ร
ายละเอียดและความเห็นส่วนตัว : หนังสือ COOL JAPAN Vol.2 ความงาม ความฝัน การแบ่งกั้น โลกแห่งความล่องลอย ราคา 295 บาท ความหนาประมาณ 270 หน้า หนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็น 2 PART PART แรก คลื่น-ลม , PART ที่สอง ความคิด โดยเนื้อหาทั้งหมดมี 21 บท (รวมบทสรุป) ในแต่ละบทผู้เขียนได้แบ่งเป็นหัวข้อย่อยๆ สั้นๆ ให้เราได้อ่านง่ายขึ้นอีกด้วย (เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่มากเลยทีเดียว) ที่น่าสนใจมากๆ คือส่วนของหน้าปกของหนังสือคือภาพคลื่นยักษ์ซึ่งเป็นผลงานของศิลปินชาวญี่ปุ่นชื่อ คัตสึชิคะ โฮะคุไซ ซึ่งในภายหลังมีอิทธิพลต่องานศิลปะของฝั่งตะวันตกเป็นอย่างมากภายหลังจากยุคเอะโดะ (ยุคที่ญี่ปุ่นปิดประเทศประมาณ 200 ปี)
ต่อจาก COOL JAPAN เล่มสีขาวตัวหนังสือสีแดงที่เพิ่งอ่านจบไปไม่นานนัก เล่มนี้เปรียบเสมือนภาคต่อของเล่มแรกนั้น อยากจะถามท่านที่ได้ผ่านมาอ่านข้อความนี้ว่า เมื่อท่านนึกถึงประเทศญี่ปุ่นท่านคิดถึงสิ่งใด?? หลายท่านคงเริ่มกลับมานั่งครุ่นคิดหาคำตอบ ดังที่ทาง Woman and Books กลับมานั่งคิดเช่นกัน…
เมื่อนึกถึงประเทศญี่ปุ่นภาพที่ปราฏขึ้นมาชัดเจนคือ ประเทศที่มีระเบียบวินัย ความงดงามของสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังคงเป็นธรรมชาติ ความงดงามของวัฒนธรรมของแต่ละยุคแต่ละสมัยที่ยังดำรงอยู่จวบจนปัจจุบันและยังคงดำเนินอยู่ร่วมกันกับความทันสมัยทางเทคโนโลยีได้กลมกลืนกันอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จนจบสิ่งแรกที่คิดขึ้นมาคือ อยากหาหนังสือประวัติศาสตร์และศิลปะวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นมาอ่านเพิ่มเติมอย่างละเอียดจัง…
COOL JAPAN Vol.2 เป็นหนังสือที่จะทำให้เราได้พบกับประเทศญี่ปุ่นในหลากหลายมุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น ศาสนา และปัญหาที่ทางญี่ปุ่นกำลังประสบพบเจอและหาทางแก้ไขอยู่ เราจะได้พบกับความละเมียดละไมในการใช้ชีวิต สิ่งที่มีอิทธิพลต่อแนวคิดของคนญี่ปุ่น สำหรับผู้ที่ชอบผู้ที่สนใจในประเทศญี่ปุ่น ชอบความราบเรียบเนิบช้าที่แฝงไปด้วยข้อคิดต่างๆ มากมายเดี๋ยวจะลองยกเนื้อหาที่น่าสนใจบางส่วนมาให้อ่านกันนะคะ
นักเขียนชื่อดังชาวญี่ปุ่นได้เคยกล่าวไว้ว่าคนญี่ปุ่นทั้งประเทศนั้น “เหมือนกันอย่างกับเป็นคนเดียว” เมื่อหลายสิ่งปรากฏและเกิดขึ้นได้หลอมรวมพวกเราให้กลมกลืนและเป็น “คนญี่ปุ่น” อย่างที่ทุกคนเห็น
