เกมเมื่อคืนกับไต้หวัน
สไตล์บอลไทย กลับมาเล่นภายใต้ความกดดันอีกแล้ว
มันเป็นความกดดันจากความคาดหวังของแฟนบอล
และเป็นเกมในบ้าน
ถ้าเป็นเมื่อก่อน นักเตะไทยยังไม่ค่อยฟิตแบบนี้
เกมเมื่อคืน คงได้ดีสุด แค่เสมอ ถึงแพ้
เราก้าวข้ามผ่านอุปสรรคข้อใหญ่มาแล้ว
คือ เอาชนะได้ ในเกมที่ควรจะชนะ
กับคู่แข่งที่อ่อนกว่า ซึ่งต้องเล่นภายใต้แรงกดดัน
อ้อ...อีกอย่างที่ผมคิดว่าควรพูดถึงคือ
บอลไทย ทำได้แล้ว ในเกมที่ไม่ควรแพ้
ก็ไม่แพ้ ... คือเกมที่เล่นกับอิรัก
เกมนั้น เล่นในบ้าน อย่างน้อยต้องเสมอให้ได้
แล้วเราก็ทำได้
บอลไทย มีปัจจัยแวดล้อมเยอะนะ
โดยเฉพาะ การขอเบรคลีก
ก็ต้องยอมรับว่า ได้รวมตัวกันนาน
ย่อมดีกว่า รวมตัวกันแค่สั้นๆ ไม่กี่วันตามกฏฟีฟ่า
ถึงแม่จะมีแฟนบอล ดิ้นรนถกเถียงกันทั้ง 2 ฝั่ง
ทั้งฝั่งเห็นด้วย กับ คัดค้าน
แต่ ผมเห็นว่ามีผลแน่นอน
พูดถึงเกมเมื่อคืนหน่อยครับ
บอลไทย เวลาเล่นแบบเป็นต่อ
บางทีเล่นยากนะ
ยากเสียจน ลนลาน จะเอาแต่ฆ่าให้ตาย
เกมรับ ไม่มีวินัยเลย
หลายคน ตำหนิกองหลัง โดยเฉพาะ M สุทธินันท์
แต่ผมว่า ทั้งทีมมากกว่า
เล่นแบบไม่ค่อยมีสมาธิในวินัยเกมรับ
เพรสไม่สุด บี้ไม่ติด
ไม่รู้ว่าติดประมาท
หรือ มัวแต่รอจังหวะไต้หวันพลาด
เพื่อสวนเร็ว
คราวนี้ พอรอจังวะ แล้วเขาไม่พลาด
กลายเป็นเราเข้าพรวด จนเสียประตูที่ 2
และเกือบเสียอีก 2-3 ลูก
จะสังเกตุได้เลยว่า เซนเตอร์กับหลังเรา
ต้องเจอสถานการณ์ ตัวต่อตัวกับศูนย์หน้าเขาหลายครั้ง
ไม่เหมือนแมตช์ที่เล่นกับเวียดนาม
ที่ทีมเรา ท็อปฟอร์ม ทั้งเกมรุกและเกมรับ
เพรสซิ่งใส่เวียดนาม เสียจนเล่นเกมรุกไม่ได้เลยทั้งเกม
ต้องเห็นใจ M ด้วยครับ
เพราะตัวจริงคือ กรวิทย์ บาดเจ็บ
นาทีนี้ ผมว่า กรวิทย์ ไว้ใจได้มากที่สุด
แต่ก็อย่างว่าครับ เราก้าวข้ามผ่านอุปสรรค์ข้อใหญ่มาแล้ว
คือ เอาชนะได้ในแมตช์ที่ควรจะชนะ
ซึ่งเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของทีมบอลจากลีกที่มีมาตรฐานครับ
เป้าต่อไปคือ ไปอยู่ TOP 12 เอชีย
เจอของจริงแล้วครับ
เวลาแพ้มา กองเชียร์ (ตัวดี) อย่าฝ่อเสียก่อนหล่ะ
โค้ชคีย์บอร์ดมันง่ายครับ เขียนๆ พิมพ์ๆ ตามใจอยาก
แต่ทำใจมันยาก ... ทำใจไว้บ้างนะครับ
เวลาแพ้พวกทีมใหญ่มา จะได้ไม่ออกมาอาละวาด
