หลายครั้ง
เรามักได้ยินคนพูดถึงความรักในเชิงของการ "เปรียบเทียบ"
หลายคนบอกว่า ความรักที่ดี..ควรจะเป็นไปตามกฏของฟิสิกส์
ที่บอกว่า Action ต้องเท่ากับ Reaction แต่หลายครั้งมันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น
เหมือนที่เราเห็นบางคนทุ่มเทความรักไป แต่กลับไม่ได้ความรักกลับมา
หรือบางคนทุ่มเททำทุกอย่าง แต่กลับไม่ได้อะไรกลับมาสักอย่างเลยก็มี
บางครั้ง Action ก็อาจไม่เท่ากับ Reaction...ความรัก ไม่อาจอธิบายได้ด้วยฟิสิกส์
บางคนก็บอกว่า ความรักเป็นสมการของคนสองคน
ที่ตัดสินใจจับมือเดินกันไป เพื่อเผชิญกับปัญหา หรือหาคำตอบให้กับชีวิตร่วมกัน
สมการทั้งสองข้างจึงควรที่จะเชื่อมกันด้วยเครื่องหมายจะ "เท่ากับ"
ไม่ใช่เครื่องหมาย "มากกว่า" หรือ "น้อยกว่า"
แต่ถึงกระนั้น เราก็ยังได้ยิน ได้ฟังคำพูดที่ว่า "รักเรา..ไม่เท่ากัน" อยู่เสมอๆ
หรือจริงๆแล้วความรักไม่ใช่สมการ ความรักที่เราเห็น หรือพบเจอกันอยู่ทุกวัน
จึงมักจะเป็นความรักที่ไม่เท่ากัน และเราก็มักจะได้ยินหลายคนตัดพ้อ
ว่าตัวเองกลายเป็นคนที่ให้ หรือพยายามทำอะไรเพื่อความรัก มากกว่าอีกฝ่ายอยู่เสมอๆ
แล้วทำไมรักเรา...ถึงไม่เท่ากัน
บางครั้ง เราอาจต้องโยนสมการ หรือทฤษฏีทุกอย่างทิ้งไป
และหันมาทำความเข้าใจกับคนที่อยู่ตรงหน้าของเราอย่างจริงๆจังๆ
คำว่า "ไม่เท่ากัน" มันเกิดจากอะไร?
ความรัก วัดได้ด้วยเหรอ ว่ามันมาก หรือน้อย?
การที่ใครสักคนบอกว่า ฉันรักเธอมากกว่าที่เธอรักฉัน
คนๆนั้นเอาอะไรมาเป็นมาตรวัด ความมากน้อยของความรักกัน
จริงๆแล้วความรัก อาจไม่ใช่เรื่องที่เราสามารถกำหนด หรือบอกเป็นปริมาณได้
แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความมาก-น้อย ของมัน อาจเป็น "การแสดงออก"
ที่ไม่เท่ากันของคนสองคนมากกว่า
บางคนแสดงออกมาก ก็เลยรู้สึกว่าตัวเอง..รักมาก
อย่างการโทรไปหาทุกวัน ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ คอยคิดskวิธีทำเซอไพรซ์ในวันสำคัญ
หรือพูดคำว่ารักกันทุกวันให้อีกฝ่ายได้ยิน และเราก็เรียกสิ่งนั้นว่า...รักมาก
ในขณะที่อีกคน ถ้าไม่เคยแสดงออก หรือทำอะไรแบบนั้นให้เราบ้างเลย
เราก็สรุปของเราไปเองว่านั่นคือ...รักน้อย
บางครั้ง อาจไม่มีรักมาก...รักน้อย
บางครั้ง มันอาจมีแค่รัก แต่แสดงออกให้เห็นมาก หรือน้อยต่างหาก
เพราะถ้าอีกฝ่ายไม่ได้รักเราเลยจริงๆ
สุดท้ายวันหนึ่ง เราคงไม่มีเรี่ยวแรง หรือความรู้สึกดีๆอะไรหลงเหลืออพอ
ที่จะรักคนๆนั้นต่อไปได้
บางครั้ง เราอาจรู้สึกไปเองว่าอีกฝ่ายไม่ได้รักเรา มากเท่าที่เรารักเขา
แต่เชื่อเถอะ ถ้าเรายังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกดีๆ ถ้าเรายังอยากพูดคุย อยากอยู่ใกล้ๆ
