มนุษย์สองหน้า ๕ พ.ย.๕๘

กระทู้สนทนา
บันทึกของผู้เฒ่า

มนุษย์สองหน้า


เมื่อไม่นานมานี้ มีสุภาพสตรีท่านหนึ่งเข้ามาอ่านเรื่องในบล็อกของ"เจียวต้าย" แล้วปรารภว่า อ่านเรื่องที่เขียนแล้วรู้สึกว่า คนเขียนเป็นมนุษย์สองร่าง (หรือสองวิญญาณ หรืออะไรทำนองนี้จำไม่ได้)หรือว่าสองบุคคลิค

รู้สึกสดุ้ง เพราะเคยได้มีประสบการณ์ เมื่อเข้ามาเขียนหนังสือใน ถนนนักเขียน ใหม่ ๆ มีนักเขียนหญิงท่านหนึ่ง ชมเชยว่าเราว่าเป็นคนขวางโลก อยากจะนำบุคคลิคอันนี้ไปเป็นนิสัยของพระเอก ในเรื่องต่อไป

เรากลับรู้สึกโกรธ เพราะคำว่า ขวางโลก ไม่ใช่คำยกย่อง จึงตอบขยายความออกไปตามความคิดในขณะนั้น ซึ่งจำไม่ได้เสียแล้ว แต่ทำให้เธอผู้นั้นโกรธมาก และเลิกคุยกับเราไปเลย ซึ่งทำให้เราเสียใจมาก และไม่ทราบว่า บัดนี้เธอได้เป็นนักเขียนอาชีพมีชื่อเสียงแล้วหรือยัง

คราวนี้ตั้งสติถามกลับไปว่า สองบุคคลิคอย่าง ดอกเตอร์ เจนกิ้นส์ กับ มิสเตอร์ ไฮด์ หรือเปล่า
เธอผู้นี้ตอบว่า ไม่ใช่ คือในด้านหนึ่งเป็นทหาร น่าจะมีแต่คนที่มีความเข้มแข็ง หรือแข็งกระด้าง แต่ในข้อเขียนดูเป็นคนใจบุญสุนทาน มันขัดกันมากเลย

จึงค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย ขอบคุณเธอไปว่า เพราะสันดานคงเป็นคนใจบุญ แต่มีอาชีพเป็นทหาร ก็ยังทำบุญให้ทานอยู่ จึงทำให้รอดปลอดภัยการ เกี่ยวข้องกับการผจญภัยอันตรายใดใดไปได้อย่างประหลาด

เมื่อตอบท่านผู้นี้ไปแล้วก็กลับมานึกถึงชีวิตจริงที่ผ่านมา มันก็แปลก แต่เดิมเมื่อยังเด็กก็ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษอะไร เล่นพิเรนไปตามประสาเด็กหัวอ่อน เพื่อนชวนไปทางไหนก็ไปทางนั้น
ตามประสาเด็กยากจน หรือเด็กในสลัมเดี๋ยวนี้

แต่เมื่อโตขึ้นก็ทำงานทำการ ด้วยน้ำพักน้ำแรง เป็นกรรมกรใช้แรงงาน หรือชายขนม ก็อดทนพากเพียรทำโดยไม่ย่อท้อ เพื่อการดำรงชีวิต จนสุดท้ายอายุเข้าเกณฑ์ทหาร ก็พอดีอยู่ระหว่างสงครามเกาหลี คิดจะสมัครไปเป็นทหารราบอาสาไปสงครามเกาหลี แต่ไม่ได้สมัคร จับได้ใบแดง เขาให้ไปเป็นทหารราบ อยู่ในกองร้อย กองบัญชาการกองทัพภาคที่ ๑ หน่วยเล็กนิดเดียว

แต่ได้พบผู้บังคับหมู่ที่เคยเป็นนักเรียนมัธยมชั้นเดียวกัน กลับมาจากสมรภูมิเกาหลีด้วยเหรียญกล้าหาญ เป็นวีรบุรุษของหน่วยเลย แต่ตนเองก็ไม่ได้ไปสนามกับเขา ฝึกเบื้องต้นเสร็จต้องเข้ัาโรงพยาบาล ด้วยการผ่าตัดไส้เลื่อนแทน

