FITBIT FLEX สายรัดเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น
พอดีนิวมีโอกาสได้รับ fitbit มาจาก การร่วมกิจกรรมจากเพจ Music Run Marathon ครับ
วันนี้เลยขอนำมารีวิว แกะกล่องกันนะครับ
ซึ่ง fitbit เนี่ยมีหลายสีมากเลยครับ หลังจากเลือกอยู่นาน จนสุดท้ายผมตัดสินใจเลือกสีเขียวอ่อนมา(ไม่รุ้เลือกสีถูกใจป่าว555) มาศึกษาข้อมูลดูซักนิดครับ เพราะนิวไม่รุ้อะไรเกี่ยวกับเจ้าตัวนี้มาก่อนเลย 🐻😂 ปกติเวลาวิ่งก็จะใช้เจ้า nikerunning app ตลอดครับ
🐻Fitbit Flex คืออะไร
Fitbit Flex เป็นอุปกรณ์บันทึกการเดิน การนอน และแคลอรี่ที่เผาผลาญไปในแต่ละวันของเรา เพียงแค่สวมใส่ง่ายแสนง่ายเหมือนนาฬิกาข้อมือ หรือวริสแบนด์ หน้าตาของเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้อยู่ในกล่องพลาสติกใสๆ โดยมีรายละเอียดคร่าวๆ บอกไว้ที่ข้างกล่อง ซึ่งต้องใช้ควบคู่กับไอโฟน 4s ขึ้นไป และ ipad 3 ขึ้นไปครับ มือถือที่ออกในปี 2014 หลายๆ รุ่นค่อนข้างรองรับครับ
🐻มาแกะกล่องกันครับ ในกล่องนี้มีอะไรบ้าง
1.)Flex™ tracker : เจ้าตัวสีดำๆแท่งเล็กที่เป็นหัวใจของตัวเครื่อง
2.)Large & small wristbands : สายรัดข้อมือ 2 ขนาด ในกล่องครับ และมีหลายสีให้เลือกซื้อมากครับ จนผมช่างใจอยู่นาน 😅 ตัวสายมีลักษณะเหมือนยางวริสแบนด์
ขนาดเล็ก
140 – 176 mm
ขนาดใหญ่
161 – 209 mm
ความกว้าง
13.99 mm
3.)Wireless sync dongle >> อุปกรณ์ที่จะทำให้คุณส่งข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ กรณีที่คุณไม่สามารถ sync ผ่านมือถือได้
4.)Charging cable >> สายชาร์จ Flex แบบ USB
🐻มาเริ่มใช้งานกันดีกว่าครับ
หลังจากได้รับมามีแบตอยู่เพียงน้อยนิดครับ นำมาชาร์ทซักไม่เกิน 3 ชั่วโมงก็เต็มแล้ว โดยสังเกตได้จากไฟ LED ถ้าเริ่มชาร์ตจากตอนแบตน้อย ไฟจะกระพริบไล่ไปตั้งแต่ 1 ดวง และจะกระพริบครบ 5 ดวงเมื่อชาร์จเต็ม หลังจากชาร์จแล้วสามารถใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 5 วันเชียวครับ
จากนั้นทำการติดตั้ง App Fitbit ลงบนมือถือ Android หรือ iOS ของคุณ ในกรณีที่ต้องการใช้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ก็สามารถทำได้โดยการเสียบ Wireless sync dongle ที่มากับกล่องและทำการติดตั้งโปรแกรม FitbitConnect
โดยขั้นตอนการเชื่อมต่อของ Fitbit นั้นง่ายมาก ทำตามหน้าจอบอกเลยครัชผม (สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ Fitbit ได้แค่ 1 device ต่อ 1 account เท่านั้น)
