นิยายออนไลน์ รูมเมทร้ายกับยัยน่ารัก บทที่ 14

บทที่ 14 แล้วฝากด้วยนะคะ ติดตามอ่านย้อนหลังตามลิ้งค์ข้างล่างค่า
บทที่ 1 http://ppantip.com/topic/34309672
บทที่ 2 http://ppantip.com/topic/34312776
บทที่ 3 http://ppantip.com/topic/34318241
บทที่ 4 http://ppantip.com/topic/34324517
บทที่ 5 http://ppantip.com/topic/34331346
บทที่ 6 http://ppantip.com/topic/34340038
บทที่ 7 http://ppantip.com/topic/34349167
บทที่ 8 http://ppantip.com/topic/34361425
บทที่ 9 http://ppantip.com/topic/34366412
บทที่ 10 http://ppantip.com/topic/34375149
บทที่ 11 http://ppantip.com/topic/34381076
บทที่ 12 http://ppantip.com/topic/34391357
บทที่ 13 http://ppantip.com/topic/34399747
ป.ล. มาต่อตอนที่ 15 สัปดาห์หน้านะคะ ตอนนี้ติดเรทหน่อยจะโดนอุ้มมั้ย
แหะๆ แต่ก็ฝากด้วยนะค๊า ^^
-----------------------------------------------------------

บทที่ 14: พอได้แล้ว

        “พวกคุณทำอะไรทำไมไม่คิดถึงคนอื่นบ้าง ความเสียหายแค่นี้ผมรับผิดชอบเองได้ แต่ผมอยากให้พวกคุณคิดมากๆ ก่อนที่จะทำอะไร” นั่นเสียงอะไรกันนะ โอ๊ยเจ็บหัวจัง

        “แล้วคุณดูเพื่อนคุณด้วย เค้าสมควรมาเจ็บตัวกับความอารมณ์ร้อนของพวกคุณไหม” ฉันลืมตาขึ้นมาก็พบกับคุณนิกรที่ยืนว่า พีท และกรอยู่ โดยทั้ง 2 ช่วยกันเก็บของที่พื้นกันอยู่

        “ยังไงถ้าจะเรียกค่าเสียหายคุณโทรมาเบอร์นี้ได้เลยครับ ผมขอตัวก่อนและเดี๋ยวผมจะพาเกี๊ยวกลับไปด้วย” พีทพูด และกำลังเดินตรงมาที่ฉัน

        “เธอตื่นแล้วเหรอ” พีทพูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามา และเห็นฉันกำลังลืมตาอยู่ ฉันจึงลุกขึ้นยืน โอ๊ย..เจ็บแผลจริงๆ

        ตอนนี้ทั้งคุณนิกร และกรเพื่อนของฉันต่างก็หันมามองที่ฉันอย่างเป็นห่วง

        “ไม่เป็นไรนะเกี๊ยว” กรถามขึ้น ฉันจึงพยักหน้า และยิ้มให้เค้า

        “คุณนิคค่ะ เรื่องนี้เกี๊ยวขอรับผิดชอบด้วยการลาออกเองค่ะ” ฉันพูดออกไป ทั้งพีท และกรดูตกใจกันมาก ส่วนคุณนิกรนั้นยิ้มเบาๆ ก่อนที่จะพูด

        “นี่ไม่ใช่ความผิดเธอ ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็ไม่ได้แก่เกินที่จะเข้าใจทุกฝ่ายนะ”

        “ไม่ค่ะ ตอนนี้เกี๊ยวอยากหยุดพัก ให้เกี๊ยวลาออกเพื่อรับผิดชอบงานนี้เถอะค่ะ” ฉันยังคงต้องการที่จะรับผิดชอบเรื่องทั้งหมด ดูแล้วตอนนี้คุณนิกรก็ดูหนักใจอยู่เหมือนกัน

        “เอาเป็นว่าผมจะยังไม่อนุมัตินะ ให้คุณกลับไปพักให้สบายใจก่อน แล้วหายเหนื่อยจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้แล้วกัน เพราะคุณนั้นถือเป็นบุคลากรที่ดีของบริษัทเรา” คุณนิกรยิ้มพร้อมกับขอตัวออกไป เหลือเพียงฉันกับพีท และกร

