สวัสดีค่ะ หลังจากที่ไปดูทีมชาติเยอรมันจบไป มาต่อกับตอนที่ 2กัน เราจะพาทุกคนตามไปดูทีมชาติเบลเยียม ทีมชาติน้องใหม่ที่แสนมาแรงในเวทียุโรป ซึ่งมีนักเตะมีชื่อเสียงและอายุยังน้อยในทีมชาตินี้อย่างมากมาย
ขอฝากกระทู้แรกด้วยนะคะ
"บอลพาไป" ตอนที่ 1 แฮปปี้กับทีมชาติเยอรมัน
http://ppantip.com/topic/34380154
เกริ่นที่มากับการที่เราได้มาเชียร์เบลเยียมเสียหน่อย เราตามเบลเยียมมาประมาณ 2-3 ปีแล้วค่ะ เป็นช่วงหลังจากที่เควิน เดอบรุย์น สมัยอยู่เชลซีแล้วถูกยืมตัวมาแวร์เดอร์ เบรเมน หากใครดูบุนเดสลีกาก็อาจจะพอทราบๆบ้างว่าช่วงปีหลังๆมานี้ เบรเมนไม่ใช่ทีมที่เก่งเหมือนแต่ก่อน บอลยุโรปก็ไม่ได้ไปมาหลายปี แถมบางปียังหนีตกชั้นอีก พอเดอ บรุย์นมา เหมือนทำให้เบรเมนกลับมามีสีสันอีกครั้งนึง จริงๆช่วงเขาอยู่เราก็ไม่ได้สนใจเขามากเท่าไหร่เพราะเห็นว่าเป็นนักเตะยืม มาแล้วเดี๋ยวก็ไป รู้แต่ว่าเก่งพอตัวและอายุยังน้อยด้วย แต่เขาสร้างความน่าสนใจให้เบรเมนในทุกเกมส์ที่เขาลงจริงๆ ทำให้เราสนใจในตัวเขา แถมเมื่อช่วงที่เชลซีมาไทยปี2013 เราได้มีโอกาสเจอเดอ บรุย์น
เราทำป้ายนี้ไปเรียกเขากับอาซาร์และลูคาคุค่ะตอนนั้น และทวิตไปหา เขารีทวิตเราด้วย 555
เขาเป็นคนไม่ค่อยเดินเข้ามาหาแฟนบอลค่ะ แนวไม่ค่อยเฟรนด์ลี่ และไม่ค่อยมีคนเรียกเขาด้วย มีแต่เสียงเราดังแว้ดๆตอนเขาเดินมา 555 แบบวันที่เราตามเขาที่ไทย เรียกอยู่หลายวันก็ไม่มา จนต้องทวิตไปตัดพ้อ ตอนนั้นตกใจมากที่เขารีทวิต 555 สุดท้ายคืนก่อนกลับ เราเลยได้ลายเซ็นของเขาในรูปเสื้อแวร์เดอร์ เบรเมน
หลังจากนั้นเลยติดตามมาตลอด แต่นั่นก็ยังไม่ใช่เหตุผลที่เรามาดูเบลเยียม อ่าว แล้วจะเล่าเพื่อ 55555
เราเป็นแฟนบอลเยอรมันแต่บอลอังกฤษเราก็พอติดตามบ้าง เราชอบซิตี้ ตรงนี้จะไม่เล่าอะไรมาก แต่มันมีอยู่ช่วงนึงที่กัปตันทีมของซิตี้ แวงซองต์ ก็อมปานี เขาเป็นคนเบลเยียม ก็อมปานีมีปัญหากับมันชินี โค้ชคนเก่า ช่วงที่เขาเจ็บแต่ทีมชาติก็ยังให้เขาลง ด้วยความสงสัยว่าทำไมจะต้องลง กลัวกัปตันทีมกับโค้ชมีปัญหากัน เราเลยตามไปดูเขาในทีมชาติค่ะ อ้า เข้าเรื่องๆๆแล้ว 555 นั่นทำให้เจอทีมนึงที่น่าสนใจ เบลเยียมเป็นทีมที่สดใหม่อย่างมาก นักเตะแต่ละคนมีความสามารถเฉพาะตัว แบบว่าหลายคนเป็นตัวท็อปของทีมต่างๆละมารวมตัวกัน มันเจ๋งดีอ่ะ แม้ว่าตอนนี้เราไม่ค่อยปลื้มแท็คติกโยนบอลของวิลม็อตส์ โค้ชเบลเยียมเท่าไหร่ แต่ตอนที่เราดูช่วงแรกๆเบลเยียมน่าสนใจมากอย่างบอกไม่ถูก ตอนนั้นอันดับโลกในตารางของเบลเยียมอยู่ประมาณที่ 19หรือ20 นัดที่เราเริ่มได้ดูน่าจะเป็นช่วงบอลโลกรอบคัดเลือกที่พบมาซิโดเนีย แถมเรายังเจอเดอ บรุย์นในเบลเยียมที่เล่นได้ดีไม่แพ้ตอนอยู่เบรเมนเลย และนี่ก็เลยทำให้เราตามดูเบลเยียมมาตั้งแต่นั้น เพราะคิดว่าทีมนี้ต้องมาไกลแน่ โดยมีเดอบรุยน์เป็นนักเตะหลักที่เราตามดูมาตลอดเวลาที่เชียร์เบลเยียม ดูไปดูมาหลายปีเข้าก็รู้จักทุกคนในทีมหมดเลย รู้ว่าใครสนิทกับใคร ใครชอบแกล้งใคร ใครตลก ใครขรึม ใครเบลอ ใครโดนแกล้งบ่อย ใครเคยทะเลาะกับใครบ้าง 555 แถมทำให้เรามาตามดูจูปิแลร์ลีก ลีกของทีมชาติด้วย แม้จะยังไม่เป็นที่นิยมมาก แต่เบลเยียมหลายคนก่อนจะมีชื่อเสียงก็มาจากที่นี่กันทั้งนั้น
เอาล่ะ เกริ่นซะยาว เราเลยอยากไปดูเบลเยียมสักนัดนึง ซึ่งการไปเที่ยวดูบอลในครั้งนี้เราก็อยากให้มันครอบคลุมทีมชาติที่เราอยากดูทั้ง 2 ทีมไปเลย คือไปทั้งที ได้ดูมันทั้งเยอรมัน ทั้งเบลเยียมเลยสิ ไม่ต้องเสียเที่ยว เราเลยดูตารางช่วงที่เราจะไปดูเยอรมันว่าเบลเยียมแข่งวันไหน อ้ะ วันที่ 13 เบลเยียมมีแข่งยูโร รอบคัดเลือกกับอิสราเอลในบ้าน ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายของยูโรรอบคัดเลือกด้วย เหมาะเหม็งมาก มีเวลาเดินทางทันแน่นอน ต่อจากตอนที่แล้วตอนแรกเราวางแผนเอาไว้ให้ลิมิตเวลารอนักเตะเยอรมันที่โรงแรมได้ถึงบ่ายโมงสี่สิบค่ะ ซึ่งเราคิดอยู่แล้วว่านักเตะคงไม่เช็คเอ้าท์เกินเที่ยงแน่ๆดังนั้นไม่น่าจะพลาด แล้วเราจะถึงที่บรัสเซลส์เกือบ 4 ทุ่ม แต่ความเป็นจริงคือนักเตะออกกันเช้ามากเลยค่ะ โอซิลที่เราเจอเขา ออกเป็นคนสุดท้ายเพิ่ง11โมงเอง พอผู้ชายกลับหมด เราก็เคว้งค่ะ 55555 #ไม่ใช่ แต่กลับเร็วก็ดี เราก็มีเวลาเดินกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรมและมาที่สถานีเพื่อหาอะไรกิน เราเลยเช็คตารางรถไฟอีกรอบว่าก่อน 13.40 มีรอบไหนที่จะไปบรัสเซลส์อีกมั้ย ปรากฎว่ามีรอบ 12.40 ค่ะ เราเลยหาอะไรกินและนั่งรอรถไฟมา
มาถึงตรงนี้ เราจะขอพูดถึงตั๋วรถไฟสำหรับการเดินทางระหว่างเมืองต่างๆเสียหน่อย การเดินทางของเรามีกำหนดเวลาที่ไม่แน่นอนเท่าไหร่และตลอดทริปเราไปหลายเมือง เราจึงคิดว่าการซื้อตั๋วรถไฟแบบเหมาจะคุ้มกว่า เราจึงใช้บริการของ German Rail pass ซึ่งจะสามารถนั่งรถไฟของการรถไฟแห่งชาติเยอรมนี Deutsche Bahn หรือ DB ได้แบบไม่จำกัดจำนวนเที่ยวและระยะทาง ทั้งรถ ICE, IC, RB, RE ฯลฯ ง่ายๆคือให้สังเกตตราสัญลักษณ์ DB ข้างๆรถนั่นเอง
