex และ Diplo มาแบบเงียบๆเหงาหงอยในตอนแรกแล้วตบด้วยบีทเลื้อยๆเอี๊ยดอ๊าดอันแปลกประหลาดในท่อนฮุก และ Children เป็นเพลงแดนซ์อีดีเอ็มธรรมดาๆไม่มีไรมากครับ


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



ปิดท้ายด้วยเพลง Purpose ไตเติ้ลแทร็คประจำชุดนี้ ธีมเพลงค่อนข้างส่วนตัว เคล้าเสียงเปียโน มาในแบบสงบนิ่ง อีกหนึ่งเพลงที่บีเบอร์ตั้งใจส่งสานส์ให้แฟนเพลง  ได้รับรู้การกลับมาทำในสิ่งที่ตัวเองรักอีกครั้ง ซึ่งนั้นก็คือ การทำงานเพลงนั่นเอง โดยบีเบอร์กล่าวขอบคุณพระเจ้า รวมไปถึงแฟนเพลงที่ยังคอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอมา เป็นแทร็คปิดท้ายแสตนดาร์ดเวอร์ชั่นที่ดูหนักแน่น และจริงใจ

แทร็คแถมใน Deluxe Version ล่ะ มีอะไรน่าสนใจบ้าง Been You และ Get Used To It อีดีเอ็มธรรมดาทั่วๆไป มาถึงแทร็กที่ผมรอคอยแล้วอย่าง We Are จะไม่ให้น่าสนใจได้ไง เพราะได้เฮีย Nas แร็พเปอร์ระดับตำนานเลยนะเฮ้ย มาร่วมแจมด้วย ฟังอินโทรเปิดแล้ว ดูวัยรุ่นมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าเฮีย Nas ยอมย้อนวัย มาขอแจมเพลงวัยรุ่นบ้าง แถมการแร็พของเฮียแกก็พูดถึงความรักในสมัยวัยเยาว์ด้วย แอบผิดหวังนิดนึง แต่การที่แร็พเปอร์ระดับตำนานผู้นี้มาแร็พในเพลงวัยรุ่นแบบนี้ ก็ดึงดูดให้ชาวฮิพฮอพต้องยอมเงี่ยหูฟังซักครั้งนึงอยู่ดี





เป็นผลงานลำดับที่สี่ที่มีพัฒนาการทางดนตรีและเนื้อหามากพอสมควรครับ มีอะไรหลายอย่างที่แปลกแหวกแนวจากเพลงป็อบธรรมดาทั่วๆไป ผมเองอาจจะยังไม่เคยฟังอัลบั้มก่อนๆของบีเบอร์ เคยฟังแต่ซิงเกิ้ลที่เปิดตามวิทยุ แต่สิ่งที่ผมสังเกตเห็นจากงานชุดแรกที่ผมฟังก็คือ มันเป็นงานเพลงที่ไม่เน้นสนุก ดูอึมครึมนิดนึง ออกแนวแดนซ์ไม่จัดจ้านเหมือนเพลงวัยรุ่นทั่วไป เมโลดี้ค่อนข้างคงที่ เพื่อให้เข้ากับเสียงร้องของบีเบอร์ออกแนวจมๆ ไม่สูงปรี๊ด เนื้อหามีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ถึงแม้ว่าเพลงในอัลบั้มชุดนี้อาจจะให้ความรู้สึกที่ไม่ค่อยพีค ฟังได้เรื่อยๆ แต่งานเพลงชุดนี้เหมือนบีเบอร์กำลังหาแนวทาง พัฒนาสกิลอยู่ ถ้าจะเปรียบเปรยก็คล้ายๆกับการทำงานเพลงแบบค่อยๆพัฒนา เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆ อาจจะยังไม่ดีที่สุด เพราะยังต้องมีหลายอย่างต้องปรับปรุง แต่ยังไม่ถึงขั้นแย่ที่สุดอย่างแน่นอน เราจะเห็นได้ว่า เพลงในอัลบั้มชุดนี้ใกล้เคียงกับชีวิตจริงของ Justin Bieber มากที่สุด การปรับปรุงซาวนด์และเนื้อหาก็เท่ากับการปรับปรุงตัวของบีเบอร์ควบคู่ไปด้วย ป็อบสตาร์รายนี้กำลังจะทำให้ทั้งสองอย่างไปได้ดีด้วยกันนั่นก็คือ หนึ่งไปได้ดีในวงการบันเทิง และ สองไปได้ดีในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ในอดีตหนุ่มคนนี้เคยโดนคนในวงการและสังคมแบนถึงขีดสุดแล้ว

