สวัสดีค่ะ เป็นกระทู้แรกเลยที่จะพาไปเที่ยวนอกประเทศกันบ้าง
ลมหนาว เริ่มพัดมา ตอนนี้ทางเหนือบ้านเรายอดดอยอากาศก็เริ่มเย็นแล้วนะเนี่ย
จะหน้าหนาวแล้ว ก็ต้องไปเที่ยวให้สมกับหน้าหนาวซักหน่อย
ต้นปีที่ผ่านมา ได้มีโอกาสกลับไปเยือน เมืองฮาร์บิ้นอีกครั้ง
หลังจากเรียนจบที่ปักกิ่ง ก็คิดถึงอากาศอันหนาวเหน็บจริงๆ
ก่อนจะกลับไทยได้นัดกับรุ่นพี่ไว้แล้ว ว่ามกราเดี๋ยวจะกลับมาเที่ยว
ได้เวลากันแล้ว เริ่มต้นการเดินทางกันเลย น่ังเครื่องจากกรุงเทพไปลงปักกิ่งกันก่อน
นั่งเครื่องตอน สิบโมงสี่ชม.กว่าๆ ก็ถึงแล้วจ้า กว่าจะเดินทางถึงคอนโดก็เกือบเย็นแล้ว
หิวโครต รีบไปหาไรกิน แล้วก็กลับห้องพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เรามีโปรแกรมไปเที่ยว
水长城 อยู่ปักกิ่งมาตั้งหลายปีมีโอกาสได้ไปซักที กำแพงเมืองจีนในน้ำ เอะมันเป็นยังไงกันหน่า
เนื่องจาก ตอนมกราอากาศค่อนข้างจะหนาว ทำให้แม่น้ำกลายเป็นน้ำแข็งอย่างที่เห็นกัน
เดินไปลมพัดไป นี้สั่นนะพูดเลย หนาวก็จะแย่ละลมแรงอีก สุดๆเลยฮะ
หลังจากเดินกันเหนื่อยแล้ว ปีนกันเหนื่อยแล้ว ก็ได้เวลากลับกันดีกว่า
รีบกลับไปเก็บของ งีบเอาแรงกันดีกว่า เพราะคืนนี้ต้องเดินทางไปฮาร์บิ้นกันแล้ว
ตั๋วขาไปแพงกว่า เพราะขาไปเป็นแบบเตียงสองชั้นสองเตียง
รุ่นพี่เรา เดินทางโดยรถไฟทั้งไปทั้งกลับ ส่วนเรากลับเครื่องบินคนเดียว
ขาไปเลือกเดินทางโดย รถไฟตู้นอน สี่เตียง เราไปกันสิบกว่าคนงานนี้สบาย
จิบเบียร์ก่อนนอน กันซักกระป๋องสองกระป๋อง แล้วแปรงฟันนอนกันดีกว่า
ทำเป็นเล่นไป นอนบนรถไฟก็สบายเหมือนกันนะเนี่ย จินตนาการเหมือนในหนังแฮรรี่พอตเตอร์งี้
นอนหลับไปไม่รู้เรื่องสนใจจะเพราะเหนื่อยตั้งแต่เช้า ตื่นมาอีกที มองไปนอกหน้าต่าง
โหยยย ขาวโพนไปหมด สุดลูกหนูลูกตามากๆอะ พื้นขาวไปหมด ปกคลุมไปด้วยหิมะนั้นเอง
แสดงว่า ใกล้ถึงเมืองฮาร์บิ้นแล้วซินะ นั่งรถไฟจากปักกิ่งตอนค่ำๆ ถึงฮาร์บิ้นตอนเช้าพอดี
และแล้วเราก็มาถึงฮาร์บิ้นแล้วซินะ เธอเปลี่ยนไปมากเลยนะเนี่ย เจริญขึ้นเยอะ ตึกสูงเยอแยะเลย
แถมอากาศเธอ ก็ช่างไม่ธรรมดาซินะ ปักกิ่งว่าหนาวแล้ว ฮาร์บิ้นนี้พูดไม่ออก
แต่วันที่เดินทางไปถึงโชคดีว่าหิมะไม่ตก เราเลยไม่ลำบาก อะโบกแท๊กซี่ไปโรงแรมกันเหอะ
ตอนแรกจะเหมารถตู้ไป เพราะเรามากันสิบกว่าคน คุยไปคุยมา
จะให้ซื้อทัวร์โน้นนี้
เยอะแยะ ตามประสาคนจีน สรุปเถียงกันซักพัก ช่าง
ยุ่งมากนัก โบกแท๊กซี่แยกกันไปก็ได้หวะ
รุ่นพี่จัดการที่พักให้ นอนที่ ไอบิส แต่คนจีนเรียก ไอบิสสึ สรุปก็เดินทางมาถึงโรงแรมกันครบ
เชคอิน เปลี่ยนชุดให้หนากว่าเดิม รื้อมาให้หมดค่ะ ผ้าพันคอ ถุงมือ หมวก ถุงทรายร้อน
พร้อมแล้ว ลุยเลย ที่โรงแรมไอบิสมีบริษัททัวร์อยู่ด้านล่างเลย โชคดีเรามากันเยอะเลยเหมารถคุ้ม
ไปไหนก็ได้ เหมาวันละ600 หยวน ก็ตกคนละไม่กี่บาทเอง สรุปวันนี้เราจะไป ดู 冰灯เทศกาลหิมะ น้ำแข็งโลก
เทศกาลแกะสลัก นั้นเอง แต่ขอแว๊บไปกินข้าวแปปนึง ที่สะดวกอีกอย่าง คือ ข้างๆ โรงแรม มีศูนย์อาหารกับข้าวเยอะแยะไปหมด
แถมราคาก็ไม่แพงอีกด้วย กองทัพต้องเดินด้วยท้องนะคะ รอไรละ หาไรกินซิ
หลังจากอิ่มแล้ว ไปพวกเราพร้อมลุยแล้วฮะ ลุยเลย ขับรถไปได้ซักพัก คนขับรถก็แวะพาเราไปซื้อตั๋ว
ก่อน จำเราราคาไม่ได้แล้วจริง น่าจะ คือตั๋วแยกเป็นสองใบ
1.คือที่เราจะไปอันแรกก่อน เป็นหิมะแกะสลัก
2.คือไปตอนกลางคืนเป็นน้ำแข็ง เทศกาลแกะสลักโคมไฟ หรือเรียกว่า ปิงเติง 冰灯
รวมทั้งสองอย่างแล้ว ก็ตก พันกว่าบาทต่อคนค่ะ
แต่มาแล้ว ยังไงก็ต้องไปชมค่ะ เพราะเราเดินทางมาตั้งไกลขนาดนี้
เพื่องานนี้กันนั้นแหละค่ะ แถมทุกปี มีผลงานของคนไทยให้ชมกันด้วยนะคะ
ที่แรกที่เราก็ ไปดูงาน หิมะแกะสลักกันก่อน มีเวลาเดินสองชม.กว่าๆ ก่อนจะมืด
เราก็แยกย้ายกันเดินไปดูรูปต่างๆ คือมันกว้างมา เราเลยยอมเสียตังค่ารถกอล์ฟกัน
เพราะเดินไม่ไหวจริงๆ มันกว้างมากแล้วจะเสียเวลาด้วยเพราะเวลาเราน้อย
ในนั้นก็มีโซนให้ถ่ายรูป โซนที่เค้าจัดประกวดรูปแกะสลัก โชว์ของแต่ละประเทศ
แล้วก็มีกิจกรรมให้เราเล่น ให้เราเสียตังกันอีกแล้วซินะ อะไหนๆก็มาละเล่นซะหน่อย
ผ่านไปซักพัก ก็ได้เวลาที่เราต้องไปดู โคมไฟกันแล้วละ ก็โทรหาคนขับรถให้มารับ
แล้วก็เดินทางต่อกัน ดีว่าเราทำเวลาได้ค่อนข้างดี เราเลยมาทันตอนที่ยังไม่มืด
เลยได้ดูบรรยากาศตอนยังไม่เปิดไฟ ก็เฉยๆนะ ก้อนน้ำแข็งธรรมดา
แต่พอมืดเค้าเปิดไฟ เห่ย มันมหัศจรรย์ อลังกาลดีจริงๆ เดินดูเพลินไปหน่อย
หลงกับเพื่อนจ้า หากันไม่เจอ แต่พวกเราได้นัดกันแล้ว ว่า 19.30เจอกันตรงขวดเบียร์หน้างานนะ
พอค่ำๆ มันหนาวแบบทรมานมาก ลมก็แรง ขาแข็งไปหมด สุดท้ายก็ไปหาฮีสเตอร์ซักหน่อย
พอใกล้เวลาไปยืนรอที่จุดนัดพบ ก็หาเพื่อนไม่เจอ เอาแล้วไงกู
ละไง โทสับก็ใช้ไม่ได้
เลยตัดสินใจเดินกลับไปที่จอดรถ ช็อคดิ รถไม่อยู่ เดินหาทั่วก็ไม่เจอคนขับรถ ตอนนั้นหาอยู่
ชม.กว่าก็ไม่เจอ เดินกลับไปที่จุดนัดพบก็ไม่เจอ เพราะงานคนมันเยอะมากจริงๆ
ใจเสียมาก เอาไงดี สรุปเลยไปต่อคิวขึ้นแท๊กซี่ หนาวก็หนาว แท๊กซี่ก็ไม่มี เพราะจำนวนคนเยอะกว่ารถเลยไม่พอตอนนั้นคือเหมือนจะหนาวตายจริงๆ รอแท๊กซี่ก็ไม่มีซักที เอาไงดีวะ เลยตัดสินใจเดินไปหารถอีกที
ก็หาไม่เจอ เลยยืมโทสับรปภ แถวนั้นเค้าก้บอกโทสับเค้าก็จะพังละนะไม่รู้จะโทรติดไหม
พระเจ้าช่วย ในใจภาวนาให้พี่รับโทสับด้วยเหอะ สรุปนางรับโทสับ
ตอนนั้นร้องไห้เลยจ๊ะ เพราะตกใจมาก แล้วพี่ก็เดินมาหาโหยย ทุกคนแบบช็อคมาก
เพราะทุกคนก็ช่วยกันตามหา แต่ก็หาเราไม่เจอ รอดแล้วเรา รอดแล้วโว้ยย เกือบแย่
หิวหนักมาก ไปหาอะไรกินกันเหอะ ก็เลยไปกินชาบู แล้วก็เดินกลับโรงแรมกัน
กับถึงโรงแรมรีบกินยานอนเลย ไม่ไหวไข้ขึ้น พี่ๆเค้าออกไปเดินเล่นกันแต่เราไม่ไหวขอตัวนอนก่อน
[CR] หนาวเหน็บของจริง ต้อง ที่ ฮาร์บิ้น
ลมหนาว เริ่มพัดมา ตอนนี้ทางเหนือบ้านเรายอดดอยอากาศก็เริ่มเย็นแล้วนะเนี่ย
จะหน้าหนาวแล้ว ก็ต้องไปเที่ยวให้สมกับหน้าหนาวซักหน่อย
หลังจากเรียนจบที่ปักกิ่ง ก็คิดถึงอากาศอันหนาวเหน็บจริงๆ
ก่อนจะกลับไทยได้นัดกับรุ่นพี่ไว้แล้ว ว่ามกราเดี๋ยวจะกลับมาเที่ยว
ได้เวลากันแล้ว เริ่มต้นการเดินทางกันเลย น่ังเครื่องจากกรุงเทพไปลงปักกิ่งกันก่อน
นั่งเครื่องตอน สิบโมงสี่ชม.กว่าๆ ก็ถึงแล้วจ้า กว่าจะเดินทางถึงคอนโดก็เกือบเย็นแล้ว
หิวโครต รีบไปหาไรกิน แล้วก็กลับห้องพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้เรามีโปรแกรมไปเที่ยว
水长城 อยู่ปักกิ่งมาตั้งหลายปีมีโอกาสได้ไปซักที กำแพงเมืองจีนในน้ำ เอะมันเป็นยังไงกันหน่า
เนื่องจาก ตอนมกราอากาศค่อนข้างจะหนาว ทำให้แม่น้ำกลายเป็นน้ำแข็งอย่างที่เห็นกัน
เดินไปลมพัดไป นี้สั่นนะพูดเลย หนาวก็จะแย่ละลมแรงอีก สุดๆเลยฮะ
หลังจากเดินกันเหนื่อยแล้ว ปีนกันเหนื่อยแล้ว ก็ได้เวลากลับกันดีกว่า