เมื่อเข้าสู่สภาวะที่วุ่นวายสับสนทั้งภายในและภายนอกประเทศ ก็ถึงเวลาปิด ปิดตนเองเพื่อพิจารณาปิดกั้นบางสิ่งปิดกั้นบางอย่าง ตามประวัติศาสตร์นั้นในยุคเอะโดะได้ปิดประเทศอย่างจริงจังผ่านกฏหมาย นับจากปี 1633 และสิ้นสุดในปี 1867 เกิดอะไรขึ้นและเพราะเหตุใด…
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นก่อนยุคเอะโดะได้หมดสิ้นไป เข้าสู่สังคมที่มีเสถียรภาพ ความสงบสุขที่เกิดขึ้น การเฉลิมฉลอง 200ปีที่อยู่กับตัวเอง ภาพสะท้อนได้ออกมาในรูปแบบงานศิลปะ ภาพพิมพ์แกะไม้ งานวรรณกรรม เครื่องเขิน สิ่งทอ กระเบื้องเคลือบ สิ่งเหล่านี้ในยุคนี้ส่งผลให้งานศิลปะตะวันตกได้รับอิทธิพลจากญี่ปุ่นเป้นอย่างมากในคราวที่เปิดประเทศมาอีกหน…
ความมีระเบียบ การพึ่งพาตนเอง การรับวัฒนธรรมจากภายนอกของญี่ปุ่น และการตีความมาใช้ในแบบตนเอง ถึงแม้ชาวต่างชาติจะไปอยู่ที่ญี่ปุ่นจนสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ถนัดหากแต่ถึงกระนั้นเราก็ไม่เข้าใจชาวญี่ปุ่นอยู่ดี
เทศกาลชมดอกซากุระเป็นเทศกาลการพิจารณาถึงการร่วงโรยของดอกซากุระ ความไม่ยั่งยืน ความงามอันแสนสั้น สะท้อนถึงความชั่วคราวของสรรพสิ่ง ความร่วงโรยและจบลงยังหมายถึงการผลิดอกออกผลใหม่ในวันหน้าด้วย บางทีสิ่งที่สำคัญที่สุดในการสร้างขึ้นใหม่เพื่อทดแทนสิ่งที่ถูกทำลายไปคือ “ความคิด”
ภาวะเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเข้าสู่สภาวะถดถอย และความหวังในการหาทางออก สิ่งใดคือต้นเหตุของสภาวะถดถอยที่เกิดขึ้น? สังคมที่เปลี่ยนแปลงไป การต้องปรับตัวเมื่อเข้าสู่สังคมสูงวัย จะช่วยได้หรือไม่ เหตุใดการนำเข้าแรงงานต่างชาติจึงไม่อยู่ในความคิดของคนญี่ปุ่น?
ผู้เขียนพยายามที่จะถ่ายทอดความเป็นญี่ปุ่นทั้งวัฒนธรรม ความคิดและจิตใจผ่านตัวหนังสือเพื่อที่จะสื่อให้เข้าใจถึงความเป็นจริงที่ชาวญี่ปุ่นได้ประสบพบเจออยู่ผ่านเรื่องราวของอดีต เพื่อหวังว่าจะช่วยเปลี่ยนแปลงอนาคต โดยยังมีความหวังอยู่ลึกๆ ว่าญี่ปุ่นจะกลับมายืนตระหง่านเป็นนผู้นำได้อย่างเช่นอดีตที่เคยเป็นมา ขอเอาใจช่วยอยู่ห่างๆนะคะ ท่านใดสนใจศึกษาข้อมูลเรื่องราวของประเทศญี่ปุ่น COOL JAPAN Vol.2 เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้เราได้รับรู้และเข้าใจในความเป็นญี่ปุ่นมากขึ้นคะ
Woman and Books
https://womanandbooks.wordpress.com/2015/11/13/0007-cool-japan-vol-2-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9D%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%9A/
