ปากพาซวยอีกคน!! หนุ่มยกกระเป๋ารถลีมูซีน สนามบินสุวรรณภูมิ อุ้มกล่องกระดาษมาจุดตรวจผ่านเข้าพื้นที่หวงห้าม จนท.สาว ขอตรวจ กลับบอกข้างในมีระเบิดแสวงเครื่อง สร้างความตกใจ แต่เมื่อแกะออกพบเพียงใบเสร็จรับเงิน อ้างคึกคะนอง...
จากกรณี เมื่อวันที่ 1 พ.ย. หนุ่มชาวอุตรดิตถ์ ผู้โดยสารสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ พูดบอกกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินว่าระวังระเบิด ขณะจะเก็บกระเป๋าเข้าช่องเก็บของบนเครื่องบิน แม้อ้างว่าเป็นการจีบ จนถูกแจ้งข้อกล่าวหา แจ้งข้อความหรือส่งข่าวสารซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จ และการแจ้งนั้นเป็นเหตุ หรือน่าจะเป็นเหตุให้ผู้อื่นที่อยู่ในท่าอากาศยาน หรืออยู่ในระหว่างการบินตื่นตกใจ เป็นผู้ต้องหารายแรก ประเดิม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับใหม่ที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อเดือน ก.พ. 58 ที่ผ่านมา ในมาตรา 22 ซึ่งผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 พ.ย. มีเหตุซ้ำรอยอีก โดย ร.ต.ท.ธนนรินทร์ คำริห์ รอง สวป.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งจาก น.ส.วนิดา พะอบแก้ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำจุดตรวจช่องทางเข้าผู้ติดบัตรพื้นที่ควบคุม บริเวณอาคารผู้โดยสารชั้น 2 ประตู 8 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่ามีชายอ้างว่าถือกล่องใส่วัตถุระเบิดเข้ามาในสนามบิน จากนั้นจึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบ นายวัฒนา ภาคจรูญ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 284/1 ซอยลาดกระบัง 1 เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ยืนถือกล่องกระดาษสีน้ำตาลขนาด 9x12 นิ้ว
สอบสวน น.ส.วนิดา ให้การว่า ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณจุดตรวจดังกล่าว นายวัฒนา ได้เดินอุ้มกล่องกระดาษมาที่จุดตรวจ เพื่อขอผ่านเข้าไปภายในพื้นที่หวงห้าม จึงขออนุญาตตรวจค้นตามมาตรการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเพิ่งเพิ่มความเข้มงวดหลังเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายที่ประเทศฝรั่งเศส แต่ระหว่างทำการตรวจค้น นายวัฒนา กล่าวว่า “ข้างในมีระเบิดแสวงเครื่อง” จึงรีบควบคุมตัว และแจ้งผู้บังคับบัญชาให้เข้าร่วมตรวจสอบทันที และเมื่อแกะออกดูพบเพียงใบเสร็จรับเงินของรถเช่า (ลีมูซีน) ประจำสนามบิน ไม่มีวัตถุอันตรายแต่อย่างใด
ด้าน นายวัฒนา ให้การว่า เป็นพนักงานยกกระเป๋ารถลีมูซีน และที่พูดออกไปทำไปด้วยความคึกคะนอง ไม่ได้เจตนาสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย เบื้องต้น เจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องเห็นว่าการกระทำในลักษณะดังกล่าว อาจสร้างความเดือดร้อนในวงกว้าง จึงแจ้งข้อหา “แจ้งข้อความหรือส่งข่าวสารซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จ และการนั้นเป็นเหตุ หรืออาจเป็นเหตุให้ผู้ที่อยู่ในท่าอากาศยานตื่นตกใจ” คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
แหล่งข่าว
http://www.thairath.co.th/content/539648
รวบหนุ่มทำงานสนามบินสุววรรณภูมิ อ้างมีกล่องระเบิด
จากกรณี เมื่อวันที่ 1 พ.ย. หนุ่มชาวอุตรดิตถ์ ผู้โดยสารสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ พูดบอกกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินว่าระวังระเบิด ขณะจะเก็บกระเป๋าเข้าช่องเก็บของบนเครื่องบิน แม้อ้างว่าเป็นการจีบ จนถูกแจ้งข้อกล่าวหา แจ้งข้อความหรือส่งข่าวสารซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จ และการแจ้งนั้นเป็นเหตุ หรือน่าจะเป็นเหตุให้ผู้อื่นที่อยู่ในท่าอากาศยาน หรืออยู่ในระหว่างการบินตื่นตกใจ เป็นผู้ต้องหารายแรก ประเดิม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นกฎหมายฉบับใหม่ที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อเดือน ก.พ. 58 ที่ผ่านมา ในมาตรา 22 ซึ่งผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 พ.ย. มีเหตุซ้ำรอยอีก โดย ร.ต.ท.ธนนรินทร์ คำริห์ รอง สวป.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งจาก น.ส.วนิดา พะอบแก้ว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำจุดตรวจช่องทางเข้าผู้ติดบัตรพื้นที่ควบคุม บริเวณอาคารผู้โดยสารชั้น 2 ประตู 8 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่ามีชายอ้างว่าถือกล่องใส่วัตถุระเบิดเข้ามาในสนามบิน จากนั้นจึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบ นายวัฒนา ภาคจรูญ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 284/1 ซอยลาดกระบัง 1 เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ยืนถือกล่องกระดาษสีน้ำตาลขนาด 9x12 นิ้ว
สอบสวน น.ส.วนิดา ให้การว่า ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณจุดตรวจดังกล่าว นายวัฒนา ได้เดินอุ้มกล่องกระดาษมาที่จุดตรวจ เพื่อขอผ่านเข้าไปภายในพื้นที่หวงห้าม จึงขออนุญาตตรวจค้นตามมาตรการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเพิ่งเพิ่มความเข้มงวดหลังเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายที่ประเทศฝรั่งเศส แต่ระหว่างทำการตรวจค้น นายวัฒนา กล่าวว่า “ข้างในมีระเบิดแสวงเครื่อง” จึงรีบควบคุมตัว และแจ้งผู้บังคับบัญชาให้เข้าร่วมตรวจสอบทันที และเมื่อแกะออกดูพบเพียงใบเสร็จรับเงินของรถเช่า (ลีมูซีน) ประจำสนามบิน ไม่มีวัตถุอันตรายแต่อย่างใด
ด้าน นายวัฒนา ให้การว่า เป็นพนักงานยกกระเป๋ารถลีมูซีน และที่พูดออกไปทำไปด้วยความคึกคะนอง ไม่ได้เจตนาสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย เบื้องต้น เจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องเห็นว่าการกระทำในลักษณะดังกล่าว อาจสร้างความเดือดร้อนในวงกว้าง จึงแจ้งข้อหา “แจ้งข้อความหรือส่งข่าวสารซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จ และการนั้นเป็นเหตุ หรืออาจเป็นเหตุให้ผู้ที่อยู่ในท่าอากาศยานตื่นตกใจ” คุมตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
แหล่งข่าว http://www.thairath.co.th/content/539648