เราสามารถ sync ผ่านคอมพิวเตอร์ได้และเปิดดูข้อมูลผ่านเว็บไซท์ ซึ่งในส่วนนี้ผมขอพูดถึงการ sync กับสมาร์ทโฟนเพราะสะดวกกว่ามาก 🤔 ครับ
🐻อันดับแรกเราต้องทำการตั้งค่าพื้นฐานก่อนครับ
กำหนดใส่ข้อมือที่เราถนัด (Dominant) หรือไม่ถนัด (Non Dominant) ฯลฯ ซึ่งเราจำเป็นต้องป้อนข้อมูลให้ถูกต้องครับเพื่อที่ค่าวัดผลจะออกมาได้ค่อนข้างตรง (ตั้งค่าจากในแอพลิเคชั่นได้เลยครับ) และยังตั้งค่าเป้าหมายในการก้าวเดินได้อีกด้วยครับ 🤔 ซึ่งจำนวนก้าวตรงนี้จะสัมพันธ์กับไฟ LED บนหน้าจอ คือ ไฟ 1 ดวงเท่ากับ 20%ของจำนวนก้าวต่อวันนั่นเอง
หลังจากนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรเลยครับ เพียงแค่ใส่เหมือนวริสแบนด์เท่ๆ เดินไปเดินมาทำกิจวัตรของเราไป อยากรู้ว่าเราเดินไปกี่ก้าวก็เพียงแค่เคาะหน้าจอ 2 ครั้ง ✌🏼️ ผลลัพท์ก็จะแสดงออกมาเป็นจำนวนดวงไฟครับ (ถ้ายิ่งมากก็ยิ่งเดินไปเยอะ)
และถ้าเราเซ็ทเป้าหมายเอาไว้ พอเราสำเร็จไฟ LED ก็จะกระพริบห้าดวงพร้อมกัน พร้อมระบบสั่น แจ้งให้เรารู้เป็นลางสังหรณ์ว่าสำเร็จแล้วครับ (ง้อววววว🤔)
🐻มาที่เรื่องการนอนครับ
เจ้า flex ตัวนี้เหมือนจะใช้ที่การเคาะป๊อกๆๆ ตลอดเวลา เมื่อเราจะนอนเพียงแค่เคาะ 5 ครั้ง ติดกัน (ไฟ LED จะวิ่งไปมา และตัว FLEX จะสั่น) ก่อนจะนอน และเมื่อตื่นก็ทำแบบเดียวกันเพื่อบอกว่า เจ้า FLEX ผมตื่นละนะเออ << ซึ่งส่วนมากตื่นละก็จะลืมประจำ 😅 เราสามารถตั้งเวลาไว้ในแอพได้เช่นเดียวกันนะครับเพื่อความสะดวกมากยิ่งขึ้น (หรือเปล่านะ🤔)
และเจ้า FLEX ตัวนี้ยังตั้งปลุกได้อีกด้วยครับเพียงเข้าไปตั้งค่าใน APP ตั้งเวลาปลุก
สำหรับวิธีปลุก (Silent Alarm) ให้ไปตั้งค่าใน setting หรือ account (ทำบนคอมพิวเตอร์/หน้าเว็บ dashboard/มือถือที่รองรับการ sync) ว่าจะตั้งปลุกกี่โมงและปลุกทุกๆ วันไหน เราสามารถตั้งค่าไว้ได้มากกว่า 1 ค่า พอถึงเวลาที่กำหนด เจ้า Flex ก็จะสั่นเตือนเราพักใหญ่ 😑จากที่ลองให้ปลุกแล้ว สั่นเบาไปหน่อยครับ ตื่นบ้างไม่ตื่นบ้าง แต่ส่วนมากไม่ตื่นเลยผม 555
🐻Social ก็ด้ะ
เจ้าตัวนี้ยังคล้าย ไนกี้แอพครับ สามารถแอดเพื่อน และมาแข่งขันกันที่จำนวนก้าวได้ด้วยครับ วัดกันเป็นอันดับเลยทีเดียว แต่ที่มากกว่านั้นคือเราสามารถส่งข้อความหาเพื่อนเราได้ และส่งอีโมทิคอนได้ครับ
นอกจากนี้ Fitbit เองมี Badges ให้สะสมเพื่อกระตุ้นให้บรรลุเป้าหมาย และมีแรงบันดาลใจในการเก็บ Badges ครับ
และเราสามารถ Share ข้อมูลของเราผ่าน Social ทาง Fitbit รองรับทั้ง twitter, Facebook รวมไปถึง WordPress นะครับ โดยระบบจะส่งข้อความขึ้นไปอัตโนมัติทุกวัน โดยแสดงผลทั้งรายวัน และรายสัปดาห์ครับ
มาวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียกันครับว่า (ตามความรู้สึกของผมแว้ว)
ข้อดี:
* น้ำหนักเบาครับ และเหมาะกับคนที่คิดจะเล่นแกดเจ้ทเพื่อสุขภาพ เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นๆ ที่มีคุณสมบัติเหมือนกันหรือใกล้เคียงราคากลางๆ ครับ สวมใส่ง่าย สบาย และก็สะดวกมากเลยทีเดียวครับ
* เจ้าตัวนี้ใส่ง่าย สบายมากครับไม่ยุ่งยาก และดีไซน์ไม่ดูรกมือ แถมยังกันน้ำได้ครับ
* เปลี่ยนสีสายได้ แต่ต้องใช้เงินซื้อนะ 😂 555
* แบต ไม่ต้องชาร์จบ่อยๆ ชารทเต็ม 1 ครั้ง อยู่ได้ถึง 5 วันตามที่เ้าคอนเฟิร์มครับ
* ฐานข้อมูลรองรับการเชื่อมต่อง่ายมาก เพียงใช้คู่กับแอพพลิเคชั่นบนมือถือ ก็อธิบายทุกอย่าง ที่แสดงผลเข้าใจง่าย เราเพียงแค่สวม flex และทำกิจวัตรไปครับ
ข้อเสีย
* ตัวสายและ tracker กันน้ำได้จริง แต่ถ้าใส่ลุยเปียกๆ หรืออาบน้ำ ช่องระหว่างที่เราใส่เจ้าตัว Tracker เนี่ย น้ำสามารถเข้าไปขังได้ครับ แนะนำขอให้ถอดก่อนจะอาบน้ำจะดีกว่าครับไม่มีนาฬิกา แบบว่าใส่ซ้อนกับนาฬิกาในมือข้างเดียวกันแล้วมันดูตลกอ่ะ (Fitbit Force มาแก้เรื่องนี้แล้ว แต่ก็แพงกว่านะจ๊ะ)
* ไม่มีนาฬิกานะครับเจ้าตัวนี้ ใส่เหมือนวริสแบนด์อย่างเดียว ถ้าจะดูข้อมูล ต้องเข้าไปดูในแอพลิเคชั่น fitbit ที่เราลอคอินไว้เท่านั้นครับ กรอกข้อมูลอะไรก็ต้องไปที่แอพลิเคชั่นเท่านั้นครับ (Fitbit Force มาแก้เรื่องนี้แล้ว แต่ราคานี่ ++ เข้าไปอีกแน่นอนครับ)
* ด้วยตัวสีอ่อนๆ ผมรู้สึกว่าตัวสายมันค่อนข้างเลอะเปรอะเปื้อนง่ายมากครับ แต่ก็ทำความสะอาดได้อยู่ครับ
* ราคาก็ไม่เบาครับ ประมาณ 3,990 แต่เปรียบเทียบกับญี่ห้ออื่นๆ แล้ว ตัวนี้ก็รู้สึกว่าราคาค่อนข้างเบากว่าและน่าสนใจเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งอื่นๆ แต่ที่น่าสนใจคือ fitbit force นั้นมีหน้าจอแสดงผลที่น่าสนใจกว่าครับหลังจากที่ผมลองเล่นของเพื่อนนะ แหะๆ🐻
*** ปล. ทุกครั้งที่ใช้กับแอพพลิเคชั่น ต้องเปิดบลูธูท ด้วยนะครับ
🐻เปรียบเทียบ FITBIT รุ่นอื่นๆ
ต้องบอกว่าเจ้าตัวนี้ตอนนี้มีหลายรุ่นมากๆ แล้วครับ และรุ่นที่น่าสนใจค่อรุ่นตั้งแต่ force ขึ้นไป ซึ่งแสดงค่าผ่านหน้าจอตัว fitbit ได้เลยครับ ราคาก็จะ +++ ไปอีกตามความพัฒนาค่าไปนั่นเอง ซึ่งเจ้าตัว flex ที่ผมได้มานั้นก็ถือว่าโอเคครับ เพราะปัจจุบันเราก็ใช้สมาร์ทโฟนกันเกือบหมดแล้ว เข้าไปในแอพลลิเคชั่นก็ดูรายละเอียดแสดงผลได้ไม่ยากเลยครับ 😬
