ก่อนอื่นต้องขอทักทายอย่างเป็นทางการก่อนนะ สวัสดีค่ะ พี่ๆเพื่อนชาวพันทิป
มีใครเคยมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานมั้ยคะ ปัญหาของหนูอาจจะดูเล็กน้อยสำหรับบางคน เเต่สำหรับคนอย่างหนูถือว่ามันไม่เล็กน้อย มันทำให้หนูเก็บเอาแอบร้องไห้คนเดียวบ่อยๆ
หนูเพิ่งเรียนจบป.ตรี จากม.รัฐบาลเเห่งนึง เพิ่งมาทำงานที่นี่เป็นที่เเรก ไม่มีประสบการณ์ใดๆ บริษัทที่ทำตอนนี้เป็นบริษัทเล็กๆ เจ้าของคนเดียว เป็นคนจีน ทำเกี่ยวกับระบบท่อระบายอากาศ มีพนักงานออฟฟิต 3-4 คน รวมตัวหนูด้วย เราเข้าไปเเรกเราใหม่หมดทุกอย่าง ทำอะไรไม่เป็นเลย เเต่เงินเดือนเรามากกว่าพนักงานที่อยู่มาก่อน เเต่ก็ยังน้อยกว่าที่เป็นหัวหน้าอยู่พี่เค้าได้หมื่นห้าเอง ที่เราได้เงินเดือนเยอะกว่าคนอื่นเราได้หมื่นสองเพราะเจ้านายเห็นเกรดตอนปวส.
ว่าเรียนดีได้ 4 หมดทุกตัว เเล้วภาษาอังกฤษก็ได้บ้างนิดหน่อย ตอนเเรกตกใจนะคะที่ได้เงินเดือนเท่านี้ เพราะมันน้อยมากถ้าเทียบกับป.ตรี เเต่คิดว่าเราไม่มีประสบการณ์ทำเอาประสบการณ์ก่อนละกัน ระหว่างทำก็หาสอบราชการ รัฐวิสาหกิจไปด้วยตามความต้องการของพ่อกับแม่ ..
ช่วงเเรกเราทำงานไปไม่มีปัญหาอะไรเลยนะ เราเป็นคนเงียบๆ วางตัว ไม่เอาเปรียบใครไม่เคยคิดร้ายใคร เป็นคนมองโลกในเเง่ดีเสียด้วยซ้ำ
จนวันนึงมีพี่คนนึงมาสมัครงาน นางมาทำตำแหน่งจัดซื้อ เพราะจัดซื้อคนเดิมจะไปคลอดลูก เจ้านายเลยรับนางเ้ขามา ช่วงเเรกที่ทำก็ไม่มีปัญหาอะไร ปัญหาจะเกิดก็คือ เรากับนางอยู่บ้านใกล้กัน เราก็อาศัยรถนางกลับทุกวัน เราก็ผิดนะที่กลับกับนาง บางทีนางก็คงอึดอัดลำคานเรา ครั้งนึงเรากลับพร้อมนางเเต่เราขอเเวะธนาคารตรงกลางทาง นางจอดส่งเรากลางสี่เเยกที่รถวิ่ง ให้เราลงกลางสี่เเยก จริงๆถ้าจอดก็จอดริมถนนได้ เราต้องข้ามถนนกลางที่เเยก รถบีบเเตรกันสนุกสนานเลย หลังๆนางก็ไม่ชวนเราเรากลับด้วยแล้ว นางคงอยากแวะกลางทางเเต่ติดตรงที่เราไปด้วย เราเลยไม่ไปแล้ว กลับเองดีกว่า หลังๆนางทำตัวแปลกๆ ทำเหมือนเราไม่มีตัวตน ไม่พูดด้วยซะงั้น ชวนกันไปเที่ยวเเต่ก็ไม่ชวนเรา เเต่พี่หัวหน้าชวนเราเเทน เเต่เราเห็นนางทำหน้าไม่พอใจเราก็เลยไม่ไปดีกว่า นางมีนิสัยเฟรนลี่ เป็นคนตลก อายุ 30ต้นๆ บุคลิกตลกเฮฮา ติ๊งต๊องโก๊ะจนเรารู้สึกว่า มันมากเกินไอายุไป เราเป็นคนที่คิดว่า เราจะไม่เป็นตัวตลกให้คนอื่นขำ เราไม่เคยทำอะไรที่ไร้สาระ เราไม่ค่อยพูด เราเป็นนักฟังมากกว่า ด้วยเหตุนี้หลายคนๆถึงได้ไม่ค่อยคุยเล่นกับเราเท่าไร เเรกปัญหามันก็มีกับพี่คนนี้คนเดียว อ้อลืมบอกไป เราเข้ามาที่นี่ช่วงเเรกเราได้ตำแหน่งฝ่ายขาย