เราเคยอ่านรีวิวพี่คนนึงเกี่ยวกับบ้านสวนจันทิตา คือเห็นแล้วหลงรักทันที
แล้วบอกกับตัวเองว่า ฉันต้องไปนอนที่นี่ให้ได้
บวกกับตอนนี้ออกจากงานเพื่อมาชาร์จแบตตัวเอง ก็เลยว่างทั้งเดือน
ฮ่าๆ ไม่ต้องถามแล้วนะคะ "เที่ยวบ่อยจัง การงานไม่ทำเหรอ"
ไม่ค่ะ ไม่ทำ ออกแล้วค่ะ มาเที่ยวให้หนำใจก่อน มาทำในสิ่งที่รัก
กระทู้เราไม่ใช่รีวิว ออกแนวเล่าให้ฟังมากกว่า ว่าเจออะไรมา ประทับใจ ไม่ประทับใจอะไร
ทริปนี้รูปน้อยค่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะเขียน เลยลบรูปทิ้ง ซอรี่
หลังจากนั้นเราก็โทรฯติดต่อกับทางบ้านสวนค่ะ ได้ความมาว่า
เดือนตุลาคม เหลือว่างแค่ 2 วันเท่านั้น คือวันที่ 26 กับวันที่ 29
เราดูโปรแกรมต่างๆนานาของตัวเอง 22-25 ภูกระดึง แล้ววันที่ 30 ตุลาฯ มีทำบุญล้างป่าช้า
เราเลยตัดสินใจว่า งั้นจะไปวันที่ 26 เลยก็แล้วกัน เพราะถ้าไปนอนคืน 29 อดไปทำบุญแน่ๆ
ตอนที่จะจองก็คิดแล้วนะคะ ว่าเฮ้ย เพิ่งลงจากภูนะ จะไหวเหรอวะ
แต่ถ้าไม่นอนคืน 26 ก็ไม่รู้จะว่างตอนไหนเลย เอาวะ ตั้งใจแล้วก็ต้องได้ไปดิ
คิดเรียบร้อย รุ่นพี่คนนึงก็เป็นธุระในการติดต่อจองห้องพักให้ค่ะ
โดยติดต่อผ่านทางข้อความของเพจบ้านสวนจันติมา
ทำไมต้องเป็นรุ่นพี่ติดต่อไป ทำไมเราไม่ติดต่อเอง
อืมมมม เราหงุดหงิดทางบ้านสวนค่ะ เพราะเราโทรหา สอบถามวันว่างเรียบร้อย บอกว่าเดี๋ยวจะติดต่อกลับมาใหม่
แต่พอเราโทรไปอีก ไม่รับเลยค่ะ ไม่โทรกลับด้วย ส่งข้อความหาก็ไม่ตอบกลับ
จนเราใช้เบอร์รุ่นพี่โทรไป เอ่า รับเฉยเลย ไมงั้นอะ
พอรุ่นพี่เราวางสายเรียบร้อย เราเลยลองใช้เบอร์เราโทรไปอีกที อยากจะรู้ว่า จะรับหรือเปล่า
ปรากฏว่ารับจ้าาา เราก็ถามว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์เราเลย (น้อยใจ) ปลายสายก็ตอบมาว่า ทางเราไม่รับจองห้องพักทางโรศัพท์ค่ะ ต้องติดต่อผ่านหน้าเพจ เราก็ค่ะ แต่ก็ควรรับหน่อยเนอะ แล้วแจ้งเราก็ได้ เราก็ยินดีจะทำตามเงื่อนไขอยู่แล้ว แค่ไม่เข้าใจทำไมไม่รับแค่นั้นเอง
หลังจากวางสายเรียบร้อย เราก็กรี๊ดๆ งอแง โวยวาย อยากจะไปแต่ก็แบบหงุดหงิดอะ
เลยวานให้รุ่นพี่ช่วยเป็นธุระให้เราหน่อย พอเสร็จเรียบร้อยทางบ้านสวนติดต่อกลับมา
เราก็โอนเงินไปจองค่ะ ในคืนวันที่ 26 ตุลาคม ราคาห้องละ 2,000 บาท
พักได้ 2 คน รวมอาหารเช้า
26.10.15
เราตั้งใจจะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดอุทัยธานี ตอน 10:00 น.