ตั๋วรถไฟมีหน้าตาเป็นแบบนี้
มีให้เลือกหลายแบบทั้งแบบเดินทางติดต่อกันหรือแบบเดินทางไม่ติดกันใช้ภายใน 1 เดือนอะไรแบบนี้ มีให้เลือกทั้งชั้น 1และชั้น 2 ค่ะ ส่วนตัวเราเลือกชั้น 1 เพื่อความสะดวก เป็นบัตรแบบtwins เดินทางคู่กับน้องอีกคนนึงค่ะ ค่าโดยสารจะถูกกว่าแบบเดินทางคนเดียว
ราคาของเรลพาสประเภทต่างๆเราสามารถเลือกแบบที่เหมาะสมกับทริปของเราได้ค่ะ เราซื้อกับตัวแทนจำหน่ายจากไทยที่เพจนี้ สามารถสอบถามข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับเรลพาสได้เลย
https://www.facebook.com/Railgermany/
และเรลพาสนี้ยังสามารถเดินทางออกนอกเยอรมันได้ในเส้นทางที่กำหนดไว้ตามนี้ด้วย
ดังนั้นการไปบรัสเซลส์ของเรา มันจึงอยู่ในเงื่อนไขนี้ แต่ว่า แต่ว่า จากที่เราได้สอบถามตัวแทนจำหน่ายในไทยนั้น เขาบอกว่าเราสามารถเดินทางไปกลับบรัสเซลส์ได้ค่ะ แต่ต้องเป็นในเส้นทางที่กำหนดเท่านั้น ตามในรูปนี้
โดยสามารถเดินทางไปบรัสเซลส์ได้ 2 ทางคือ ไม่ว่าเราจะอยู่เมืองไหน ให้เราเดินทางมาที่ 2 เมืองนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะไปบรัสเซลส์ได้ ซึ่งก็มี
1. Dusseldorf เราจะเดินทางไปบรัสเซลส์โดย รถ IC Bus ได้
2. Cologne เราจะเดินทางไปบรัสเซลส์ด้วยรถไฟ ICE ได้
พูดง่ายๆก็คือตอนนี้เราอยู่ไลพ์ซิกเราก็เลือกนั่งรถไฟมาหยุดที่ดุสเซลดอร์ฟหรือโคโลญจน์ก็ได้เพื่อต่อรถไปบรัสเซลส์ เราเลือกมาที่โคโลญจน์ค่ะ และรถไฟรอบ 12.40 ที่เราเลือกนั้นเราเช็คแล้วคือรอบที่มาต่อรถในโคโลญจน์ รอบอื่นไม่ได้ มีอีกทีคือ 13.40 รอบสุดท้ายของวันที่เราบอกไปตอนแรก เราก็เดินทางมาจากไลพ์ซิก ต่อรถที่โคโลญจน์รอประมาณ 1-2ชั่วโมง(วันนั้นรถไฟดีเลย์ด้วยค่ะ เลยมีเวลารอนาน หิวก็หาของกินกันไป ไม่รีบร้อนดีเลย์ก็ไม่เป็นไร)
ไปถ่ายมหาวิหารโคโลญจน์มาด้วย อยู่หลังสถานีรถไฟเลย ใหญ่โตมาก ช่วงนั้นเริ่มจะมืดแล้วค่ะ
เจอรถที่มีตราสโมสรแพะบ้า เอฟซี โคโลญจน์
พอรถมาเราก็นั่งรถไปจนถึงบรัสเซลส์โดยสวัสดิภาพ บอกไว้อีกนิดนึง ICEชั้น 1จะมีwifiให้เล่นฟรี แต่พอเข้าตัวประเทศเบลเยียมปุ๊บ wifiตัดปั๊บเลยค่ะ เราตกใจเลยอ่ะ เอ้า มันไม่ได้เล่นได้ตลอดเส้นทางหรอกหรอ แง เลยนั่งหง่าวไปจนสุดทางตอนนั้นก็มืดแล้วจะมองวิวก็ไม่เห็น
