สวัสดีครับ ช่วงนี้ใกล้ปีใหม่หลายๆคนคงเริ่มหาที่เที่ยวผ่อนคลายจากงานหนักที่ผ่านมาทั้งปี
เมื่ออาทิตย์ก่อนผมมีโอกาสได้ไปเที่ยว เขื่อนเชี่ยวหลาน (สุราษฎร์ธานี) หรือที่หลายๆคนรู้จักกันในชื่อ กุ้ยหลินเมืองไทย
ผมว่าเป็นอีกสถานที่พักผ่อน ที่เราสามารถหลบหนีความวุ่นวายจากเมืองใหญ่และโลกโซเชียลได้เป็นอย่างดี
... เพราะไม่มีสัญญานโทรศัพท์เลยย 555 ( บางโซนของเขื่อนมีสัญญานครับ)
เขื่อนเชี่ยวหลาน มีชื่อจริงว่า เขื่อนรัชชประภา
การเดินทางที่สะดวกที่สุด น่าจะเป็นการนั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบินสุราษฎร์ธานี (จากสนามบินดอนเมือง มาลงสุราษใช้เวลา 1 ชม.) แล้วนั่งรถตู้ต่อไปถึงเขื่อนเลยครับ (จากสนามบินไปเขื่อนอีก1 ชม.)
ครั้งนี้ผมไปกันทั้งหมด 6 คน เดินทางโดยสายการบินแอร์เอเชีย (ผมซื้อตั๋วที่ราคา 1,700 บาท)
โดยก่อนไปได้โทรไปนัดกับรถตู้ที่เขื่อนไว้ให้มารับที่สนามบิน ค่ารถตู้ไป-กลับ คนละ 400 บาท (เบอร์คิวรถตู้ที่เขื่อนครับ 086-692-6241)
หลังจากกระโดดขึ้นรถตู้กันเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางไปยังท่าเรือ ที่เขื่อน เพื่อนั่งต่อไปยังแพที่พัก โดยระหว่างทางมีแวะรับ แวะส่งคนตามทางบ้าง
(ภาพวิวจากสันเขื่อนช่วงก่อนถึงท่าเรือ)
โดยแพที่ผมไปพักชื่อ คีรีวาริน ซึ่งอยู่ค่อนข้างไกลจากท่าเรือ ทำให้บริเวณที่พักไม่มีสัญญานโทรศัพท์เลย
เรานั่งเรือจากแพ ไปถึงแพคีรีวาริน ใช้เวลาประมาณ1 ชม (มีแวะให้ชมวิวบ้างบางจุด)
แพคีรีวาริน
แพที่พักน่ารักดี มี2ชั้น ด้านในมีพื้นกระจกให้เรามองปลาข้างใต้ได้ด้วย
ด้านหลังที่พักเป็นห้องน้ำแยกแต่ละบ้าน (ที่ผมพักมีห้องอาบน้ำ 2 ห้องสุขา2)
ผมไปกัน6คน นอนชั้นล่างสบายๆ ชั้น2 เหลือที่ไว้นั่งเล่น กินขนมกันสบายๆ
วิวรอบๆที่พักถือว่าดีมาก โดยส่วนตัว เท่าที่นั่งเรือดูที่พักอื่นๆ ผมชอบวิวที่คีรีวารินที่สุด เพราะดูโปร่ง โล่งๆ ภูเขาด้านหลังไม่สูงเกินไป
ด้านหน้าวิวสวยมาก และที่สำคัญที่สุด ตอนแรกอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆไร้สาระ แต่ตอนหลังพบว่ามีผลมาก คือ!!