แต่ด้วยเหตุผลนานับประการ ทำให้การเดินทางล่าช้าลง
เราออกเดินทางจาก กรุงเทพฯ โดยขึ้นรถตู้ที่ใต้ทางด่วนอนุสาวรีย์ชัย (ฝั่งพระรามเก้า)
ราคาคนละ 200 บาท เต็มตอนไหน ออกตอนนั้น มาก่อนได้ก่อน มาช้านั่งหลังสุดครัช
เรามาช้าค่ะ หลังสุดเลย บอกได้ว่าโคตรทรมาน แข็ง โดดเด้งไปมา แคบอี๊ก
หนักหนาเอาการ กับชะนีตัวกระเปี๊ยกที่เพิ่งลงจากภูกระดึง
รถออกประมาณบ่ายโมงนิดๆ เราไปถึงจุดที่ต้องลงรถเพื่อเข้าบ้านสวนประมาณห้าโมงเย็น
บอกคนขับรถว่า ลงหน้าวัดจักษาค่ะ แล้วเดินข้ามถนนมาเข้าซอยวัดอีกประมาณร้อยเมตร
ก็จะเจอบ้านสวนจันติมา อยู่ทางซ้ายมือ
เมื่อเข้าไปในบ้านสวน แจ้งชื่อ เก็บของ ทำธุระส่วนตัว และถ่ายรูปเรียบร้อย
ก็ลงมาคุยกับคุณป้าเจ้าของบ้าน ขอยืมจักรยานเพื่อปั่นออกไปหาอะไรทาน
คุณป้าห้ามเสียยกใหญ่ บอกอันตราย และจักรยานไม่มีไฟ ป้าเป็นห่วง
เราเลยบอกคุณป้าว่า เดี๋ยวหนูปั่นไปทานแค่หน้าปากซอยค่ะ แล้วจะรีบกลับมานะคะ (หลอกกกกกกก หนูตั๋ว)
คุณป้าดูท่าทางเป็นกังวล แต่ก็คงไม่อยากยุ่งมากเกินไป เลยอนุญาต
เรากับน้องชายเลือกจักรยานคนละคัน แล้วก็ออกเดินทางกัน
น้องชายถามเจ๊ตกลงเอาไง ไปไหน ทานที่ไหน
เราบอกในเมืองดิวะ
เจ็ดกิโลเลยนะเจ๊
เฮ้ย เมื่อวานก่อนเดินเกือบ 20 กิโลยังเดินได้เลย นี่แค่7 โล ปั่นจักรยานอีก อย่าไปกลัวดิวะ
แล้วเรากับน้องชาย ก็ปั่นค่ะ ปั่นไปสิ ทำไมรู้สึกไกลจังวะ
ขานี่เหมือนไม่มีเรี่ยวแรง ปวดร้าวไปอี๊ก
แต่เราก็เข้ามาในเมืองจนได้ค่ะ ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หิวด้วยทานอะไรดีนะ
ยังไม่ทันจะทาน ก็เห็นเบอร์แปลกโทรมา เราไม่ได้รับค่ะ เลยโทรกลับไป สรุปคุณป้าจ้า ป้าโทรตาม เป็นห่วง
เลยบอกป้าไปว่าทานอยู่ตรงนี้ๆ เดี๋ยวรีบกลับค่ะ (หลอกอีกแล้วววว ขอโทษค่าาา)
เราเลือกทานร้าน 555 ตองห้า ทานง่ายๆแล้วรีบกลับ เพราะกลัวคุณป้าเป็นห่วง
ระหว่างที่ปั่นกลับก็ชมเมืองอุทัยไปด้วย สรุกได้ใจความสั้นๆให้กับตัวเองว่า
" คนอุทัยเป็นคนรักสุขภาพ นอนกับเร็วเชียว บ้านเมืองเงียบสงบมากค่ะ ฮ่าๆ
เรากลับมาถึงบ้านสวน เข้ามานอนดูทีวีในห้องสักพัก คุณป้าก็มาเคาะค่ะ "
ถามว่ากลับมานานหรือยัง ป้าวานแขกอีกบ้านให้พาออกไปตามหา เป็นห่วงมาก กลัวเกิดอะไรไม่ดี
อิฉันรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีเลยค่ะ ที่ขี้ตั๋ว หลอกคุณป้าไป ขอโทษคุณป้ายกใหญ่
