สวัสดีคะ ขออนุญาตแทนตัวเองว่า'เรา'นะคะ
**นี่เป็นกระทู้แรก ผิดพลาดยังไงขออภัยไว้ ณ ที่นี้ นะคะ**
ปัจจุบันตอนนี้เราเรียนอยู่ปี3คะ เรามีเพื่อนสนิทเป็นเพื่อนสมัยม.ปลายคะ กลุ่มเพื่อนสนิทของเราก็มีกัน3คนคะ มีเรา และเพื่อนอีก2คน(ขอแทนว่า กุ้ง กับ ปู นะคะ)ซึ่งกุ้งกับปู ถือว่าฮอตในรร.มาก เพราะเค้า2คนหน้าตาดีมาก ถึงขั้นเข้าวงการได้เลยคะ มีโมเดลลิ่งติดต่อไม่ขาดสายคะ และไลฟ์สไตล์2คนนี้ก็คล้ายๆกัน ไม่ว่าจะเรื่องแต่งตัว ช้อปปิ้ง 2คนนี้เลยสนิทกันมากคะ บางครั้งกุ้งกับปูก็โดดเรียนไม่เข้าเรียนแล้วหายไป2คน โดยที่ไม่บอกเราคะ ทำไมให้เราต้องมาเรียนคนเดียว เป็นแบบนี้อยู่2-3ครั้ง เราก็เลยโกรธทะเลาะกันเป็นเรื่องเป็นราวเลย เราโกรธที่กุ้งกับปูไม่บอกเราว่าเค้า2คนจะไม่เข้ามาเรียน ไม่ใช่ว่าเราจะโดดเรียนไปกับเค้านะคะ แต่ถ้าเค้าบอกเราๆจะได้บอกครูถูกว่าเค้า2คนไปไหน(พูดง่ายๆก็คือช่วยโกหกให้ได้น่ะคะ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ถ้าน้องๆที่อยู่ม.ปลายอ่านกระทู้นี้อยู่ ใช้วิจารณญาณด้วยนะคะ) หรือบางทีเราจะได้หาเพื่อนไปกินข้าวกลางวันไว้ก่อนน่ะคะ หลังจากทะเลาะกันไม่นานก็กลับคุยกันปกติคะ หลังจากนั้นกุ้งกับปูก็ไม่ค่อยโดดเรียนแล้วคะ เรื่องใหญ่ๆตอนม.4ก็มีแค่เรื่องนี้คะ และเราก็คบกัน3คน โดยที่บางครั้งเราก็ถูกทิ้งบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยคะ ส่วนหนึ่งเราทำใจยอมรับได้เพราะไลฟ์สไตล์ของเรากับเค้า2คนคงไม่ตรงกันจริงๆ แต่เรื่องของน้ำใจและความจริงใจของเพื่อน2คนนี้ก็ดีมากๆคะ และเรื่องใหญ่สุดๆระหว่างกุ้งกับปูและเรา เกิดขึ้นตอนช่วง ก่อนสอบไฟนอลเทอม2ม.4คะ กุ้งกับปูเริ่มโดดเรียนและทำแบบครั้งก่อน คือหายไปเฉยๆและไม่บอกเราคะ ครั้งนี้เราไม่โกรธแต่เป็นความน้อยใจมากกว่า เราเลยไปคุยและระบายกับเพื่อนในห้องซึ่งอยู่นอกกลุ่ม หลังจากนั้น...เรื่องก็เกิดคะ คือมีเพื่อนคนนึง(ขอแทนว่า x นะคะ)จนปัจจุบันนี้เราก็ยังไม่ทราบคะ ว่าxคือใคร ได้ไปบอกกับกุ้งและปูว่าเราได้ไปด่ากุ้งกับปู ว่า "สวยแต่โง่" กับเพื่อนคนอื่นๆในห้อง ซึ่งคำๆนี้มันแรงมาก และ เราไม่เคยพูดคำนั้น และไม่เคยมีคำนั้นในหัวเลยคะ และ x ก็ไม่บอกแค่ปูกับกุ้งคะ บอกเพื่อนคนอื่นๆในห้อง และอีกเรื่องที่เราเสียใจมากๆ คือ ไม่มีเพื่อนคนไหนถามเราเลย ว่าเราคิดแบบนั้น หรือ ทำแบบนั้นหรือเปล่า และเราไม่รู้จริงๆว่า x ต้องการอะไรถึงทำแบบนั้น (ขอย้อนถึงตอนที่เราไประบายกับเพื่อนในห้องก่อนนะคะ เราคุยเรื่องกุ้งกับปูกับเพื่อนในห้องซึ่งเป็นเพื่อนที่เราไว้ใจคะ เพราะรู้จักกับเพื่อนคนนี้คนแรกตั้งแต่ตอนเรียนซัมเมอร์ ขอแทนว่า นัท นะคะ) และเราคิดว่า x ไม่น่าใช่ นัท เพราะนัทเป็นคนเรียบร้อย และเป็นเด็กเรียน เราคิดว่า x คงเป็นคนที่ได้ยินเราคุยกับนัทน่ะคะ หลังจากนั้นเพื่อนในห้องก็แบ่งเป็น 3ฝ่ายคะ 1.คือฝ่ายกุ้งกับปูซึ่งน่าจะมีประมาณ80%ของทั้งห้องคะ 2.คือเราซึ่งมีแค่เราคนเดียวคะ