        “กร ฉันขอโทษนายนะที่ไม่เคยรู้ความรู้สึกของนายมาก่อนเลย แต่เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม” ฉันพูดกับกร และยิ้มให้เค้า ท่าทางกรดูเป็นห่วงฉันอย่างมาก เค้าไม่ได้พูดเพียงแต่ยิ้มตอบกลับฉัน แล้วฉันจึงเข้าไปกอดกร และพูดต่อ

        “ฉันหายเหนื่อยแล้ว เราค่อยเจอกันนะ” กรพยักหน้ารับ แล้วฉันจึงขอตัว และเดินเข้าไปหาพีท

        “ไปกันเถอะ” ฉันพูดขึ้นหลังจากร่ำลากับกรเสร็จ แล้วจึงเข้าไปจับมือนายพีทไว้

        “เกี๊ยวเธอไม่เป็นอะไรแน่ใช่ไหม” พีทถามออกมาอย่างเป็นห่วง ซึ่ง..เค้าก็คงเป็นห่วงผู้หญิงคนอื่นอย่างนี้ไปทั่วสินะ

        “ไม่เป็นไรหรอก ไปกันเถอะ” ฉันไม่ได้พูดว่าอะไรเค้าได้แต่พยายามพาเค้ากลับ ฉันจะไม่คิดอีกแล้วไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ตอนนี้ฉันอยากจะพัก อยากจะออกไปจากเมืองหลวงนี้ อยากกลับไปหาป๊า และแม่ของฉัน


        ณ คอนโดLuxury Life..

        “อยากกินอะไรไหมเกี๊ยว เดี๋ยวฉันทำให้” พีทถามขึ้นเมื่อเราถึงที่ห้องพัก

        ฉันส่ายหน้า ตลอดทางกลับคอนโดตอนที่อยู่บนรถเรายังไม่ได้คุยกันเลยแม่แต่คำเดียว

        พีทหันหน้ามาหาฉัน เค้าใช้นิ้วลูบไปตามถุงใต้ตาของฉัน ก่อนที่จะพูด

        “นี่ฉันทำเธอร้องไห้อีกแล้วเหรอ เธอฟังฉันหน่อยได้ไหม..” ก่อนที่เค้าจะแก้ตัวอะไรอีก ฉันก็ใช้มือปิดปากเค้าเอาไว้

        “ไม่ต้องพูดแล้ว..นะ ฉันจะลืมๆ มันไป” ฉันยิ้มให้เค้า ก่อนที่จะผละตัวออก และเดินไปที่ห้องนอนของตัวเอง

        “ขออยู่ในนี้สักพักนะ อีกแป๊บเดียว เดี๋ยวฉันมา” ฉันพูดก่อนที่จะปิดประตูห้อง สีหน้าของเค้าดูไม่ค่อยอยากจะปล่อยฉันไปนัก

        แต่ขอเถอะนะให้ฉันอยู่คนเดียวสักนิดก็ยังดี..


        เวลา 19.30 น..

        ฉันเตรียมเก็บของที่ฉันเอามาทั้งหมดใส่กระเป๋าใบเดิม ฉันทำทุกอย่างเตรียมไว้ เผื่อว่ามันจะต้องใช้.. ซึ่งฉันใช้เวลาที่อยู่ในห้องนี้นานกว่า 4 ชั่วโมง เอาล่ะได้เวลาออกไปเผชิญความจริง ข้างนอกแล้ว

        ‘แอ๊ดด’ ฉันเปิดประตูออกไป ภายนอกห้องนั้นดูเงียบๆ เหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่ที่ส่วนรับแขก ฉันจึงเดินเข้าไปที่ครัว..ก็นะต่อให้เครียดยังไง ท้องฉันก็ร้องได้อยู่ดี ก็มันหิวนี่น่า..

