ความรู้สึกที่ไม่ได้มาลอยๆ
Carly Rae Jepsen นักร้องสาวชาวแคนาเดียนกลับมาอีกครั้งในอัลบั้ม
EMOTION (ของแท้ต้องมีจุดปะกลางด้วยนะ) เป็นการกลับมาอีกครั้งในรอบ 3 ปีนับจากอัลบั้ม
Kiss ที่มีซิงเกิ้ลฮิตติดบิลบอร์ดอย่าง
Call Me Maybe ยอมรับเลยว่าเพลงนี้เป็นเพลงป็อบที่ข้าพเจ้าเฉยที่สุดเลยล่ะ มันเป็นเพลงป็อบที่ดูสร้างกระแสมากกว่า ผมเคยสบประมาทเธอจากเพลงนี้เหมือนกัน เป็นเพลงป็อบโหลๆดูธรรมดามากๆ สร้างกระแสจากเอ็มวีมากกว่า แต่เพื่อนแนะนำให้ผมฟังอัลบั้ม
Kiss กลับพบว่ามีหลายเพลงดูดีกว่าที่คิดเสียอีก แต่นักฟังกลับมองข้ามเลยกระแสไม่ดีอย่างที่คิด
ตั้งแต่ผมได้ฟัง
Kiss ก็เป็นปลื้มเธอไปโดยปริยายเลยครับ นอกจากเธอจะน่ารัก เป็นสาวติดดินแล้ว ทักษะในการแต่งเพลงของเธอไม่เป็นสองรองใครอีกด้วย อัลบั้มนี้ก็เช่นกัน
E•MO•TION มีการพัฒนาจากชุดที่แล้วพอสมควร เพลงในอัลบั้มมีความเป็นอิเล็กโทรป็อบ สวนกระแสด้วยเพลงสไตล์ป็อบวินเทจ ยุค'80 ในสัดส่วนที่เท่ากัน ทำให้ผู้ฟังซึมซับความเก่าและใหม่ในเวลาเดียวกัน ถือเป็นสิ่งดีไม่น้อย ที่ทำให้ผู้ฟังไม่รู้สึกเลี่ยนกับอิเล็กโทรป็อบที่มีจนเกลื่อนตลาดซะเหลือเกิน ได้ย้อนวันวานบ้างเนอะ
จริงๆแล้วอัลบั้มชุดนี้วางแผงไปตั้งแต่เดือนมิถุนายนแล้วล่ะครับ วางแผงที่ญี่ปุ่นเป็นที่แรก ยอดขายที่โน่นอยู่ในระดับดี อัลบั้มนี้ได้
Justin Bieber มาคุมงานโปรดิวซ์อีกเช่นเคย เสริมทัพด้วย
Scooter Bruan Shellback , Max Martin และอื่นๆอีกมากมาย
มาเริ่มกันเลย
Run Away With Me Run Away With Me เริ่มอินโทรให้ผู้ฟัง Alert พอเป็นพิธี จังหวะค่อยๆเป็นค่อยๆไปก่อนที่จะตบด้วยอิเล็กโทรในท่อนฮุก ฟังแล้วให้บรรยากาศเหมือนเรากำลังเดินรอบเมืองกับคนพิเศษ
EMOTION ไตเติ้ลแทร็คประจำชุดนี้ เพลงติดหูดีครับ ฟิลการร้องสูงต่ำกำลังพอดี เนื้อหาก็บ่งบอกคอนเซปต์ได้ดีไม่น้อย ชั้นชอบเธอมาก อยากสะกดจิตให้เธอมารักชั้นให้ได้ ก็ผู้หญิงอ่ะนะ รักมากก็อยากได้มากเป็นเรื่องธรรมดา 5555
I Really Like You เป็นซิงเกิ้ลแรก ซึ่งดูเหมือนจะซ้ำรอยความสำเร็จเดิมอย่าง Call Me Maybe แต่ดนตรีดูพัฒนากว่า ฟังเผินๆเป็นเพลงป็อบใสๆแอ๊บแบ๊ว แต่เนื้อหาพ่อคุณเอ๊ยย ไม่แอ๊บอย่างที่คิดนะครัช
Gimmie Love มาแบบเงียบๆจังหวะเคาะทำได้ดี เสริมด้วยแบ๊คอัพโห่ร้อง ฟังแล้วรู้สึกประทับใจ เพลงนี้ก็บ่งบอกถึงความเป็นอีโมชั่นได้อีกเหมือนกัน ลึกๆแล้วชั้นอยากให้เธอมอบความรักให้ชั้นซะทีเถิด