เเต่ด้วยความจบใหม่ ไม่รู้อะไรเลยเราได้เปลี่ยนตำแหน่งกับพี่หัวหน้า พี่เค้ามาเป็นฝ่ายขาย ส่วนเราเป็นบัญชีเเทน เเต่ด้วยความที่เป็นบริษัทเล็กๆ เวลางานเยอะก็ต้องช่วยกันทำ เวลามีงานซื้อเยอะๆก็ต้องช่วยจัดซื้อเค้าซื้อด้วย เราเป๋นคนที่เสริจท์หาข้อมูลเก่ง เป็นเซียนกูเกิ้ล เพราะสมัยเรียนใช้บ่อย ทำงานที่นี่ดีตรงที่ได้ทำหลายๆอย่าง จนทำงานไปได้ครบปีนึง เจ้านายก็ย้ายเราขึ้นมานั่งข้างบนในตำแหน่งผู้ช่วยเจ้านายโดยตรง หลังจากนั้นทุกคนก็เปลี่ยนไปไม่เว้นแม้เเต่หัวหน้าที่แสนดีที่สุดของเรา จากที่เคยดีกับเราก็แปลกๆ ไม่คุยเล่นกับเราเหมือนก่อน หลายครั้งเราเหมือนไม่มีตัวตน เวลากินข้าวเราก็นั่งคนเดียวเงียบไม่มีใครคุยกับเรา เจ้านายรักเรามากขึ้นเเต่เพื่อนร่วมงานกับเฉยชาใส่เรา จะคุยดีกับเราก็ต่อเมื่อจะให้ช่วยทำงานของตัวเอง ในที่ทำงานเราเหมือนเป็นตัวช่วยของคนอื่นอะไรที่คนอื่นทำไม่ได้ คนอื่นว่ายาก งานที่ต้องใช้สเปคสูงๆ งานที่มีภาษาอังกฤษมันจะต้องเป็นหน้าที่เสมอ บางทีเราก็คิดนะว่างานของเรายังไม่เสร็จเลย ต้องมาทำงานของคนอื่นทำไม เราเป็นที่ถ้าได้รับมอบหมายอะไรจะทำจนถึงที่สุด งานต้องเสร็จ ต้องเรียบร้อย ยากแค่ไหนก็ต้องทำให้ได้ เราไม่อยากให้เจ้านายตำหนิเรา เรากลัวเจ้านายก่อนหน้านี้ไมเกรนขึ้นร้องไห้เลยโดนเจ้านายว่าทำงานแบบนี้ไม่ได้เรื่อง ฮ่าๆๆๆ เลยคิดว่าเจ้านายจะว่าได้ครั้งนั้นครั้งเดียวเท่านั้น ....
ตอนนี้รู้สึกแย่มากๆ ตำแหน่งงานดีขึ้น เเต่สังคมในที่ทำงานกลับไม่โอเค เราทำอะไรผิด เราตั้งใจทำงานในงานในส่วนของเราดีแล้ว เราช่วยคนอื่น เราขยัน เราตั้งใจ เราไม่คิดร้ายกับใคร อย่างล่าสุดทุกคนเหมือนเเอนตี้เราไม่กินข้าวเเต่ไม่มีใครชวนเราเลยซักคน ทุกคนทำเหมือนเราไม่มีตัวตน
เรากลับไปร้องไห้กับเเฟนบ่อยมาก แฟนก็พูดอยู่ตลอด "สังคมในที่ทำงานไม่มีใคร100% หรอก เราต้องรู้จักใส่หน้ากากเข้าหาคนอื่นบ้าง เราไม่เคยเจอโลกในความจริง อยู่บ้านเราเป็นเหมือนเจ้าหญิง มีคนทำให้หมด ไม่เคยเจอเรื่องเเย่ๆในชีวิต ไม่เคยผ่านโลก ไม่เคยเจอสังคมการทำงาน ไม่เคยเจอคนมากมายหลากหลาย ต่างคนต่างความคิดจิตใจ บางคนภายนอกว่าดึ เเต่ลึกๆก็ร้ายสุดตีน(อันนี้ขอหยายคายเเฟนพูดเอง อิอิ) ที่เราเจอเเค่น้ำจิ้ม คนอื่นเจอมากกว่านี้ร้อยเท่า เราโชคดีที่เจ้านายรัก เอ็นดู ใครไม่รักช่างมัน เราตั้งใจทำในส่วนของเราพอ " เเฟนเราก็พูดถูก ตั้งใจในส่วนของเราพอ
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะ อาจจะพิมพ์วกไปวนมา วนซ้ายวนขวาอ้อมวงเวียนไปบ้าง เเต่เรื่องจริงๆเยอะกว่านี้ นี่เอามาเฉพาะที่นึกได้เท่านั้น