ขอนไม้ที่ลอยอยู่หน้าแพที่พัก 555
นี่พูดจริงๆนะ สำคัญมาก เพราะที่นั่นไม่มีอะไรทำเลยยย slowlife สุดๆ เหมาะกับการไปนอนพักผ่อนหรือจู๋จี๋กับแฟนมาก ไม่มีมือถือเล่น ตื่นมากิน แล้วก็นอน แล้วก็กิน นอกจากจะจ่ายเงินให้คนเรือพาออกไปเที่ยวถ้ำ หรือน้ำตก (ซึ่งก็ไม่ได้สวยขนาดนั้น)
เพราะฉะนั้น ไอ้ขอนไม้ที่ลอยอยู่หน้าแพนี่แหละ คือเครื่องเล่นสุดหรรษาของเรา
จากการไปดูที่พักอื่น พบว่าส่วนใหญ่จะเป็นขอนไม้เล็กๆหลายๆอันลอยไว้เหมือนบอกเขตเฉยๆ
แต่ขอนไม่หน้าคีรีวารินจะใหญ่มาก ท่อนเดียวใหญ่ๆเลย และเราสามารถมานั่งเล่นบนขอนไม้ หรือแม้แต่นั่งแช่น้ำตรงปลายขอนไม้ (จะมีส่วนที่จมน้ำอยู่ นั่งได้พอดีมากโผล่มาแค่หัว เย็นสบาย)
ความสนุกคือ เมื่อเราขึ้นไปยืน ขอนไม้จะหมุนได้! นั่นแหละฮะ ชวนเพื่อนขึ้นมายืน แล้วหมุนไปหมุนมา ใครตกก็แพ้
เล่นกันง่ายๆแบบนี้ เผลอแปปเดียวเวลาหายไปเป็นชั่วโมงๆเลย ได้ว่ายน้ำออกกำลัง ได้ปีน ยืดเส้นยืดสาย สนุกสนาน
(อันนี้เป็นขอนไม้อันเล็ก อยู่ข้างๆที่พัก เหมาะกับไว้นั่งชิลมากกว่าเล่นไรมากไม่ได้ เสียดายลืมถ่ายขอนไม้อันใหญ่มา มัวแต่เล่น 555)
ทีนี้ นอกจากไอ้ขอนไม้มหาสนุกแล้ว มีอะไรเล่นอีกบ้าง
ตอนเช้า ทางแพจะพาเราออกไปส่องสัตว์นิดหน่อย (ตั้งชื่อเก๋ๆว่า morning safari แต่เรียกว่านั่งเรือชมวิวจะตรงกว่า)
กลับมาถึงแพสายๆ ก็กินข้าว
หรือถ้าเบื่อมากจริงๆ ตอนกลางวันอาจจะจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อให้คนเรือพาไปเดินถ้ำ หรือไปน้ำตกก็ได้ครับ (แต่ช่วงนี้น้ำน้อย ไม่แนะนำ)
ตอนบ่าย...กินข้าว นอน
บ่ายแก่ๆ ออกไปพายเรือชมวิวรอบๆที่พัก
และแน่นอนช่วงเย็น ก็ขอนไม้มหาสนุก พร้อมนั่งชิลจิบน้ำเก็กฮวยในน้ำ
อาหารการกิน ทางที่พักจะเตรียมไว้ให้ โดยจะมีโซนกินข้าวอยู่ตรงกลางแพ และพอถึงเวลาแต่ละบ้านก็จะออกมาทานข้าวพร้อมกัน
อาหารรสชาติใช้ได้
สรุปคือ
เหมาะกับการมานอน มาพัก มาดูวิว และควรหาขนม เครื่องดื่มมากันด้วย เพราะไม่งั้นอาจไม่มีอะไรทำช่วงกลางวันและเฉาตาย
ค่าที่พัก 3วัน 2 คือ คนละ 3,900 บาท (อาหาร 6มื้อ)
ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ 1,700 บาท
ค่ารถตู้ ไป-กลับ คนละ 400 บาท
ค่าขนม และเครื่องดื่มคนละ 600 บาท
สรุปรวม ทริปนี้ผมใช้ไป 6,600 บาท (3วัน 2 คืน)