        เมื่อเดินผ่านเข้ามาในครัวก็ต้องตกใจ เพราะคนที่ฉันมองหาเมื่อครู่นี้กำลังยืนทำอาหารอยู่ด้านในนี่เอง

        ฉันแอบนั่งลงที่เก้าอี้หลังเคาเตอร์ ซึ่งเค้าก็หันหลังให้ฉันอยู่ เค้าดูน่ารักเสมอเวลาที่ตั้งใจทำอาหาร

        “ฮืม~ ฮืมม” นายพีทฮัมเพลงออกมาขณะที่กำลังทำอาหารอยู่

        “อารมณ์ดีจังนะ” ฉันพูดออกไป

        อีตาพีทสะดุ้งสุดตัว แต่ยังจับทัพพีไว้ได้ก่อนที่จะหันมา

        “อ้าว ออกมาแล้วเหรอ” เค้ายิ้มให้ฉัน ก่อนที่จะหันกลับไปผัดต่อ

        ฉันคิดแล้วว่าวันนี้ฉันจะตามใจตัวเอง โดยไม่เอาเรื่องอื่นเค้ามาคิดอีก ว่าแล้วฉันจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเดินเข้าไปหาพีท ก่อนที่จะกอดเค้าจากทางด้านหลัง

        “วันนี้มีอะไรกินเหรอ” ฉันถามพีท ตอนนี้หน้าของฉันแนบอยู่ที่หลังของเค้า

        “วันนี้ฉันจะทำพาสต้าให้เธอกิน ว่าแต่เธอป่วยรึเปล่าเนี่ยทำไมอ้อนอย่างกับลูกแมว..แปลกๆ นะเราเนี่ย” พีทพูดพร้อมกับหันกลับไปผัดซอสต่อ

        “นายไม่อยากให้ฉันอ้อนเหรอ” ฉันถามพลางเอาหัวไซร้หลังพีท

        นายพีทวางทัพพีที่คนซอสอยู่ ก่อนที่จะหันกลับมา พีทใช้ทั้ง 2 มือจับแขนฉันเอาไว้ ก่อนที่จะเอาหน้าผากของเค้าเข้ามาอังหน้าผากของฉัน

        “อืมมม.. ก็ไม่ได้มีไข้นี่น่า” พีทพูดก่อนที่จะหันกลับไป และทำอาหารต่ออีกครั้ง

        ฉันปล่อยตัวเค้า และกลับมานั่งมองที่เดิม ฉันอยากจะให้เวลาตอนช่วงนี้หยุดลง ฉันจะได้อยู่แบบมีความสุขกับเค้าไปนานๆ

        “อ่า~ เสร็จแล้ว” พีทพูดขึ้นเมื่อจัดโต๊ะอาหารเรียบร้อย แล้วเค้าก็ลุกขึ้น และเดินไปที่ห้องนอนของเค้า

        “นายจะไปไหน ไม่กินกับฉันเหรอ” ฉันตะโกนถามเค้า

        พีทไม่ได้ตอบฉัน เค้าเข้าไปในห้องสักพักก่อนที่จะเดินออกมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาล

        “นี่เป็นผู้หญิงประเภทไหนเนี่ย ไม่ดูแลแผลตัวเองเลย เดี๋ยวก็เป็นแผลเป็นจนได้” เค้าพูดขึ้นก่อนที่จะเข้ามาจับแผลที่หัวฉัน ซึ่งฉันลืมจัดการมันไปเลย

        “ช่างมัน..” พีทไม่ฟังฉันพูด เค้าก็เริ่มเทน้ำเกลือใส่สำลีก่อนที่จะค่อยๆ เช็ดคราบเลือกที่หน้าผากฉันอย่างเบามือ

        “เจ็บไหม ยัยเน่า” เค้าถามขึ้นมาขณะที่กำลังทำแผลให้ฉัน ฉันส่ายหน้าตอบ

        “โอ๊ย!” แต่ไม่เท่าไหร่เมื่อน้ำเกลือโดนที่แผลฉันมันแสบจริงๆ แหละ

        “นั่นแหน่ะ ทำเป็นเก่ง ร้องซะดังเชียว” พีทพูด และขำออกมา ซึ่งตอนนี้เค้าเปลี่ยนมาใช้แอลกอฮอล์เช็ดรอบๆ แผลของฉันแล้ว