3.คือฝ่ายที่ไม่ได้อะไรกับฝ่ายไหนทั้งนั้น ช่วงนั้นถือเป็นช่วงที่แย่ที่สุดในชีวิตเราเลยคะ ไม่อยากไปรร. ทุกวันที่ไปรร.เวลาเหมือนเป็นปี เวลาเดินช้ามาก ไม่มีใครคุยกับเรา กุ้งกับปูที่เคยนั่งข้างๆเราก็เลื่อนโต๊ะออกไปนั่งกับเพื่อนคนอื่น ตอนกลางวันก็ไม่ได้ไปกินข้าวคะ เพราะไม่มีเพื่อนไปกินข้าว เรานั่งรอแค่เวลาเลิกเรียนอย่างเดียวเลยคะ และช่วงพักกลางวันของวันหนึ่ง...เราก็เริ่มรู้สึกว่าในห้องมีบรรยากาศแปลกๆ ได้ยินเสียงซุบซิบหลายเสียงว่า
'เอาหรือยัง?'
'เดี๋ยวสิ..ขอมัดผมก่อน จะเป็นนางร้ายต้องสวยนิดนึง'
เราได้ยินประโยคนี้ เราเริ่มรู้สึกเลยว่า ต้องเกี่ยวกับเราแน่ๆ แต่มันคืออะไรเราเองก็คิดไม่ออก และ...
เพื่อนคนนึง(ขอแทนว่า เม นะคะ)ในห้องซึ่งเมไม่เคยมีเรื่องอะไรกับเรา เอาจริงๆเลยคือเราไม่ค่อยจะคุยกับเมด้วยซ้ำ แต่เมมักจะเป็นหัวโจกเสมอเวลาใครมีเรื่อง พูดง่ายๆก็คือไม่ว่าใครจะมีเรื่องกับใคร เมมักจะเป็นคนออกโรงด่าทุกครั้ง และเมจะอยู่ฝ่ายข้างมากเสมอ พูดง่ายๆคือเมเป็นคนแรงคะ เมเดินมาหาเราซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง และพูดกับเราว่า
'แกรู้มั้ยว่าเพื่อนๆเค้าโกรธอะไรแก' เราคิดในใจว่าเพื่อนๆนี่คือใครบ้าง ที่เรารู้คือเราแค่น้อยใจกุ้งกับปู ก็คือเราทะเลาะกับ2คนนั้นปะ เราก็ไม่เข้าใจว่าคนอื่นนี่เกี่ยวอะไรด้วย เราก็เลยเงียบไม่ตอบอะไร เพราะเราคิดว่าตอบอะไรเมก็คงหาเรื่องด่าเราอยู่ดี รอฟังต่อด้วย ว่าเมและเพื่อนๆที่เมพูดถึงโกรธเราเรื่องอะไร
'เพื่อนๆไม่ได้ต้องการอะไรมากหรอก แค่ต้องการให้แกปรับปรุงตัว และก็ขอโทษ' เราฟังเมพูดเราก็แบบ..คือเราเป็นคนพูดตรงคะ คิดอะไรจะออกมาที่หน้าเลย ข้อเสียคือเราเก็บความรู้สึกไม่เก่งคะ และตอนนั้นเหมือนเราทำอะไรให้คนในห้องไม่พอใจ คือ มีครูคนนึงเป็นครูผู้ชาย ซึ่งครูคนนี้เป็นครูที่ค่อนข้างขี้งอน คือถ้านร.ในห้องคุยกัน เค้าจะไม่สอน และเขียนกระดานไปโดยที่ไม่พูดไม่สอน ทุกคนในห้องก็จะงงๆคะว่าครูเค้าเป็นอะไรทำไมเงียบ เราก็เลยถามครูเค้าคะ ว่า 'ครูเป็นอะไรรึเปล่าคะ...ทำไมเงียบ' ซึ่งครูก็ไม่ตอบแต่เขียนที่กระดานแทนว่า
