เสียงเรียกจากแม่น้ำ

กระทู้สนทนา
คงเป็นประสบการณ์สยองขวัญอีกเรื่องหนึงในชีวิตที่เคยประสบพบมาเมื่อประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว ในช่วงชีวิตวัยรุ่นของผม ไม่เคยคิดว่าจะต้องเขียนลงกระทู้แบบนี้เลย แต่อยากจะแชร์ประสบการณ์การเจอผีบ้างครั้งหนึ่งในชีวิตก็ยังดี ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ

บ้านผมอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา หลังวัดดังวัดหนึ่งย่านสะพานพระราม 7 สมัยก่อนนั้นต่างจากสมัยนี้โดยสิ้นเชิง สมัยนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปตามยุค ตามสมัย เจริญขึ้นมากด้วยวัตถุต่างๆๆ ที่เราสามารถเห็นได้ในปัจจุบัน แต่สมัยก่อนนั้นถ้าคุณรู้แล้วจะหนาว!!!!  ต้องขอย้อน location เพื่อมองให้เห็นภาพก่อนนะครับ เดินเข้ามาจากหน้าวัดจนมาถึงหลังวัดนั้น จะเป็นสะพานข้ามคลองเล็กๆๆ ที่เราทุกคนใช้เพื่อเดินข้ามเข้าไปยังชุมชนของเราที่อาศัยกันอยู่หลังวัด ชุมชนนี้มีมานานแล้วครับ ตั้งแต่สมัยปู่ย่า ตาทวดของผม เรียกกันได้ว่าอยู่กันมาหลาย generation เลยทีเดียว จนมาถึงรุ่นผม ก่อนที่จะเดินเข้ามาถึงสะพานที่ว่านั้น มันก็จะมีเมรุเผาศพทางด้านขวามือ ปัจจุบันกลายเป็นเมรุ 2 ชั้น เตาไฟฟ้าทันสมัยไปแล้วครับ สมัยก่อนนั้น เป็นแบบเผาถ่านรุ่นเก่า เมรุชั้นเดียว มีลานกว้างโดยรอบ ถ้าใครเคยอยู่แถวนั้น คงจะนึกภาพออกนะครับบริเวณนั้นไม่ต้องบรรยายเวลายามค่ำคืนว่ามืด และวังเวงแค่ไหนนะครับเพราะเราต้องเดินผ่านเมรุเพื่อที่จะไปหลังวัด เดินข้ามสะพานเพื่อเข้าไปยังหมู่บ้าน โดยก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ผมพบเจอนั้น ได้มีสาวน้อย สถานบันชื่อดังย่านพระราม 7 กระโดดน้ำบนสะพานพระราม 6 ฆ่าตัวตายเนื่องจากน้อยใจในเรื่องเกรดการศึกษา รุ่งเช้ามีคนพบศพมาติดที่โป๊ะท่าน้ำ ขึ้นอืด เรียบร้อยแล้ว จากบ้านผมแค่ชะโงกคอก้อเจอแล้วครับโป๊ะที่ว่านั่น สะพานนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยมของผู้ใจกล้ามาโดดท้าความตายกันอยู่เนืองๆๆ ตั้งกะเด็กจนโต นับได้หลายศพอยู่ครับ ที่ลอยมาติดโป๊ะ ไม่ว่าจะท่าน้ำวัดนี้ หรือไม่ก้อท่าน้ำบางโพ เนื่องจากบริเวณนี้เป็นคุ้งน้ำ เวลามีสิ่งใดลอยมาก้อมักจะมาติดแถวๆๆ บริเวณนี้อยู่เป็นประจำครับ น้าผมเล่าว่าสมัย F5E ของกองทัพอากาศที่ตกที่แม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อหลายปีก่อนโน้นน ก้อมีพวกรองเท้านักบิน กับหมวกนักบินถูกพัดมาติดที่ใต้ถุนบ้านด้วยครับ น้าผมเก็บได้จนพบกับเรื่องราวสยองของนักบินท่านนั้นด้วย เข้าเรื่องของผมดีกว่าครับเกริ่นมานานเด๋วจะยาววววว

วันนั้นเป็นวันอะไรจำไม่ได้ รู้แค่ว่าเมาปลิ้น นั่งรถเมลล์กลับบ้านมาลงหน้าวัดก็เกือบตี 2 แล้ว สมัยนั้น สาย 64 วิ่งทั้งคืนครับ นั่งกลับมาจากท่าน้ำนนท์ เมาเดินเป๋เข้าวัดมาเลย บรรยากาศเงียบสงบ ไม่มีแม่แต่เสียงคนคุยกัน ไม่ต้องถามเพราะเค้าหลับกันหมดแล้ว สมัยนั้นในวัดมีแค่แสงไฟสลัวๆๆ เท่านั้น เดินผ่านถึงหน้าเมรุก้อมีแค่หลอดไฟแสงสลัวๆๆ เพียงดวงเดียวเท่านั้น ที่ช่วยให้ความสว่าง ไม่ต้องถามนะครับว่ารู้สึกยังไงเวลาเดินผ่านหน้าเมรุ ผมก้อหลับตาปี๋ หรือไม่ก้อไม่สนใจมองไปทางเมรุ เพราะกลัวเจอสิ่งที่ไม่อยากจะเจอนะครับ ใจนึงก้อหวังว่าจะมีใครบ้างหนอที่มายืนเป็นเพื่อนพูดคุยบ้าง แต่เงียบสนิท ไม่มีแม้แต่วงเหล้าที่ปรกติจะมาตั้งวงกันหน้าทางเข้าหมู่บ้าน เดินผ่านเมรุใจก็นึกถึงเรื่องของสาวน้อยที่เพิ่งกระโดดน้ำตายเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หวังแค่เธอคงไม่มาขอความช่วยเหลือใดๆๆ จากผม เดินมาใกล้จะถึงทางเข้าหน้าหมู่บ้าน หมาวัดดั๊นนนมาหอนเอาอีกใจยิ่งหดลงหนักเลยคราวนี้ พลันคิดในใจ อย่ามาหลอกหลอนกันเลย ไม่น่าเมาหนักขนาดนี้เลย กลับดึกขนาดนี้ นอนบ้านเพื่อนซะก้อจบเรื่องแล้ว ข่มใจเดินข้ามสะพานเข้าหมู่บ้าน ทันใดนั้นเองเสียงดังตูมมมม!!!!!  เหมือนบางสิ่งบางอย่างตกน้ำ ไม่ต้องถามนะครับว่าเป็นยังไง ใจผมลงไปจนถึงตาตุ่ม ขาแข็งยืนเกร็ง ไม่กล้ามองไปตามเสียงนั้น หลับตาปี๋ คิดในใจ อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย เด๋วจะทำบุญไปให้ ตั้งสติได้คิดอีกที เอาว่ะ ยังไงคนเมาผีมันคงไม่มาหลอกหรอก เพราะมันคุยกันไม่รู้เรื่อง รีบเดินเข้าบ้านดีกว่า กำลังจะก้าวข้ามพ้นสะพาน พลันเสียงดังตามอยู่ด้านข้างใกล้เข้ามา ฮือ ฮือ ฮือ!!!!!!!  