All That เพลงนี้ยาวที่สุด และเป็นเพลงที่ข้าพเจ้าอวยสุดๆเลยล่ะครับอวยถึงขั้นให้เพลงนี้ติด 20 Best Songs Of 2015 So Far เลยล่ะครัช Carly เพิ่มระดับความยากให้ผู้ฟังมากขึ้นด้วยซาวน์ดเอื่อยๆแต่มีเสน่ห์เหลือล้นด้วยซาวน์ดป็อบยุค 80 ฟังแรกๆก็หลับเหมือนกันครับ แต่พอฟังไปเรื่อยๆเพลงมันค่อยๆซึบซับผู้ฟังไปทีละนิดแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป ว่าง่ายๆเพลงนี้ Deep ได้ใจจริงๆ เนื้อหาก็ดูใสซื่อดีครับ ชั้นรักเธอแบบเพื่อนก็ได้
ต่อด้วยเพลงสนุกๆ
Boy Problem ถือเป็นเพลงชอบมากๆเพลงนึงเลยล่ะ ชอบเทคนิคการเล่นซาวน์ดตัดไปตัดมาเนี่ยแหละ มีชั้นเชิงดี แถมเนื้อหาก็ครีเอทดี ปัญหาเรื่องผู้ชายมักเป็นปัญหาโลกแตกเสมอ
Making The Most Of The Night ได้ Sia Furler ป้าแชนดาเลีย มาช่วยแต่งด้วย ตัวเพลงดูลึกลับ ท่อนฮุกยังไม่โดนใจข้าพเจ้าเท่าที่ควร
Your Type เพลงนี้โคตรโดน ติดหูอะไรเยี่ยงนี้ ตอนปล่อยเพลงนี้ลงยูทูปข้าพเจ้าฟังหลายรอบเลยล่ะ มีสิทธิตัดเป็นซิงเกิ้ลแน่นอน เอ็มวีน่าจะตามมาในไม่ช้า (ทำนายเล่นๆ) เนื้อหาก็โคตร Hurt ชั้นขอโทดที่มันรักเธอข้างเดียว ก็ชั้นมันไม่ใช่เสป็คเธอหนิ เป็นผู้ชายมันก็คงเศร้าไม่ต่างกันแหละ
Let's Get Lost อินโทรเพลงออกแนวชาวเกาะมากๆ แต่มาพีคตรงท่อนฮุกเนี่ยแหละที่มีคอรัสมาช่วยเป็นตัวเสริม เสียงร้องอันละเมียดละมัยของ Carly มันทำให้เพลงมีความงดงามและน่าจดจำ ผมเชื่อว่าทุกคนต้องประทับใจจนหลงเพลงนี้ไม่ต่างจากผมแน่นอน
L.A.Hallucinations ชื่อเพลงอ่านยากนิดนึง ให้อารมณ์เรื่อยๆนะ
Warm Blood คราวนี้คารี่ยมาแปลกแฮะ มาสายดาร์กซะแล้ว ซาวน์ดจั๊กจี๊ไปนิดนึง แต่ก็ออกแนวเซ็กซี่อยู่ไม่น้อยนะ
When I Needed You บับเบิ้ลกัมป็อบที่โคตรวินเทจ แอ๊บแบ๊ว สดใสอยู่ไม่น้อย เป็นเพลงปิดท้ายแสตนดาร์ดเวอร์ชั่นที่ยังให้อารมณ์ไม่สุดอยู่ดี สุดท้ายเราก็ต้องหา Deluxe มาฟังอยู่ดีครับ
เพลงแถมที่ข้าพเจ้าโดนใจที่สุดก็คือ
Favourite Colour เพลงปิดท้ายเนี่ยแหละครับ เป็นป็อบบัลลาดที่หนักแน่น ปิดท้ายได้ประทับใจ น่าเอาไปเป็นเพลงปิดท้ายแสตนดาร์ดเวอร์ชั่น ส่วนสองเพลงอย่าง
Black Heart อิเล็กโทรฟังเรื่อยๆ ไม่มีไรมากและ
I Didn't Just Com To Dance จังหวะเพลงสไตล์ Dancehall ที่ฟังดูโหลๆไปนิดนึงในความเห็นของข้าพเจ้า ส่วนเพลงแถม Deluxe Version ที่จัดให้ชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะ อันนี้ข้าพเจ้าก็ยังไม่ได้ลองฟังเหมือนกัน เลยขอไม่ออกความเห็นก็แล้วกันครับ
