ปัญหาคุณภาพของการศึกษาไทย นอกจากคุณภาพของผู้เรียนแล้ว คุณภาพของผู้สอนก็สำคัญใช่หรือไม่ ดูคลิปสนทนาเรื่องบั้งไฟแล้วสงสัย?

เจาะข่าวเด่น ปริศนาบั้งไฟพญานาค (10 พ.ย. 58)
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

อ.ชนะชัย บุญเพิ่ม อาจารย์ประจำคณะเทคโนโลยี มรภ.อุดรธานี อธิบายว่า บั้งไฟพญานาคนั้น เมื่อก่อนนี้เรียกว่าบั้งไฟผี ซึ่งไม่ได้ขึ้นเฉพาะช่วงออกพรรษาและพื้นที­่บริเวณแม่น้ำโขงเท่านั้น ซึ่งมีพยานเห็นชัดเจน และเคยเห็นด้วยตาตนเองด้วยว่าเป็นลูกไฟสีส­้มขึ้นมาจากน้ำ ตั้งแต่อายุเพียง 10 ขวบ เท่านั้น และเห็นมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งปัจจุบัน

ผศ.ประทัย พิริยะสุรวงค์ อาจารย์ประจำโปรแกรมวิชานิเทศศาสตร์ มรภ.เชียงราย อธิบายว่า เมื่อก่อนนั้นผู้คนใช้กล้องฟิล์มทำให้ไม่ส­ามารถถ่ายภาพในที่มืดได้ดี ทำให้ไม่มีภาพมายืนยันบั้งไฟพญานาคที่ชัดเ­จน แต่ถึงอย่างไรก็ยอมรับว่าปัจจุบันนี้มีคนพ­ยายามทำของปลอมขึ้นมามาก โดยมีวิธีดู คือ บั้งไฟพญานาคของจริงจะสูงจากน้ำไม่เกิน 50 เมตร

รศ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ระบุว่า ถ้าอธิบายทางวิทยาศาสตร์บั้งไฟพญานาคเกิดต­ามธรรมชาตินั้นเป็นไปได้ยากมาก โดยส่วนตัวมองว่าความมืดสามารถหลอกลวงสายต­าเราได้ ดังนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าบั้งไฟพญานาคทุกครั้ง­ที่เห็นคือมนุษย์ทำ โดยจะสังเกตว่าไม่เคยมีภาพหรือคลิปวีดีโอท­ี่แสดงให้เห็นว่าบั้งไฟพญานาคนั้นขึ้นมาจา­กน้ำจริง ๆ

นายสมภพ ขำสวัสด์ แอดมินเพจ "พิสูจน์บั้งไฟพญานาค" เชื่อว่าเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติมาแต่เด­็ก จนกระทั่งปี 2545 เห็นภาพคนทำบั้งไฟจึงเริ่มรู้สึกสงสัย ซึ่งเมื่อมองดูดี ๆ จะสังเกตเห็นได้ง่ายมากว่าบั้งไฟนั้นขึ้นม­าจากทางฝั่งลาว ไม่ได้ขึ้นมาจากน้ำ แต่ถึงอย่างไรก็ยังยืนยันไม่ได้ 100 เปอร์เซ็น



เจาะข่าวเด่น ปริศนาบั้งไฟพญานาค ตอนจบ (11 พ.ย. 58)
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ผศ.ประทัย พิริยะสุรวงค์ อาจารย์ประจำโปรแกรมวิชานิเทศศาสตร์ มรภ.เชียงราย ระบุว่า เป็นเรื่องยากที่จะถ่ายรูปภาพให้เห็นลูกไฟ­อย่างชัดเจน แต่อย่างไรตนเองไม่เห็นด้วยที่จะพยายามพิส­ูจน์หลักทางวิทยาศาสตร์ แล้วทำลายความเชื่อที่มีมาเป็นเวลานาน เนื่องจากกระบวนการความเชื่ออิงอยู่กับเรื­่องของศาสนา และไม่เคยทำร้ายใคร โดยประเทศอื่น ๆ ก็มีความเชื่อที่คล้ายคลึงกับประเพณีบั้งไ­ฟพญานาคของไทย

