ตอนสงครามคราวเสียกรุงศรีฯ นอกจากพม่ากวาดต้อนผู้คนและทรัพย์สินมีค่ากลับอังวะ พม่าได้ขนพระพุทธรูปสำคัญไปหรือไม่?

กระทู้คำถาม
สงสัยธรรมเนียมการกวาดต้อนเทครัวและทรัพย์สินมีค่าหลังศึกสงคราม ในบันทึกพงศาวดารและตำรากล่าวแค่ว่าพม่าได้กวาดต้อนเชลยไปกว่าแสน ทรัพย์สินมีค่าและระบุว่ามีการสุมไฟเพื่อลอกทองที่หุ้มองค์พระแต่ไม่ได้ระบุว่ามีการชะลอพระกลับเมืองอังวะ เลยมีข้อสงสัยดังนี้

๑. มีปรากฎหลักฐานหรือไม่ว่าพม่าได้ชะลอพระพุทธรูปสำคัญกลับอังวะทั้งที่ปรากฎในบันทึกต่างๆหรือมีหลักฐานชั้นต้นว่าพระพุทธรูปศิลปะ สุโขทัย อู่ทอง อยุธยา ปรากฎอยู่ในพม่าในปัจจุบัน

๒. สังเกตว่าพระมหากษัตริย์อยุธยา(คราวตีเขมรพระนคร)และสยาม(คราวตีเมืองเวียงจันทน์) เมื่อได้เมืองจะมีการกวาดต้อนผู้คนและทรัพย์สินมีค่ารวมทั้งพระพุทธรูปสำคัญ เช่น สัตว์สำริดยังปรากฎหลังฐานถึงปัจจุบัน(เจ้าสามพระยาตีเขมรพระนครเอามาไว้อยุธยา>>>พระเจ้าบุเรงนองตีอยุธยาเสียกรุงฯครั้งที่๑เอาไปไว้หงสาวดี), พระพุทธรูปสำคัญของหลวงพระบางและเวียงจันทน์(คราว ร.๓ ได้เมืองเวียงจันทน์ก็ชะลอพระพุทธรูปสำคัญมาหลายองค์ เช่น พระบาง พระสุก พระใส พระเสริม แต่ทำไมไม่มีหลักฐานคราวเสียกรุงฯครั้งที่๒ ว่าพม่าเอาอะไรไปบ้างมีแต่ตำราไทยเขียนว่าพม่าลอกทองเอาไปนั้นแต่ก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จประการใด

๓. มองในมุมผู้ชนะเมื่อได้เมืองแล้วจะเอาทรัพย์สินอะไรกลับเมืองตัวเอง(บริบทในสมัยอดีต) ยกเว้น คน ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อาวุธ เงิน ทอง เหมือนมันไม่มีอะไรให้ขนกลับไปได้เลยเพราะไม่ใช้ทรัพย์สินอย่างในปัจจุบันที่จะลักขโมยแล้วขายต่อได้หรือมีเทคโนโลยีที่ใช้ขนกลับไปได้มากๆ

๔.พระพุทธรูปสำคัญๆที่อัญเชิญมาจากอยุธยาในสมัย ร.๑ เช่น พระโลกนาถสาศดาจารย์ พระพุทธชินราชหรือพระพุทธเจ้าเทศนาพระธรรมจักร พระศรีสรรเพชญดาญาณ ที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระเชตุพนฯ ล้วนแต่เป็นสำริดแล้วปิดหรือหุ้มด้วยทอง ดังนั้นแสดงว่าพม่าไม่มีเจตนาจะเอาพระพุทธรูปสำคัญกลับเพียงแต่ลอกเอาทองที่หุ้มไปเท่านั้นใช่หรือไม่
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ทั้งพงศาวดารไทยกับพม่าจะกล่าวกว้างๆแค่ว่าขนทรัพย์สินมีค่าต่างๆรวมถึงที่อยู่ในท้องพระคลังกลับไป ซึ่งถ้าจะมีพระพุทธรูปอยู่ด้วยก็ไม่แปลกประหลาดอะไร ถ้าพระพุทธรูปสำคัญที่ว่ามีขนาดไม่ใหญ่มากและเคลื่อนย้ายได้ง่ายก็คงจะเอาไปครับ(ขนาดอย่างพระแก้วมรกต พระบาง พระสุก พระใส) เพียงแต่ไม่มีหลักฐานกล่าวถึงก็เท่านั้นเอง แต่ถ้าใหญ่เกินจะเคลื่อนย้ายก็เผาลอกทองไปก็น่าจะง่ายกว่าครับ การเคลื่อนย้ายสิ่งที่เกินกำลังไปก็รังแต่จะเป็นภาระเปล่าๆครับ โดยเฉพาะพม่าๆซึ่งมีท้องตราจากอังวะให้เร่งเผด็จศึกเพื่อกลับไปช่วยรบกับต้าชิง

ตัวอย่างของการเคลื่อนย้ายของที่ใหญ่เกินไปก็มีระบุในพระราชพงศาวดารว่าพม่าพยายามจะขนปืนใหญ่พระพิรุณแสนห่ากลับไปอังวะ แต่ปืนก็ใหญ่เกินไป พม่าก็ระเบิดปืนทิ้งครับ
'ฝ่ายปะกันหวุ่นแม่ทับทางใต้ก็ยกทับเรือ กับทั้งเรือบันทุกปืนแลครอบครัวไท แบ่งไปทางบกบ้างทางเรือบ้าง แลตัวปะกันหวุ่นนั้นไปทางเรือ ครั้นลงมาถึ่งตลาดแก้วเหนว่า ปืนพระพิรุณนั้นก็ใหญ่นัก แหลือกำหลังที่จะเอาขึ้นไปถึ่งเมืองอังวะ จึ่งให้เขนชักขั้นจากเรือเอาขึ้นที่วัดเขมา ให้เอาดินดำประจุะเตมกระบอกจุดเพลีงระเบิดเสีย'

ที่พม่าขนย้ายไปมากเป็นพิเศษคือปืนใหญ่ครับ ปืนใหญ่ปืนน้อยขนไปราว ๑๒๐๐ กระบอก(พม่าว่ามีปืนใหญ่ ๓๕๕๐ กระบอก) ปืนนกสับคาบศิลาอีกเป็นหมื่นกระบอก ที่เอาไปไม่ได้ก็ระเบิดทิ้งครับ ส่วนมากแล้วจะลำเลียงไปทางเรือ


ข้อ ๔ พระพุทธชินราชอยู่ที่พิษณุโลกตลอดและไม่เคยถูกอัญเชิญลงมากรุงเทพครับ องค์ที่อยู่ที่วัดเบญจมบพิตรเป็นองค์จำลองหล่อในสมัยรัชกาลที่ ๕
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่