EMOTION ชุดนี้รักษาคุณภาพได้ดีเช่นเคย มีท่อนฮุกติดหู น่ารักๆ เนื้อหาโดนใจผู้หญิงแน่นอน ฟังได้ทุกเพศทุกวัย ไม่มีเรื่องเพศให้กวนใจมากนัก ภาคดนตรีมีการพัฒนาจากชุดก่อนอย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งที่ผมชอบมากๆคือการไม่ตามกระแสจนเกินไป ชุดที่แล้วอิเล็กโทรจ๋ามากดูตามกระแสไปหน่อย แต่ชุดนี้ก็ยังคงรักษาความทันสมัยของอิเล็กโทรป็อบ ในขณะเดียวกันก็พาเราย้อนวันวาน ให้คิดถึงซาวน์ดป็อบเก่าๆวินเทจดูบ้าง ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกไม่เลี่ยนกับอิเล็กโทรป็อบจนเกินไป ชุดนี้มันคงจะเหมาะกับคนที่กำลังโหยหาดนตรีแนววินเทจอยู่ไม่น้อย ถึงแม้ว่าเพลงในอัลบั้มชุดนี้อาจจะยังไม่ถึงคำนิยามของคำว่า EMOTION ได้ลึกซึ้งเท่ากับเพลงโซล เพราะบางเพลงก็มีจุดเปราะบางเหมือนกัน ซึ่งนั่นเป็นข้อจำกัดของเพลงป็อบ ซึ่งทำให้อัลบั้มชุดนี้ยังไปไม่ถึงคำว่า Masterpiece แต่ข้อดีของเพลงป็อบก็สามารถเข้าถึงอารมณ์คนฟังได้ง่าย ไม่เป็นการซับซ้อนจนเกินไป
อย่างน้อยความรู้สึกที่สัมผัสได้จากสาวคนนี้ ไม่คิดเองเออเองก็แล้วกัน
Top Track : Let's Get Lost , Your Type , All That , Boy Problem, EMOTION , When I Needed You
Give 8/10
FB>>>>
https://www.facebook.com/fungpaifungma ไปกด Like กันได้นะครับ
[CR] [รีวิวอัลบั้ม] E•MO•TION - Carly Rae Jepsen
Carly Rae Jepsen นักร้องสาวชาวแคนาเดียนกลับมาอีกครั้งในอัลบั้ม EMOTION (ของแท้ต้องมีจุดปะกลางด้วยนะ) เป็นการกลับมาอีกครั้งในรอบ 3 ปีนับจากอัลบั้ม Kiss ที่มีซิงเกิ้ลฮิตติดบิลบอร์ดอย่าง Call Me Maybe ยอมรับเลยว่าเพลงนี้เป็นเพลงป็อบที่ข้าพเจ้าเฉยที่สุดเลยล่ะ มันเป็นเพลงป็อบที่ดูสร้างกระแสมากกว่า ผมเคยสบประมาทเธอจากเพลงนี้เหมือนกัน เป็นเพลงป็อบโหลๆดูธรรมดามากๆ สร้างกระแสจากเอ็มวีมากกว่า แต่เพื่อนแนะนำให้ผมฟังอัลบั้ม Kiss กลับพบว่ามีหลายเพลงดูดีกว่าที่คิดเสียอีก แต่นักฟังกลับมองข้ามเลยกระแสไม่ดีอย่างที่คิด
ตั้งแต่ผมได้ฟัง Kiss ก็เป็นปลื้มเธอไปโดยปริยายเลยครับ นอกจากเธอจะน่ารัก เป็นสาวติดดินแล้ว ทักษะในการแต่งเพลงของเธอไม่เป็นสองรองใครอีกด้วย อัลบั้มนี้ก็เช่นกัน E•MO•TION มีการพัฒนาจากชุดที่แล้วพอสมควร เพลงในอัลบั้มมีความเป็นอิเล็กโทรป็อบ สวนกระแสด้วยเพลงสไตล์ป็อบวินเทจ ยุค'80 ในสัดส่วนที่เท่ากัน ทำให้ผู้ฟังซึมซับความเก่าและใหม่ในเวลาเดียวกัน ถือเป็นสิ่งดีไม่น้อย ที่ทำให้ผู้ฟังไม่รู้สึกเลี่ยนกับอิเล็กโทรป็อบที่มีจนเกลื่อนตลาดซะเหลือเกิน ได้ย้อนวันวานบ้างเนอะ