อีกอย่างนึงสถานีรถไฟที่เราไปลงนั้นคือสถานีรถไฟบรัสเซลส์ใต้หรือ Bruxelles-Midi / Brussel-Zuid ค่ะ บรัสเซลส์จะมีสถานีเหนือ กลาง ใต้ ซึ่งสถานีใต้นั้นจะมีรถไฟให้เลือกมากกว่า หลายสายที่ออกไปต่างเมืองจะเริ่มจากตรงนี้ สถานีกลางจะเป็นสถานีรวมแหล่งท่องเที่ยวทำนองนั้นค่ะ แต่จะลงที่ไหนก็ได้นะ เพราะตอนที่เราไปจากโคโลญจน์ ผ่านทุกสถานีเลย
หลังจากนั้นเราก็เข้าโรงแรม เช็คอิน และนอนหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
วันรุ่งขึ้นคือวันที่ 13 เป็นวันแข่งแล้ว เราตื่นแต่เช้าออกมาสำรวจเมืองบรัสเซลส์ เราใส่เสื้อและผ้าพันคอบอลออกมาเลย เพราะจะไม่เข้าโรงแรมแล้ว จะตียาวจนถึงดึกเลย
นี่คือโรงแรมที่เราพักและบริเวณรอบๆ
[CR] รีวิวประสบการณ์"บอลพาไป" ดูบอลที่เยอรมันและเบลเยียม ตอนที่ 2 ตะลุยทีมชาติเบลเยียม
ขอฝากกระทู้แรกด้วยนะคะ "บอลพาไป" ตอนที่ 1 แฮปปี้กับทีมชาติเยอรมัน
http://ppantip.com/topic/34380154
เกริ่นที่มากับการที่เราได้มาเชียร์เบลเยียมเสียหน่อย เราตามเบลเยียมมาประมาณ 2-3 ปีแล้วค่ะ เป็นช่วงหลังจากที่เควิน เดอบรุย์น สมัยอยู่เชลซีแล้วถูกยืมตัวมาแวร์เดอร์ เบรเมน หากใครดูบุนเดสลีกาก็อาจจะพอทราบๆบ้างว่าช่วงปีหลังๆมานี้ เบรเมนไม่ใช่ทีมที่เก่งเหมือนแต่ก่อน บอลยุโรปก็ไม่ได้ไปมาหลายปี แถมบางปียังหนีตกชั้นอีก พอเดอ บรุย์นมา เหมือนทำให้เบรเมนกลับมามีสีสันอีกครั้งนึง จริงๆช่วงเขาอยู่เราก็ไม่ได้สนใจเขามากเท่าไหร่เพราะเห็นว่าเป็นนักเตะยืม มาแล้วเดี๋ยวก็ไป รู้แต่ว่าเก่งพอตัวและอายุยังน้อยด้วย แต่เขาสร้างความน่าสนใจให้เบรเมนในทุกเกมส์ที่เขาลงจริงๆ ทำให้เราสนใจในตัวเขา แถมเมื่อช่วงที่เชลซีมาไทยปี2013 เราได้มีโอกาสเจอเดอ บรุย์น
เราทำป้ายนี้ไปเรียกเขากับอาซาร์และลูคาคุค่ะตอนนั้น และทวิตไปหา เขารีทวิตเราด้วย 555
เขาเป็นคนไม่ค่อยเดินเข้ามาหาแฟนบอลค่ะ แนวไม่ค่อยเฟรนด์ลี่ และไม่ค่อยมีคนเรียกเขาด้วย มีแต่เสียงเราดังแว้ดๆตอนเขาเดินมา 555 แบบวันที่เราตามเขาที่ไทย เรียกอยู่หลายวันก็ไม่มา จนต้องทวิตไปตัดพ้อ ตอนนั้นตกใจมากที่เขารีทวิต 555 สุดท้ายคืนก่อนกลับ เราเลยได้ลายเซ็นของเขาในรูปเสื้อแวร์เดอร์ เบรเมน
หลังจากนั้นเลยติดตามมาตลอด แต่นั่นก็ยังไม่ใช่เหตุผลที่เรามาดูเบลเยียม อ่าว แล้วจะเล่าเพื่อ 55555