Purpose จึงเป็นการกลับมาแก้มือ ขอโอกาสอีกซักครั้งในหลายๆเรื่องของบีเบอร์ที่รอให้แฟนเพลงและคนในสังคมพิสูจน์ในพรสวรรค์ ฝีไม้ลายมือกันต่อไป


ยังหนุ่มอยู่ยังมีเวลาอีกนานให้พิสูจน์อะไรอีกหลายอย่าง



Top Track : Love Yourself , What Do You Mean? , Sorry , The Feeling & No Pressure


Give  7/10





ชื่อสินค้า:   [center][b]ขอโอกาสอีกซักครั้ง[/b][/center] [center][img]http://f.ptcdn.info/559/037/000/ny2mro10rfVDiImfR4u2-o.jpg[/img][/center] วันนี้ผู้เขียนขอย้ายมาสายป็อบวัยรุ่นบ้าง ศิลปินที่ข้าพเจ้าจะรีวิวในวันนี้ เป็นซุปตาร์วัยเยาว์อย่าง [b]Justin Bieber[/b] ไม่ได้พูดถึงป็อบสตาร์รายนี้มานานพอสมควรแล้ว แต่ก่อนยอมรับเลยครับว่า ไม่ค่อยถูกชะตากับเด็กคนนี้พอสมควร เพราะสร้างวีรกรรมไว้เยอะเหลือเกิน ได้ยินข่าวไอ้เด็กคนนี้ทีไร อุทานขึ้นในใจ อีกแล้วหรอเนี่ย ทำตัวหลงระเริงชัดๆ เป็นเด็กปากหมา แถมขี้อวดอีกต่างหาก ผู้ชายด้วยกันเองเห็นแล้วแอบหมั่นไส้อยู่ไม่น้อย ถึงขั้นผมสัญญากับตัวเองเลยว่า ผมจะไม่ฟังเพลงและติดตามข่าวของมันอีกต่อไป พอเข้าสู่ปีนี้ดูเหมือนว่า ข่าวฉาวค่อนข้างเพลาลงไปเยอะเลยนะครัช ไม่รู้เหมือนกันว่า ที่ไม่ออกมาสร้างข่าว เพราะ ยุ่งอยู่กับการทำอัลบั้มชุดนี้รึเปล่า ผมเองก็แอบอ่านประวัติของแม่บีเบอร์ ก็รู้สึกสงสารเหมือนกัน เลยให้คะแนนสงสารไอ้เด็กคนนี้ซักหน่อย แต่เอาเถอะ มันน่าจะปรับปรุงตัวแล้วล่ะนะ ไม่คิดมาก สิ่งที่ทำให้ผมเริ่มสนใจอัลบั้ม [b]Purpose[/b] ของป็อบสตาร์รายนี้ คงไม่ใช่ข่าวฉาวที่ลดน้อยลง เพราะผมเป็นแค่นักฟังเพลงเฉยๆ ไม่ถึงขั้นเป็นติ่งของบีเบอร์หรอกนะครับ แต่เป็นเพราะ 2 ซิงเกิ้ลที่ปล่อยออกมาอย่าง [b]What Do You Mean และ Sorry[/b] ต่างหาก ผมว่าสองเพลงนี้มีความแตกต่างจากเพลงป็อบทั่วๆไปนะ ทำให้เพลงของเค้าดูไม่กระจอกเลยในสายตาผม ความหมายของสองเพลงนี้ดีใช้ได้เลยครับ อีกอย่างนึงที่ผมสนใจเป็นพิเศษก็คือ แขกรับเชิญในอัลบั้มชุดนี้ ไม่ใช่กระจอก อาทิเช่น [b]Ed Sheeran , Travis $cott , Big Sean , Halsey และ Nas [/b]มาร่วมแจมด้วย เซอร์ไพร์สรายหลังมากๆ ไม่น่าเชื่อว่า แร็พเปอร์ระดับตำนานรายดังกล่าว จะยอมลดความเป็นผู้ใหญ่มาแร็พในเพลงของวัยรุ่นได้ ซึ่งนั่นทำให้ผมเห็นว่า ป็อบสตาร์รายนี้น่าจะมีอะไรพิเศษบางอย่างเฮีย Nas กับศิลปินระดับซุปตาร์รายอื่นถึงช่วยกันมาเป็นแขกรับเชิญร่วมงานในอัลบั้มชุดนี้ ในที่สุด ข้าพเจ้าจึงยอมเปิดใจฟังอัลบั้มชุดนี้ อัลบั้มชุดนี้แนวเพลงส่วนใหญ่จะออกแนวป็อบเรียบๆ ได้รับอิทธิพลจากฮิพฮอพมากพอสมควร เปิดด้วย [b]Mark My Words[/b] เปิดแบบแปลกๆ ขาดความเป็น