รีบกลับไปเก็บของ งีบเอาแรงกันดีกว่า เพราะคืนนี้ต้องเดินทางไปฮาร์บิ้นกันแล้ว
ตั๋วขาไปแพงกว่า เพราะขาไปเป็นแบบเตียงสองชั้นสองเตียง
รุ่นพี่เรา เดินทางโดยรถไฟทั้งไปทั้งกลับ ส่วนเรากลับเครื่องบินคนเดียว
ขาไปเลือกเดินทางโดย รถไฟตู้นอน สี่เตียง เราไปกันสิบกว่าคนงานนี้สบาย
จิบเบียร์ก่อนนอน กันซักกระป๋องสองกระป๋อง แล้วแปรงฟันนอนกันดีกว่า
ทำเป็นเล่นไป นอนบนรถไฟก็สบายเหมือนกันนะเนี่ย จินตนาการเหมือนในหนังแฮรรี่พอตเตอร์งี้
นอนหลับไปไม่รู้เรื่องสนใจจะเพราะเหนื่อยตั้งแต่เช้า ตื่นมาอีกที มองไปนอกหน้าต่าง
โหยยย ขาวโพนไปหมด สุดลูกหนูลูกตามากๆอะ พื้นขาวไปหมด ปกคลุมไปด้วยหิมะนั้นเอง
แสดงว่า ใกล้ถึงเมืองฮาร์บิ้นแล้วซินะ นั่งรถไฟจากปักกิ่งตอนค่ำๆ ถึงฮาร์บิ้นตอนเช้าพอดี
และแล้วเราก็มาถึงฮาร์บิ้นแล้วซินะ เธอเปลี่ยนไปมากเลยนะเนี่ย เจริญขึ้นเยอะ ตึกสูงเยอแยะเลย
แถมอากาศเธอ ก็ช่างไม่ธรรมดาซินะ ปักกิ่งว่าหนาวแล้ว ฮาร์บิ้นนี้พูดไม่ออก
แต่วันที่เดินทางไปถึงโชคดีว่าหิมะไม่ตก เราเลยไม่ลำบาก อะโบกแท๊กซี่ไปโรงแรมกันเหอะ
ตอนแรกจะเหมารถตู้ไป เพราะเรามากันสิบกว่าคน คุยไปคุยมา จะให้ซื้อทัวร์โน้นนี้
เยอะแยะ ตามประสาคนจีน สรุปเถียงกันซักพัก ช่างยุ่งมากนัก โบกแท๊กซี่แยกกันไปก็ได้หวะ
รุ่นพี่จัดการที่พักให้ นอนที่ ไอบิส แต่คนจีนเรียก ไอบิสสึ สรุปก็เดินทางมาถึงโรงแรมกันครบ
เชคอิน เปลี่ยนชุดให้หนากว่าเดิม รื้อมาให้หมดค่ะ ผ้าพันคอ ถุงมือ หมวก ถุงทรายร้อน
พร้อมแล้ว ลุยเลย ที่โรงแรมไอบิสมีบริษัททัวร์อยู่ด้านล่างเลย โชคดีเรามากันเยอะเลยเหมารถคุ้ม
ไปไหนก็ได้ เหมาวันละ600 หยวน ก็ตกคนละไม่กี่บาทเอง สรุปวันนี้เราจะไป ดู 冰灯เทศกาลหิมะ น้ำแข็งโลก
เทศกาลแกะสลัก นั้นเอง แต่ขอแว๊บไปกินข้าวแปปนึง ที่สะดวกอีกอย่าง คือ ข้างๆ โรงแรม มีศูนย์อาหารกับข้าวเยอะแยะไปหมด
แถมราคาก็ไม่แพงอีกด้วย กองทัพต้องเดินด้วยท้องนะคะ รอไรละ หาไรกินซิ
หลังจากอิ่มแล้ว ไปพวกเราพร้อมลุยแล้วฮะ ลุยเลย ขับรถไปได้ซักพัก คนขับรถก็แวะพาเราไปซื้อตั๋ว
ก่อน จำเราราคาไม่ได้แล้วจริง น่าจะ คือตั๋วแยกเป็นสองใบ
1.คือที่เราจะไปอันแรกก่อน เป็นหิมะแกะสลัก
2.คือไปตอนกลางคืนเป็นน้ำแข็ง เทศกาลแกะสลักโคมไฟ หรือเรียกว่า ปิงเติง 冰灯