ผมรีบปิดตาจ้ำอ้าววว แทบไม่คิดชีวิต คิดในใจเฮี้ยนจังว่ะ จมน้ำตายไม่กี่วัน นี่มันมาหลอกขนาดนี้เลยหรอ เอาไงดีว่ะเนี่ย รีบเดินจ้ำเข้าบ้านดีกว่าจะได้รีบนอน มันคงตามมาไม่ทันแน่ๆๆ เดินมาจนถึงหน้าปากซอยเข้าบ้าน มองเข้าไปจนถึงท้ายซอย บ้านผมอยู่ทางด้านขวามือมีหลอดไฟสีส้มๆๆ สลัวๆๆ หน้าบ้านเท่านั้นเอง บังเกิดเห็นเงาตะคุ่มๆๆ มานั่งขวางอยู่หน้าประตูบ้าน คิดในใจ นี่มาดักกูหน้าบ้านเลยหรือเนี่ย!!!! ขาแข็ง ยืนเกร็ง ตาเบิกโพลง ตั้งสติคิดในใจ เอางัยดีว่ะ เดินกลับหน้าวัดไปนอนป้ายรถเมลล์รอเช้าค่อยเข้าบ้าน ดีกว่ามั้ย (อย่าลืมนะครับ มันครางเสียงดัง ฮือ ฮือ ฮือ!!!! ตลอดเวลาเลย) คิดอีกที แล้วถ้าเดินกลับแล้วมันไปดักตรงสะพานจะทำยังไงว่ะเนี่ย นี่ขนาดหน้าบ้าน มันยังมาดักได้เลย เมาก็เมา ปวดฉี่ก็ปวด แถมคลื่นไส้จะอาเจียนอีก เพราะดันเกร็ง แล้วรีบจ้ำจะเข้าบ้าน

ใจนึงก้อกลัว แต่อีกใจบอกอย่าไปกลัวมัน มันทำอะไรเราไม่ได้หรอก เพราะเราเมา ผีมันไม่หลอกคนเมา เพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง ขอส่วนบุญไม่ค่อยได้ เพราะพรุ่งนี้ตื่นมาก็ลืมแล้ว ทำใจให้กล้าเอาไว้ แล้วเดินไปวัดกับมันตัวต่อตัวเลยดีกว่า ตั้งสติได้ก็เดินดุ่มๆๆ เข้าไปหามันเลยครับ ใจดีสู้เสือ พอถึงหน้าบ้านผมเห็นผีมันนั่งอยู่หน้าบ้านกำลังสั่นๆๆๆ แล้วก้อครางตลอดเวลาเลยว่า ฮือ ฮือ ฮือ!!!!!   เลยเกิดบทสนทนากันขึ้นระหว่างผมกับผีว่า

T : นี่คนหรือผีเนี่ยที่มานั่งขวางอยู่หน้าประตูบ้าน
ผี : ฮือ ฮือ ฮือ!!!!!  ผมคนครับ พอดีเมื่อกี้ผมเมา เดินมาตรงริมเขื่อนข้างบ้านพี่แล้วตกน้ำ ปีนขึ้นมาได้ เลยเดินมานั่งอยู่หน้าบ้านพี่ครับ ตอนนี้ผมหนาวมากกกก สั่นๆๆๆ พร้อมคราง ฮือ ฮือ ฮือ!!!!!
T : ไอ้..... กูเยี่ยวแทบแตกนึกว่าโดนผีหลอก ยิ้มรีบออกจากหน้าบ้านกูไปเลย กูจะเข้าบ้านนนนน!!!!!!

รุ่งเช้ามาพี่ ป้า น้า อา จับกลุ่มคุยกันทั้งบ้าน เมื่อคืนผีเด็กที่มันตกน้ำตายมันมาหลอก ร้องคราง ฮือ ฮือ ฮือ ดังทั้งคืน คลุมโปงไม่ได้หลับได้นอนกันเลย ผมพอได้ยินดังนั้นก้อยิ้มในใจแล้วก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ทุกคนฟัง เงียบกริปครับ 555555555++++

สุดท้ายนี้ต้องขออภัยน้องที่จมน้ำตายด้วยนะครับ ที่คิดว่าเป็นน้องมาหลอก อโหสิด้วยเน้อออ!!!!!
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่