🐻🐻🐻 สรุปแล้ว
นิวโอเคนะครับกับตัว fitbit flex นี้ สวมใส่ง้ายง่าย และสบายเหมือนวริสแบนด์ ทำกิจวัตรของเราได้ทุกอย่างครับ เพียงแค่ต้องดูข้อมูลจากแอพพลิเคชั่นเท่านั้นเอง นิวใส่ไปวิ่งที่งาน MUSIC RUN MARATHON ด้วยครับ 🐻 ถึงแม้ว่าพอศึกษาแล้วเอาจากใจจริง เริ่มชอบตัว Force ครับ (เพราะเห็นของเพื่อน55) แต่เจ้าตัว Flex นี้ก็ถือว่าโอเคในการใช้งานครับ ถ้ามีโอกาสจะจิ้กเพื่อนมารีวิวนะครับ 🐻
และขอขอบคุณ 🤔 MUSIc RUN ปีนี้ครับ ที่จัดกิจกรรมดีๆ และได้ร่วมสนุก นิวได้รับ FITBIT FLEX มาจากการร่วมกิจกรรมในเพจ ขอบคุณครับ
และที่งาน music run marathon นี่มีบูธกิจกรรม และของแจกมากมายเลยทีเดียวครับ เรียกว่าได้ของฟรีๆ กลับบ้านไปเยอะมาก 555 และจัดค่อนข้างประทับใจเลยทีเดียว มีเพลงฟังตลอดเวลาโดยคุณไม่ต้องเตรียม mp3 ไปเลยครับ ^^ (คนร่วมกิจกรรมเยอะมว้ากกก และร้อนไม่เบาครับ) สนุก 😬
*ถ้านิวรีวิวใช้คำไม่สุภาพ หรือมีคำผิดขอโทษด้วยนะครับ
ฝากติดตามผมด้วยนะครับ 🙏🏻 👉🏻👉🏻👉🏻
Facebook name : New Burin
https://www.facebook.com/choppinmaiii
Instagram : Pirate_news
https://www.instagram.com/pirate_news/
Facebook Fanpage : Piratenewss
https://www.facebook.com/piratenewss/
ขอบคุณครับผม🙏🏻🙏🏻🙏🏻
[CR] ของฟรีจากงาน MUSIC RUN รีวิว "Fitbit Flex" วริสแบนด์ มาแล้วค้าบ!! ผม
พอดีนิวมีโอกาสได้รับ fitbit มาจาก การร่วมกิจกรรมจากเพจ Music Run Marathon ครับ
วันนี้เลยขอนำมารีวิว แกะกล่องกันนะครับ
ซึ่ง fitbit เนี่ยมีหลายสีมากเลยครับ หลังจากเลือกอยู่นาน จนสุดท้ายผมตัดสินใจเลือกสีเขียวอ่อนมา(ไม่รุ้เลือกสีถูกใจป่าว555) มาศึกษาข้อมูลดูซักนิดครับ เพราะนิวไม่รุ้อะไรเกี่ยวกับเจ้าตัวนี้มาก่อนเลย 🐻😂 ปกติเวลาวิ่งก็จะใช้เจ้า nikerunning app ตลอดครับ
🐻Fitbit Flex คืออะไร
Fitbit Flex เป็นอุปกรณ์บันทึกการเดิน การนอน และแคลอรี่ที่เผาผลาญไปในแต่ละวันของเรา เพียงแค่สวมใส่ง่ายแสนง่ายเหมือนนาฬิกาข้อมือ หรือวริสแบนด์ หน้าตาของเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้อยู่ในกล่องพลาสติกใสๆ โดยมีรายละเอียดคร่าวๆ บอกไว้ที่ข้างกล่อง ซึ่งต้องใช้ควบคู่กับไอโฟน 4s ขึ้นไป และ ipad 3 ขึ้นไปครับ มือถือที่ออกในปี 2014 หลายๆ รุ่นค่อนข้างรองรับครับ
🐻มาแกะกล่องกันครับ ในกล่องนี้มีอะไรบ้าง
1.)Flex™ tracker : เจ้าตัวสีดำๆแท่งเล็กที่เป็นหัวใจของตัวเครื่อง