        “ฉันขอโทษนะเกี๊ยว” พีทพูดขึ้นมาอีกครั้ง

        “ฉันเสร่อเองล่ะ แต่ใครเค้าสอนให้นายแรงเยอะอย่างนั้นล่ะ” ฉันพูดพลางเบ้ปากใส่เค้า

        พีทขำพร้อมกับนำผ้าก๊อตมาแปะที่แผลฉัน เค้าค่อยๆ บรรจงแปะสก็อตเทปอย่างเบามือ เมื่อเสร็จแล้วพีทก็โน้มตัวเข้ามา และจรดริมฝีปากของเค้าที่ผ้าก๊อตผืนนั้น

        “หายไว้ๆ นะเน่า” จะรู้สึกโรแมนติกดีไหมเนี่ยที่เค้าเรียกฉันว่าเน่า ฮ่าๆ

        “ป่ะ กินข้าวเย็นกันเถอะ” เค้าพูดพลางหันฉันกลับไปที่โต๊ะอาหาร

        เราทั้งคู่ต่างคนต่างจัดการอาหารที่อยู่ตรงหน้า และพูดคุยกันบ้างบนโต๊ะอาหารอย่างยิ้มแย้ม ชอบบรรยากาศแบบนี้จัง ชอบที่เราไม่ทะเลาะกัน ชอบที่เค้า..อยู่กับฉันคนเดียว


        เวลา 22.30 น..

        พวกเราจัดการทำความสะอาดเครื่องครัวจานชามเรียบร้อย และกลับมานั่งเตรียมตัวดูหนังที่โซฟากลางห้อง

        “เดี๋ยวฉันไปหยิบขนมนะ” ฉันพูดขึ้น ก่อนที่จะลุกจากโซฟา แต่แล้วตัวของฉันก็ถูกเหวี่ยงขึ้นไปในอ้อมแขนของพีท

        “ฉันพาไปเอง” เค้ายิ้มให้ฉัน ตอนนี้ฉันถูกเค้าอุ้มอยู่ ฉันได้แต่เกี่ยวแขนไว้ที่คอของพีท เพื่อไม่ให้ฉันตกลงมา

        “แค่นี้เองจะอุ้มทำไมเนี้ย” ฉันบ่นพีท

        “ก็เธอป่วยอยู่นิ” เค้าพูดพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข

        “นี่ฉันหัวแตกนะ ไม่ใช่ขาหักซะหน่อย..” เค้าก้มลงมาจูบที่ริมฝีปากของฉันก่อนที่ฉันจะพูดจบ

        “ถึงครัวแล้ว เลิกบ่นแล้วหยิบขนมซะ ยัยบื้อ” พีทพูด

        ฉันได้แต่ก้มหน้าหงุดๆ และเอื้อมไปหยิบขนมที่วางอยู่บนเคาเตอร์ แล้วนายพีทก็เดินกลับไปที่โซฟา

        จากนั้นเราทั้งคู่จึงได้เริ่มดูหนังกัน..


        เวลา 23.20 น..

        หนังดำเนินมาถึงช่วงที่พระเอกกับนางเอกเริ่มสวีทกัน และตาพีทก็เริ่มหื่นเช่นกัน..

        ‘หมับ’

        พีทคว้ามือฉัน ตอนนี้มือของเค้าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ จะทำอะไรของเค้ากันนะ

        “นายคิดเรื่องหื่นๆ อีกแล้วใช่ไหม” ฉันถามขึ้นเมื่อนายนั่นหันหน้ามามองฉัน

        “เธอรู้ไหมว่ามันยากมากเมื่อเป็นเธอ เพราะเมื่อก่อนกับผู้หญิงคนอื่น ฉันทำทุกอย่างได้สบายมาก” พีทพูดออกมาพร้อมกับมองตาฉัน

        “ทำไมล่ะ เพราะฉันดันไม่ใช่สเปกนายใช่ไหม” ฉันถามพีทกลับไป

        พีทส่ายหัว ก่อนที่จะหันกลับมาตอบฉัน

        “ไม่เลย มันแปลกนะ ตอนแรกเธอไม่ใช่แบบที่ฉันชอบ..ไม่เลย” เค้าพูดพร้อมกับบีบมือฉันแน่นขึ้น และยังคงพูดต่อเรื่อยๆ

