สังคมในชนบทมันไม่ได้สวยงามอย่างที่เราคิดเหรอคะ

มีใครเคยคิดแบบเราไหมคะ ว่าบางทีก็อยากไปอยู่ชนบท ไปใช้ชีวิตเรียบง่ายตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
ปลูกผักปลูกหญ้ากินเอง ชนบทอากาศก็ดี ค่าครองชีพไม่สูง ผู้คนก็มีน้ำใจ แหม่ยังกะเมืองในฝันที่เราดูกันในละครเลยทีเดียว
แต่ความคิดก็เหมือนถูกทุบด้วยค้อนใหญ่ยักษ์ ความคิดนั้นก็พังทะลายลงทันที เมื่อคนที่เคยอยู่ชนบทจริงๆ บอกมันไม่เป็นเช่นนั้น อย่ามโน!!!

เริ่มจากคนใกล้ตัวเรามากๆ คือแฟนเรา มีพื้นเพอยู่ในจังหวัดนึงทางอีสานใต้ เข้ามาใช้ชีวิตในกรุงเทพได้ 20 กว่าปี
จากสาวโรงงานค่อยๆพัฒนาตัวเองด้วยการเรียนรามจนจบป.ตรี ผันตัวเข้าทำงานเอกชนตามวุฒิที่สูงขึ้น
สุดท้ายช่วงอายุ 30 กว่า พอมองเห็นลู่ทางก็ออกมาทำธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ ทำเงินได้มากกว่าเงินเดือนเดิมถึง 3 เท่าตัว
ด้วยความเป็นคนประหยัด เคยลำบากมาก่อน ถึงหาได้มากก็ไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย แต่มีเงินพอจะปลดหนี้ที่ดินให้ที่บ้านได้หมด
ซื้อบ้านกับห้องชุดเป็นของตัวเองในกทม.ได้ แต่ไม่มีรถ ด้วยเหตุผลคือ ขับไม่เป็น และคงไม่คิดจะขับ ขี้กลัว
เวลากลับบ้าน ก็ไปเฉยๆ แต่งตัวธรรมดา ไม่ได้มีทองหยองใส่ไปเพราะกลัวหาย แต่มีเงินไปให้พ่อแม่ทุกครั้ง
คนแถวบ้านก็นินทา ว่ามาอยู่กทม.ตั้งนานไม่เห็นรวยสักที (โดยชีวัดจากการไม่มีรถ) แฟนบอกแม่พูดให้ฟังแต่ดีที่แม่แกไม่คิดอะไร
ขนาดน้องสาวแฟนไปเรียนต่อ ป.โท คนในหมู่บ้านก็พูดหาว่าจะเรียนทำไม ใครเขาจะจ้าง เรียนจะจบเหรอไม่ใช่ง่ายๆนะ
(แต่ก็จบแล้วเหอะ)
น้องสาวแฟนเคยเต้นกับเรื่องพวกนี้ ถึงกับจะออกรถไปขับโชว์ให้รู้แล้วรู้รอด ดีที่แฟนกับแม่เขาเตือนสติไว้ ว่าอย่าหาเรื่องมีหนี้
อืม.....

เพื่อน 1 : เป็นคนบ้านเดียวกับแฟนเรา (บังเอิญ) นางเป็นกะเทย เก่ง ขยัน อึด ทำงานหาเงินได้ที่ละมากอยู่ มีทองหยองมากมาย
อุปกรณ์ IT ทันสมัย จะกลับบ้านแต่ละทีนางจะโทรมาชวนเราไปช้อปปิ้งเสื้อผ้าใหม่ รองเท้ากระเป๋าใหม่ (เราแค่ไปช่วยเลือก)
เวลากลับบ้านนางจะใส่เสื้อผ้าใหม่ตลอด แฟชั่นจัด แบรนด์เนมทั้งตัว ทองที่มีใส่แทบทุกส่วนของร่างกาย ยังกะตู้ทองเคลื่อนที่
พอกลับมากทม.ก็มักมีเพื่อน มีญาติโทรมาขอยืมตังค์เพราะคิดว่านางรวยมากกกก (เพื่อนตั้งแต่สมัยอนุบาลยังโทรมาเลย)
เราเคยถามว่าทำไมต้องทำแบบนั้น เห็นไหมมีแต่คนจ้องจะมาเอาของแก คำตอบนางมันทำให้เราได้คิด
"ไม่อวดไม่ได้หรอก ลับหลังนินทาฉันกันจะตาย นินทาแม่ฉันว่ามีลูกเป็นกะเทยจะไปได้กี่น้ำ ฉันจะทำให้พวกปากดีมันเห็นว่ากรูมีอันจะกิน
กรูไม่ใช่กระจอก ให้มันรู้ไปเลย จะได้ไม่มานินทาแม่กรูอีก"
อืม.....