2.)Large & small wristbands : สายรัดข้อมือ 2 ขนาด ในกล่องครับ และมีหลายสีให้เลือกซื้อมากครับ จนผมช่างใจอยู่นาน 😅 ตัวสายมีลักษณะเหมือนยางวริสแบนด์
ขนาดเล็ก
140 – 176 mm
ขนาดใหญ่
161 – 209 mm
ความกว้าง
13.99 mm
3.)Wireless sync dongle >> อุปกรณ์ที่จะทำให้คุณส่งข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ กรณีที่คุณไม่สามารถ sync ผ่านมือถือได้
4.)Charging cable >> สายชาร์จ Flex แบบ USB
🐻มาเริ่มใช้งานกันดีกว่าครับ
หลังจากได้รับมามีแบตอยู่เพียงน้อยนิดครับ นำมาชาร์ทซักไม่เกิน 3 ชั่วโมงก็เต็มแล้ว โดยสังเกตได้จากไฟ LED ถ้าเริ่มชาร์ตจากตอนแบตน้อย ไฟจะกระพริบไล่ไปตั้งแต่ 1 ดวง และจะกระพริบครบ 5 ดวงเมื่อชาร์จเต็ม หลังจากชาร์จแล้วสามารถใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 5 วันเชียวครับ
จากนั้นทำการติดตั้ง App Fitbit ลงบนมือถือ Android หรือ iOS ของคุณ ในกรณีที่ต้องการใช้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ก็สามารถทำได้โดยการเสียบ Wireless sync dongle ที่มากับกล่องและทำการติดตั้งโปรแกรม FitbitConnect
โดยขั้นตอนการเชื่อมต่อของ Fitbit นั้นง่ายมาก ทำตามหน้าจอบอกเลยครัชผม (สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ Fitbit ได้แค่ 1 device ต่อ 1 account เท่านั้น)
เราสามารถ sync ผ่านคอมพิวเตอร์ได้และเปิดดูข้อมูลผ่านเว็บไซท์ ซึ่งในส่วนนี้ผมขอพูดถึงการ sync กับสมาร์ทโฟนเพราะสะดวกกว่ามาก 🤔 ครับ
🐻อันดับแรกเราต้องทำการตั้งค่าพื้นฐานก่อนครับ
กำหนดใส่ข้อมือที่เราถนัด (Dominant) หรือไม่ถนัด (Non Dominant) ฯลฯ ซึ่งเราจำเป็นต้องป้อนข้อมูลให้ถูกต้องครับเพื่อที่ค่าวัดผลจะออกมาได้ค่อนข้างตรง (ตั้งค่าจากในแอพลิเคชั่นได้เลยครับ) และยังตั้งค่าเป้าหมายในการก้าวเดินได้อีกด้วยครับ 🤔 ซึ่งจำนวนก้าวตรงนี้จะสัมพันธ์กับไฟ LED บนหน้าจอ คือ ไฟ 1 ดวงเท่ากับ 20%ของจำนวนก้าวต่อวันนั่นเอง
หลังจากนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรเลยครับ เพียงแค่ใส่เหมือนวริสแบนด์เท่ๆ เดินไปเดินมาทำกิจวัตรของเราไป อยากรู้ว่าเราเดินไปกี่ก้าวก็เพียงแค่เคาะหน้าจอ 2 ครั้ง ✌🏼️ ผลลัพท์ก็จะแสดงออกมาเป็นจำนวนดวงไฟครับ (ถ้ายิ่งมากก็ยิ่งเดินไปเยอะ)
และถ้าเราเซ็ทเป้าหมายเอาไว้ พอเราสำเร็จไฟ LED ก็จะกระพริบห้าดวงพร้อมกัน พร้อมระบบสั่น แจ้งให้เรารู้เป็นลางสังหรณ์ว่าสำเร็จแล้วครับ (ง้อววววว🤔)
🐻มาที่เรื่องการนอนครับ