ชวนอ่านหนังสือ COOL JAPAN VOL.2 ความงาม ความฝัน การแบ่งกั้น โลกแห่งความล่องลอย
รายละเอียดและความเห็นส่วนตัว : หนังสือ COOL JAPAN Vol.2 ความงาม ความฝัน การแบ่งกั้น โลกแห่งความล่องลอย ราคา 295 บาท ความหนาประมาณ 270 หน้า หนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็น 2 PART PART แรก คลื่น-ลม , PART ที่สอง ความคิด โดยเนื้อหาทั้งหมดมี 21 บท (รวมบทสรุป) ในแต่ละบทผู้เขียนได้แบ่งเป็นหัวข้อย่อยๆ สั้นๆ ให้เราได้อ่านง่ายขึ้นอีกด้วย (เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่มากเลยทีเดียว) ที่น่าสนใจมากๆ คือส่วนของหน้าปกของหนังสือคือภาพคลื่นยักษ์ซึ่งเป็นผลงานของศิลปินชาวญี่ปุ่นชื่อ คัตสึชิคะ โฮะคุไซ ซึ่งในภายหลังมีอิทธิพลต่องานศิลปะของฝั่งตะวันตกเป็นอย่างมากภายหลังจากยุคเอะโดะ (ยุคที่ญี่ปุ่นปิดประเทศประมาณ 200 ปี)
ต่อจาก COOL JAPAN เล่มสีขาวตัวหนังสือสีแดงที่เพิ่งอ่านจบไปไม่นานนัก เล่มนี้เปรียบเสมือนภาคต่อของเล่มแรกนั้น อยากจะถามท่านที่ได้ผ่านมาอ่านข้อความนี้ว่า เมื่อท่านนึกถึงประเทศญี่ปุ่นท่านคิดถึงสิ่งใด?? หลายท่านคงเริ่มกลับมานั่งครุ่นคิดหาคำตอบ ดังที่ทาง Woman and Books กลับมานั่งคิดเช่นกัน…
เมื่อนึกถึงประเทศญี่ปุ่นภาพที่ปราฏขึ้นมาชัดเจนคือ ประเทศที่มีระเบียบวินัย ความงดงามของสถานที่ท่องเที่ยวที่ยังคงเป็นธรรมชาติ ความงดงามของวัฒนธรรมของแต่ละยุคแต่ละสมัยที่ยังดำรงอยู่จวบจนปัจจุบันและยังคงดำเนินอยู่ร่วมกันกับความทันสมัยทางเทคโนโลยีได้กลมกลืนกันอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จนจบสิ่งแรกที่คิดขึ้นมาคือ อยากหาหนังสือประวัติศาสตร์และศิลปะวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นมาอ่านเพิ่มเติมอย่างละเอียดจัง…
COOL JAPAN Vol.2 เป็นหนังสือที่จะทำให้เราได้พบกับประเทศญี่ปุ่นในหลากหลายมุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น ศาสนา และปัญหาที่ทางญี่ปุ่นกำลังประสบพบเจอและหาทางแก้ไขอยู่ เราจะได้พบกับความละเมียดละไมในการใช้ชีวิต สิ่งที่มีอิทธิพลต่อแนวคิดของคนญี่ปุ่น สำหรับผู้ที่ชอบผู้ที่สนใจในประเทศญี่ปุ่น ชอบความราบเรียบเนิบช้าที่แฝงไปด้วยข้อคิดต่างๆ มากมายเดี๋ยวจะลองยกเนื้อหาที่น่าสนใจบางส่วนมาให้อ่านกันนะคะ
นักเขียนชื่อดังชาวญี่ปุ่นได้เคยกล่าวไว้ว่าคนญี่ปุ่นทั้งประเทศนั้น “เหมือนกันอย่างกับเป็นคนเดียว” เมื่อหลายสิ่งปรากฏและเกิดขึ้นได้หลอมรวมพวกเราให้กลมกลืนและเป็น “คนญี่ปุ่น” อย่างที่ทุกคนเห็น