ป้าก็บอกไม่เป็นไร ป้าแค่เป็นห่วง ไม่โกรธป้าที่ยุ่งเกินไปใช่มั้ย บลาๆ
หลังจากคุยกันเสร็จ ป้าก็บอกไม่กวนแล้ว พักผ่อนเถอะนะ
ขอบคุณนะคะคุณป้า และขอโทษมากจริงๆ
(เพิ่งมารู้จักรุ่นพี่ทีหลังว่า ป้าโทรหาเค้าด้วย บอกเดี๋ยวหาไรให้ทาน เราจะได้ไม่ต้องออกไป อ๊อยยย ยิ่งรู้สึกผิดไปใหญ่เลย)
บ้านสวนจะมีทั้งหมด 4 หลังค่ะ เรานอนหลังที่2
ส่วนหลังที่สูงที่สุด เป็นหลังที่3 นะคะ เผื่อใครอยากจะมานอนบ้าง
แยกกับคุณป้า เราก็กลับมาอาบน้ำเตรียมเข้านอนค่ะ มาเพื่อพักผ่อนจริงๆ
คืนนี้นอนนี่ มีหิ่งห้อยด้วยนะเธอ สิ่งมีชีวิตเล็กๆที่เราชอบมากที่สุด
สำหรับคืนนี้ราตรีสวัสดิ์
เราตื่นมาประมาณแปดโมงกว่าๆ เตียงที่นี่ดูดวิญญาณมาก ไม่อยากจะตื่นเลย
คุณป้ามาเรียกให้ไปทานอาหารเช้าได้แล้ว
มีข้าวต้มหมู ข้าวต้มกุ้ง โอวัลตินร้อนและแตงโม
เราสามารถตักเอง เติมเท่าไหร่ก็ได้จนกว่าจะอิ่ม
ข้าวต้มรสชาติอร่อยทีเดียวเชียวแหละ อากาศดีๆข้าวต้มร้อนๆ คือฟินนะ
(ลบรูปไปแล้ว เสียใจและเสียดายมากๆ)
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เราก็เข้าไปนอนต่อ
ได้เวลาเช็คเอ้าแล้ว คุณป้าหารถสามล้อไว้ให้ เพื่อให้เค้าพาเราและน้องชายเข้าเมืองค่ะ
ให้พี่คนขับจอดข้างทาง วิ่งลงไปถ่ายรูปกับนาชาวบ้าน
ค่ารถจากบ้านสวนไปร้านข้าวมันไก่โกตี๋ ราคา 80 บาท
คุณป้าบอกข้าวมันไก่ร้านนี้เด็ดมากก แต่เราชอบหมูกรอบกับซุปเยื่อไผ่ค่ะ ข้าวมันไก่เฉยๆ
หลังจากทานข้าวเสร็จก็ต้องกลับกรุงเทพฯเลยค่ะ เรามีธุระด่วน ไม่ได้เที่ยวที่ไหนเลย เสียดายมากๆ
ไว้วันนึงจะกลับมาใหม่ และถ้ามาอุทัยธานี เราก็ยังจะนอนที่บ้านสวนแห่งนี้เหมือนเดิม เราประทับใจในตัวคุณป้า คุณลุง และคุณตะวัน(ผู้ที่ไม่รับโทรศัพท์เราในตอนแรก ฮ่าๆ)
ทำไมถึงประทับใจน่ะเหรอคะ เพราะว่าที่นี่อบอุ่น ดูแลดี ตอนที่เราจะไปคุณตะวันบอก เสียดายที่ไม่ได้อยู่
ไม่งั้นจะพาเที่ยว พาทาน คือเค้าดูแลทุกคนดีจริงๆ ไม่ใช่เฉพาะคนที่มีผลประโยชน์ เราเห็นบางที ที่พอมีบล็อกเกอร์มา
ก็จะดูแลดีเป็นพิเศษ แต่นี่เรา ชะนีตัวเล็กๆที่ไม่มีอะไรเลย คุณตะวันและครอบครัวก็ยังดูแลดี ตรงนี้แหละ ที่เราประทับใจ
[CR] ทริปปล่อยเบลอ มานอนละเมอที่บ้านสวนจันทิตา จ.อุทัยธานี
แล้วบอกกับตัวเองว่า ฉันต้องไปนอนที่นี่ให้ได้