เจ้า flex ตัวนี้เหมือนจะใช้ที่การเคาะป๊อกๆๆ ตลอดเวลา เมื่อเราจะนอนเพียงแค่เคาะ 5 ครั้ง ติดกัน (ไฟ LED จะวิ่งไปมา และตัว FLEX จะสั่น) ก่อนจะนอน และเมื่อตื่นก็ทำแบบเดียวกันเพื่อบอกว่า เจ้า FLEX ผมตื่นละนะเออ << ซึ่งส่วนมากตื่นละก็จะลืมประจำ 😅 เราสามารถตั้งเวลาไว้ในแอพได้เช่นเดียวกันนะครับเพื่อความสะดวกมากยิ่งขึ้น (หรือเปล่านะ🤔)
และเจ้า FLEX ตัวนี้ยังตั้งปลุกได้อีกด้วยครับเพียงเข้าไปตั้งค่าใน APP ตั้งเวลาปลุก
สำหรับวิธีปลุก (Silent Alarm) ให้ไปตั้งค่าใน setting หรือ account (ทำบนคอมพิวเตอร์/หน้าเว็บ dashboard/มือถือที่รองรับการ sync) ว่าจะตั้งปลุกกี่โมงและปลุกทุกๆ วันไหน เราสามารถตั้งค่าไว้ได้มากกว่า 1 ค่า พอถึงเวลาที่กำหนด เจ้า Flex ก็จะสั่นเตือนเราพักใหญ่ 😑จากที่ลองให้ปลุกแล้ว สั่นเบาไปหน่อยครับ ตื่นบ้างไม่ตื่นบ้าง แต่ส่วนมากไม่ตื่นเลยผม 555
🐻Social ก็ด้ะ
เจ้าตัวนี้ยังคล้าย ไนกี้แอพครับ สามารถแอดเพื่อน และมาแข่งขันกันที่จำนวนก้าวได้ด้วยครับ วัดกันเป็นอันดับเลยทีเดียว แต่ที่มากกว่านั้นคือเราสามารถส่งข้อความหาเพื่อนเราได้ และส่งอีโมทิคอนได้ครับ
นอกจากนี้ Fitbit เองมี Badges ให้สะสมเพื่อกระตุ้นให้บรรลุเป้าหมาย และมีแรงบันดาลใจในการเก็บ Badges ครับ
และเราสามารถ Share ข้อมูลของเราผ่าน Social ทาง Fitbit รองรับทั้ง twitter, Facebook รวมไปถึง WordPress นะครับ โดยระบบจะส่งข้อความขึ้นไปอัตโนมัติทุกวัน โดยแสดงผลทั้งรายวัน และรายสัปดาห์ครับ
มาวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียกันครับว่า (ตามความรู้สึกของผมแว้ว)
ข้อดี:
* น้ำหนักเบาครับ และเหมาะกับคนที่คิดจะเล่นแกดเจ้ทเพื่อสุขภาพ เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นๆ ที่มีคุณสมบัติเหมือนกันหรือใกล้เคียงราคากลางๆ ครับ สวมใส่ง่าย สบาย และก็สะดวกมากเลยทีเดียวครับ
* เจ้าตัวนี้ใส่ง่าย สบายมากครับไม่ยุ่งยาก และดีไซน์ไม่ดูรกมือ แถมยังกันน้ำได้ครับ
* เปลี่ยนสีสายได้ แต่ต้องใช้เงินซื้อนะ 😂 555
* แบต ไม่ต้องชาร์จบ่อยๆ ชารทเต็ม 1 ครั้ง อยู่ได้ถึง 5 วันตามที่เ้าคอนเฟิร์มครับ
* ฐานข้อมูลรองรับการเชื่อมต่อง่ายมาก เพียงใช้คู่กับแอพพลิเคชั่นบนมือถือ ก็อธิบายทุกอย่าง ที่แสดงผลเข้าใจง่าย เราเพียงแค่สวม flex และทำกิจวัตรไปครับ
ข้อเสีย
* ตัวสายและ tracker กันน้ำได้จริง แต่ถ้าใส่ลุยเปียกๆ หรืออาบน้ำ ช่องระหว่างที่เราใส่เจ้าตัว Tracker เนี่ย น้ำสามารถเข้าไปขังได้ครับ แนะนำขอให้ถอดก่อนจะอาบน้ำจะดีกว่าครับไม่มีนาฬิกา แบบว่าใส่ซ้อนกับนาฬิกาในมือข้างเดียวกันแล้วมันดูตลกอ่ะ (Fitbit Force มาแก้เรื่องนี้แล้ว แต่ก็แพงกว่านะจ๊ะ)
