***เรื่องจริงทั้งหมดครับ(ถ้าไม่จำผิด ซึ่งอาจจะผิดผลาดในส่วนปลีกย่อยนิดหน่อยนะครับ) อาจจะขอสงวนชื่อบุคคลและสถานที่ไว้หน่อยนะครับ***
นึกย้อนกลับไปสมัยเรียน
กท. ช่วงเย็นรถติดมากนะครับ ผมและเพื่อนๆ จึงมักเตร็ดเตร่ที่คณะจนค่ำ หาข้าวเย็นทานแล้วค่อยกลับบ้าน
ครั้งนึงติดรถรุ่นพี่กลับ แกก็แวะส่งคนโน้นคนนี้ตามทาง ผมเองบ้านใกล้บ้านแกที่สุด เลยลงคนสุดท้าย
แกก็ส่งหน้าหมู่บ้าน จนถึงปากซอยบ้านผม เดินตามถนนของโครงการก็เกือบๆ ครึ่งกม. บางช่วงก็เงียบๆ บางช่วงก็มีร้านอาหารแผงลอยรวมๆ กันขาย เลี้ยวเข้าย่อยซอยอีกราวร้อยเมตรก็ถึงบ้าน ผมเดินเข้าทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ
แต่วันนี้รู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่ลงรถมา เหมือนมีใครเดินตาม ยิ่งเปลี่ยวเท่าไร ยิ่งรู้สึกชัดขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งเลี้ยวเข้าซอยย่อย ตอนนี้ไม่มีร้านค้าอะไรให้พึ่งแล้ว เกือบสี่ทุ่ม ต่างคนต่างเข้าบ้านกันหมดมีแต่แสงไปสลัวๆ จากทีวีบ้าง จากไฟห้องบ้าง นอกจากจะไม่ได้ช่วยให้เห็นทาง ยังจะช่วยสร้างบรรยากาศให้วังเวงมากขึ้น จนถึงกลางซอย จะย้อนกลับไปปากซอย นั่งยิ้มให้แม่ค้าก็ใช่ที่ จะเร่งฝีเท้าให้ถึงบ้านก็เหมือนไกลเหลือเกิน เอาน่า ไม่เห็นอะไรชัดๆ ซักหน่อย อาจจะคิดไปเอง นึกได้แค่นั้นก็เหมือนมีเสียงฝีเท้าก้าว อย่างกับจงใฟจให้ดังชัดๆ ตามมาติดๆ ชัดจนเข้าใจความรู้สึกว่า ขนหัวลุกมันเป็นยังไง มันรู้สึกจากก้นกบ ไล่ขึ้นมากลางหลัง จนรู้สึกเหมือนผมตั้งทั้งหัว
รีบเปิดประตูเข้าบ้านแทบไม่ทัน... เงียบๆ ไว้ ทำไม่รู้ไม่ชี้ อาจจะไม่มีอะไรก็ได้...
ขึ้นบ้าน ทักทายบิดามารดา คุณแม่ถามปนข้องใจ ด้วยแววตาแปลกๆ ว่าใครมาส่ง? งงๆ บอกพี่ที่คณะ ส่งปากซอย มีไรรึเปล่าครับ?
คุณแม่พยักหน้าเข้าใจ สีหน้าไตร่ตรองครุ่นคิด คุณลูกเริ่มหน้าเสีย ไม่มีเหตุผลที่แม่จะสงสัยพี่ที่ขับรถมาส่ง ห่างจากประตูบ้านกว่า ๖๐๐ เมตร
แม่บอกว่าได้ยินเสียงหน้าประตูบ้าน มากันหลายคนเหมือนเด็กๆ ดูคึกคัก สนุกสนาน แว่วๆ ว่า อ้าว เข้าบ้านไม่ได้ พวกเรา กลับกันดีกว่า...
