3 หัวผจญภัยในนครวัด นครธม เสียมเรียบกัมพูชา 6 วัน 5 คืน

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับนี่เป็นกระทู้ท่องเที่ยวแรกของผมเลย เคยอ่านแต่ของเพื่อนๆ พอได้ไปเที่ยวเองมาแล้วก็อยากจะมาเล่าประสบการ์ณให้ทุกคนได้อ่าน เผื่อจะมีอะไรพอจะแนะนำได้บ้าง ทริปนี้พวกเราไปเที่ยวกัน 3 คน มีอาร์ม( ผมเอง ),นก( แฟนผม ) และ วิ ไปเที่ยวที่ นครวัด นครธม เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชาครับ ทริปนี้ผมทำการบ้านเองประมาณ 3 เดือนก่อนออกเดินทาง  ตอนแรกกะจะไปหลวงพระบาง แต่เกิดเปลี่ยนใจเพราะคิดว่าคนไทยไปเยอะแล้วและใกล้บ้านผม( เชียงราย ) ไว้อนาคตเปิด AEC ค่อยนั่งรถขนส่งไปก็ได้ชิวๆและคิดว่าประเทศกัมพูชาก็มีเมืองเสียมเรียบที่มี 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกด้วยอย่างนครวัด นครธม สถาปัตยกรรมทั้งเมืองในยุคอาณาจักรขอมจัดเป็นมรดกโลกของยูเนสโก้ ผมไม่รอช้าจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้า 3 เดือนทันที  ผมจองตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชีย จากเชียงราย ไป เสียมเรียบ ราคารวม ไป - กลับ ประมาณคนละ ( 6,250 ) บ.  โดยรวมจาก เชียงราย ไป ดอนเมืองก่อน แล้วต้องเปลี่ยนเครื่องจากดอนเมืองไปเสียมเรียบ  และผมก็จองตั๋วล่วงหน้าให้วิซึ่งอยู่เชียงใหม่ จะแพงกว่าออกจากเชียงรายหน่อย ( ไป - กลับ เชียงใหม่ - เสียมเรียบ ประมาณ 7,000 บ. ) ถ้าใครอยู่ใกล้จะนั่งรถข้ามไปก็ได้ครับราคาอาจถูกกว่า 1/3 ส่วนพวกเราคำนวณดูแล้วถ้านั่งรถ ไป - กลับ เสียเวลาไปเป็นวันทีเดียวนั่งตูดบานถ้าไปลุยคงเหนื่อยไม่มีแรงเดิน และผมคำนวนดูแล้วว่าการไปเที่ยวเองเมืองนครวัดจะต้องออกแนวลุยๆแน่นอน  ทริปนี้ผมไปกันทั้งหมด 6 วัน 5 คืน ครับ เดือนทางต้นเดือนตุลาคมอากาศไม่ร้อนมาก มีฝนนิดหน่อยกำลังดี แต่ยังไงก็ควรเตรียมร่มและหน้ากากกันฝุ่นไว้ เพราะบางช่วงที่ท้องฟ้าโปร่งแดดที่นี่จะร้อนจัดต้องกางร่มครับ ส่วนถนนในเมืองบางที่มีฝุ่น  ตอนแรกผมสำรวจดูว่าจะไปกับทัวร์ดีหรือไม่เพราะตอนแรกก็กลัวๆว่าไปเขมรเองจะน่ากลัวหรือเปล่า แต่ดูราคาถ้าไปแบบนั่งเครื่องบินและเที่ยว 6 วัน ราคาก็เกือบ 2 หมื่นบาทต่อคน  ผมจึงตัดสินใจลุยเองเลยครับเผื่อจะเจออะไรมันส์ๆ ที่เสียมเรียบเตรียมแค่พาสปอร์ต ไม่ต้องทำวีซ่าครับ เราเตรียมอุปกรณ์ยังชีพ เสื้อผ้า,เงินดอลล่าร์( แลกจากเมืองไทยไปดีสุดครับ ถ้าเราซื้อของแล้วมีทอนเป็นเศษ เขาจะทอนเงินเรียลกัมพูชามาให้ ส่วนใหญ่ 500 - 1000 เรียล ประมาณ 5 - 10 บ. แต่ส่วนใหญ่จะขายให้นักท่องเที่ยว 1 ดอลล่าร์ 36 บ.