* ไม่มีนาฬิกานะครับเจ้าตัวนี้ ใส่เหมือนวริสแบนด์อย่างเดียว ถ้าจะดูข้อมูล ต้องเข้าไปดูในแอพลิเคชั่น fitbit ที่เราลอคอินไว้เท่านั้นครับ กรอกข้อมูลอะไรก็ต้องไปที่แอพลิเคชั่นเท่านั้นครับ (Fitbit Force มาแก้เรื่องนี้แล้ว แต่ราคานี่ ++ เข้าไปอีกแน่นอนครับ)
* ด้วยตัวสีอ่อนๆ ผมรู้สึกว่าตัวสายมันค่อนข้างเลอะเปรอะเปื้อนง่ายมากครับ แต่ก็ทำความสะอาดได้อยู่ครับ
* ราคาก็ไม่เบาครับ ประมาณ 3,990 แต่เปรียบเทียบกับญี่ห้ออื่นๆ แล้ว ตัวนี้ก็รู้สึกว่าราคาค่อนข้างเบากว่าและน่าสนใจเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งอื่นๆ แต่ที่น่าสนใจคือ fitbit force นั้นมีหน้าจอแสดงผลที่น่าสนใจกว่าครับหลังจากที่ผมลองเล่นของเพื่อนนะ แหะๆ🐻
*** ปล. ทุกครั้งที่ใช้กับแอพพลิเคชั่น ต้องเปิดบลูธูท ด้วยนะครับ
🐻เปรียบเทียบ FITBIT รุ่นอื่นๆ
ต้องบอกว่าเจ้าตัวนี้ตอนนี้มีหลายรุ่นมากๆ แล้วครับ และรุ่นที่น่าสนใจค่อรุ่นตั้งแต่ force ขึ้นไป ซึ่งแสดงค่าผ่านหน้าจอตัว fitbit ได้เลยครับ ราคาก็จะ +++ ไปอีกตามความพัฒนาค่าไปนั่นเอง ซึ่งเจ้าตัว flex ที่ผมได้มานั้นก็ถือว่าโอเคครับ เพราะปัจจุบันเราก็ใช้สมาร์ทโฟนกันเกือบหมดแล้ว เข้าไปในแอพลลิเคชั่นก็ดูรายละเอียดแสดงผลได้ไม่ยากเลยครับ 😬
🐻🐻🐻 สรุปแล้ว
นิวโอเคนะครับกับตัว fitbit flex นี้ สวมใส่ง้ายง่าย และสบายเหมือนวริสแบนด์ ทำกิจวัตรของเราได้ทุกอย่างครับ เพียงแค่ต้องดูข้อมูลจากแอพพลิเคชั่นเท่านั้นเอง นิวใส่ไปวิ่งที่งาน MUSIC RUN MARATHON ด้วยครับ 🐻 ถึงแม้ว่าพอศึกษาแล้วเอาจากใจจริง เริ่มชอบตัว Force ครับ (เพราะเห็นของเพื่อน55) แต่เจ้าตัว Flex นี้ก็ถือว่าโอเคในการใช้งานครับ ถ้ามีโอกาสจะจิ้กเพื่อนมารีวิวนะครับ 🐻
และขอขอบคุณ 🤔 MUSIc RUN ปีนี้ครับ ที่จัดกิจกรรมดีๆ และได้ร่วมสนุก นิวได้รับ FITBIT FLEX มาจากการร่วมกิจกรรมในเพจ ขอบคุณครับ
และที่งาน music run marathon นี่มีบูธกิจกรรม และของแจกมากมายเลยทีเดียวครับ เรียกว่าได้ของฟรีๆ กลับบ้านไปเยอะมาก 555 และจัดค่อนข้างประทับใจเลยทีเดียว มีเพลงฟังตลอดเวลาโดยคุณไม่ต้องเตรียม mp3 ไปเลยครับ ^^ (คนร่วมกิจกรรมเยอะมว้ากกก และร้อนไม่เบาครับ) สนุก 😬
*ถ้านิวรีวิวใช้คำไม่สุภาพ หรือมีคำผิดขอโทษด้วยนะครับ
ฝากติดตามผมด้วยนะครับ 🙏🏻 👉🏻👉🏻👉🏻
Facebook name : New Burin
Instagram : Pirate_news
Facebook Fanpage : Piratenewss
ขอบคุณครับผม🙏🏻🙏🏻🙏🏻