        “แต่ท้ายที่สุดเธอกลับเป็นทุกอย่างที่ฉันต้องการ..ตลอดเกือบ 5 เดือนที่ผ่านมา เธอค่อยๆ เข้ามาในชีวิตของฉัน ค่อยๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงฉัน..ฉันอยากให้เธอรู้ และอยากให้เธอมั่นใจว่าฉันรักเธอ รักเธอมากจริงๆ และฉันไม่ได้พูดมันเพื่อที่จะหลอกเธอ” พีทยังคงจ้องฉันอยู่อย่างนั้น

        เค้าค่อยๆ เลื่อนใบหน้าของเค้าเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น และพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

        “ฉันอยากให้เธอรู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มัน..” แต่ฉันไม่อยากรับฟังคำพูดของเค้า ไม่อยากมาคิด หรือสงสัยว่าเค้าจะแก้ตัวอะไรอีก ฉันตัดสินใจปล่อยตัวเองไปตามหัวใจ ทำในสิ่งที่ฉันอยากทำ ฉันตัดสินใจแล้ว

        ‘อุ๊บ’ ปากของพีทถูกปิดก่อนที่จะพูดจบ

        ริมฝีปากของเค้า และฉันตอนนี้มันกำลังประกบกัน ฉันตัดสินใจปิดปากเค้าด้วยปากของฉันเอง ช่วงแรกพีทดูตกใจเล็กน้อยที่ฉันเป็นคนรุก แต่ก็ไม่นานนักเค้าก็กลับมานำเกมส์ได้อย่างสบาย

        เราจูบกันอย่างเนิ่นนาน แล้วพีทจึงเคลื่อนตัว และดันฉันนอนลงไปที่โซฟา จนตอนนี้หัวของฉันติดกับพนักพิงของโซฟา ซึ่งตัวฉันนั้นไม่รู้ว่ากระดุมเสื้อเชิ้ตที่ฉันใส่อยู่ได้ถูกปลดออกหมดตั้งแต่เมื่อไหร่ ส่วนพีทเองก็อยู่ในสภาพที่เปลือยเปล่าในท่อนบน

        “เกี๊ยวเธอแน่ใจนะว่าเราจะทำ..อย่างนี้กัน” พีทถามขึ้นมาอย่างจริงจัง ฉันได้แต่พยักหน้า

        “ฉันรักเธอนะเกี๊ยว” เค้ายิ้ม และก้มลงมาจูบฉันอย่างแผ่วเบา

        เค้าค่อยๆ ไล่ริมฝีปากเคลื่อนไปจากใบหน้าฉันลงไปที่ลำคอ ก่อนที่จะอ้อยอิ่งซุกไซร้อยู่นาน แล้วจึงย้ายต่ำลงไป มันทำให้จิตใจของฉันเตลิดเปิดเปิงไปหมด

        เราดำเนินบทรักต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเราเผลอหลับไปทั้งคู่..


        เวลา 04.00 น..

        ฉันตื่นขึ้นมาในช่วงเช้ามืด ตามที่ฉันตั้งใจไว้ เค้ายังคงกอดร่างกายที่เปลือยเปล่าของฉันอยู่ ก่อนที่ฉันจะค่อยๆ แทรกตัวหลุดออกมาจากวงแขนของเค้า ซึ่งตอนนี้นายพีทก็ยังคงนอนต่ออย่างไม่รู้เรื่อง

        ฉันแต่งตัวในห้องนอนเงียบๆ และลากกระเป๋าผ่านห้องรับแขกมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู ก่อนที่จะแวะวางค่าเช่าห้องเดือนนี้ให้เค้าที่โต๊ะวางโทรทัศน์ พร้อมกับโน๊ตจดหมายสั้นๆ ที่ฉันเตรียมไว้

        “ลาก่อนนะพีท” ฉันกระซิบกับร่างใหญ่เบาๆ ก่อนที่จะจรดจมูกของตัวเองกับแก้มของเค้า โดยที่พีทไม่ได้รู้สึกตัวแม้แต่นิดเดียว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่