บวกกับตอนนี้ออกจากงานเพื่อมาชาร์จแบตตัวเอง ก็เลยว่างทั้งเดือน
ฮ่าๆ ไม่ต้องถามแล้วนะคะ "เที่ยวบ่อยจัง การงานไม่ทำเหรอ"
ไม่ค่ะ ไม่ทำ ออกแล้วค่ะ มาเที่ยวให้หนำใจก่อน มาทำในสิ่งที่รัก
กระทู้เราไม่ใช่รีวิว ออกแนวเล่าให้ฟังมากกว่า ว่าเจออะไรมา ประทับใจ ไม่ประทับใจอะไร
ทริปนี้รูปน้อยค่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะเขียน เลยลบรูปทิ้ง ซอรี่
หลังจากนั้นเราก็โทรฯติดต่อกับทางบ้านสวนค่ะ ได้ความมาว่า
เดือนตุลาคม เหลือว่างแค่ 2 วันเท่านั้น คือวันที่ 26 กับวันที่ 29
เราดูโปรแกรมต่างๆนานาของตัวเอง 22-25 ภูกระดึง แล้ววันที่ 30 ตุลาฯ มีทำบุญล้างป่าช้า
เราเลยตัดสินใจว่า งั้นจะไปวันที่ 26 เลยก็แล้วกัน เพราะถ้าไปนอนคืน 29 อดไปทำบุญแน่ๆ
ตอนที่จะจองก็คิดแล้วนะคะ ว่าเฮ้ย เพิ่งลงจากภูนะ จะไหวเหรอวะ
แต่ถ้าไม่นอนคืน 26 ก็ไม่รู้จะว่างตอนไหนเลย เอาวะ ตั้งใจแล้วก็ต้องได้ไปดิ
คิดเรียบร้อย รุ่นพี่คนนึงก็เป็นธุระในการติดต่อจองห้องพักให้ค่ะ
โดยติดต่อผ่านทางข้อความของเพจบ้านสวนจันติมา
ทำไมต้องเป็นรุ่นพี่ติดต่อไป ทำไมเราไม่ติดต่อเอง
อืมมมม เราหงุดหงิดทางบ้านสวนค่ะ เพราะเราโทรหา สอบถามวันว่างเรียบร้อย บอกว่าเดี๋ยวจะติดต่อกลับมาใหม่
แต่พอเราโทรไปอีก ไม่รับเลยค่ะ ไม่โทรกลับด้วย ส่งข้อความหาก็ไม่ตอบกลับ
จนเราใช้เบอร์รุ่นพี่โทรไป เอ่า รับเฉยเลย ไมงั้นอะ
พอรุ่นพี่เราวางสายเรียบร้อย เราเลยลองใช้เบอร์เราโทรไปอีกที อยากจะรู้ว่า จะรับหรือเปล่า
ปรากฏว่ารับจ้าาา เราก็ถามว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์เราเลย (น้อยใจ) ปลายสายก็ตอบมาว่า ทางเราไม่รับจองห้องพักทางโรศัพท์ค่ะ ต้องติดต่อผ่านหน้าเพจ เราก็ค่ะ แต่ก็ควรรับหน่อยเนอะ แล้วแจ้งเราก็ได้ เราก็ยินดีจะทำตามเงื่อนไขอยู่แล้ว แค่ไม่เข้าใจทำไมไม่รับแค่นั้นเอง
หลังจากวางสายเรียบร้อย เราก็กรี๊ดๆ งอแง โวยวาย อยากจะไปแต่ก็แบบหงุดหงิดอะ
เลยวานให้รุ่นพี่ช่วยเป็นธุระให้เราหน่อย พอเสร็จเรียบร้อยทางบ้านสวนติดต่อกลับมา
เราก็โอนเงินไปจองค่ะ ในคืนวันที่ 26 ตุลาคม ราคาห้องละ 2,000 บาท
พักได้ 2 คน รวมอาหารเช้า
26.10.15
เราตั้งใจจะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดอุทัยธานี ตอน 10:00 น.