เมื่อเข้าสู่สภาวะที่วุ่นวายสับสนทั้งภายในและภายนอกประเทศ ก็ถึงเวลาปิด ปิดตนเองเพื่อพิจารณาปิดกั้นบางสิ่งปิดกั้นบางอย่าง ตามประวัติศาสตร์นั้นในยุคเอะโดะได้ปิดประเทศอย่างจริงจังผ่านกฏหมาย นับจากปี 1633 และสิ้นสุดในปี 1867 เกิดอะไรขึ้นและเพราะเหตุใด…
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นก่อนยุคเอะโดะได้หมดสิ้นไป เข้าสู่สังคมที่มีเสถียรภาพ ความสงบสุขที่เกิดขึ้น การเฉลิมฉลอง 200ปีที่อยู่กับตัวเอง ภาพสะท้อนได้ออกมาในรูปแบบงานศิลปะ ภาพพิมพ์แกะไม้ งานวรรณกรรม เครื่องเขิน สิ่งทอ กระเบื้องเคลือบ สิ่งเหล่านี้ในยุคนี้ส่งผลให้งานศิลปะตะวันตกได้รับอิทธิพลจากญี่ปุ่นเป้นอย่างมากในคราวที่เปิดประเทศมาอีกหน…
ความมีระเบียบ การพึ่งพาตนเอง การรับวัฒนธรรมจากภายนอกของญี่ปุ่น และการตีความมาใช้ในแบบตนเอง ถึงแม้ชาวต่างชาติจะไปอยู่ที่ญี่ปุ่นจนสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ถนัดหากแต่ถึงกระนั้นเราก็ไม่เข้าใจชาวญี่ปุ่นอยู่ดี
เทศกาลชมดอกซากุระเป็นเทศกาลการพิจารณาถึงการร่วงโรยของดอกซากุระ ความไม่ยั่งยืน ความงามอันแสนสั้น สะท้อนถึงความชั่วคราวของสรรพสิ่ง ความร่วงโรยและจบลงยังหมายถึงการผลิดอกออกผลใหม่ในวันหน้าด้วย บางทีสิ่งที่สำคัญที่สุดในการสร้างขึ้นใหม่เพื่อทดแทนสิ่งที่ถูกทำลายไปคือ “ความคิด”
ภาวะเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเข้าสู่สภาวะถดถอย และความหวังในการหาทางออก สิ่งใดคือต้นเหตุของสภาวะถดถอยที่เกิดขึ้น? สังคมที่เปลี่ยนแปลงไป การต้องปรับตัวเมื่อเข้าสู่สังคมสูงวัย จะช่วยได้หรือไม่ เหตุใดการนำเข้าแรงงานต่างชาติจึงไม่อยู่ในความคิดของคนญี่ปุ่น?
ผู้เขียนพยายามที่จะถ่ายทอดความเป็นญี่ปุ่นทั้งวัฒนธรรม ความคิดและจิตใจผ่านตัวหนังสือเพื่อที่จะสื่อให้เข้าใจถึงความเป็นจริงที่ชาวญี่ปุ่นได้ประสบพบเจออยู่ผ่านเรื่องราวของอดีต เพื่อหวังว่าจะช่วยเปลี่ยนแปลงอนาคต โดยยังมีความหวังอยู่ลึกๆ ว่าญี่ปุ่นจะกลับมายืนตระหง่านเป็นนผู้นำได้อย่างเช่นอดีตที่เคยเป็นมา ขอเอาใจช่วยอยู่ห่างๆนะคะ ท่านใดสนใจศึกษาข้อมูลเรื่องราวของประเทศญี่ปุ่น COOL JAPAN Vol.2 เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้เราได้รับรู้และเข้าใจในความเป็นญี่ปุ่นมากขึ้นคะ
Woman and Books
https://womanandbooks.wordpress.com/2015/11/13/0007-cool-japan-vol-2-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9D%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%9A/