ถ้าทุกครั้งที่เจอกัน เราเหมือนรู้สึกเหมือนได้เติมพลัง และมีกำลังใจที่จะรักต่อไป
เชื่อเถอะว่านั่นแหละ คือความรักที่อีกฝ่าย มีให้กับเราแล้ว
ถึงแม้เขาจะไม่ได้แสดงมันออกมาอย่างชัดเจน
ด้วยการโทรหาเราทุกวัน หาของขวัญแปลกๆ หรือมีดอกไม้มาเซอร์ไพรซ์
ให้กันในวันสำคัญ หรือมีอะไรก็บอกเราก่อนเป็นคนแรกทุกครั้งก็ตาม
แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเขาไม่ได้รักเรา หรือรักเราน้อยไปกว่าที่เรารักเขาเลย
บางครั้ง การที่เรารู้สึกว่ารักเรา...ไม่เท่ากัน
มันอาจเป็นเพราะเรามีอะไรหลายๆอย่าง ที่ไม่เหมือนกัน
เราเติบโตมาคนละแบบ มีความคิด ความเชื่อที่แตกต่างกัน
มีมุมมองความรักที่ไม่เหมือนกัน แต่เมื่อเราตัดสินใจมาอยู่กัน
เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจ และยอมรับในความแตกต่างของกันและกัน
เพราะมันเป็นไปไม่ได้หรอก ที่คนสองคนจะคิด จะทำ จะมีมุมมองทุกอย่าง
เหมือนๆกันไปหมด มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่รักเรา...จะเท่ากัน
แต่ความเข้าใจ และการยอมรับในตัวตน ในข้อดี ข้อเสียของกันและกัน
จะเป็นส่วนที่เติมเต็มความรักที่ไม่เท่ากัน ให้พอดีกัน
ความรัก...คือความเข้าใจ ไม่ใช่การตามใจ
เราจึงต้องอาศัยเวลาที่จะเข้าใจ และปรับตัวเข้าหากัน
เราอาจต้องเพิ่ม หรือลดอะไรบางอย่าง เพื่อให้ช่องว่างระหว่างกัน
ค่อยๆลดลง และหายไป อย่าคาดหวังว่าอีกฝ่าย
จะต้องเป็น ต้องทำเหมือนที่เราคิด หรือคาดหวังไว้ตั้งแต่แรก
เพราะไม่มีอะไรหรอก ที่จะเป็นไปตามใจเราทุกอย่าง
และถึงแม้รักเราจะไม่เท่ากัน
แต่เชื่อเถอะว่าความต่าง ก็เติมเต็มความรักให้สมบูรณ์แบบได้
บางครั้งข้อเสียของเขา อาจทำให้เราค้นพบข้อดีบางอย่างในตัว
ที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีมันอยู่ หรือบางครั้งข้อดีของเขา
ก็อาจทำให้เราอยากเลิกนิสัยเสียๆบางอย่าง ที่เราไม่เคยคิดมาก่อน
ว่าจะเลิกมันได้
ความรักอาจไม่มีวันเท่ากัน
เราจึงต้องหมั่นคอยเติมเต็มความรักให้แก่กัน
ถ้าวันนี้คนหนึ่งเหนื่อย หมดแรง หรือเจอปัญหาหนักๆมา
อีกคนก็อาจต้องรักมากหน่อย เพื่อชดเชยความรัก หรือกำลังใจที่อีกฝ่ายขาดหายไป
ความรักอาจไม่เท่ากัน
แต่ถ้าคนทั้งคู่ผลัดกันรักมากบ้าง น้อยบ้าง
คอยเป็นกำลังใจ คอยเติมเต็มพลังที่อีกฝ่ายขาดหายไป
เรื่องรักเรา...ไม่เท่ากันก็ไม่เห็นจะเป็นปัญหาอะไร
ตราบใดที่เรายังรักกัน...และรักนั้นยังเป็นพลังให้เราเดินหน้าต่อไปได้
มันก็น่าจะเพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ
ผิดมั๊ย? ถ้ารู้สึกว่ารักเรา...ไม่เท่ากัน
