ไปเรื่อยๆเหมือนรถขายโอ่ง กรุงเทพ-สิงห์บุรี-นครสวรรค์-พิษณุโลก-น่าน นานๆนะนะ

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นก็ต้องขอบคุณก่อนเลยนะคะ ที่สละเวลาเข้ามารับชมกระทู้นี้
เป็นกระทู้แรกนะคะ หลังจากที่ติดตามอ่านกระทู้ท่องเที่ยวของพี่ๆในพันทิปมานานมาก
ผิดถูกประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้เจ้าค่ะ

ออกตัวก่อนเลย ที่ใช้ชื่อทริปว่า ไปเรื่อยๆเหมือนรถขายโอ่ง ก็เพราะว่าเราออกเดินทางแบบไร้จุดหมาย เหนื่อยจากการทำงาน ต้องหาเวลาท่องไปในต่างแดน
โดยทริปนี้มีโจทย์แค่ว่า จะขับรถไปกันเอง ไปไหนก็ได้ ค่ำไหนนอนนั่น
หลังจากที่เราหาเวลาว่างตรงกันแล้ว เราก็เล็งๆเส้นทาง โดยสรุปเบื้องต้นว่า เราจะไปจุดแรกที่นครสวรรค์ แล้วเที่ยวย้อนกลับมาอุทัยธานี สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา..

โดยสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่ เราหาข้อมูลจากในอินเตอร์เน็ตเป็นส่วนใหญ่ เห็นสถานที่ท่องเที่ยวไหนในอินสตาแกรมแล้วอยู่ในเส้นทางเราก็จะแวะ ขอบคุณข้อมูลดีๆทั้งหมดทั้งมวลด้วยนะคะ

เริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ10โมง จุดแรกที่เราแวะ(ใช้คำว่าผ่านจะเหมาะกว่า) คือสะพานเดชาติวงศ์ เป็นสะพานที่ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน ที่หลัก กม.ที่ 340 ก่อนเข้าสู่ใจกลางเมืองจังหวัดนครสวรรค์ สะพานที่สวยงาม มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์นี้ ตอนเราผ่าน กำลังปรับปรุงอยู่พอดี หลังจากนั้นแล้ว เราแวะทานก๋วยเตี๋ยวเพื่อเติมพลัง ช่วงระหว่างทานก๋วยเตี๋ยวนี้เอง ได้ปรึกษากันว่าอยากไปที่จังหวัดน่าน ไปชมความงามของเมืองในหุบเขาแห่งนี้ ไปชมภาพกระซิบรักบรรลืมโลกสุดเลื่องลือ ไม่รอช้า เร่งฝีเครื่องไปต่อเกือบ400กิโลเมตร ผ่านพิจิตร พิษณุโลก แพร่ จนถึงนครน่านอันสงบในยาม4ทุ่ม

สิ่งแรกที่เราสัมผัสคือ การเดินทาง ค่อนข้างโหด ทั้งกำลังขยายช่องทาง ทั้งไม่มีไฟในบางจุด ทั้งขึ้นเขา เราขับกันแบบค่อยเป็นค่อยไป

ถึงเมืองน่าน ค่อนข้างเงียบโดยทั่วไป เราขับหลงทางไปเรื่อยเพื่อหาที่พักหลับนอน ในช่วงที่เราไปกำลังมีงานแข่งเรือเมืองน่าน ตอนกลางคืนมีเป็นเหมือนงานกาชาด มีอาหาร ขนม ของขาย เครื่องเล่น พร้อมไฟส้มส่องสว่างทั่วไปบริเวณสะพานที่จะข้ามไปพระธาตุแช่แห้ง

เราวางแผนว่าจะนอนในโรงแรมที่มีราคาพักต่อคืนไม่เกินคืนละ500บาท หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต สนใจโรงแรมสุขเกษม เพราะเหตุผลส่วนตัวของตนเองล้วนๆ (ส่วนตัวชอบเพลงมะเมี๊ยะ ในเรื่องกล่าวถึงเจ้าน้อยสุขเกษม มันจะเกี่ยวกันมั้ย ^^ )

บัญชีเราลงรูปไม่ได้ จะพยายามแก้ไขนะคะ

โชคมาเยือนหลังจากที่ได้ที่หับหลับนอนแล้ว ข้างๆโรงแรมมีร้านอาหารเปิดอยู่ ชื่อร้านปุ้ม3 ดีกรีร้านนี้เป็นถึง รางวัลชนะเลิศเชฟไทยสู่ครัวโลก เมนูมัสมั่นไก่ฟรุตตี้ ร้านเป็นแบบ out door ได้ทานอาหารอร่อยๆและสัมผัสอากาศเย็นในยามค่ำคืน ณ เมืองเหนือ....




