ซีไรท์ : ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต คุณอ่านหรือยัง??

กระทู้สนทนา

ภาพจากอินเตอร์เน็ท


ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต โดย วีรพร นิติประภา
พิมพ์ครั้งที่ 4 โดยสำนักพิมพ์มติชน
ราคา 180 บาท
จำนวน 255 หน้า

ผมเป็นคนที่ซื้อหนังสือน้อยมาก ในแต่ละปีจะซื้อหนังสือนิยายเพียงแค่ 0 – 1 เล่มเท่านั้น นอกนั้นอาจจะขอยืมคนรู้จักอ่านหรือหาอ่านตามกองหนังสือในที่ต่างๆทั่วไป ผมได้มีโอกาสติดตามข่าวหนังสือนิยายหลายเล่มที่ส่งเข้าชิงรางวัลซีไรท์ ในแต่ละวันจะมีนิยายแต่ละเล่มออกมาพูดถึงแนวคิดในการเขียน ทำให้ผมเปิดประสบการณ์ใหม่ๆในการคิดและการเขียนนิยาย

และแล้ววันที่ผลประกาศรางวัลออกมา หนังสือนิยายเรื่องไส้เดือนตาบอดในเขาวงกตชนะรางวัล ทำให้ผมนึกย้อนไปในวันที่ผมนั่งเฝ้าดูเจ้าของผลงานเล่มนี้ให้สัมภาษณ์ออกทีวี นักเขียนเล่าว่าหนังสือเล่มนี้เป็นเพียงนิยายรักน้ำเน่าธรรมดาทั่วไป แต่สิ่งที่แตกต่างคือสำนวนที่ใช้ถือเป็นสัญลักษณ์ในการเล่าเรื่อง และใช้สำนวนการเขียนร้อยกรองในการพรรณนาเหตุการณ์ความคิดของตัวละคร นั่นยิ่งสร้างความฉงนสงสัยให้ผมเป็นอย่างมาก ว่าสิ่งที่ทำให้หนังสือเรื่องนี้ได้รับรางวัลคืออะไรกันนะ เท่าที่ผมรู้ก็คือว่า หนังสือที่ได้รับรางวัลนี้จะต้องสะท้อนอะไรสักอย่างที่น่าสนใจ แต่กับเรื่องนี้ที่ผู้เขียนหนังสือก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นแค่นิยายน้ำเน่า มันจะแตกต่างกับนิยายรักน้ำเน่าที่อยู่ในท้องตลาดอย่างไรนะ

โดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจ วันนั้นผมไปทำธุระในห้างและเดินผ่านร้านหนังสือ นิยายรางวัลซีไรท์เล่มนั้นทำให้ผมเดินเข้าไปในร้านหนังสือและผมก็มองเห็นมันวางบนชั้นหนังสือแนะนำ ผมพลิกอ่านคำโปรยบนปกหลังแล้วพลิกกลับมาอ่านชื่อหนังสือที่ปกหน้า ในตอนนั้นผมลังเลอยู่ว่าจะซื้อหนังสือเล่มนี้ดีหรือไม่เพราะเคยได้ยินมาว่าหนังสือรางวัลซีไรท์เป็นหนังสือที่อ่านยาก กลัวว่าซื้อไปแล้วจะอ่านไม่รู้เรื่อง แต่อีกใจหนึ่งผมก็คิดถึงความฉงนสงสัยไม่ได้ว่า หนังสือเล่มนี้ได้รางวัลเพราะอะไรกันนะ ผมจึงตัดสินใจจ่ายเงินค่าหนังสือเล่มนี้และพามันกลับบ้าน

เมื่อผมเปิดอ่านหนังสือ แม้สำนวนของนิยายจะอ่านยากอยู่เหมือนกันเพราะผมอาจจะไม่คุ้นชิน แต่พอเริ่มอ่านในบทแรกผ่านไปก็พบว่าเป็นการเรียงร้อยถ้อยคำที่สวยงามและมีชั้นเชิงการนำเสนอที่แตกต่าง คำพรรณนาต่อถ้อยความคิดของตัวละครสามารถทำได้อย่างน่าประทับใจ ผมขอเล่าถึงโครงเรื่องสั้นๆและความสัมพันธ์ของตัวละครบางตัวให้ฟังครับ

ชารียาแม้ยังไม่ทันลืมตาออกมาดูโลก แต่เธอก็ร่วมอยู่ในเหตุการณ์ในฐานะสักขีพยานแห่งความร้าวรักของพ่อและแม่ของเธอ พ่อซึ่งหมดรักแม่ของเธอไปหมดแล้ว จนกระทั่งเธอค่อยๆเติบโตมากับพี่สาวชลิกาเหมือนทั้งคู่เป็นคู่เป็นฝาแฝดที่เติบโตมาด้วยกัน

ชารียาเติบโตมาโดยไม่เข้าใจความรักจากบุพการี มีแต่เพียงชลิกาที่คอยดูแลอยู่เคียงข้างและคอยให้ความรัก แต่เมื่อทั้งคู่แยกกัน เธอจึงโหยหาและแสวงหาความรักจากใครบางคนตามความปรารถนาของมนุษย์

ปราณตัวละครเอกอีกตัวหนึ่งก็เติบโตมาด้วยการร่อนเร่ไม่เป็นหลักแหล่ง เช่นกันที่เขาก็ไม่เข้าใจถึงสายใยสัมพันธ์จากใครนับตั้งแต่เขาค่อยๆเติบโตขึ้นมา จนกระทั่งปราณ ชลิกาและชารียาได้มีโอกาสใช้ชีวิตร่วมกัน สายใยสัมพันธ์บางๆแต่เหนียวแน่นเริ่มก่อตัวขึ้นโดยที่ไม่มีใครรู้ตัวว่าสายใยเส้นบางๆนั้นไม่สามารถตัดให้ขาดได้