หลายครั้ง
เรามักได้ยินคนพูดถึงความรักในเชิงของการ "เปรียบเทียบ"
หลายคนบอกว่า ความรักที่ดี..ควรจะเป็นไปตามกฏของฟิสิกส์
ที่บอกว่า Action ต้องเท่ากับ Reaction แต่หลายครั้งมันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น
เหมือนที่เราเห็นบางคนทุ่มเทความรักไป แต่กลับไม่ได้ความรักกลับมา
หรือบางคนทุ่มเททำทุกอย่าง แต่กลับไม่ได้อะไรกลับมาสักอย่างเลยก็มี
บางครั้ง Action ก็อาจไม่เท่ากับ Reaction...ความรัก ไม่อาจอธิบายได้ด้วยฟิสิกส์
บางคนก็บอกว่า ความรักเป็นสมการของคนสองคน
ที่ตัดสินใจจับมือเดินกันไป เพื่อเผชิญกับปัญหา หรือหาคำตอบให้กับชีวิตร่วมกัน
สมการทั้งสองข้างจึงควรที่จะเชื่อมกันด้วยเครื่องหมายจะ "เท่ากับ"
ไม่ใช่เครื่องหมาย "มากกว่า" หรือ "น้อยกว่า"
แต่ถึงกระนั้น เราก็ยังได้ยิน ได้ฟังคำพูดที่ว่า "รักเรา..ไม่เท่ากัน" อยู่เสมอๆ
หรือจริงๆแล้วความรักไม่ใช่สมการ ความรักที่เราเห็น หรือพบเจอกันอยู่ทุกวัน
จึงมักจะเป็นความรักที่ไม่เท่ากัน และเราก็มักจะได้ยินหลายคนตัดพ้อ
ว่าตัวเองกลายเป็นคนที่ให้ หรือพยายามทำอะไรเพื่อความรัก มากกว่าอีกฝ่ายอยู่เสมอๆ
แล้วทำไมรักเรา...ถึงไม่เท่ากัน
บางครั้ง เราอาจต้องโยนสมการ หรือทฤษฏีทุกอย่างทิ้งไป
และหันมาทำความเข้าใจกับคนที่อยู่ตรงหน้าของเราอย่างจริงๆจังๆ
คำว่า "ไม่เท่ากัน" มันเกิดจากอะไร?
ความรัก วัดได้ด้วยเหรอ ว่ามันมาก หรือน้อย?
การที่ใครสักคนบอกว่า ฉันรักเธอมากกว่าที่เธอรักฉัน
คนๆนั้นเอาอะไรมาเป็นมาตรวัด ความมากน้อยของความรักกัน
จริงๆแล้วความรัก อาจไม่ใช่เรื่องที่เราสามารถกำหนด หรือบอกเป็นปริมาณได้
แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกได้ถึงความมาก-น้อย ของมัน อาจเป็น "การแสดงออก"
ที่ไม่เท่ากันของคนสองคนมากกว่า
บางคนแสดงออกมาก ก็เลยรู้สึกว่าตัวเอง..รักมาก
อย่างการโทรไปหาทุกวัน ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ คอยคิดskวิธีทำเซอไพรซ์ในวันสำคัญ
หรือพูดคำว่ารักกันทุกวันให้อีกฝ่ายได้ยิน และเราก็เรียกสิ่งนั้นว่า...รักมาก
ในขณะที่อีกคน ถ้าไม่เคยแสดงออก หรือทำอะไรแบบนั้นให้เราบ้างเลย
เราก็สรุปของเราไปเองว่านั่นคือ...รักน้อย
บางครั้ง อาจไม่มีรักมาก...รักน้อย
บางครั้ง มันอาจมีแค่รัก แต่แสดงออกให้เห็นมาก หรือน้อยต่างหาก
เพราะถ้าอีกฝ่ายไม่ได้รักเราเลยจริงๆ
สุดท้ายวันหนึ่ง เราคงไม่มีเรี่ยวแรง หรือความรู้สึกดีๆอะไรหลงเหลืออพอ
ที่จะรักคนๆนั้นต่อไปได้
บางครั้ง เราอาจรู้สึกไปเองว่าอีกฝ่ายไม่ได้รักเรา มากเท่าที่เรารักเขา