first impression เยอะไปพอสมควร การที่มีคอรัส นา นา น้า นา นา มันค่อนข้างเยอะจนน่ารำคาญไปเลย ซึ่งมันขัดกับดนตรีเปียโนช้าๆเรียบๆ [center]https://www.youtube.com/watch?v=PfGaX8G0f2E[/center] I'll Show You เป็นแทร็คถัดมาที่แก้ขัดแทร็คแรกได้เป็นอย่างดีครับ ท่อนฮุกเพิ่มความตื่นตาตื่นใจขึ้นมาหน่อย [center]https://www.youtube.com/watch?v=NywWB67Z7zQ[/center] [b]What Do You Mean?[/b] ยอมรับว่าซิงเกิ้ลนี้ผมถูกใจมากครับ จังหวะเพลงกำลังพอดี ไม่เร็วไม่ช้าจนเกินไป บีทกลมกล่อม เนื้อหาเข้าใจหัวอกผู้ชายได้เป็นอย่างดี เพราะผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยาก นั่นคือคอนเซปต์หลักของเพลงนี้ ที่ถูกใจเพราะผู้เขียนไม่ค่อยเข้าใจผู้หญิงเนี่ยแหละ [center]https://www.youtube.com/watch?v=fRh_vgS2dFE[/center] [b]Sorry[/b] ซิงเกิ้ลนี้ผมก็ถูกใจครับ จะว่าไปแล้วเพลงนี้มีจังหวะที่คึกคักมากที่สุดในอัลบั้มชุดนี้แล้วล่ะครับ จังหวะแดนซ์ๆ ซาวน์ดไม่โหลดีครับ เนื้อหาใกล้เคียงกับชีวิตจริงของหนุ่มบีเบอร์อยู่ไม่น้อย ขอโอกาสจากสาวอีกซักครั้ง ไม่รู้เหมือนกันว่า ต้องการจะสื่อถึง [b]Selena Golmez [/b]อยู่รึเปล่า [center]https://www.youtube.com/watch?v=oyEuk8j8imI[/center] [center]https://www.youtube.com/watch?v=9t7VbZCRxrQ[/center] [b]Love Yourself[/b] เพลงนี้เป็น First Impression จริงจังเลยล่ะ ถึงแม้ว่าจะไม่มีชื่อ [b]Ed Sheeran[/b] ห้อยท้ายชื่อเพลงก็ตาม แต่เราก็สัมผัสได้ถึงสไตล์เพลงที่มีความเป็นเอ็ด ชีแรน อย่างเต็มเปี่ยม หนักแน่นเป็นทุนเดิม อคูลสติกกีตาร์ไฟฟ้าเท่ๆเบาๆฟังสบาย สร้างสีสันด้วยเสียงแซกโซโฟน ถึงแม้ว่าเอ็ดจะอยู่ในสถานะเป็น Vocal Backup แต่เสียงโหยหวนของเอ็ดมันเสริมท่อนฮุกได้ดีมาก มีพลัง แถมเนื้อหาก็ดีด้วย หากว่ารักเรามันไม่น่าจะไปรอด เราควรรักตัวเองก่อนดีกว่ามั้ย ห่างกันซักพักนั่งทบทวนตัวเอง ผมเชื่อว่าทุกคนต้องชอบเพลงนี้ จนเชียร์ให้ตัดเป็นซิงเกิ้ลถัดไปอย่างแน่นอน [center]https://www.youtube.com/watch?v=neSv8fjmDB0[/center] [center]https://www.youtube.com/watch?v=154himd-3ZE[/center] [b]Company[/b] มาแบบช้าๆซาวน์ดโฉบเฉี่ยวลึกลับดีครับ ท่อนฮุกเล่นคอรัสหลอนๆใช่ย่อย มีเสน่ห์ไปอีกแบบ [b]No Pressure[/b] ดนตรีช้าๆบวกความเป็นฮิพฮอพนิดหน่อย จังหวะค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งรัดมาก สมชื่อเพลงเลย ได้แร็พเปอร์เพื่อนสนิท [b]Big Sean[/b] มาแร็พช้าๆเข้มๆยานๆ เข้ากับเพลงได้ดี เท่ห์เลยล่ะ เพลงนี้พูดถึงความรักที่รอได้เสมอ ไม่ต้องรีบร้อนอะไรมาก ไม่กดดันซึ่งกันและกัน