ชารียาร่อนเร่แรมรอนเรื่องความรักกับผู้ชายที่เธอหลงรักถึง 3 คน แต่ความรักเป็นเรื่องของอารมณ์ไม่แน่นอนเหมือนเหตุผล ชายแต่ละคนมีเหตุผลของตัวเองที่จะเดินจากเธอไปโดยไม่เหลียวแล ในขณะเดียวกันที่ปราณก็เฝ้ามองความเจ็บปวดของชารียาด้วยความเจ็บปวดกว่า แม้ทั้งคู่เกือบจะได้รักกันแต่อดีตของชารียายังมาฉุดรั้งเธอไว้ไม่ให้เธอทำตามใจที่เธอต้องการในส่วนลึกได้ จนทำให้ชารียาเกือบจะสังเวยชีวิตของเธอให้กับความรัก
ตัวละครทุกตัวในเรื่องนอกจากที่กล่าวไปนั้นก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ความแตกต่างของชะตากรรมในแต่ละคนที่ส่งผลกระทบไปถึงอีกคน เช่นลุงธนิตที่เป็นเหมือนผู้ที่เปลี่ยนอนาคตของชลิกาและชารียาไปตลอดกาล

ผมคิดว่าสิ่งที่โดดเด่นที่สุดในนิยายเรื่องไส้เดือนตาบอดในเขาวงกตก็คือเรื่องของสำนวน และการใช้สัญลักษณ์ที่เป็นรูปธรรมนำมาอธิบายสภาวะจิตของตัวละครได้อย่างแยบยล หรือแม้กระทั่งสัญลักษณ์ใดๆที่เป็นเชิงนามธรรม คุณวีรพรผู้ประพันธ์เรื่องนี้ก็สามารถนำมาอธิบายสภาวะจิตที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคำพูด เช่น

แล้วความเงียบก็ช่วงชิงบ้านไปเป็นของมันโดยไม่มีใครทันรู้ตัว

ตีสี่สี่สิบแปด คนละแวกบ้านถูกปลุกมาด้วยเสียงร้อง ก้องดังโหยหวนเหมือนเสียงของสัตว์อะไรสักอย่างกำลังโกรธ ไม่ก็เจ็บปวดหนัก แผดดังเป็นพักๆท่ามกลางเสียงฝน ปราณกระโจนออกจากที่นอนวิ่งออกไปหน้าบ้าน เสียงนั่นเงียบหายแต่ก็กลับเริ่มใหม่ สายฝนต้องไฟถนนมองเหมือนมีตะปูเหล็กนับล้านถูกซัดสาดลงมาจากท้องฟ้าสีแดงก่ำ เลือนรางเบื้องหลัง ห่างออกไปไม่ไกลเขาก็เห็นอาภัทร เดินลากขาอ่อนล้า ท่อนบนเปลือยเปล่า ส่งเสียงร้องคลุ้มคลั่งดังๆ และมีบางอย่างอยู่ในอ้อมกอด...ภราดร

รายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่นำมาเป็นองค์ประกอบของนิยาย คุณวีรพรยังสามารถนำรายละเอียดเหล่านั้นมาใส่ในนิยายได้อย่างน่าสนใจ เช่น เพลงคลาสสิก รายละเอียดของเพลงที่ไม่ได้มีแต่เพียงชื่อเพลงและคนแต่ง แต่ยังพูดถึงแรงบันดาลใจของนักประพันธ์นั้นอีกด้วย และเช่นเดียวกันที่แรงบันดาลใจที่มาจากเรื่องของความรักและโศกนาฏกรรม และยังมีเรื่องของอาหาร ขนม สถานที่และวัฒนธรรมอยู่บ้าง

ส่วนชื่อนิยายไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต บางทีแล้วผู้แต่งนิยายอาจจะสื่อถึงตัวละครหลายๆตัวในเรื่อง ที่ต่างจะยอมหลงทางในเขาวงกตที่พวกเขาขุดขึ้นมาเองโดยที่ไม่อยากจะหลุดพ้นจากมัน ไม่อยากจะหลุดพ้นจากเขาวงกตที่เรียกว่าความรักนั่นเอง

เมื่อผมอ่านนิยายเล่มนี้อย่างแรกเลยต้องยอมรับว่าอ่านยากอยู่เหมือนกัน ต้องใช้สมาธิในการจินตนาการตามถ้อยคำที่อาจจะไม่คุ้นตาเท่าไหร่นัก แต่ว่าด้วยการใช้ภาษาที่เน้นการพรรณนานี้ กลับทำให้ผมเข้าใจความคิดของตัวละครอย่างลึกซึ้ง เข้าใจว่าตัวละครต้องการทำอะไรต่อไป แม้เจ้าของผลงานจะไม่ได้เขียนสิ่งเหล่านั้นออกมาตรงๆ

และสุดท้ายผมก็เข้าใจแล้วว่า สิ่งที่นิยายเรื่องไส้เดือนตาบอดในเขาวงกตสะท้อนออกมานั้น ก็คือใจคนนั่นเอง คุณวีรพรสามารถสะท้อนมันออกมาได้อย่างชัดเจน และสิ่งนี้แหละกระมังที่ทำให้หนังสือเล่มนี้ได้รับรางวัลซีไรท์ประจำปี 2558
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่