แต่เชื่อเถอะ ถ้าเรายังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกดีๆ ถ้าเรายังอยากพูดคุย อยากอยู่ใกล้ๆ
ถ้าทุกครั้งที่เจอกัน เราเหมือนรู้สึกเหมือนได้เติมพลัง และมีกำลังใจที่จะรักต่อไป
เชื่อเถอะว่านั่นแหละ คือความรักที่อีกฝ่าย มีให้กับเราแล้ว
ถึงแม้เขาจะไม่ได้แสดงมันออกมาอย่างชัดเจน
ด้วยการโทรหาเราทุกวัน หาของขวัญแปลกๆ หรือมีดอกไม้มาเซอร์ไพรซ์
ให้กันในวันสำคัญ หรือมีอะไรก็บอกเราก่อนเป็นคนแรกทุกครั้งก็ตาม
แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าเขาไม่ได้รักเรา หรือรักเราน้อยไปกว่าที่เรารักเขาเลย
บางครั้ง การที่เรารู้สึกว่ารักเรา...ไม่เท่ากัน
มันอาจเป็นเพราะเรามีอะไรหลายๆอย่าง ที่ไม่เหมือนกัน
เราเติบโตมาคนละแบบ มีความคิด ความเชื่อที่แตกต่างกัน
มีมุมมองความรักที่ไม่เหมือนกัน แต่เมื่อเราตัดสินใจมาอยู่กัน
เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจ และยอมรับในความแตกต่างของกันและกัน
เพราะมันเป็นไปไม่ได้หรอก ที่คนสองคนจะคิด จะทำ จะมีมุมมองทุกอย่าง
เหมือนๆกันไปหมด มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่รักเรา...จะเท่ากัน
แต่ความเข้าใจ และการยอมรับในตัวตน ในข้อดี ข้อเสียของกันและกัน
จะเป็นส่วนที่เติมเต็มความรักที่ไม่เท่ากัน ให้พอดีกัน
ความรัก...คือความเข้าใจ ไม่ใช่การตามใจ
เราจึงต้องอาศัยเวลาที่จะเข้าใจ และปรับตัวเข้าหากัน
เราอาจต้องเพิ่ม หรือลดอะไรบางอย่าง เพื่อให้ช่องว่างระหว่างกัน
ค่อยๆลดลง และหายไป อย่าคาดหวังว่าอีกฝ่าย
จะต้องเป็น ต้องทำเหมือนที่เราคิด หรือคาดหวังไว้ตั้งแต่แรก
เพราะไม่มีอะไรหรอก ที่จะเป็นไปตามใจเราทุกอย่าง
และถึงแม้รักเราจะไม่เท่ากัน
แต่เชื่อเถอะว่าความต่าง ก็เติมเต็มความรักให้สมบูรณ์แบบได้
บางครั้งข้อเสียของเขา อาจทำให้เราค้นพบข้อดีบางอย่างในตัว
ที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีมันอยู่ หรือบางครั้งข้อดีของเขา
ก็อาจทำให้เราอยากเลิกนิสัยเสียๆบางอย่าง ที่เราไม่เคยคิดมาก่อน
ว่าจะเลิกมันได้
ความรักอาจไม่มีวันเท่ากัน
เราจึงต้องหมั่นคอยเติมเต็มความรักให้แก่กัน
ถ้าวันนี้คนหนึ่งเหนื่อย หมดแรง หรือเจอปัญหาหนักๆมา
อีกคนก็อาจต้องรักมากหน่อย เพื่อชดเชยความรัก หรือกำลังใจที่อีกฝ่ายขาดหายไป
ความรักอาจไม่เท่ากัน
แต่ถ้าคนทั้งคู่ผลัดกันรักมากบ้าง น้อยบ้าง
คอยเป็นกำลังใจ คอยเติมเต็มพลังที่อีกฝ่ายขาดหายไป
เรื่องรักเรา...ไม่เท่ากันก็ไม่เห็นจะเป็นปัญหาอะไร
ตราบใดที่เรายังรักกัน...และรักนั้นยังเป็นพลังให้เราเดินหน้าต่อไปได้
มันก็น่าจะเพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