พี่คนเรือพามาแวะซื้อขนมและดูกระชังปลาของชาวบ้านแถวนั้น
คำแนะนำ
1. สำหรับใครที่จะมาพักคีรีวาริน แนะนำว่าให้พักบ้านฝั่งที่ถ้าหันหน้าเข้าแพ จะอยู่ด้านขวา เพราะบรรยากาศดีกว่า และน้ำหน้าที่พักสะอาดกว่า (เบอร์คีรีวาริน 089 649 9289)
2. ซื้อขนมและเครื่องดื่มจากร้านก่อนขึ้นเรือจะถูกกว่าซื้อในแพ
3. ตอนกลางวันในที่พักจะร้อน ควรมาช่วงอากาศเย็น หรือมีฝนบ้างเล็กน้อย ฝนตกหนักไปก็ไม่สวย
4. พกแป้งเย็นมาด้วย ช่วยได้
5. หาเกม หรือกิจกรรมมาเล่นกันด้วยไม่งั้นเบื่อไป
6. อาหาร หากซื้อเป็นแพคเกจไว้ แพจะเตรียมไว้ให้ บางอย่างเติมได้ บางอย่างเติมแล้วจะเสียเงิน ต้องคุยดีๆ
7. ถ้าจะไป 3 วัน 2คืนก็พอแล้ว มากกว่านั้นจะน่าเบื่อ
8. เอาซองกันน้ำไปด้วย
สิ่งที่ชอบ
1. ขอนไม้ใหญ่หน้าแพ
2. บรรยากาศดี
3. อาหารอร่อย
4. เตียงนิ่ม
5. สบู่ แชมพู ผ้าเช็ดตัวมีให้ครบดี
6. ที่พักใช้ได้
7. ตอนกลางคืนไม่มียุง
สิ่งที่ไม่ชอบ
1. เตียงบางอันนอนแล้วจะคัน เหมือนมีไรฝุ่นหรือแมลงอะไรสักอย่างกัด
2. ป้าที่ดูแลชอบทำหน้าบูด โดยเฉพาะเวลาเติมอาหารบ่อยๆ ป้าคนดูแลจะหน้าบูดมาก และถามว่าเติมไปกี่รอบแล้ว ซึ่งจริงๆตามแพคเกจเป็นบุฟเฟ่เติมได้ (ผู้ชายไปกันหลายคนเลยกินกันเยอะ)
3. ตอนซื้อแพคเกจที่พัก คุยกับเซลไว้ว่ากับข้าวที่ทำให้ 5อย่าง ขอมีไข่เจียวทุกมื้อ เพราะอาหารส่วนใหญ่เป็นผักไม่ค่อยมีเนื้อสัตว์ และในกลุ่มที่ไปมีคนไม่กินผัก เซลโอเค แต่พอเอาจริงๆ กลับต้องเสียเงินซื้อไข่เจียวเพิ่มเอง (จานละ90บาท) T-T
ทริปนี้ ให้คะแนน 7/10
สามารถติดตามภาพและทริปอื่นๆได้จาก
instagram : Lightculture
talontalon.com
[CR] หนีโลกโซเชียล ไปเที่ยวเชี่ยวหลาน
เมื่ออาทิตย์ก่อนผมมีโอกาสได้ไปเที่ยว เขื่อนเชี่ยวหลาน (สุราษฎร์ธานี) หรือที่หลายๆคนรู้จักกันในชื่อ กุ้ยหลินเมืองไทย
ผมว่าเป็นอีกสถานที่พักผ่อน ที่เราสามารถหลบหนีความวุ่นวายจากเมืองใหญ่และโลกโซเชียลได้เป็นอย่างดี
... เพราะไม่มีสัญญานโทรศัพท์เลยย 555 ( บางโซนของเขื่อนมีสัญญานครับ)
เขื่อนเชี่ยวหลาน มีชื่อจริงว่า เขื่อนรัชชประภา
การเดินทางที่สะดวกที่สุด น่าจะเป็นการนั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบินสุราษฎร์ธานี (จากสนามบินดอนเมือง มาลงสุราษใช้เวลา 1 ชม.) แล้วนั่งรถตู้ต่อไปถึงเขื่อนเลยครับ (จากสนามบินไปเขื่อนอีก1 ชม.)