จริงๆแล้วอัลบั้มชุดนี้วางแผงไปตั้งแต่เดือนมิถุนายนแล้วล่ะครับ วางแผงที่ญี่ปุ่นเป็นที่แรก ยอดขายที่โน่นอยู่ในระดับดี อัลบั้มนี้ได้ Justin Bieber มาคุมงานโปรดิวซ์อีกเช่นเคย เสริมทัพด้วย Scooter Bruan Shellback , Max Martin และอื่นๆอีกมากมาย
มาเริ่มกันเลย Run Away With Me Run Away With Me เริ่มอินโทรให้ผู้ฟัง Alert พอเป็นพิธี จังหวะค่อยๆเป็นค่อยๆไปก่อนที่จะตบด้วยอิเล็กโทรในท่อนฮุก ฟังแล้วให้บรรยากาศเหมือนเรากำลังเดินรอบเมืองกับคนพิเศษ
EMOTION ไตเติ้ลแทร็คประจำชุดนี้ เพลงติดหูดีครับ ฟิลการร้องสูงต่ำกำลังพอดี เนื้อหาก็บ่งบอกคอนเซปต์ได้ดีไม่น้อย ชั้นชอบเธอมาก อยากสะกดจิตให้เธอมารักชั้นให้ได้ ก็ผู้หญิงอ่ะนะ รักมากก็อยากได้มากเป็นเรื่องธรรมดา 5555
I Really Like You เป็นซิงเกิ้ลแรก ซึ่งดูเหมือนจะซ้ำรอยความสำเร็จเดิมอย่าง Call Me Maybe แต่ดนตรีดูพัฒนากว่า ฟังเผินๆเป็นเพลงป็อบใสๆแอ๊บแบ๊ว แต่เนื้อหาพ่อคุณเอ๊ยย ไม่แอ๊บอย่างที่คิดนะครัช
Gimmie Love มาแบบเงียบๆจังหวะเคาะทำได้ดี เสริมด้วยแบ๊คอัพโห่ร้อง ฟังแล้วรู้สึกประทับใจ เพลงนี้ก็บ่งบอกถึงความเป็นอีโมชั่นได้อีกเหมือนกัน ลึกๆแล้วชั้นอยากให้เธอมอบความรักให้ชั้นซะทีเถิด All That เพลงนี้ยาวที่สุด และเป็นเพลงที่ข้าพเจ้าอวยสุดๆเลยล่ะครับอวยถึงขั้นให้เพลงนี้ติด 20 Best Songs Of 2015 So Far เลยล่ะครัช Carly เพิ่มระดับความยากให้ผู้ฟังมากขึ้นด้วยซาวน์ดเอื่อยๆแต่มีเสน่ห์เหลือล้นด้วยซาวน์ดป็อบยุค 80 ฟังแรกๆก็หลับเหมือนกันครับ แต่พอฟังไปเรื่อยๆเพลงมันค่อยๆซึบซับผู้ฟังไปทีละนิดแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป ว่าง่ายๆเพลงนี้ Deep ได้ใจจริงๆ เนื้อหาก็ดูใสซื่อดีครับ ชั้นรักเธอแบบเพื่อนก็ได้
ต่อด้วยเพลงสนุกๆ Boy Problem ถือเป็นเพลงชอบมากๆเพลงนึงเลยล่ะ ชอบเทคนิคการเล่นซาวน์ดตัดไปตัดมาเนี่ยแหละ มีชั้นเชิงดี แถมเนื้อหาก็ครีเอทดี ปัญหาเรื่องผู้ชายมักเป็นปัญหาโลกแตกเสมอ Making The Most Of The Night ได้ Sia Furler ป้าแชนดาเลีย มาช่วยแต่งด้วย ตัวเพลงดูลึกลับ ท่อนฮุกยังไม่โดนใจข้าพเจ้าเท่าที่ควร
Your Type เพลงนี้โคตรโดน ติดหูอะไรเยี่ยงนี้ ตอนปล่อยเพลงนี้ลงยูทูปข้าพเจ้าฟังหลายรอบเลยล่ะ มีสิทธิตัดเป็นซิงเกิ้ลแน่นอน เอ็มวีน่าจะตามมาในไม่ช้า (ทำนายเล่นๆ) เนื้อหาก็โคตร Hurt ชั้นขอโทดที่มันรักเธอข้างเดียว ก็ชั้นมันไม่ใช่เสป็คเธอหนิ เป็นผู้ชายมันก็คงเศร้าไม่ต่างกันแหละ Let's Get Lost อินโทรเพลงออกแนวชาวเกาะมากๆ แต่มาพีคตรงท่อนฮุกเนี่ยแหละที่มีคอรัสมาช่วยเป็นตัวเสริม เสียงร้องอันละเมียดละมัยของ Carly มันทำให้เพลงมีความงดงามและน่าจดจำ ผมเชื่อว่าทุกคนต้องประทับใจจนหลงเพลงนี้ไม่ต่างจากผมแน่นอน