'เห็นคุยกันเสียงดังเลยคิดว่าไม่อยากเรียน' และครูก็เงียบแบบนั้นทั้งคาบคะ เพื่อนในห้องก็เลยโทษเราว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ครูไม่สอน เราก็บอกว่าก็เราไม่เข้าใจว่าอยู่ๆทำไมครูถึงไม่สอน คือเราไม่เคยเจอปฏิกิริยาแบบนี้จากครูคนไหนเลยในชีวิต บอกก่อนว่าก่อนที่จะย้ายมารร.นี้ เราเคยอยู่รร.รัฐมาก่อนคะ รร.รัฐส่วนมากจะไม่ค่อยสปอยนร.คะ คือใครอยากเรียนก็เรียน ใครอยากคุยก็คุย และมีอะไรสามารถคุยกับอ.ได้ตรงๆเลย เราเลยติดนิสัยพูดตรงๆคุยตรงๆมาจากที่นั่น และที่บ้านเราก็คุยกันตรงๆทุกเรื่องคะ มีอะไรจะไม่ปล่อยไว้ จะคุยกันเลย ไปที่เหตุการณ์ที่เมมาด่าเรานะคะ เราเองก็ไม่เข้าใจนะว่า ใครบ้างที่ไม่พอใจเรา เรื่องอะไร อาจเป็นเพราะบุคคลิกเราไม่ค่อยสนใจใคร แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่สนใจใครนะคะ ถ้าเราสนิทกับใครเราจะช่างเม้ามาก คือเราจะไม่ค่อยคุยเจาะแจ้ะกับคนที่ไม่สนิทอะคะ แต่เราก็ตัดปัญหาไป เผื่อเราไปทำใครเค้าไม่พอใจโดยที่ไม่รู้ตัว เราก็บอกกับเมว่า
'ถ้าเค้าทำให้ใครไม่พอใจอะไรก็ขอโทษแล้วกัน' หลังจากนั้นก็มีเสียงแทรกเข้ามา
'ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่ต้องขอโทษหรอก' เรารู้ว่าเสียนั้นคือเสียงใคร จนทุกวันนี้เรายังจำได้ทุกคำพูดคะ ใครพูดอะไรกับเราไว้เราจำได้หมด หลายคำพูดแทรกดังเข้ามาในหัว แต่เราก็ต้องปล่อยๆบ้างคะ เก็บไว้มากๆเครียดคะ หลังจากนั้นเมก็บอกว่า
'มีคนบอกมาว่า...แกอิจฉาที่คนในกลุ่มเค้ารวย' เราแบบหาาาา?ใครบอกมา หรือใครจะเราอิจฉา คือเรางงมาก กลายเป็นว่าจากที่เรามีเรื่องแค่กับกุ้งและปู ตอนนั้นคือมีเรื่องกับทุกคนไปหมดเลย เราเลยตอบเมว่า
'ใครเป็นคนบอก...และเค้าอิจฉาใครแกบอกเค้าได้มั้ย' เราอยากรู้จริงๆ
'ไม่รู้แหละมีคนบอกมา' เมตอบมาแบบนี้ ความรู้สึกเราตอนนั้นแบบ ความคิดแบบนั้นไม่เคยมีในหัว ความรู้สึก ณ ตอนนั้นคือ อยากร้องไห้มาก ทำไมฉันต้องเจออะไรแบบนี้นะ เราเลยบอกเมไปตรงๆตามที่เราคิด
'เค้าไม่เคยคิดแบบนั้น...เค้าไม่รู้นะว่าใครบอกแกมาแต่เค้าไม่เคยคิดแบบนั้นจริงๆ' และเมก็ถามเราว่า
'กล้าสาบานมั้ยละ'
เราบอก 'กล้าสิ...ถ้ามันจะทำให้แกสบายใจ เค้าสาบานได้'
เมถามว่า 'สาบานว่าอะไร'
เราบอก 'สาบาน...ถ้าเค้าเคยคิดแบบนั้นขอให้พรุ่งนี้เค้าตาย ถ้าพรุ่งนี้เค้าตายแกก็เข้าใจแล้วนะ' เราพูดกับเม หลังจากนั้นเมก็ไม่พูดอะไรต่อแล้วก็เดินกลับไป
หลังจากวันนั้น ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นคะ เรายังอยู่คนเดียว ท่องไว้ในใจว่าเดี๋ยวก็ปิดเทอมแล้วทนอีกหน่อยนะ จนสอบไฟนอลเสร็จและปิดเทอม เราก็ไปเจอเพื่อนสมัยม.ต้นบ้าง สมัยประถมบ้าง สบายใจมากๆคะ เรารู้สึกว่าเราเป็นตัวเองมากกว่าอยู่ที่รร. จนเรามีโอกาสได้คุยกับเพื่อนที่สนิทมาก แต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกัน เพราะอยู่ไกลกัน เป็นเพื่อนสมัยประถม(ขอแทนว่า ฟีม นะคะ)เราเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟีมฟังคะ เรื่องกุ้งกับปู เรื่องที่เมพูดกับเรา เรื่องปฏิกิริยาของเพื่อนในห้อง ฟีมถามเราว่า