แต่ด้วยเหตุผลนานับประการ ทำให้การเดินทางล่าช้าลง
เราออกเดินทางจาก กรุงเทพฯ โดยขึ้นรถตู้ที่ใต้ทางด่วนอนุสาวรีย์ชัย (ฝั่งพระรามเก้า)
ราคาคนละ 200 บาท เต็มตอนไหน ออกตอนนั้น มาก่อนได้ก่อน มาช้านั่งหลังสุดครัช
เรามาช้าค่ะ หลังสุดเลย บอกได้ว่าโคตรทรมาน แข็ง โดดเด้งไปมา แคบอี๊ก
หนักหนาเอาการ กับชะนีตัวกระเปี๊ยกที่เพิ่งลงจากภูกระดึง
รถออกประมาณบ่ายโมงนิดๆ เราไปถึงจุดที่ต้องลงรถเพื่อเข้าบ้านสวนประมาณห้าโมงเย็น
บอกคนขับรถว่า ลงหน้าวัดจักษาค่ะ แล้วเดินข้ามถนนมาเข้าซอยวัดอีกประมาณร้อยเมตร
ก็จะเจอบ้านสวนจันติมา อยู่ทางซ้ายมือ
เมื่อเข้าไปในบ้านสวน แจ้งชื่อ เก็บของ ทำธุระส่วนตัว และถ่ายรูปเรียบร้อย
ก็ลงมาคุยกับคุณป้าเจ้าของบ้าน ขอยืมจักรยานเพื่อปั่นออกไปหาอะไรทาน
คุณป้าห้ามเสียยกใหญ่ บอกอันตราย และจักรยานไม่มีไฟ ป้าเป็นห่วง
เราเลยบอกคุณป้าว่า เดี๋ยวหนูปั่นไปทานแค่หน้าปากซอยค่ะ แล้วจะรีบกลับมานะคะ (หลอกกกกกกก หนูตั๋ว)
คุณป้าดูท่าทางเป็นกังวล แต่ก็คงไม่อยากยุ่งมากเกินไป เลยอนุญาต
เรากับน้องชายเลือกจักรยานคนละคัน แล้วก็ออกเดินทางกัน
น้องชายถามเจ๊ตกลงเอาไง ไปไหน ทานที่ไหน
เราบอกในเมืองดิวะ
เจ็ดกิโลเลยนะเจ๊
เฮ้ย เมื่อวานก่อนเดินเกือบ 20 กิโลยังเดินได้เลย นี่แค่7 โล ปั่นจักรยานอีก อย่าไปกลัวดิวะ
แล้วเรากับน้องชาย ก็ปั่นค่ะ ปั่นไปสิ ทำไมรู้สึกไกลจังวะ
ขานี่เหมือนไม่มีเรี่ยวแรง ปวดร้าวไปอี๊ก
แต่เราก็เข้ามาในเมืองจนได้ค่ะ ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หิวด้วยทานอะไรดีนะ
ยังไม่ทันจะทาน ก็เห็นเบอร์แปลกโทรมา เราไม่ได้รับค่ะ เลยโทรกลับไป สรุปคุณป้าจ้า ป้าโทรตาม เป็นห่วง
เลยบอกป้าไปว่าทานอยู่ตรงนี้ๆ เดี๋ยวรีบกลับค่ะ (หลอกอีกแล้วววว ขอโทษค่าาา)
เราเลือกทานร้าน 555 ตองห้า ทานง่ายๆแล้วรีบกลับ เพราะกลัวคุณป้าเป็นห่วง
ระหว่างที่ปั่นกลับก็ชมเมืองอุทัยไปด้วย สรุกได้ใจความสั้นๆให้กับตัวเองว่า
" คนอุทัยเป็นคนรักสุขภาพ นอนกับเร็วเชียว บ้านเมืองเงียบสงบมากค่ะ ฮ่าๆ
เรากลับมาถึงบ้านสวน เข้ามานอนดูทีวีในห้องสักพัก คุณป้าก็มาเคาะค่ะ "
ถามว่ากลับมานานหรือยัง ป้าวานแขกอีกบ้านให้พาออกไปตามหา เป็นห่วงมาก กลัวเกิดอะไรไม่ดี
อิฉันรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีเลยค่ะ ที่ขี้ตั๋ว หลอกคุณป้าไป ขอโทษคุณป้ายกใหญ่
ป้าก็บอกไม่เป็นไร ป้าแค่เป็นห่วง ไม่โกรธป้าที่ยุ่งเกินไปใช่มั้ย บลาๆ
หลังจากคุยกันเสร็จ ป้าก็บอกไม่กวนแล้ว พักผ่อนเถอะนะ
ขอบคุณนะคะคุณป้า และขอโทษมากจริงๆ
(เพิ่งมารู้จักรุ่นพี่ทีหลังว่า ป้าโทรหาเค้าด้วย บอกเดี๋ยวหาไรให้ทาน เราจะได้ไม่ต้องออกไป อ๊อยยย ยิ่งรู้สึกผิดไปใหญ่เลย)
บ้านสวนจะมีทั้งหมด 4 หลังค่ะ เรานอนหลังที่2
ส่วนหลังที่สูงที่สุด เป็นหลังที่3 นะคะ เผื่อใครอยากจะมานอนบ้าง
แยกกับคุณป้า เราก็กลับมาอาบน้ำเตรียมเข้านอนค่ะ มาเพื่อพักผ่อนจริงๆ
คืนนี้นอนนี่ มีหิ่งห้อยด้วยนะเธอ สิ่งมีชีวิตเล็กๆที่เราชอบมากที่สุด
สำหรับคืนนี้ราตรีสวัสดิ์
เราตื่นมาประมาณแปดโมงกว่าๆ เตียงที่นี่ดูดวิญญาณมาก ไม่อยากจะตื่นเลย
คุณป้ามาเรียกให้ไปทานอาหารเช้าได้แล้ว
มีข้าวต้มหมู ข้าวต้มกุ้ง โอวัลตินร้อนและแตงโม
เราสามารถตักเอง เติมเท่าไหร่ก็ได้จนกว่าจะอิ่ม
ข้าวต้มรสชาติอร่อยทีเดียวเชียวแหละ อากาศดีๆข้าวต้มร้อนๆ คือฟินนะ
(ลบรูปไปแล้ว เสียใจและเสียดายมากๆ)
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เราก็เข้าไปนอนต่อ
ได้เวลาเช็คเอ้าแล้ว คุณป้าหารถสามล้อไว้ให้ เพื่อให้เค้าพาเราและน้องชายเข้าเมืองค่ะ
ให้พี่คนขับจอดข้างทาง วิ่งลงไปถ่ายรูปกับนาชาวบ้าน
ค่ารถจากบ้านสวนไปร้านข้าวมันไก่โกตี๋ ราคา 80 บาท
คุณป้าบอกข้าวมันไก่ร้านนี้เด็ดมากก แต่เราชอบหมูกรอบกับซุปเยื่อไผ่ค่ะ ข้าวมันไก่เฉยๆ
หลังจากทานข้าวเสร็จก็ต้องกลับกรุงเทพฯเลยค่ะ เรามีธุระด่วน ไม่ได้เที่ยวที่ไหนเลย เสียดายมากๆ
ไว้วันนึงจะกลับมาใหม่ และถ้ามาอุทัยธานี เราก็ยังจะนอนที่บ้านสวนแห่งนี้เหมือนเดิม เราประทับใจในตัวคุณป้า คุณลุง และคุณตะวัน(ผู้ที่ไม่รับโทรศัพท์เราในตอนแรก ฮ่าๆ)
ทำไมถึงประทับใจน่ะเหรอคะ เพราะว่าที่นี่อบอุ่น ดูแลดี ตอนที่เราจะไปคุณตะวันบอก เสียดายที่ไม่ได้อยู่
ไม่งั้นจะพาเที่ยว พาทาน คือเค้าดูแลทุกคนดีจริงๆ ไม่ใช่เฉพาะคนที่มีผลประโยชน์ เราเห็นบางที ที่พอมีบล็อกเกอร์มา
ก็จะดูแลดีเป็นพิเศษ แต่นี่เรา ชะนีตัวเล็กๆที่ไม่มีอะไรเลย คุณตะวันและครอบครัวก็ยังดูแลดี ตรงนี้แหละ ที่เราประทับใจ