ไม่ได้รัก แค่อยากอยู่ด้วยกัน

ผมเป็นผู้ชายวัยใกล้สามสิบ ชีวิตไม่มีเป้าหมาย อยู่ไปวัน ๆ และพบว่าตัวเองมีอาการโรคซึมเศร้า ผมอ่านบทความอันหนึ่งบอกไว้ว่ากล้วยหอมมีสาร ซุคโคส ฟรุคโตสและกลูโคส ช่วยแก้ภาวะซึมเศร้าได้ เช้าวันจันทร์ที่ 19 มีนาคม ผมเลยไปซื้อกล้วยหอมที่หน้าออฟฟิศมากิน แม่ค้าขายถุงละ 4 ลูก ไม่ขายแยก ผมเลยต้องซื้อทั้งถุง ซื้อแล้วก็กินไม่หมด ตอนจะขึ้นลิฟต์ผมเจอนางสาวต้มจืด เพื่อนร่วมงาน ผมก็เลยแบ่งให้กิน 2 ลูก ผมบอกเธอว่ากล้วยหอม มีสาร ซุคโคส ฟรุคโตสและกลูโคส ช่วยแก้ภาวะซึมเศร้าได้ ต้มจืดกินเลยทันทีหนึ่งลูก อีกลูกเก็บไว้กินตอนหลัง เธอบอกว่านั่งทำงานตอนบ่าย ๆ แล้วชอบหิว
              พอเช้าวันถัดมาผมก็ซื้อกล้วยหอมมากินอีก เช้าวันนี้ผมเจอพี่ฮั๋มในลิฟต์ ผมไม่ชอบพี่ฮั๋มเพราะมันเป็นคนอ้วนและกินจุผมก็เลยเก็บกล้วยเอาไว้ให้ต้มจืด ผมเอาไปวางไว้ที่โต๊ะต้มจืดแล้วเขียนข้อความบอกว่า “ช่วยกินให้ด้วย” ผมทำแบบนี้จนครบห้าวัน พอถึงเช้าวันจันทร์ถัดมาผมก็ทำเหมือนเดิมแต่คราวนี้ไม่ต้องเขียนบอกแล้ว เพราะต้มจืดรู้ว่าผมจะต้องมีกล้วยมาวางไว้ให้ บางวันต้มจืดก็ได้กินกล้วยแค่ลูกเดียว เพราะพี่ฮั๋มมันชอบมาแย่งลูกที่เหลือไปกิน
              เช้าวันต่อ ๆ มา ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจำเจและไม่เกร๋ที่จะเอากล้วยไปวางไว้บนโต๊ะเฉย ๆ ผมเลยเขียนข้อความที่คิดว่าเท่ห์ลงไปบนเปลือกกล้วยหอม เช่น "No act of kindness, No matter how small, is ever wasted" (ความเมตตาใดก็ตาม ไม่ว่าจะน้อยเพียงใด จะไม่เป็นการสูญเปล่าไปเด็ดขาด) ข้อความพวกนี้ผมก็จำเอามาจากหนังสือต่าง ๆ ส่วนมากก็มาจากหนังสือ “โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี” ของอาจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ บางวันก็วาดการ์ตูนสามช่องขายหัวเราะลงไป นั่นทำให้ต้มจืดอยากติดตามว่าผมจะเขียนอะไรมาให้ในตอนเช้าของแต่ละวัน
             วันไหนที่ผมออกไปหาลูกค้าข้างนอกก็จะโทรมาถามต้มจืดว่าไอ้พี่ฮั๋มมันมาขโมยกล้วยกินหรือเปล่า ผมจะได้ซื้อขนมไปให้กิน ต้มจืดก็จะสั่งซื้อขนมที่หาซื้อไม่ได้ใน 7-11  พอผมเอาไปให้แล้วต้มจืดก็จ่ายเงินค่าขนม ก็เป็นแบบนี้ซักพักนึง แล้วมันมีอยู่วันนึงที่ผมซื้อขนมมาเยอะแยะ แต่ดันกลับเข้าออฟฟิศช้าชาวบ้านเขาเลิกงานกันหมดแล้ว ผมกลัวขนมจะเสียก็เลยเอาขนมไปให้ต้มจืดที่บ้าน(บังเอิ๊ญ บังเอิญ บ้านใกล้กัน) พอไปถึงต้มจืดก็เลยชวนกินข้าว ก็เลยได้กินข้าวด้วยกันเป็นครั้งแรกท่ามกลางแม่และพี่ ๆ ของต้มจืด พอดีแม่ต้มจืดอยากให้ผมซ่อมบ้านให้เล็กน้อยและผมพอจะมีทักษะด้านนี้อยู่บ้าง วันต่อมาผพอเลิกงานแล้วผมก็เลยไปที่บ้านต้มจืดอีกไปซ่อมบ้านให้ พอเสร็จแล้วก็กินข้าวเย็นด้วยกัน วันต่อ ๆ มาแม่ก็มีเรื่องกระจุกกระจิกให้ทำอีกมากมายไม่รู้จักหมดสิ้นซะที นาน ๆ จะมีผู้ชายหลงมาให้ใช้งานแล้วอีกอย่างนึงคือหอพักผมอยู่ใกล้บ้านเรียกใช้ง่าย ผมก็เลยไปบ้านต้มจืดบ่อยมาก บางวันที่ต้มจืดไม่ได้เอารถไปที่ทำงาน ผมก็จะขับมาส่งที่บ้าน ตอนนี้ที่บ้านต้มจืดก็เริ่มสนิทกันกับผม แล้วก็คุ้นเคยที่จะมีผมเพิ่มมาในบ้านอีกคน ทั้ง ๆ ที่ระยะเวลาก็ไม่นานไม่ถึงเดือน กิจวัตรก็เริ่มซ้ำไปซ้ำมา คือตอนเช้าซื้อกล้วยไปวางบนโต๊ะ ตอนบ่ายซื้อขนมมาให้บ้าง ตอนเย็นขับรถมาส่งบ้าน มาถึงบ้านแล้วก็หุงข้าว ไปซื้อกับข้าว แล้วก็ล้างจาน แล้วก็นั่งดูโทรทัศน์ด้วยกัน แล้วผมก็กลับหอพัก ก็เป็นแบบนี้เกือบทุกวัน ถ้าวันไหนต้มจืดมีธุระไม่อยู่บ้านผมก็จะไปบ้านต้มจืดคนเดียวไปแล้วก็หาอะไรในตู้เย็นกินเอง เปิดโทรทัศน์ดูหนังบางทีก็หลับคาโทรทัศน์ ก็จะมีแม่บ้าง พี่สาวบ้าง เป็นคนเอาหมอนเอาผ้าห่มมากองไว้ให้ ตื่นมาเที่ยงคืนตีหนึ่งผมก็ลุกกลับหอพักเอง
             ผมใช้ชีวิตแบบนี้ไปได้เกือบเดือน รู้สึกสบายใจมาก ได้อยู่บ้านแบบนี้ มีคนดูแลแบบนี้ และที่สำคัญผมชอบต้มจืดมาก ๆ อยากอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไป แต่ปัญหาคือ ต้มจืดไม่มีการแสดงออกเลยว่าชอบผม เพราะเราเป็นเพื่อนกันมาตลอด คบกันมาแบบเพื่อน ต้มจืดยังเคยสัมภาษณ์ผมให้ผมเล่าประสบการณ์ ของผู้ชาย เช่น การไปอาบอบนวด หรือผู้หญิงคนไหนในออฟฟิศที่ผมไปกินข้าวดูหนังด้วย และต้มจืดยังเคยเชียร์ให้จีบพี่สาวเธอด้วยซ้ำ ถ้าผมขอคบเธอเป็นแฟนทุกอย่างอาจจบสิ้น ผมไม่รู้จะเริ่มกระบวนการจีบยังงัยดี  และอีกอย่างนึงคือปกติเธอก็มีผู้ชายมาชวนไปกินข้าวดูหนังด้วยอยู่แล้ว  ดังนั้นเช้าวันที่ 18 พฤษภาคม หลังจากซื้อกล้วยหอมแล้วผมก็เลยตัดสินใจเขียนข้อความลงไปว่า "เย็นนี้ไปเปิดบัญชีด้วยกันนะ" เขียนเสร็จแล้วก็วางไว้แล้วรอให้ถึงเวลาตอนเย็น พอถึงตอนเย็นผมก็เดินไปหาเธอที่โต๊ะแล้วบอกสั้น ๆ ว่าถ้าไปกันไม่รอดก็แค่แบ่งเงินกันอย่าคิดมาก จบแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่