'แล้วเปิดเทอมจะทำยังไง ไม่ได้ปิดเทอมแบบนี้ตลอดนะ'
เราก็บอก 'กูก็ไม่รู้'
ฟีมเลยบอกเราว่าให้ โทรเคลียกับกุ้งและปูเดี๋ยวนี้เลย อย่างน้อยๆถึงเราจะไม่เข้าใจว่าเมและเพื่อนคนอื่นโกรธเราเรื่องอะไร แต่อย่างน้อยเราก็รู้ว่า ปัญหาหลักๆคือกุ้งกับปู เรื่องอื่นปล่อยไป เราเลยตัดสินโทรหาปูก่อน
(ฮัลโหล) ปูรับสาย
'ปูเหรอ...จำได้มั้ยว่าใคร' เราถาม
(จำได้)
'...กูขอโทษนะจริงๆแล้วกูแค่น้อยใจที่โดดไปไหนมาไหนกันกับกุ้งแล้วไม่บอกกู ส่วนเรื่องอื่นนอกจากนี้กูก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน มาจากใคร แต่กูไม่ได้ทำ กูขอโทษนะที่กูไม่บอกตั้งแต่แรก ถ้ากูรีบบอกเรื่องคงไม่เป็นแบบนี้' ยอมรับเลยว่าน้ำตาเราไหลโดยที่เราไม่รู้ตัวเลยจริงๆ
(เออ...กูไม่ได้โกรธแล้ว เปิดเทอมเจอกันนะ) ปูพูดมาเท่านี้เราก็สบายใจว่าอย่างน้อยๆปูก็ไม่ได้ติดใจอะไรเรื่องนี้แล้ว
ทีนี้อีกคนที่เราต้องโทรหา ก็คือ กุ้ง
(ฮัลโหล) กุ้งรับสาย
'กูเองนะ จำได้ป่าว'
(จำได้)
'กูขอโทษนะสำหรับทุกเรื่อง จริงๆแล้วกูแค่น้อยใจกับปูเฉยๆ แต่กูก็ไม่รู้ว่าทำไมเรื่องมันบานปลายขนาดนี้ คนอื่นกูไม่อะไรหรอก คนอื่นจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ช่าง แต่กับปูกูต้องเคลียจริงๆ'
(กูเข้าใจ...กูไม่ได้อะไรแล้ว)
'ขอบใจนะ แล้วเจอกัน'
และการเคลียกับทั้งปูและกุ้งก็จบลง บอกเลยว่าเราเหมือนยกภูเขาออกจากอก โล่งมาก และพอเปิดเทอมม.5 เราก็กลับมาคุยกับกุ้งและปูตามเดิม และเพื่อนในห้องก็กลับมาคุยกับเราเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น แม้กระทั่งคนที่เคยร่วมด้วยช่วยกันด่าเรากับเมก็มาคุยดีกับเรา เราก็คุยด้วยปกติทำเป็นลืมทุกอย่างไป แต่จริงๆเราก็ยังจำได้ทุกคำพูดของทุกคน และจะไม่มีวันลืมเลยจริงๆ หลังจากเปิดเทอมเราก็ได้คุยแบบเปิดอกกับกุ้งและปูอีกครั้ง
ปูบอกกับเราว่า ที่ปูกับกุ้งโกรธมาก คือ มีคนมาบอกกุ้งกับปูว่าเราด่ากุ้งกับปูว่า 'สวยแต่โง่' เราเลยบอกปูกับกุ้งว่า 'ถ้ากูบอกตอนนี้ว่ากูไม่ได้พูด และไม่เคยคิดแบบนั้น ลองคิดดูนะ ถ้ากูคิดว่า2คนโง่กูจะมานั่งติวหนังสือ ก่อนสอบให้ทำไม กูไม่รู้นะว่าใครบอกว่ากูพูดแบบนั้น แต่กูไม่เคยพูด เชื่อกูมั้ย' กุ้งกับปูบอกกับเราว่า เชื่อเรา และเรา3คนก็ตกลงกันว่าหลังจากนี้ถ้าไม่พอใจอะไรกัน ขอให้รีบพูดรีบบอกรีบเคลีย จะได้ไม่เป็นแบบนี้กันอีก และเหตุการณ์ต่างๆก็ทำให้เราโตขึ้นทำให้เรามีวิจารณญาณในการตัดสินใจเรื่องต่างๆมากขึ้น
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
ใครมีประสบการณ์เรื่องเพื่อนจะมาแชร์กันก็ได้นะคะ
ตอนมัธยมมีใครเคยถูกแบน โดยไม่ทราบสาเหตุมั้ยคะ??