ขึ้นไป ) ทริปนี้ผมวางภารกิจสำคัญที่พลาดไม่ได้เลย 3 อย่างคือ 1.ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ปราสาทนครวัด 2. ดูพระอาทิตย์ตกที่พนมบาเค็ง 3.ตามหารูปสลักไดโนเสาร์ที่ปราสาทตาพรหม นอกจากนั้นก็มีแลนด์มาร์คอื่นๆสำคัญที่ต้องเก็บให้ครบและอาจจะมีUnseenเพิ่มขึ้นมาโปรแกรมสามารถยืดหยุ่นได้ ผมจองที่พักไว้ที่ Blossomming Rhomdel lodge ผ่าน agoda ผมลองดูราคาเปรียบเทียบแล้วที่นี่ถูกสุดในช่วงนั้นและไม่ต้องโอนเงินก่อนล่วงหน้า สามารถไปชำระวันที่ไปถึงได้ ค่าที่พักรวม 5 คืน 110 $( 3,960บ. ) จองไว้ห้องเดียว หาร 3 ครับตกคนละ 264 บ.ต่อคืน  โรงแรมที่พักส่วนใหญ่จะมีบริการตุ๊กๆมารับนักท่องเที่ยวไปที่พักของตัวเองฟรีครับ ถ้าเราจองผ่านเน็ตไม่ต้องเสียค่ารถไปโรงแรมเพิ่ม      เมื่อมาถึงสิ่งแรกที่เห็นคือสนามบินเสียมเรียบสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในความคิดคือสถาปัตยกรรมคล้ายของไทยมาก รวมถึงคำพูดบางคำเช่นคำว่าสวัสดีตอนเช้า( อรุณซัวสะเดย ) สวัสดีตอนเย็น( ราตรีซัวสะเดย )และหลายคำที่ใช้คำเดียวกันเช่นคำว่าเดิน,สบายดี เมื่อถึงสนามบินให้เดินไป ตม.ตรงที่ไม่ต้องยื่นวีซ่าเลยนะครับเพราะคนไทยใช้แค่พาสปอร์ตส่วนใหญ่จะต้องเดินไป ตม.แถวท้ายๆและแถวไม่ยาวเหมือนที่ฝรั่งต่อแถวกัน หลังจากที่มาถึงที่พักเก็บของในห้องเสร็จราวๆบ่าย 3 ผมคึกจัดบอก 2 สาวออกเที่ยวทันทีวันแรกนี้ขอเที่ยว War museum เลยครับ เป็นพิพิธภัณฑ์สงคราม ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เอาซากรถถัง ปืนที่ใช้จริงในยุคสงครามเขมรแดงมาจัดแสดงไว้ ว่ากันว่าในยุคเขมรแดงมีคนเขมรตายไปราวเกือบ 3 ล้านคน ค่าเข้าชมที่นี่คนละ 5$   ถ้าผมนับคร่าวๆใน War museum แห่งนี้มีรถถังไม่น่าจะต่ำกว่า 30 คัน ใครที่มีเวลาสามารถดูรายละเอียดแต่ละคันได้ ผมใช้เวลาที่นี่ประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง เสร็จแล้วก็บอกตุ๊กๆให้พาไปPub street เป็นถนนคนเดินกลางคืนที่ใครมาเสียมเรียบต้องห้ามพลาดครับ เพราะมีร้านอาหารแปลกตามากมาย