เมื่อหายดีก็สมัครเข้าเรียนหลักสูตรนักเรียนนายสิบทหารสื่อสาร ออกรับราชการเป็นนายสิบเสมียน อยู่ในกองบัญชาการ กรมการทหารสื่อสารจนเป็นสิบเอก ก็ได้ถูกส่งตัวไปช่วยราชการที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทีพบก สนามเป้า จนเป็นจ่าสิบเอก ระหว่างนั้นมีสงครามอินโดจีน ระหว่างฝ่ายโลกเสรีกับฝ่ายคอมมิวนิสต์ อยู่ทั้งในเวียตนาม เขมร และลาว

ประเทศไทยเป็นพันธมิตรกับอเมริกา มีการส่งทหารอาสาสมัครไปรบในประเทศแถบอินโดจีน และมีเพื่อนนักเรียนนายสิบรุ่นเดียวกัน สมัครไปสนาม แล้วก็ลับมาเขียนเล่าเรื่องราวการรบ จนเป็นนักเขียนมีชื่อเสียงโด่งดัง

ก็มีญาติผู้ใหญ่ทางแม่บ้าน เป็นนายทหารเสนาธิการ ท่านชวนให้สมัครไปเป็นทหารอาสา เพราะมีรายได้พิเศษสูงกว่าเงินเดือนหลายเท่า แต่เราก็ปฏิเสธว่า ผมไปช่วยราชการทางทีวีแล้ว ท่านก็คงคิดว่าไอ้นี่ตาขาว

แต่น่าคิดว่าผมช่วยราชการอยู่ในห้องแอร์ออกอากาศอย่างสบาย จะไปตรากตรำฝ่ากระสุนปืนในสนามรบได้อย่างไร แม้จะมีรายได้น้อยกว่า แต่ก็มีความสุขมากกว่าอย่างแน่นอน

ครั้นเป็นนายทหารระดับร้อยโท ไม่ได้ทำงานทางทีวี และผ่าตัดโรคไส้เลื่อนอีกข้างหนึ่งแล้ว สงครามอินโดจีนก็ยังไม่เลิก กลายเป็นสงครามเวียตนามที่ กองทัพอเมริกาเข้าไปเกี่ยวข้องเต็มตัว มีการส่งทหารไทยไปร่วมรบ และทหารสื่อสารมีอัตราอยู่ในกองพลอาสาสมัครนั้นระดับกองพัน

ก็อยากจะสมัครไปรบบ้าง แต่ยศยังไม่ถึงอัตราที่เขาจะบรรจุ จึงต้องรอผลัดต่อไป พอดีสงครามนี้ก็เลิกลง โดยฝ่ายคอมมิวนิสต์ชนะ ฝ่ายอเมริกาถอนทหารกลับบ้านไป ทำให้เราอดไปราชการสนามตามความตั้งใจ

ต่อมาถึง พ.ศ.๒๕๒๕ ได้เริ่มศึกษาธรรมะจากคำสอนของท่าน พุทธทาสภิกขุ อย่างจริงจังและเอาไปปฏิบัติด้วยตนเอง ทั้งการรักษาศืล ฟังธรรม และประพฤติปฏิบัติตามคำสอน จากวัดชลประทานรังสฤ๋ดิ์ด้วย ก็เลยเป็นคนใจบุญสุนทาน และหมั่นละกิเลสอยู่เป็นประจำ

จนถึงเกษียณอายุราชการใน พ.ศ.๒๕๓๕ จึงเขียนหนังสืออิงธรรมะธรรมโม หรือมีคติธรรมทางพุทธศาสนามากขึ้น จนเข้ามาเขียนในพันทิป อย่างที่เล่าข้างต้น จนถึงปัจจุบัน

เมื่อนึกถึงคำพูดของท่านสุภาพสตรีนักอ่าน ที่ข้างต้นเรื่อง แล้วก็เห็นจริง จึงต้องยอมรับสภาพมนุษย์สองหน้า หรือสองบุคลิคตามที่เธอกล่าว อย่างไม่มีทางเถียงเป็นแน่แท้.

#############
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่