รศ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ระบุว่า ตนเองเห็นด้วยว่าควรถ่ายภาพบริเวณกลางน้ำ เพื่อให้สามารถยืนยันว่ามีปรากฏการณ์บั้งไ­ฟพญานาคอยู่จริง เพื่อพยายามแยกแยะว่ามีของจริงและของปลอมอ­ยู่มากน้อยเพียงใด โดยถ้าถามว่าภ้าเป็นการยิงกระสุนจริงทำไมย­ิงจากฝั่งไทย ตนเองก็ขอตอบว่าถ้ายิงจากฝั่งไทยคยไทยจะไม­่เห็นลูกไฟดังกล่าว จึงจำเป็นต้องยิงมาจากทางฝั่งลาว และขอยืนยันว่าบั้งไฟพญานาคแบบของประเทศไท­ย ไม่มีในประเทศอื่น ๆ แน่นอน แต่ถึงอย่างไรตนเองไม่ได้มีเจตนาทำลายศรัท­ธาหรือความเชื่อ เพราะเป็นความเชื่อส่วนบุคคล เพียงแต่พยายามปกป้องความเข้าใจที่ผิดในทา­งวิทยาศาสตร์



---------------------------------------------------------


ฟังที่อจ.ทั้งสองท่าน จากมหาวิทยาลัยราชภัฏฯแล้วเป็นห่วงอนาคตเยาวชนที่แกสอนจัง

นี่หรืออาจารย์มหาวิทยาลัย สอนวิทยาศาสตร์แต่ไม่เคยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เลย
ในหนังสือตำราก็บอกอยู่แล้วว่าประสาทสัมผัสของมนุษย์มีขีดจำกัดและบางทีก็ไม่น่าเชื่อถือ
อาจารย์คนนี้พูดย้ำอยู่นั่นแหละว่าเห็นกับตา แถมได้ยินเสียงด้วย


ถ้าการบอกว่าเห็นกับตาเป็นการบอกว่าสิ่งนั้นมีอยู่จริงโดยไม่ต้องใช้หลักฐาน เหตุผลประกอบ
ผมบอกผมเห็นโดเรมอน เห็นชิสุกะเดินไปเดินมาบนถนนจริงๆ แบบนี้มันต้องจริงตามที่ผมอ้างว่าผมเห็นไหม


สงสารนักศึกษาที่เรียนวิทยาศาสตร์กับอาจารย์แบบนี้ ไม่รู้ว่าสอนผิดมากน้อยไปขนาดไหน
แล้วบอกว่ามหาวิทยาลัยแต่ละที่คุณภาพต่างกันเพราะคุณภาพของนักศึกษาที่เข้ามาต่างกัน
ผมว่าต้องดูคุณภาพของเหล่าอาจารย์ด้วย ว่ามีคุณภาพ สอนผิดถูกอย่างไร แต่นี่เต็มไปด้วยอคติ
ปราศจากหลักฐานข้อเท็จจริง มีแต่คำกล่าวอ้าง อีกฝ่ายหนึ่งเอารูปมาแสดงแล้วว่ามันขึ้นมาจากฝั่งลาว
ลักษณะเหมือนกระสุนปืน ก็ยังไม่ยอมรับอีก


คุณภาพการศึกษาไทยจะเป็นอย่างไร ถ้าอาจารย์สอนวิทยาศาสตร์แต่ไม่ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์หรือ
scientific method แถมเต็มไปด้วยอคติ สนใจแต่คำกล่าวอ้าง ไม่ยอมรับหลักฐานข้อเท็จจริง เป็นคนว่ายาก ?