รู้สึกมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานทั้งออฟฟิต
มีใครเคยมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานมั้ยคะ ปัญหาของหนูอาจจะดูเล็กน้อยสำหรับบางคน เเต่สำหรับคนอย่างหนูถือว่ามันไม่เล็กน้อย มันทำให้หนูเก็บเอาแอบร้องไห้คนเดียวบ่อยๆ
หนูเพิ่งเรียนจบป.ตรี จากม.รัฐบาลเเห่งนึง เพิ่งมาทำงานที่นี่เป็นที่เเรก ไม่มีประสบการณ์ใดๆ บริษัทที่ทำตอนนี้เป็นบริษัทเล็กๆ เจ้าของคนเดียว เป็นคนจีน ทำเกี่ยวกับระบบท่อระบายอากาศ มีพนักงานออฟฟิต 3-4 คน รวมตัวหนูด้วย เราเข้าไปเเรกเราใหม่หมดทุกอย่าง ทำอะไรไม่เป็นเลย เเต่เงินเดือนเรามากกว่าพนักงานที่อยู่มาก่อน เเต่ก็ยังน้อยกว่าที่เป็นหัวหน้าอยู่พี่เค้าได้หมื่นห้าเอง ที่เราได้เงินเดือนเยอะกว่าคนอื่นเราได้หมื่นสองเพราะเจ้านายเห็นเกรดตอนปวส.
ว่าเรียนดีได้ 4 หมดทุกตัว เเล้วภาษาอังกฤษก็ได้บ้างนิดหน่อย ตอนเเรกตกใจนะคะที่ได้เงินเดือนเท่านี้ เพราะมันน้อยมากถ้าเทียบกับป.ตรี เเต่คิดว่าเราไม่มีประสบการณ์ทำเอาประสบการณ์ก่อนละกัน ระหว่างทำก็หาสอบราชการ รัฐวิสาหกิจไปด้วยตามความต้องการของพ่อกับแม่ ..
ช่วงเเรกเราทำงานไปไม่มีปัญหาอะไรเลยนะ เราเป็นคนเงียบๆ วางตัว ไม่เอาเปรียบใครไม่เคยคิดร้ายใคร เป็นคนมองโลกในเเง่ดีเสียด้วยซ้ำ
จนวันนึงมีพี่คนนึงมาสมัครงาน นางมาทำตำแหน่งจัดซื้อ เพราะจัดซื้อคนเดิมจะไปคลอดลูก เจ้านายเลยรับนางเ้ขามา ช่วงเเรกที่ทำก็ไม่มีปัญหาอะไร ปัญหาจะเกิดก็คือ เรากับนางอยู่บ้านใกล้กัน เราก็อาศัยรถนางกลับทุกวัน เราก็ผิดนะที่กลับกับนาง บางทีนางก็คงอึดอัดลำคานเรา ครั้งนึงเรากลับพร้อมนางเเต่เราขอเเวะธนาคารตรงกลางทาง นางจอดส่งเรากลางสี่เเยกที่รถวิ่ง ให้เราลงกลางสี่เเยก จริงๆถ้าจอดก็จอดริมถนนได้ เราต้องข้ามถนนกลางที่เเยก รถบีบเเตรกันสนุกสนานเลย หลังๆนางก็ไม่ชวนเราเรากลับด้วยแล้ว นางคงอยากแวะกลางทางเเต่ติดตรงที่เราไปด้วย เราเลยไม่ไปแล้ว กลับเองดีกว่า หลังๆนางทำตัวแปลกๆ ทำเหมือนเราไม่มีตัวตน ไม่พูดด้วยซะงั้น ชวนกันไปเที่ยวเเต่ก็ไม่ชวนเรา เเต่พี่หัวหน้าชวนเราเเทน เเต่เราเห็นนางทำหน้าไม่พอใจเราก็เลยไม่ไปดีกว่า นางมีนิสัยเฟรนลี่ เป็นคนตลก อายุ 30ต้นๆ บุคลิกตลกเฮฮา ติ๊งต๊องโก๊ะจนเรารู้สึกว่า มันมากเกินไอายุไป เราเป็นคนที่คิดว่า เราจะไม่เป็นตัวตลกให้คนอื่นขำ เราไม่เคยทำอะไรที่ไร้สาระ เราไม่ค่อยพูด เราเป็นนักฟังมากกว่า ด้วยเหตุนี้หลายคนๆถึงได้ไม่ค่อยคุยเล่นกับเราเท่าไร เเรกปัญหามันก็มีกับพี่คนนี้คนเดียว อ้อลืมบอกไป เราเข้ามาที่นี่ช่วงเเรกเราได้ตำแหน่งฝ่ายขาย