ครั้งนี้ผมไปกันทั้งหมด 6 คน เดินทางโดยสายการบินแอร์เอเชีย (ผมซื้อตั๋วที่ราคา 1,700 บาท)
โดยก่อนไปได้โทรไปนัดกับรถตู้ที่เขื่อนไว้ให้มารับที่สนามบิน ค่ารถตู้ไป-กลับ คนละ 400 บาท (เบอร์คิวรถตู้ที่เขื่อนครับ 086-692-6241)
หลังจากกระโดดขึ้นรถตู้กันเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางไปยังท่าเรือ ที่เขื่อน เพื่อนั่งต่อไปยังแพที่พัก โดยระหว่างทางมีแวะรับ แวะส่งคนตามทางบ้าง
(ภาพวิวจากสันเขื่อนช่วงก่อนถึงท่าเรือ)
โดยแพที่ผมไปพักชื่อ คีรีวาริน ซึ่งอยู่ค่อนข้างไกลจากท่าเรือ ทำให้บริเวณที่พักไม่มีสัญญานโทรศัพท์เลย
เรานั่งเรือจากแพ ไปถึงแพคีรีวาริน ใช้เวลาประมาณ1 ชม (มีแวะให้ชมวิวบ้างบางจุด)
แพคีรีวาริน
แพที่พักน่ารักดี มี2ชั้น ด้านในมีพื้นกระจกให้เรามองปลาข้างใต้ได้ด้วย
ด้านหลังที่พักเป็นห้องน้ำแยกแต่ละบ้าน (ที่ผมพักมีห้องอาบน้ำ 2 ห้องสุขา2)
ผมไปกัน6คน นอนชั้นล่างสบายๆ ชั้น2 เหลือที่ไว้นั่งเล่น กินขนมกันสบายๆ
วิวรอบๆที่พักถือว่าดีมาก โดยส่วนตัว เท่าที่นั่งเรือดูที่พักอื่นๆ ผมชอบวิวที่คีรีวารินที่สุด เพราะดูโปร่ง โล่งๆ ภูเขาด้านหลังไม่สูงเกินไป
ด้านหน้าวิวสวยมาก และที่สำคัญที่สุด ตอนแรกอาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆไร้สาระ แต่ตอนหลังพบว่ามีผลมาก คือ!!
ขอนไม้ที่ลอยอยู่หน้าแพที่พัก 555
นี่พูดจริงๆนะ สำคัญมาก เพราะที่นั่นไม่มีอะไรทำเลยยย slowlife สุดๆ เหมาะกับการไปนอนพักผ่อนหรือจู๋จี๋กับแฟนมาก ไม่มีมือถือเล่น ตื่นมากิน แล้วก็นอน แล้วก็กิน นอกจากจะจ่ายเงินให้คนเรือพาออกไปเที่ยวถ้ำ หรือน้ำตก (ซึ่งก็ไม่ได้สวยขนาดนั้น)
เพราะฉะนั้น ไอ้ขอนไม้ที่ลอยอยู่หน้าแพนี่แหละ คือเครื่องเล่นสุดหรรษาของเรา
จากการไปดูที่พักอื่น พบว่าส่วนใหญ่จะเป็นขอนไม้เล็กๆหลายๆอันลอยไว้เหมือนบอกเขตเฉยๆ
แต่ขอนไม่หน้าคีรีวารินจะใหญ่มาก ท่อนเดียวใหญ่ๆเลย และเราสามารถมานั่งเล่นบนขอนไม้ หรือแม้แต่นั่งแช่น้ำตรงปลายขอนไม้ (จะมีส่วนที่จมน้ำอยู่ นั่งได้พอดีมากโผล่มาแค่หัว เย็นสบาย)
ความสนุกคือ เมื่อเราขึ้นไปยืน ขอนไม้จะหมุนได้! นั่นแหละฮะ ชวนเพื่อนขึ้นมายืน แล้วหมุนไปหมุนมา ใครตกก็แพ้
เล่นกันง่ายๆแบบนี้ เผลอแปปเดียวเวลาหายไปเป็นชั่วโมงๆเลย ได้ว่ายน้ำออกกำลัง ได้ปีน ยืดเส้นยืดสาย สนุกสนาน
(อันนี้เป็นขอนไม้อันเล็ก อยู่ข้างๆที่พัก เหมาะกับไว้นั่งชิลมากกว่าเล่นไรมากไม่ได้ เสียดายลืมถ่ายขอนไม้อันใหญ่มา มัวแต่เล่น 555)
ทีนี้ นอกจากไอ้ขอนไม้มหาสนุกแล้ว มีอะไรเล่นอีกบ้าง
ตอนเช้า ทางแพจะพาเราออกไปส่องสัตว์นิดหน่อย (ตั้งชื่อเก๋ๆว่า morning safari แต่เรียกว่านั่งเรือชมวิวจะตรงกว่า)