เพื่อน 2 : เป็นคนภาคตะวันออกติดชายแดน ชีวิตดี๊ดีรับราชการ กินอยู่ประหยัด กู้เงินไปสร้างบ้านให้พ่อแม่ เครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ทั้งหลัง
เมียกำลังท้อง แพลนไว้ว่าถ้าคลอดแล้วจะเอาไปให้แม่เลี้ยงที่บ้าน วันก่อนชวนเราไปกินข้าวพร้อมระบายความทุกข์ให้ฟัง
ว่าพ่อมันไปฟังญาติพี่น้องเขาเกทับว่าเนี่ยลูกเอาหลานมาให้เลี้ยงส่งค่าเลี้ยงดูให้เดือนละหมื่น ฟังอย่างนั้นพ่อก็โทรมากดดัน
ว่าถ้าจะเอาลูกมาให้เลี้ยง พ่อขอค่าเลี้ยงดู 5-6,000 นี่ยังไม่รวมค่านม ค่าของใช้ลูกนะ เพื่อนเราก็เครียด
พยายามอธิบายพ่อว่าตัวเองก็มีหนี้ที่กู้ไปสร้างให้ ไหนจะหนี้บัตรเครดิตที่รูดซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าอีก พ่อแกก็งอน
ส่วนแม่มันก็เข้าใจเพื่อนเรานะ เลยเป็นเหตุให้แม่ทะเลาะกับพ่ออีก ทางฝั่งบ้านแม่ยายเขาก็แก่มากแล้วคงเลี้ยงหลานไม่ไหว  
อืม....

เพื่อนบ้าน : เป็นคนอีสาน จังหวัดใหญ่ที่มีคนเป็นดาราดังหลายคน บ้านมีที่นาอยู่บ้าง แม่กับพ่อก็ทำไปขำๆ ส่วนใหญ่ก็ลูกส่งเงินให้
บ้านช่องพอดูดี ลูกเต้ามีรถมีบ้านทุกคน ติดแต่ว่าพ่อแม่ติดที่เลยไม่ยอมไปอยู่ กทม. ไม่รู้คนในหมู่บ้านอิจฉาอะไรแก
ปล่อยข่าวลือว่าแม่แกเป็นปอบ ข่าวสะพัดไปยังหมู่บ้านข้างๆ ผู้คนพากันนินทาว่าร้าย รังเกียจ
จนเพื่อนบ้านเรามีอันต้องได้กลับบ้านไปทำเรื่องแจ้งความดำเนินคดี
อืม....

เรื่องทั้งหลายที่เราฟังมา เราคุยกับแฟน แฟนเราบอกชนบทมันไม่ได้อยู่ง่ายเหมือนที่คิด
ผู้คนแก่งแย่งชิงดี อวดร่ำอวดรวย อวดลูกอวดหลาน แข่งขันสูง ใครบ้าตามคำคนก็ต้องหาเรื่องไปสร้างหนี้เพื่อให้ได้ทรัพย์สินมาอวดกัน
ที่เจ็บกว่านั้นคนที่นินทาว่าร้าย มักเป็นญาติพี่น้องกันเอง และมักชี้วัดความรวยด้วยการมีรถขับกับมีทอง
คือในความเป็นจริงมันแบบนี้ส่วนใหญ่เลยเหรอคะ แล้วไอ้ที่เราเห็นในละคร ในโทรทัศน์
ว่าชนบทรักใคร่กลมเกลียว ช่วยเหลือกันนี่มันภาพลวงตาเหรอคะ

**ขอแท็ก มนุษย์เงินเดือนด้วยนะคะ เพราะเชื่อว่ามนุษย์เงินเดือนหลายคนคงเคยเจออะไรแบบนี้
***กระทู้ไม่ได้มีเจตนาดูถูก แบ่งแยกใดๆนะคะ จขกท ก็คนบ้านนอก
****ขออย่าดราม่านะคะ อยากให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างสร้างสรรค์
อมยิ้ม17
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่