L.A.Hallucinations ชื่อเพลงอ่านยากนิดนึง ให้อารมณ์เรื่อยๆนะ Warm Blood คราวนี้คารี่ยมาแปลกแฮะ มาสายดาร์กซะแล้ว ซาวน์ดจั๊กจี๊ไปนิดนึง แต่ก็ออกแนวเซ็กซี่อยู่ไม่น้อยนะ When I Needed You บับเบิ้ลกัมป็อบที่โคตรวินเทจ แอ๊บแบ๊ว สดใสอยู่ไม่น้อย เป็นเพลงปิดท้ายแสตนดาร์ดเวอร์ชั่นที่ยังให้อารมณ์ไม่สุดอยู่ดี สุดท้ายเราก็ต้องหา Deluxe มาฟังอยู่ดีครับ
เพลงแถมที่ข้าพเจ้าโดนใจที่สุดก็คือ Favourite Colour เพลงปิดท้ายเนี่ยแหละครับ เป็นป็อบบัลลาดที่หนักแน่น ปิดท้ายได้ประทับใจ น่าเอาไปเป็นเพลงปิดท้ายแสตนดาร์ดเวอร์ชั่น ส่วนสองเพลงอย่าง Black Heart อิเล็กโทรฟังเรื่อยๆ ไม่มีไรมากและ I Didn't Just Com To Dance จังหวะเพลงสไตล์ Dancehall ที่ฟังดูโหลๆไปนิดนึงในความเห็นของข้าพเจ้า ส่วนเพลงแถม Deluxe Version ที่จัดให้ชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะ อันนี้ข้าพเจ้าก็ยังไม่ได้ลองฟังเหมือนกัน เลยขอไม่ออกความเห็นก็แล้วกันครับ
EMOTION ชุดนี้รักษาคุณภาพได้ดีเช่นเคย มีท่อนฮุกติดหู น่ารักๆ เนื้อหาโดนใจผู้หญิงแน่นอน ฟังได้ทุกเพศทุกวัย ไม่มีเรื่องเพศให้กวนใจมากนัก ภาคดนตรีมีการพัฒนาจากชุดก่อนอย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งที่ผมชอบมากๆคือการไม่ตามกระแสจนเกินไป ชุดที่แล้วอิเล็กโทรจ๋ามากดูตามกระแสไปหน่อย แต่ชุดนี้ก็ยังคงรักษาความทันสมัยของอิเล็กโทรป็อบ ในขณะเดียวกันก็พาเราย้อนวันวาน ให้คิดถึงซาวน์ดป็อบเก่าๆวินเทจดูบ้าง ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกไม่เลี่ยนกับอิเล็กโทรป็อบจนเกินไป ชุดนี้มันคงจะเหมาะกับคนที่กำลังโหยหาดนตรีแนววินเทจอยู่ไม่น้อย ถึงแม้ว่าเพลงในอัลบั้มชุดนี้อาจจะยังไม่ถึงคำนิยามของคำว่า EMOTION ได้ลึกซึ้งเท่ากับเพลงโซล เพราะบางเพลงก็มีจุดเปราะบางเหมือนกัน ซึ่งนั่นเป็นข้อจำกัดของเพลงป็อบ ซึ่งทำให้อัลบั้มชุดนี้ยังไปไม่ถึงคำว่า Masterpiece แต่ข้อดีของเพลงป็อบก็สามารถเข้าถึงอารมณ์คนฟังได้ง่าย ไม่เป็นการซับซ้อนจนเกินไป
Top Track : Let's Get Lost , Your Type , All That , Boy Problem, EMOTION , When I Needed You
Give 8/10
FB>>>> https://www.facebook.com/fungpaifungma ไปกด Like กันได้นะครับ