ขุ่นแม่ถามว่า ไปแวะที่ไหนแปลกๆกันมารึเปล่า ที่ๆ ต้องเปิดรถน่ะ
นึกถึงว่า แวะส่งเพื่อนคนนึง มีศาลข้างทาง มีพวงมาลัยเยอะๆ จนน่าสงสัย
ก็คงน่าสงสัยว่าใช่ล่ะครับ
เกือบ ๒๐ ปีแล้ว นึกถึงก็ยังขนลุกไม่หาย
https://mobile.facebook.com/Were-all-friends-887134834673363/?ref=bookmarks
เพื่อนมาส่ง(เรื่องจริงจ้า)
นึกย้อนกลับไปสมัยเรียน
กท. ช่วงเย็นรถติดมากนะครับ ผมและเพื่อนๆ จึงมักเตร็ดเตร่ที่คณะจนค่ำ หาข้าวเย็นทานแล้วค่อยกลับบ้าน
ครั้งนึงติดรถรุ่นพี่กลับ แกก็แวะส่งคนโน้นคนนี้ตามทาง ผมเองบ้านใกล้บ้านแกที่สุด เลยลงคนสุดท้าย
แกก็ส่งหน้าหมู่บ้าน จนถึงปากซอยบ้านผม เดินตามถนนของโครงการก็เกือบๆ ครึ่งกม. บางช่วงก็เงียบๆ บางช่วงก็มีร้านอาหารแผงลอยรวมๆ กันขาย เลี้ยวเข้าย่อยซอยอีกราวร้อยเมตรก็ถึงบ้าน ผมเดินเข้าทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ
แต่วันนี้รู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่ลงรถมา เหมือนมีใครเดินตาม ยิ่งเปลี่ยวเท่าไร ยิ่งรู้สึกชัดขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งเลี้ยวเข้าซอยย่อย ตอนนี้ไม่มีร้านค้าอะไรให้พึ่งแล้ว เกือบสี่ทุ่ม ต่างคนต่างเข้าบ้านกันหมดมีแต่แสงไปสลัวๆ จากทีวีบ้าง จากไฟห้องบ้าง นอกจากจะไม่ได้ช่วยให้เห็นทาง ยังจะช่วยสร้างบรรยากาศให้วังเวงมากขึ้น จนถึงกลางซอย จะย้อนกลับไปปากซอย นั่งยิ้มให้แม่ค้าก็ใช่ที่ จะเร่งฝีเท้าให้ถึงบ้านก็เหมือนไกลเหลือเกิน เอาน่า ไม่เห็นอะไรชัดๆ ซักหน่อย อาจจะคิดไปเอง นึกได้แค่นั้นก็เหมือนมีเสียงฝีเท้าก้าว อย่างกับจงใฟจให้ดังชัดๆ ตามมาติดๆ ชัดจนเข้าใจความรู้สึกว่า ขนหัวลุกมันเป็นยังไง มันรู้สึกจากก้นกบ ไล่ขึ้นมากลางหลัง จนรู้สึกเหมือนผมตั้งทั้งหัว
รีบเปิดประตูเข้าบ้านแทบไม่ทัน... เงียบๆ ไว้ ทำไม่รู้ไม่ชี้ อาจจะไม่มีอะไรก็ได้...
ขึ้นบ้าน ทักทายบิดามารดา คุณแม่ถามปนข้องใจ ด้วยแววตาแปลกๆ ว่าใครมาส่ง? งงๆ บอกพี่ที่คณะ ส่งปากซอย มีไรรึเปล่าครับ?
คุณแม่พยักหน้าเข้าใจ สีหน้าไตร่ตรองครุ่นคิด คุณลูกเริ่มหน้าเสีย ไม่มีเหตุผลที่แม่จะสงสัยพี่ที่ขับรถมาส่ง ห่างจากประตูบ้านกว่า ๖๐๐ เมตร
แม่บอกว่าได้ยินเสียงหน้าประตูบ้าน มากันหลายคนเหมือนเด็กๆ ดูคึกคัก สนุกสนาน แว่วๆ ว่า อ้าว เข้าบ้านไม่ได้ พวกเรา กลับกันดีกว่า...
ขุ่นแม่ถามว่า ไปแวะที่ไหนแปลกๆกันมารึเปล่า ที่ๆ ต้องเปิดรถน่ะ
นึกถึงว่า แวะส่งเพื่อนคนนึง มีศาลข้างทาง มีพวงมาลัยเยอะๆ จนน่าสงสัย
ก็คงน่าสงสัยว่าใช่ล่ะครับ
เกือบ ๒๐ ปีแล้ว นึกถึงก็ยังขนลุกไม่หาย
https://mobile.facebook.com/Were-all-friends-887134834673363/?ref=bookmarks