**นี่เป็นกระทู้แรก ผิดพลาดยังไงขออภัยไว้ ณ ที่นี้ นะคะ**
ปัจจุบันตอนนี้เราเรียนอยู่ปี3คะ เรามีเพื่อนสนิทเป็นเพื่อนสมัยม.ปลายคะ กลุ่มเพื่อนสนิทของเราก็มีกัน3คนคะ มีเรา และเพื่อนอีก2คน(ขอแทนว่า กุ้ง กับ ปู นะคะ)ซึ่งกุ้งกับปู ถือว่าฮอตในรร.มาก เพราะเค้า2คนหน้าตาดีมาก ถึงขั้นเข้าวงการได้เลยคะ มีโมเดลลิ่งติดต่อไม่ขาดสายคะ และไลฟ์สไตล์2คนนี้ก็คล้ายๆกัน ไม่ว่าจะเรื่องแต่งตัว ช้อปปิ้ง 2คนนี้เลยสนิทกันมากคะ บางครั้งกุ้งกับปูก็โดดเรียนไม่เข้าเรียนแล้วหายไป2คน โดยที่ไม่บอกเราคะ ทำไมให้เราต้องมาเรียนคนเดียว เป็นแบบนี้อยู่2-3ครั้ง เราก็เลยโกรธทะเลาะกันเป็นเรื่องเป็นราวเลย เราโกรธที่กุ้งกับปูไม่บอกเราว่าเค้า2คนจะไม่เข้ามาเรียน ไม่ใช่ว่าเราจะโดดเรียนไปกับเค้านะคะ แต่ถ้าเค้าบอกเราๆจะได้บอกครูถูกว่าเค้า2คนไปไหน(พูดง่ายๆก็คือช่วยโกหกให้ได้น่ะคะ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ถ้าน้องๆที่อยู่ม.ปลายอ่านกระทู้นี้อยู่ ใช้วิจารณญาณด้วยนะคะ) หรือบางทีเราจะได้หาเพื่อนไปกินข้าวกลางวันไว้ก่อนน่ะคะ หลังจากทะเลาะกันไม่นานก็กลับคุยกันปกติคะ หลังจากนั้นกุ้งกับปูก็ไม่ค่อยโดดเรียนแล้วคะ เรื่องใหญ่ๆตอนม.4ก็มีแค่เรื่องนี้คะ และเราก็คบกัน3คน โดยที่บางครั้งเราก็ถูกทิ้งบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยคะ ส่วนหนึ่งเราทำใจยอมรับได้เพราะไลฟ์สไตล์ของเรากับเค้า2คนคงไม่ตรงกันจริงๆ แต่เรื่องของน้ำใจและความจริงใจของเพื่อน2คนนี้ก็ดีมากๆคะ และเรื่องใหญ่สุดๆระหว่างกุ้งกับปูและเรา เกิดขึ้นตอนช่วง ก่อนสอบไฟนอลเทอม2ม.4คะ กุ้งกับปูเริ่มโดดเรียนและทำแบบครั้งก่อน คือหายไปเฉยๆและไม่บอกเราคะ ครั้งนี้เราไม่โกรธแต่เป็นความน้อยใจมากกว่า เราเลยไปคุยและระบายกับเพื่อนในห้องซึ่งอยู่นอกกลุ่ม หลังจากนั้น...เรื่องก็เกิดคะ คือมีเพื่อนคนนึง(ขอแทนว่า x นะคะ)จนปัจจุบันนี้เราก็ยังไม่ทราบคะ ว่าxคือใคร ได้ไปบอกกับกุ้งและปูว่าเราได้ไปด่ากุ้งกับปู ว่า "สวยแต่โง่" กับเพื่อนคนอื่นๆในห้อง ซึ่งคำๆนี้มันแรงมาก และ เราไม่เคยพูดคำนั้น และไม่เคยมีคำนั้นในหัวเลยคะ และ x ก็ไม่บอกแค่ปูกับกุ้งคะ บอกเพื่อนคนอื่นๆในห้อง และอีกเรื่องที่เราเสียใจมากๆ คือ ไม่มีเพื่อนคนไหนถามเราเลย ว่าเราคิดแบบนั้น หรือ ทำแบบนั้นหรือเปล่า และเราไม่รู้จริงๆว่า x ต้องการอะไรถึงทำแบบนั้น (ขอย้อนถึงตอนที่เราไประบายกับเพื่อนในห้องก่อนนะคะ เราคุยเรื่องกุ้งกับปูกับเพื่อนในห้องซึ่งเป็นเพื่อนที่เราไว้ใจคะ เพราะรู้จักกับเพื่อนคนนี้คนแรกตั้งแต่ตอนเรียนซัมเมอร์ ขอแทนว่า นัท นะคะ) และเราคิดว่า x ไม่น่าใช่ นัท เพราะนัทเป็นคนเรียบร้อย และเป็นเด็กเรียน เราคิดว่า x คงเป็นคนที่ได้ยินเราคุยกับนัทน่ะคะ หลังจากนั้นเพื่อนในห้องก็แบ่งเป็น 3ฝ่ายคะ 1.คือฝ่ายกุ้งกับปูซึ่งน่าจะมีประมาณ80%ของทั้งห้องคะ 2.คือเราซึ่งมีแค่เราคนเดียวคะ