หลังเกมไทย - ไต้หวัน ... ธรรมชาติบอลไทย
สไตล์บอลไทย กลับมาเล่นภายใต้ความกดดันอีกแล้ว
มันเป็นความกดดันจากความคาดหวังของแฟนบอล
และเป็นเกมในบ้าน
ถ้าเป็นเมื่อก่อน นักเตะไทยยังไม่ค่อยฟิตแบบนี้
เกมเมื่อคืน คงได้ดีสุด แค่เสมอ ถึงแพ้
เราก้าวข้ามผ่านอุปสรรคข้อใหญ่มาแล้ว
คือ เอาชนะได้ ในเกมที่ควรจะชนะ
กับคู่แข่งที่อ่อนกว่า ซึ่งต้องเล่นภายใต้แรงกดดัน
อ้อ...อีกอย่างที่ผมคิดว่าควรพูดถึงคือ
บอลไทย ทำได้แล้ว ในเกมที่ไม่ควรแพ้
ก็ไม่แพ้ ... คือเกมที่เล่นกับอิรัก
เกมนั้น เล่นในบ้าน อย่างน้อยต้องเสมอให้ได้
แล้วเราก็ทำได้
บอลไทย มีปัจจัยแวดล้อมเยอะนะ
โดยเฉพาะ การขอเบรคลีก
ก็ต้องยอมรับว่า ได้รวมตัวกันนาน
ย่อมดีกว่า รวมตัวกันแค่สั้นๆ ไม่กี่วันตามกฏฟีฟ่า
ถึงแม่จะมีแฟนบอล ดิ้นรนถกเถียงกันทั้ง 2 ฝั่ง
ทั้งฝั่งเห็นด้วย กับ คัดค้าน
แต่ ผมเห็นว่ามีผลแน่นอน
พูดถึงเกมเมื่อคืนหน่อยครับ
บอลไทย เวลาเล่นแบบเป็นต่อ
บางทีเล่นยากนะ
ยากเสียจน ลนลาน จะเอาแต่ฆ่าให้ตาย
เกมรับ ไม่มีวินัยเลย
หลายคน ตำหนิกองหลัง โดยเฉพาะ M สุทธินันท์
แต่ผมว่า ทั้งทีมมากกว่า
เล่นแบบไม่ค่อยมีสมาธิในวินัยเกมรับ
เพรสไม่สุด บี้ไม่ติด
ไม่รู้ว่าติดประมาท
หรือ มัวแต่รอจังหวะไต้หวันพลาด
เพื่อสวนเร็ว
คราวนี้ พอรอจังวะ แล้วเขาไม่พลาด
กลายเป็นเราเข้าพรวด จนเสียประตูที่ 2
และเกือบเสียอีก 2-3 ลูก
จะสังเกตุได้เลยว่า เซนเตอร์กับหลังเรา
ต้องเจอสถานการณ์ ตัวต่อตัวกับศูนย์หน้าเขาหลายครั้ง
ไม่เหมือนแมตช์ที่เล่นกับเวียดนาม
ที่ทีมเรา ท็อปฟอร์ม ทั้งเกมรุกและเกมรับ
เพรสซิ่งใส่เวียดนาม เสียจนเล่นเกมรุกไม่ได้เลยทั้งเกม
ต้องเห็นใจ M ด้วยครับ
เพราะตัวจริงคือ กรวิทย์ บาดเจ็บ
นาทีนี้ ผมว่า กรวิทย์ ไว้ใจได้มากที่สุด
แต่ก็อย่างว่าครับ เราก้าวข้ามผ่านอุปสรรค์ข้อใหญ่มาแล้ว
คือ เอาชนะได้ในแมตช์ที่ควรจะชนะ
ซึ่งเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของทีมบอลจากลีกที่มีมาตรฐานครับ
เป้าต่อไปคือ ไปอยู่ TOP 12 เอชีย
เจอของจริงแล้วครับ
เวลาแพ้มา กองเชียร์ (ตัวดี) อย่าฝ่อเสียก่อนหล่ะ
โค้ชคีย์บอร์ดมันง่ายครับ เขียนๆ พิมพ์ๆ ตามใจอยาก
แต่ทำใจมันยาก ... ทำใจไว้บ้างนะครับ
เวลาแพ้พวกทีมใหญ่มา จะได้ไม่ออกมาอาละวาด