เพลงนี้น่าจะเหมาะกับหนุ่มที่กำลังจีบสาวคนนึงอยู่ครับ ดูท่าทีไปก่อน อย่ารีบเร่งอะไรมาก [b]No Sense[/b] มาในแบบฮิพฮอพดาร์กๆ ซาวน์ดหลอนๆเลื้อยๆ ได้ [b]Travis $cott[/b] แร็พเปอร์ออโต้จูนมาร่วมแจมด้วย หลังจากที่เคยชวนบีเบอร์ไปร่วมแจมในเพลง [b]Maria I'm Drunk[/b] จากอัลบั้ม [b]Rodeo[/b] ซึ่งเป็นเพลงที่ผู้เขียนชื่นชอบมากที่สุดในอัลบั้มชุดนั้นด้วย [center]https://www.youtube.com/watch?v=qYj4l5Xntt0[/center] [b]The Feeling[/b] ได้นักร้องสาวสุดเท่ห์ [b]Helsey[/b] มาร่วมแจมด้วย เป็นเพลงที่มาลึกลับน่าค้นหามากๆครับ ท่อนฮุกเป็นอะไรที่สวยงาม น่ารัก ทั้งบีเบอร์กับเฮล์เซ่ย์เคมีตรงกันมากๆครับ เลยทำให้อะไรหลายๆอย่างมันดูลงตัว หลงรักเพลงนี้เข้าอย่างจัง [center]https://www.youtube.com/watch?v=Klx1npc7LDo [/center] ถึงแม้ว่าแขกรับเชิญจะหมดแล้ว ถึงเวลาที่บีเบอร์ขอโชว์เดี่ยวบ้าง เริ่มด้วย [b]Life Is Worth Living[/b] เพลงช้าๆซึ้งๆ บัลลาดเปียโน ฟังดูแล้วใกล้เคียงเพลงป็อบสไตล์ Westlife แต่มีความหนักแน่นในตัว เนื้อหาดี เริ่มเข้าสู่คอนเซปต์หลักของอัลบั้มชุดนี้มากขึ้นเรื่อยๆที่พูดถึงการขอโอกาสจากสังคมเพื่อที่จะได้ปรับปรุงตัวอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะทำผิดพลาดมาเยอะ ในชีวิตของคนเราก็ต้องเรียนรู้เพื่อที่จะเติบโตบ้างเป็นเรื่องธรรมดา [center]https://www.youtube.com/watch?v=nntGTK2Fhb0[/center] [center]https://www.youtube.com/watch?v=nkjwn240AMc[/center] จาเพลงช้าก็มาต่อเนื่องด้วยเพลงแดนซ์อีกสองเพลง [b]Where Are U Now[/b] ซิงเกิ้ลเก่าจากสองดีเจและโปรดิวเซอร์ [b]Skrillex และ Diplo[/b] มาแบบเงียบๆเหงาหงอยในตอนแรกแล้วตบด้วยบีทเลื้อยๆเอี๊ยดอ๊าดอันแปลกประหลาดในท่อนฮุก และ [b]Children[/b] เป็นเพลงแดนซ์อีดีเอ็มธรรมดาๆไม่มีไรมากครับ [center]https://www.youtube.com/watch?v=Ca1i6DZC3iY[/center] ปิดท้ายด้วยเพลง [b]Purpose[/b] ไตเติ้ลแทร็คประจำชุดนี้ ธีมเพลงค่อนข้างส่วนตัว เคล้าเสียงเปียโน มาในแบบสงบนิ่ง อีกหนึ่งเพลงที่บีเบอร์ตั้งใจส่งสานส์ให้แฟนเพลง ได้รับรู้การกลับมาทำในสิ่งที่ตัวเองรักอีกครั้ง ซึ่งนั้นก็คือ การทำงานเพลงนั่นเอง โดยบีเบอร์กล่าวขอบคุณพระเจ้า รวมไปถึงแฟนเพลงที่ยังคอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอมา เป็นแทร็คปิดท้ายแสตนดาร์ดเวอร์ชั่นที่ดูหนักแน่น และจริงใจ แทร็คแถมใน Deluxe Version ล่ะ มีอะไรน่าสนใจบ้าง [b]Been You[/b] และ [b]Get Used To It[/b] อีดีเอ็มธรรมดาทั่วๆไป มาถึงแทร็กที่ผมรอคอยแล้วอย่าง [b]We Are[/b] จะไม่ให้น่าสนใจได้ไง