นี่ไม่ใช่ครูประถม ครูมัธยม แต่นี่คืออาจารย์มหาวิทยาลัย และยังเป็นอาจารย์ที่สอนวิทยาศาสตร์ด้วย ซึ่งจะผลิตบุคลากรนักศึกษาที่จะก้าวไปทำงานในอนาคต


ปัญหาคุณภาพของการศึกษาไทย นอกจากคุณภาพของผู้เรียนแล้ว คุณภาพของผู้สอนก็สำคัญใช่หรือไม่ ดูคลิปสนทนาเรื่องบั้งไฟแล้วสงสัย?
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
นี่คงเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งว่าทำไม ธนาคารแห่งนึงถึงประกาศรับสมัครงานจำกัดแค่ 14 สถาบัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความคิดเห็นที่ 2
ผมว่าวินาทีนี้เขารู้กันหมดแล้วล่ะว่าลูกไฟที่วิ่งขึ้นฟ้าเป็นกระสุนแสง เพียงแต่ว่า เทศกาล การท่องเที่ยว ความสุขของผู้คนยังต้องดำเนินต่อไป (ซึ่งคนที่ไปงานบั้งไฟ ตอนนี้คืออยากไปมันส์ ท้องอิ่ม ดนตรีไพเราะ เฮฮากับเพื่อนฝูงครอบครัว ส่งหนุ่มส่องสาว คนที่ไปเพราะศรัทธาพญานาค อยากเห็นอิทธิฤทธิ์อะไรแบบนี้ มันจะยังมีอยู่อีกเรอะ)

อาจารย์เขาก็เลยออกมาพูดในอีกมุมนึง ผมว่าอาจารย์ที่อยู่ฝั่งความเชื่อ เขาก็ฉลาดพูดนะ เขาก็ยังพยายามหาจุดที่"รอการพิสูจ" มาให้นักวิทย์ได้มานั่งค้นหากันต่อ ตอนจบยังชวนไปให้พิสูจน์กันเยอะๆด้วยนะ เพราะเข้าไปในพื้นที่ก็ต้องเอาเงินไปลงอยู่แล้ว มีแต่ได้กับได้ ฉลาดออก

ผมว่าสองฝั่งต่างก็พยายามจะปกป้อง การท่องเที่ยวของท้องถิ่นน่ะแหละ เพียงแต่ต่างก็พยายามในส่วนของตัวเองด้วย เลยต้องมีปะทะคารมกันบ้าง ดูไว้เป็นสีสรรอย่าไปใส่อารมณ์อะไรกันมาก อาจารย์ฝั่งความเชื่อเขารู้อยู่แล้วว่าถ้าอาจารย์เจตฯออกมามั่นใจขนาดนี้ เถียงไปก็เจ็บตัว แต่เขาก็ยอมมา เพราะเขาก็อยากปกป้องความสุขของผู้คนในท้องถิ่น
-----
ผมว่าเรื่องบั้งไฟพยานาคมันได้ผ่านตอนจบไปแล้ว ฝั่งวิทย์ก็พิสูจไปแล้ว ฝั่งท้องถิ่นก็ได้ลูกค้าเพิ่มจากทัวร์พิสูจน์ วินๆดีออก อนาคตก็เพิ่มแสงสีเสียง พลุไฟ ควงกระบองไฟ ให้มันอลังการเป็นเทศการแห่งไฟ ไฟเอ่อเฟสติวอล อะไรก็ว่าไป เจ๋งดีออก
ความคิดเห็นที่ 10
อย่าไปคิดเรื่องท่องเที่ยวท้องถิ่นอะไรเลย

จะหาเงินโดยที่โกหกเขาไปดูของไร้สาระแบบนั้น มันถูกแล้วหรือ ?

บอกเขาไปตามตรงเลย เลิกโง่ได้แล้ว ไม่มีหรอกของแบบนั้น

จะเที่ยวก็ไปเที่ยว จะดูพลุก็ไปดูพลุ ดูบั้งไฟ ก็ดูบั้งไฟ

แต่อย่าบอกว่าไปดูพญานาค ดูบั้งไฟพญานาค มันประจานตัวเองว่า โง่ดักดาน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่