3.คือฝ่ายที่ไม่ได้อะไรกับฝ่ายไหนทั้งนั้น ช่วงนั้นถือเป็นช่วงที่แย่ที่สุดในชีวิตเราเลยคะ ไม่อยากไปรร. ทุกวันที่ไปรร.เวลาเหมือนเป็นปี เวลาเดินช้ามาก ไม่มีใครคุยกับเรา กุ้งกับปูที่เคยนั่งข้างๆเราก็เลื่อนโต๊ะออกไปนั่งกับเพื่อนคนอื่น ตอนกลางวันก็ไม่ได้ไปกินข้าวคะ เพราะไม่มีเพื่อนไปกินข้าว เรานั่งรอแค่เวลาเลิกเรียนอย่างเดียวเลยคะ และช่วงพักกลางวันของวันหนึ่ง...เราก็เริ่มรู้สึกว่าในห้องมีบรรยากาศแปลกๆ ได้ยินเสียงซุบซิบหลายเสียงว่า
'เอาหรือยัง?'
'เดี๋ยวสิ..ขอมัดผมก่อน จะเป็นนางร้ายต้องสวยนิดนึง'
เราได้ยินประโยคนี้ เราเริ่มรู้สึกเลยว่า ต้องเกี่ยวกับเราแน่ๆ แต่มันคืออะไรเราเองก็คิดไม่ออก และ...
เพื่อนคนนึง(ขอแทนว่า เม นะคะ)ในห้องซึ่งเมไม่เคยมีเรื่องอะไรกับเรา เอาจริงๆเลยคือเราไม่ค่อยจะคุยกับเมด้วยซ้ำ แต่เมมักจะเป็นหัวโจกเสมอเวลาใครมีเรื่อง พูดง่ายๆก็คือไม่ว่าใครจะมีเรื่องกับใคร เมมักจะเป็นคนออกโรงด่าทุกครั้ง และเมจะอยู่ฝ่ายข้างมากเสมอ พูดง่ายๆคือเมเป็นคนแรงคะ เมเดินมาหาเราซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง และพูดกับเราว่า
'แกรู้มั้ยว่าเพื่อนๆเค้าโกรธอะไรแก' เราคิดในใจว่าเพื่อนๆนี่คือใครบ้าง ที่เรารู้คือเราแค่น้อยใจกุ้งกับปู ก็คือเราทะเลาะกับ2คนนั้นปะ เราก็ไม่เข้าใจว่าคนอื่นนี่เกี่ยวอะไรด้วย เราก็เลยเงียบไม่ตอบอะไร เพราะเราคิดว่าตอบอะไรเมก็คงหาเรื่องด่าเราอยู่ดี รอฟังต่อด้วย ว่าเมและเพื่อนๆที่เมพูดถึงโกรธเราเรื่องอะไร
'เพื่อนๆไม่ได้ต้องการอะไรมากหรอก แค่ต้องการให้แกปรับปรุงตัว และก็ขอโทษ' เราฟังเมพูดเราก็แบบ..คือเราเป็นคนพูดตรงคะ คิดอะไรจะออกมาที่หน้าเลย ข้อเสียคือเราเก็บความรู้สึกไม่เก่งคะ และตอนนั้นเหมือนเราทำอะไรให้คนในห้องไม่พอใจ คือ มีครูคนนึงเป็นครูผู้ชาย ซึ่งครูคนนี้เป็นครูที่ค่อนข้างขี้งอน คือถ้านร.ในห้องคุยกัน เค้าจะไม่สอน และเขียนกระดานไปโดยที่ไม่พูดไม่สอน ทุกคนในห้องก็จะงงๆคะว่าครูเค้าเป็นอะไรทำไมเงียบ เราก็เลยถามครูเค้าคะ ว่า 'ครูเป็นอะไรรึเปล่าคะ...ทำไมเงียบ' ซึ่งครูก็ไม่ตอบแต่เขียนที่กระดานแทนว่า