เเต่ด้วยความจบใหม่ ไม่รู้อะไรเลยเราได้เปลี่ยนตำแหน่งกับพี่หัวหน้า พี่เค้ามาเป็นฝ่ายขาย ส่วนเราเป็นบัญชีเเทน เเต่ด้วยความที่เป็นบริษัทเล็กๆ เวลางานเยอะก็ต้องช่วยกันทำ เวลามีงานซื้อเยอะๆก็ต้องช่วยจัดซื้อเค้าซื้อด้วย เราเป๋นคนที่เสริจท์หาข้อมูลเก่ง เป็นเซียนกูเกิ้ล เพราะสมัยเรียนใช้บ่อย ทำงานที่นี่ดีตรงที่ได้ทำหลายๆอย่าง จนทำงานไปได้ครบปีนึง เจ้านายก็ย้ายเราขึ้นมานั่งข้างบนในตำแหน่งผู้ช่วยเจ้านายโดยตรง หลังจากนั้นทุกคนก็เปลี่ยนไปไม่เว้นแม้เเต่หัวหน้าที่แสนดีที่สุดของเรา จากที่เคยดีกับเราก็แปลกๆ ไม่คุยเล่นกับเราเหมือนก่อน หลายครั้งเราเหมือนไม่มีตัวตน เวลากินข้าวเราก็นั่งคนเดียวเงียบไม่มีใครคุยกับเรา เจ้านายรักเรามากขึ้นเเต่เพื่อนร่วมงานกับเฉยชาใส่เรา จะคุยดีกับเราก็ต่อเมื่อจะให้ช่วยทำงานของตัวเอง ในที่ทำงานเราเหมือนเป็นตัวช่วยของคนอื่นอะไรที่คนอื่นทำไม่ได้ คนอื่นว่ายาก งานที่ต้องใช้สเปคสูงๆ งานที่มีภาษาอังกฤษมันจะต้องเป็นหน้าที่เสมอ บางทีเราก็คิดนะว่างานของเรายังไม่เสร็จเลย ต้องมาทำงานของคนอื่นทำไม เราเป็นที่ถ้าได้รับมอบหมายอะไรจะทำจนถึงที่สุด งานต้องเสร็จ ต้องเรียบร้อย ยากแค่ไหนก็ต้องทำให้ได้ เราไม่อยากให้เจ้านายตำหนิเรา เรากลัวเจ้านายก่อนหน้านี้ไมเกรนขึ้นร้องไห้เลยโดนเจ้านายว่าทำงานแบบนี้ไม่ได้เรื่อง ฮ่าๆๆๆ เลยคิดว่าเจ้านายจะว่าได้ครั้งนั้นครั้งเดียวเท่านั้น ....
ตอนนี้รู้สึกแย่มากๆ ตำแหน่งงานดีขึ้น เเต่สังคมในที่ทำงานกลับไม่โอเค เราทำอะไรผิด เราตั้งใจทำงานในงานในส่วนของเราดีแล้ว เราช่วยคนอื่น เราขยัน เราตั้งใจ เราไม่คิดร้ายกับใคร อย่างล่าสุดทุกคนเหมือนเเอนตี้เราไม่กินข้าวเเต่ไม่มีใครชวนเราเลยซักคน ทุกคนทำเหมือนเราไม่มีตัวตน
เรากลับไปร้องไห้กับเเฟนบ่อยมาก แฟนก็พูดอยู่ตลอด "สังคมในที่ทำงานไม่มีใคร100% หรอก เราต้องรู้จักใส่หน้ากากเข้าหาคนอื่นบ้าง เราไม่เคยเจอโลกในความจริง อยู่บ้านเราเป็นเหมือนเจ้าหญิง มีคนทำให้หมด ไม่เคยเจอเรื่องเเย่ๆในชีวิต ไม่เคยผ่านโลก ไม่เคยเจอสังคมการทำงาน ไม่เคยเจอคนมากมายหลากหลาย ต่างคนต่างความคิดจิตใจ บางคนภายนอกว่าดึ เเต่ลึกๆก็ร้ายสุดตีน(อันนี้ขอหยายคายเเฟนพูดเอง อิอิ) ที่เราเจอเเค่น้ำจิ้ม คนอื่นเจอมากกว่านี้ร้อยเท่า เราโชคดีที่เจ้านายรัก เอ็นดู ใครไม่รักช่างมัน เราตั้งใจทำในส่วนของเราพอ " เเฟนเราก็พูดถูก ตั้งใจในส่วนของเราพอ
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะ อาจจะพิมพ์วกไปวนมา วนซ้ายวนขวาอ้อมวงเวียนไปบ้าง เเต่เรื่องจริงๆเยอะกว่านี้ นี่เอามาเฉพาะที่นึกได้เท่านั้น