ตื่นเช้า(สายๆ) มาอีกวัน ณ เมืองน่าน จุดแรกที่เราจะไป จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นั่นก็คือ ไปชมปู่ม่าน-ย่าม่าน ภาะกระซิบรักบรรลือโลก อันเลื่องชื่อที่วัดภูมินทร์

ขออนุญาตลงเป็นคลิปให้ดูนะคะ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ตามในคลิปเลยนะจ้ะ ด้วยความที่ที่ผ่านมาได้ไปเที่ยวหลากหลายที่ ด้วยเกิดจากการทำงานเป็นมัคคุเทศก์ ซึ่งได้เดินทางไปหลากหลายที่ทั่วไทย ไหนๆก็ได้ไปแล้ว อยากเก็บเป็นความประทับใจ ส่งให้พ่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดดูด้วย เลยถ่ายเป็นคลิป แชร์ลงในยูทูป โดยใช้ชื่อว่า ..ดิโน๊ตพาเที่ยว.. จ้า


ขออนุญาตแชร์ข้อมูลเมืองน่านตามความเข้าใจของตัวเองนะคะ

เมืองน่านเป็นเมืองที่ชิคมาก Slow life จริงๆ เพราะเมืองน่านเป็นเมืองเล็กๆ ผู้คนไม่เร่งรีบ ขับรถช้าๆ ที่สำคัญคือคนที่นี่(เท่าที่เห็น)ไม่ฝ่าไฟแดง ถ้าเป็นที่อื่นนะ เหลือไฟแดงอีก10วินาที แล้วฝั่งตรงข้ามไม่มีรถนี่บึ่งไปแล้ว

เสน่ห์เมืองน่านที่พบอีกก็คือ บริเวณสะดือเมืองแห่งนี้ สวยงามมากกกก เก็บสายไฟลงใต้ดินแล้วนะจ้ะ สถานที่ท่องเที่ยวอยู่ใกล้กันหมด มีเพียงไฟแดงคั่นแบ่งอาณาบริเวณ ทั้งวัดภูมินทร์ วัดช้างค้ำ และหอคำ(พิพิธภัณฑ์น่าน) และบริเวณโดยรอบ เช่น วัดหัวข่วง วัดมิ่งเมือง-ศาลหลักเมือง-วัดไผ่เหลือง-วัดศรีพันต้น อยู่ในบริเวณเดียวกันทั้งหมด

โดยส่วนตัวชอบศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม

มาเมืองน่านถือว่าคุ้มมาก เพราะวัดแต่ละวัดในจังหวัดนี้มีศิลปะที่หลากหลายมาก บางวัดเป็นแบบสุโขทัย บางวัดเป็นแบบล้านนา-ล้านช้าง แบบเชียงแสน ศิลปะพม่า ศิลปะล้านนาสกุลช่างเมืองน่าน จังหวัดนี้มาเต็ม มาเต็มจริงๆ

ด้วยความที่บัญชีผู้ใช้ดิฉันไม่สามารถลงรูปได้ เลยขออนุญาตลงเป็นคลิปแบบรัวๆนะคะ



หลังจากที่ชมความงดงามของปู่ม่าน-ย่าม่าน ในวัดภูมินทร์เสร็จ ก็ข้ามฟากฝั่งถนนมาที่วัดช้างค้ำวรวิหาร ตามคลิปนี้เลยจ้า


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
วัดช้างค้ำเองมีความโดดเด่นในเรื่องของศิลปะแบบสุโขทัยค่ะ องค์เจดีย์มีลักษณะของช้างรายล้อม ค้ำองค์เจดีย์เหมือนวัดช้างล้อมที่สุโขทัย..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่