'เห็นคุยกันเสียงดังเลยคิดว่าไม่อยากเรียน' และครูก็เงียบแบบนั้นทั้งคาบคะ เพื่อนในห้องก็เลยโทษเราว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ครูไม่สอน เราก็บอกว่าก็เราไม่เข้าใจว่าอยู่ๆทำไมครูถึงไม่สอน คือเราไม่เคยเจอปฏิกิริยาแบบนี้จากครูคนไหนเลยในชีวิต บอกก่อนว่าก่อนที่จะย้ายมารร.นี้ เราเคยอยู่รร.รัฐมาก่อนคะ รร.รัฐส่วนมากจะไม่ค่อยสปอยนร.คะ คือใครอยากเรียนก็เรียน ใครอยากคุยก็คุย และมีอะไรสามารถคุยกับอ.ได้ตรงๆเลย เราเลยติดนิสัยพูดตรงๆคุยตรงๆมาจากที่นั่น และที่บ้านเราก็คุยกันตรงๆทุกเรื่องคะ มีอะไรจะไม่ปล่อยไว้ จะคุยกันเลย ไปที่เหตุการณ์ที่เมมาด่าเรานะคะ เราเองก็ไม่เข้าใจนะว่า ใครบ้างที่ไม่พอใจเรา เรื่องอะไร อาจเป็นเพราะบุคคลิกเราไม่ค่อยสนใจใคร แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่สนใจใครนะคะ ถ้าเราสนิทกับใครเราจะช่างเม้ามาก คือเราจะไม่ค่อยคุยเจาะแจ้ะกับคนที่ไม่สนิทอะคะ แต่เราก็ตัดปัญหาไป เผื่อเราไปทำใครเค้าไม่พอใจโดยที่ไม่รู้ตัว เราก็บอกกับเมว่า
'ถ้าเค้าทำให้ใครไม่พอใจอะไรก็ขอโทษแล้วกัน' หลังจากนั้นก็มีเสียงแทรกเข้ามา
'ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่ต้องขอโทษหรอก' เรารู้ว่าเสียนั้นคือเสียงใคร จนทุกวันนี้เรายังจำได้ทุกคำพูดคะ ใครพูดอะไรกับเราไว้เราจำได้หมด หลายคำพูดแทรกดังเข้ามาในหัว แต่เราก็ต้องปล่อยๆบ้างคะ เก็บไว้มากๆเครียดคะ หลังจากนั้นเมก็บอกว่า
'มีคนบอกมาว่า...แกอิจฉาที่คนในกลุ่มเค้ารวย' เราแบบหาาาา?ใครบอกมา หรือใครจะเราอิจฉา คือเรางงมาก กลายเป็นว่าจากที่เรามีเรื่องแค่กับกุ้งและปู ตอนนั้นคือมีเรื่องกับทุกคนไปหมดเลย เราเลยตอบเมว่า
'ใครเป็นคนบอก...และเค้าอิจฉาใครแกบอกเค้าได้มั้ย' เราอยากรู้จริงๆ
'ไม่รู้แหละมีคนบอกมา' เมตอบมาแบบนี้ ความรู้สึกเราตอนนั้นแบบ ความคิดแบบนั้นไม่เคยมีในหัว ความรู้สึก ณ ตอนนั้นคือ อยากร้องไห้มาก ทำไมฉันต้องเจออะไรแบบนี้นะ เราเลยบอกเมไปตรงๆตามที่เราคิด
'เค้าไม่เคยคิดแบบนั้น...เค้าไม่รู้นะว่าใครบอกแกมาแต่เค้าไม่เคยคิดแบบนั้นจริงๆ' และเมก็ถามเราว่า
'กล้าสาบานมั้ยละ'
เราบอก 'กล้าสิ...ถ้ามันจะทำให้แกสบายใจ เค้าสาบานได้'
เมถามว่า 'สาบานว่าอะไร'
เราบอก 'สาบาน...ถ้าเค้าเคยคิดแบบนั้นขอให้พรุ่งนี้เค้าตาย ถ้าพรุ่งนี้เค้าตายแกก็เข้าใจแล้วนะ' เราพูดกับเม หลังจากนั้นเมก็ไม่พูดอะไรต่อแล้วก็เดินกลับไป
หลังจากวันนั้น ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นคะ เรายังอยู่คนเดียว ท่องไว้ในใจว่าเดี๋ยวก็ปิดเทอมแล้วทนอีกหน่อยนะ จนสอบไฟนอลเสร็จและปิดเทอม เราก็ไปเจอเพื่อนสมัยม.ต้นบ้าง สมัยประถมบ้าง สบายใจมากๆคะ เรารู้สึกว่าเราเป็นตัวเองมากกว่าอยู่ที่รร. จนเรามีโอกาสได้คุยกับเพื่อนที่สนิทมาก แต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกัน เพราะอยู่ไกลกัน เป็นเพื่อนสมัยประถม(ขอแทนว่า ฟีม นะคะ)เราเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฟีมฟังคะ เรื่องกุ้งกับปู เรื่องที่เมพูดกับเรา เรื่องปฏิกิริยาของเพื่อนในห้อง ฟีมถามเราว่า