เพราะได้เฮีย [b]Nas[/b] แร็พเปอร์ระดับตำนานเลยนะเฮ้ย มาร่วมแจมด้วย ฟังอินโทรเปิดแล้ว ดูวัยรุ่นมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าเฮีย [b]Nas[/b] ยอมย้อนวัย มาขอแจมเพลงวัยรุ่นบ้าง แถมการแร็พของเฮียแกก็พูดถึงความรักในสมัยวัยเยาว์ด้วย แอบผิดหวังนิดนึง แต่การที่แร็พเปอร์ระดับตำนานผู้นี้มาแร็พในเพลงวัยรุ่นแบบนี้ ก็ดึงดูดให้ชาวฮิพฮอพต้องยอมเงี่ยหูฟังซักครั้งนึงอยู่ดี [center][img]http://f.ptcdn.info/559/037/000/ny2mqc5oy1sz84mwCm2-o.jpg[/img][/center] เป็นผลงานลำดับที่สี่ที่มีพัฒนาการทางดนตรีและเนื้อหามากพอสมควรครับ มีอะไรหลายอย่างที่แปลกแหวกแนวจากเพลงป็อบธรรมดาทั่วๆไป ผมเองอาจจะยังไม่เคยฟังอัลบั้มก่อนๆของบีเบอร์ เคยฟังแต่ซิงเกิ้ลที่เปิดตามวิทยุ แต่สิ่งที่ผมสังเกตเห็นจากงานชุดแรกที่ผมฟังก็คือ มันเป็นงานเพลงที่ไม่เน้นสนุก ดูอึมครึมนิดนึง ออกแนวแดนซ์ไม่จัดจ้านเหมือนเพลงวัยรุ่นทั่วไป เมโลดี้ค่อนข้างคงที่ เพื่อให้เข้ากับเสียงร้องของบีเบอร์ออกแนวจมๆ ไม่สูงปรี๊ด เนื้อหามีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ถึงแม้ว่าเพลงในอัลบั้มชุดนี้อาจจะให้ความรู้สึกที่ไม่ค่อยพีค ฟังได้เรื่อยๆ แต่งานเพลงชุดนี้เหมือนบีเบอร์กำลังหาแนวทาง พัฒนาสกิลอยู่ ถ้าจะเปรียบเปรยก็คล้ายๆกับการทำงานเพลงแบบค่อยๆพัฒนา เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆ อาจจะยังไม่ดีที่สุด เพราะยังต้องมีหลายอย่างต้องปรับปรุง แต่ยังไม่ถึงขั้นแย่ที่สุดอย่างแน่นอน เราจะเห็นได้ว่า เพลงในอัลบั้มชุดนี้ใกล้เคียงกับชีวิตจริงของ [b]Justin Bieber[/b] มากที่สุด การปรับปรุงซาวนด์และเนื้อหาก็เท่ากับการปรับปรุงตัวของบีเบอร์ควบคู่ไปด้วย ป็อบสตาร์รายนี้กำลังจะทำให้ทั้งสองอย่างไปได้ดีด้วยกันนั่นก็คือ หนึ่งไปได้ดีในวงการบันเทิง และ สองไปได้ดีในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ในอดีตหนุ่มคนนี้เคยโดนคนในวงการและสังคมแบนถึงขีดสุดแล้ว [b]Purpose[/b] จึงเป็นการกลับมาแก้มือ ขอโอกาสอีกซักครั้งในหลายๆเรื่องของบีเบอร์ที่รอให้แฟนเพลงและคนในสังคมพิสูจน์ในพรสวรรค์ ฝีไม้ลายมือกันต่อไป [center][b]ยังหนุ่มอยู่ยังมีเวลาให้พิสูจน์อะไรหลายอย่างอีกนาน[/b][/center] [b]Top Track : Love Yourself , What Do You Mean? , Sorry , The Feeling & No Pressure[/b] [b]Give 7/10[/b] [center][img]http://f.ptcdn.info/048/033/000/1435939504-ScreenShot-o.png[/img][/center] [center][u]FB : https://www.facebook.com/fungpaifungma[/u][/center]
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่