ผมสังเกตุที่นี่จะมีร้านน้ำปั่นเยอะเป็นพิเศษส่วนใหญ่จะขายอยู่ที่แก้วละ 1$(36บ. ) ครับ  จากตอนแรกที่กล้าๆกลัวๆจะมาประเทศกัมพูชาด้วยตนเองแต่แค่วันแรกผมก็หายกลัวและสนุกทันทีครับ พ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ในเสียมเรียบเกิน 50%พูดไทยได้ และเกิน 80%สื่อสารภาษาอังกฤษแบบทั่วไปได้  แค่เราสื่อสารภาษาอังกฤษได้สบายใจได้เลย   ส่วนเวลาจะซื้อเสื้อผ้าของฝากผมแนะนำให้พูดกับแม่ค้าเป็นภาษาไทยไปก่อนเลยและต่อราคาลดอีกอย่างน้อย 30 - 40 % ครับเพราะถ้าเป็นคนไทยน่าจะลดได้มากกว่าขายให้ชาวยุโรป( เพื่อนบ้านกัน อิอิ ) ส่วนอาหารก็แล้วแต่จะชอบครับจะนั่งร้านที่ดูดีหน่อยแต่ราคาก็จะสูงตามมาถ้าทานที่ร้านส่วนใหญ่จานละ 4 - 7$ ส่วนก๋วยเตี๋ยวผัดข้างทาง 1$ครับ ก๋วยเตี๋ยวผัดที่นี่จะแปลกตรงที่ใส่ซอสพริกและมีไข่ดาวด้วยครับก็อร่อยแบบแปลกดีครับ  
อาหารเช้าของโรงแรมครับ ฟรีอาหารเช้าทุกวันของที่นี่จะได้ขนมปัง ชาหรือกาแฟ แล้วก็ไข่ ถือว่าประหยัดค่าอาหารเช้าได้ครับ
เช้าวันที่ 2 ของการเดินทาง ผมวางแผนให้สาวๆไปเที่ยวที่แลนด์มาร์คหรือจุดท่องเที่ยวสำคัญที่นักท่องเที่ยวชอบไปกันอย่าง ปราสาทบันทายสรี ครับ ผมนัดพี่เวหา คนขับตุ๊กๆที่ได้ email ติดต่อมาจากเพื่อนของนกแฟนผม เขาบอกไว้ใจได้ พี่เวหาพูดไทยได้นิดหน่อยและสื่อสารอังกฤษได้ดี ผมตกลงจ้างรถตุ๊กๆ 2 วัน รถเก๋ง 2 วัน( รวมเป็นเงิน 115$ ) เริ่มจ้างเขาวันนี้วันแรก อยากจะให้เขาพาไปไหนได้ทุกที่ทุกซอกซอย และเขามีผ้าเย็น น้ำเย็นไว้คอยบริการครับ วันนี้กับวันสุดท้ายจะออกเดินทางไกลจึงเดินทางด้วยรถเก๋ง 2 วันข้างหน้าใช้รถตุ๊กๆเพราะอยู่ในเมือง วันนี้เป็นวันที่เราเที่ยวปราสาทที่เป็นมรดกโลกต่างๆ สิ่งที่ลืมไม่ได้คือต้องไปซื้อตั๋ว Angkor pass เพื่อเข้าชมปราสาทครับ 1วัน 20$ 3วัน 40$ 7วัน 60$ ตอนแรกผมกะจะซื้อแบบ 7 วันเพราะเหลือวันเที่ยวอีก 4 วันเผื่อเก็บตก แต่พี่เวหาคนขับตุ๊ๆบอกว่าไม่ต้องเพราะ 3 วันก็น่าจะเที่ยวปราสาทหินได้ครบอีกวันค่อยไป อุทยานแห่งชาติพนมกุเลนครับ และทำให้ประหยัดค่าตั๋วไปได้คนละ 20$ ตั๋ว Angkor pass ห้ามหายนะครับเพราะต้องเก็บไว้ให้เขาเจาะรูตรงบัตรครบ 3 วันก็ 3 รู ถ้าบัตรหายซื้อใหม่อย่างเดียวครับ     ใช้เวลาเที่ยวชมที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมงครับ สำหรับผมถือว่าใช้ได้มีรายละเอียดการแกะสลักที่ประณีตทีเดียว แต่ทัวร์จีนเยอะไปหน่อย เสร็จแล้วก็แวะนั่งเติมพลังน้ำมะพร้าวหน่อย 3 ลูก 2$    หลังจากเที่ยวปราสาทบันทายสรีที่แรกแล้ว สถานที่ต่อไปก็คือ บันทายสำเร อาจจะเป็นที่ Unseen หน่อยเพราะไม่ค่อยมีบรรจุในโปรแกรมทัวร์ครับ ที่บันทายสำเรปราสาทจะใหญ่กว่าบันทายสรี โดยส่วนตัวแล้วพวกเรา 3คนลงความเห็นว่าชอบที่นี่มากกว่าที่แรก อาจจะเพราะความ unseen และนักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะทำให้เดินชมได้สบายครับ ที่นี่มีทางเดินไปตามกำแพงหินศิลาแลงใครถ่ายรูปเก่งๆมุมนี้อาร์ตมากครับ   พวกเรา 3 คนใช้เวลาที่บันทายสำเรเกือบ 2 ชั่วโมงมากกว่าที่บันทายสรีที่แรกเกือบชั่วโมง ตอนนี้เป็นเวลาเกือบบ่ายโมง ต้องบอกพี่เวหาคนขับตุ๊กๆพาเที่ยวของเราให้หาร้านอร่อยๆแถวนี้พักเติมพลังก่อนครับ ระหว่างทางก็พูดคุยกันเป็นภาษาอังกฤษสนุกสนาน ข้าวแกงกะหรี่ฟัก อร่อยกลมกล่มครับ รสชาดคล้ายบ้านเราก๋วยเตี๋ยวผัดที่นี่ส่วนใหญ่จะใส่ซอสพริกหมดครับ ข้าวไข่เจียวผักทรงเครื่องอร่อยกลมกล่อมเลยครับ ร้านนี้ผมจำชื่อไม่ได้แต่อยู่บริเวณสระสรงครับ ถ้าไปเที่ยวทางบันทายสรี,บันทายสำเร ต้องผ่านสระสรงร้านแถวนี้ส่วนใหญ่จะรสชาดใกล้เคียงกัน ราคาอาหารอยู่ที่ชามละ 5 - 8 $ จะแพงกว่าในตลาดหรือใกล้ตัวเมืองครับ เราทานข้าวเที่ยงเสร็จกันประมาณบ่ายสองโมงโปรแกรมต่อไปคือ Angkor national museum ครับเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงโบราณวัตถุ มีให้ฟังบรรยายด้วย ค่าเข้า 12$ถ้าไม่ฟัง audio ถ้าฟัง 15$ ผมเลือกให้ผู้หญิงสองคนจ่าย 12$ ส่วนผมจ่าย 15$ แล้วเปลี่ยนกันฟังบรรยายประวัติต่างๆครับ  ที่พิพิธภัณฑ์ที่นี่มีโบราณวัตยิ้มุคอาณาจักรขอมหลายยุค อลังการทีเดียวครับ ตั้งแต่ 600 - 1,200 ปีก่อน พวกเราใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็เที่ยวชมเสร็จ ตอนนี้เป็นเวลาประมาณบ่าย 3 โมงนิดๆ ตอนแรกวางแผนจะไปชมพระอาทิตย์ตกดินตั้งแต่เย็นนี้ แต่พี่เวหาแนะนำว่าไปวันพรุ่งนี้ดีกว่า วันนี้จึงเหลือโปรแกรมไปที่อาณาจักรบาคองพวกเรามาถึงปราสาทบาคองเกือบ 4 โมงเย็นถ้าเปรียบแล้วอาณาจักรบาคองก็ประมาณยุคสุโขทัยบ้านเราที่นี่เปรียบเหมือนปิรามิดแห่งขอม

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่