'แล้วเปิดเทอมจะทำยังไง ไม่ได้ปิดเทอมแบบนี้ตลอดนะ'
เราก็บอก 'กูก็ไม่รู้'
ฟีมเลยบอกเราว่าให้ โทรเคลียกับกุ้งและปูเดี๋ยวนี้เลย อย่างน้อยๆถึงเราจะไม่เข้าใจว่าเมและเพื่อนคนอื่นโกรธเราเรื่องอะไร แต่อย่างน้อยเราก็รู้ว่า ปัญหาหลักๆคือกุ้งกับปู เรื่องอื่นปล่อยไป เราเลยตัดสินโทรหาปูก่อน
(ฮัลโหล) ปูรับสาย
'ปูเหรอ...จำได้มั้ยว่าใคร' เราถาม
(จำได้)
'...กูขอโทษนะจริงๆแล้วกูแค่น้อยใจที่โดดไปไหนมาไหนกันกับกุ้งแล้วไม่บอกกู ส่วนเรื่องอื่นนอกจากนี้กูก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน มาจากใคร แต่กูไม่ได้ทำ กูขอโทษนะที่กูไม่บอกตั้งแต่แรก ถ้ากูรีบบอกเรื่องคงไม่เป็นแบบนี้' ยอมรับเลยว่าน้ำตาเราไหลโดยที่เราไม่รู้ตัวเลยจริงๆ
(เออ...กูไม่ได้โกรธแล้ว เปิดเทอมเจอกันนะ) ปูพูดมาเท่านี้เราก็สบายใจว่าอย่างน้อยๆปูก็ไม่ได้ติดใจอะไรเรื่องนี้แล้ว
ทีนี้อีกคนที่เราต้องโทรหา ก็คือ กุ้ง
(ฮัลโหล) กุ้งรับสาย
'กูเองนะ จำได้ป่าว'
(จำได้)
'กูขอโทษนะสำหรับทุกเรื่อง จริงๆแล้วกูแค่น้อยใจกับปูเฉยๆ แต่กูก็ไม่รู้ว่าทำไมเรื่องมันบานปลายขนาดนี้ คนอื่นกูไม่อะไรหรอก คนอื่นจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ช่าง แต่กับปูกูต้องเคลียจริงๆ'
(กูเข้าใจ...กูไม่ได้อะไรแล้ว)
'ขอบใจนะ แล้วเจอกัน'
และการเคลียกับทั้งปูและกุ้งก็จบลง บอกเลยว่าเราเหมือนยกภูเขาออกจากอก โล่งมาก และพอเปิดเทอมม.5 เราก็กลับมาคุยกับกุ้งและปูตามเดิม และเพื่อนในห้องก็กลับมาคุยกับเราเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น แม้กระทั่งคนที่เคยร่วมด้วยช่วยกันด่าเรากับเมก็มาคุยดีกับเรา เราก็คุยด้วยปกติทำเป็นลืมทุกอย่างไป แต่จริงๆเราก็ยังจำได้ทุกคำพูดของทุกคน และจะไม่มีวันลืมเลยจริงๆ หลังจากเปิดเทอมเราก็ได้คุยแบบเปิดอกกับกุ้งและปูอีกครั้ง
ปูบอกกับเราว่า ที่ปูกับกุ้งโกรธมาก คือ มีคนมาบอกกุ้งกับปูว่าเราด่ากุ้งกับปูว่า 'สวยแต่โง่' เราเลยบอกปูกับกุ้งว่า 'ถ้ากูบอกตอนนี้ว่ากูไม่ได้พูด และไม่เคยคิดแบบนั้น ลองคิดดูนะ ถ้ากูคิดว่า2คนโง่กูจะมานั่งติวหนังสือ ก่อนสอบให้ทำไม กูไม่รู้นะว่าใครบอกว่ากูพูดแบบนั้น แต่กูไม่เคยพูด เชื่อกูมั้ย' กุ้งกับปูบอกกับเราว่า เชื่อเรา และเรา3คนก็ตกลงกันว่าหลังจากนี้ถ้าไม่พอใจอะไรกัน ขอให้รีบพูดรีบบอกรีบเคลีย จะได้ไม่เป็นแบบนี้กันอีก และเหตุการณ์ต่างๆก็ทำให้เราโตขึ้นทำให้เรามีวิจารณญาณในการตัดสินใจเรื่องต่างๆมากขึ้น
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
ใครมีประสบการณ์เรื่องเพื่อนจะมาแชร์กันก็ได้นะคะ