รวมทั้งสองอย่างแล้ว ก็ตก พันกว่าบาทต่อคนค่ะ
แต่มาแล้ว ยังไงก็ต้องไปชมค่ะ เพราะเราเดินทางมาตั้งไกลขนาดนี้
เพื่องานนี้กันนั้นแหละค่ะ แถมทุกปี มีผลงานของคนไทยให้ชมกันด้วยนะคะ
ที่แรกที่เราก็ ไปดูงาน หิมะแกะสลักกันก่อน มีเวลาเดินสองชม.กว่าๆ ก่อนจะมืด
เราก็แยกย้ายกันเดินไปดูรูปต่างๆ คือมันกว้างมา เราเลยยอมเสียตังค่ารถกอล์ฟกัน
เพราะเดินไม่ไหวจริงๆ มันกว้างมากแล้วจะเสียเวลาด้วยเพราะเวลาเราน้อย
ในนั้นก็มีโซนให้ถ่ายรูป โซนที่เค้าจัดประกวดรูปแกะสลัก โชว์ของแต่ละประเทศ
แล้วก็มีกิจกรรมให้เราเล่น ให้เราเสียตังกันอีกแล้วซินะ อะไหนๆก็มาละเล่นซะหน่อย
ผ่านไปซักพัก ก็ได้เวลาที่เราต้องไปดู โคมไฟกันแล้วละ ก็โทรหาคนขับรถให้มารับ
แล้วก็เดินทางต่อกัน ดีว่าเราทำเวลาได้ค่อนข้างดี เราเลยมาทันตอนที่ยังไม่มืด
เลยได้ดูบรรยากาศตอนยังไม่เปิดไฟ ก็เฉยๆนะ ก้อนน้ำแข็งธรรมดา
แต่พอมืดเค้าเปิดไฟ เห่ย มันมหัศจรรย์ อลังกาลดีจริงๆ เดินดูเพลินไปหน่อย
หลงกับเพื่อนจ้า หากันไม่เจอ แต่พวกเราได้นัดกันแล้ว ว่า 19.30เจอกันตรงขวดเบียร์หน้างานนะ
พอค่ำๆ มันหนาวแบบทรมานมาก ลมก็แรง ขาแข็งไปหมด สุดท้ายก็ไปหาฮีสเตอร์ซักหน่อย
พอใกล้เวลาไปยืนรอที่จุดนัดพบ ก็หาเพื่อนไม่เจอ เอาแล้วไงกู ละไง โทสับก็ใช้ไม่ได้
เลยตัดสินใจเดินกลับไปที่จอดรถ ช็อคดิ รถไม่อยู่ เดินหาทั่วก็ไม่เจอคนขับรถ ตอนนั้นหาอยู่
ชม.กว่าก็ไม่เจอ เดินกลับไปที่จุดนัดพบก็ไม่เจอ เพราะงานคนมันเยอะมากจริงๆ
ใจเสียมาก เอาไงดี สรุปเลยไปต่อคิวขึ้นแท๊กซี่ หนาวก็หนาว แท๊กซี่ก็ไม่มี เพราะจำนวนคนเยอะกว่ารถเลยไม่พอตอนนั้นคือเหมือนจะหนาวตายจริงๆ รอแท๊กซี่ก็ไม่มีซักที เอาไงดีวะ เลยตัดสินใจเดินไปหารถอีกที
ก็หาไม่เจอ เลยยืมโทสับรปภ แถวนั้นเค้าก้บอกโทสับเค้าก็จะพังละนะไม่รู้จะโทรติดไหม
พระเจ้าช่วย ในใจภาวนาให้พี่รับโทสับด้วยเหอะ สรุปนางรับโทสับ
ตอนนั้นร้องไห้เลยจ๊ะ เพราะตกใจมาก แล้วพี่ก็เดินมาหาโหยย ทุกคนแบบช็อคมาก
เพราะทุกคนก็ช่วยกันตามหา แต่ก็หาเราไม่เจอ รอดแล้วเรา รอดแล้วโว้ยย เกือบแย่
หิวหนักมาก ไปหาอะไรกินกันเหอะ ก็เลยไปกินชาบู แล้วก็เดินกลับโรงแรมกัน
กับถึงโรงแรมรีบกินยานอนเลย ไม่ไหวไข้ขึ้น พี่ๆเค้าออกไปเดินเล่นกันแต่เราไม่ไหวขอตัวนอนก่อน