กลับมาถึงแพสายๆ ก็กินข้าว
หรือถ้าเบื่อมากจริงๆ ตอนกลางวันอาจจะจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อให้คนเรือพาไปเดินถ้ำ หรือไปน้ำตกก็ได้ครับ (แต่ช่วงนี้น้ำน้อย ไม่แนะนำ)
ตอนบ่าย...กินข้าว นอน
บ่ายแก่ๆ ออกไปพายเรือชมวิวรอบๆที่พัก
และแน่นอนช่วงเย็น ก็ขอนไม้มหาสนุก พร้อมนั่งชิลจิบน้ำเก็กฮวยในน้ำ
อาหารการกิน ทางที่พักจะเตรียมไว้ให้ โดยจะมีโซนกินข้าวอยู่ตรงกลางแพ และพอถึงเวลาแต่ละบ้านก็จะออกมาทานข้าวพร้อมกัน
อาหารรสชาติใช้ได้
สรุปคือ
เหมาะกับการมานอน มาพัก มาดูวิว และควรหาขนม เครื่องดื่มมากันด้วย เพราะไม่งั้นอาจไม่มีอะไรทำช่วงกลางวันและเฉาตาย
ค่าที่พัก 3วัน 2 คือ คนละ 3,900 บาท (อาหาร 6มื้อ)
ค่าตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ 1,700 บาท
ค่ารถตู้ ไป-กลับ คนละ 400 บาท
ค่าขนม และเครื่องดื่มคนละ 600 บาท
สรุปรวม ทริปนี้ผมใช้ไป 6,600 บาท (3วัน 2 คืน)
พี่คนเรือพามาแวะซื้อขนมและดูกระชังปลาของชาวบ้านแถวนั้น
คำแนะนำ
1. สำหรับใครที่จะมาพักคีรีวาริน แนะนำว่าให้พักบ้านฝั่งที่ถ้าหันหน้าเข้าแพ จะอยู่ด้านขวา เพราะบรรยากาศดีกว่า และน้ำหน้าที่พักสะอาดกว่า (เบอร์คีรีวาริน 089 649 9289)
2. ซื้อขนมและเครื่องดื่มจากร้านก่อนขึ้นเรือจะถูกกว่าซื้อในแพ
3. ตอนกลางวันในที่พักจะร้อน ควรมาช่วงอากาศเย็น หรือมีฝนบ้างเล็กน้อย ฝนตกหนักไปก็ไม่สวย
4. พกแป้งเย็นมาด้วย ช่วยได้
5. หาเกม หรือกิจกรรมมาเล่นกันด้วยไม่งั้นเบื่อไป
6. อาหาร หากซื้อเป็นแพคเกจไว้ แพจะเตรียมไว้ให้ บางอย่างเติมได้ บางอย่างเติมแล้วจะเสียเงิน ต้องคุยดีๆ
7. ถ้าจะไป 3 วัน 2คืนก็พอแล้ว มากกว่านั้นจะน่าเบื่อ
8. เอาซองกันน้ำไปด้วย
สิ่งที่ชอบ
1. ขอนไม้ใหญ่หน้าแพ
2. บรรยากาศดี
3. อาหารอร่อย
4. เตียงนิ่ม
5. สบู่ แชมพู ผ้าเช็ดตัวมีให้ครบดี
6. ที่พักใช้ได้
7. ตอนกลางคืนไม่มียุง
สิ่งที่ไม่ชอบ
1. เตียงบางอันนอนแล้วจะคัน เหมือนมีไรฝุ่นหรือแมลงอะไรสักอย่างกัด
2. ป้าที่ดูแลชอบทำหน้าบูด โดยเฉพาะเวลาเติมอาหารบ่อยๆ ป้าคนดูแลจะหน้าบูดมาก และถามว่าเติมไปกี่รอบแล้ว ซึ่งจริงๆตามแพคเกจเป็นบุฟเฟ่เติมได้ (ผู้ชายไปกันหลายคนเลยกินกันเยอะ)
3. ตอนซื้อแพคเกจที่พัก คุยกับเซลไว้ว่ากับข้าวที่ทำให้ 5อย่าง ขอมีไข่เจียวทุกมื้อ เพราะอาหารส่วนใหญ่เป็นผักไม่ค่อยมีเนื้อสัตว์ และในกลุ่มที่ไปมีคนไม่กินผัก เซลโอเค แต่พอเอาจริงๆ กลับต้องเสียเงินซื้อไข่เจียวเพิ่มเอง (จานละ90บาท) T-T
ทริปนี้ ให้คะแนน 7/10
สามารถติดตามภาพและทริปอื่นๆได้จาก
instagram : Lightculture
talontalon.com