เราเป็นแฟนบอลเยอรมันแต่บอลอังกฤษเราก็พอติดตามบ้าง เราชอบซิตี้ ตรงนี้จะไม่เล่าอะไรมาก แต่มันมีอยู่ช่วงนึงที่กัปตันทีมของซิตี้ แวงซองต์ ก็อมปานี เขาเป็นคนเบลเยียม ก็อมปานีมีปัญหากับมันชินี โค้ชคนเก่า ช่วงที่เขาเจ็บแต่ทีมชาติก็ยังให้เขาลง ด้วยความสงสัยว่าทำไมจะต้องลง กลัวกัปตันทีมกับโค้ชมีปัญหากัน เราเลยตามไปดูเขาในทีมชาติค่ะ อ้า เข้าเรื่องๆๆแล้ว 555 นั่นทำให้เจอทีมนึงที่น่าสนใจ เบลเยียมเป็นทีมที่สดใหม่อย่างมาก นักเตะแต่ละคนมีความสามารถเฉพาะตัว แบบว่าหลายคนเป็นตัวท็อปของทีมต่างๆละมารวมตัวกัน มันเจ๋งดีอ่ะ แม้ว่าตอนนี้เราไม่ค่อยปลื้มแท็คติกโยนบอลของวิลม็อตส์ โค้ชเบลเยียมเท่าไหร่ แต่ตอนที่เราดูช่วงแรกๆเบลเยียมน่าสนใจมากอย่างบอกไม่ถูก ตอนนั้นอันดับโลกในตารางของเบลเยียมอยู่ประมาณที่ 19หรือ20 นัดที่เราเริ่มได้ดูน่าจะเป็นช่วงบอลโลกรอบคัดเลือกที่พบมาซิโดเนีย แถมเรายังเจอเดอ บรุย์นในเบลเยียมที่เล่นได้ดีไม่แพ้ตอนอยู่เบรเมนเลย และนี่ก็เลยทำให้เราตามดูเบลเยียมมาตั้งแต่นั้น เพราะคิดว่าทีมนี้ต้องมาไกลแน่ โดยมีเดอบรุยน์เป็นนักเตะหลักที่เราตามดูมาตลอดเวลาที่เชียร์เบลเยียม ดูไปดูมาหลายปีเข้าก็รู้จักทุกคนในทีมหมดเลย รู้ว่าใครสนิทกับใคร ใครชอบแกล้งใคร ใครตลก ใครขรึม ใครเบลอ ใครโดนแกล้งบ่อย ใครเคยทะเลาะกับใครบ้าง 555 แถมทำให้เรามาตามดูจูปิแลร์ลีก ลีกของทีมชาติด้วย แม้จะยังไม่เป็นที่นิยมมาก แต่เบลเยียมหลายคนก่อนจะมีชื่อเสียงก็มาจากที่นี่กันทั้งนั้น
เอาล่ะ เกริ่นซะยาว เราเลยอยากไปดูเบลเยียมสักนัดนึง ซึ่งการไปเที่ยวดูบอลในครั้งนี้เราก็อยากให้มันครอบคลุมทีมชาติที่เราอยากดูทั้ง 2 ทีมไปเลย คือไปทั้งที ได้ดูมันทั้งเยอรมัน ทั้งเบลเยียมเลยสิ ไม่ต้องเสียเที่ยว เราเลยดูตารางช่วงที่เราจะไปดูเยอรมันว่าเบลเยียมแข่งวันไหน อ้ะ วันที่ 13 เบลเยียมมีแข่งยูโร รอบคัดเลือกกับอิสราเอลในบ้าน ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายของยูโรรอบคัดเลือกด้วย เหมาะเหม็งมาก มีเวลาเดินทางทันแน่นอน ต่อจากตอนที่แล้วตอนแรกเราวางแผนเอาไว้ให้ลิมิตเวลารอนักเตะเยอรมันที่โรงแรมได้ถึงบ่ายโมงสี่สิบค่ะ ซึ่งเราคิดอยู่แล้วว่านักเตะคงไม่เช็คเอ้าท์เกินเที่ยงแน่ๆดังนั้นไม่น่าจะพลาด แล้วเราจะถึงที่บรัสเซลส์เกือบ 4 ทุ่ม แต่ความเป็นจริงคือนักเตะออกกันเช้ามากเลยค่ะ โอซิลที่เราเจอเขา ออกเป็นคนสุดท้ายเพิ่ง11โมงเอง พอผู้ชายกลับหมด เราก็เคว้งค่ะ 55555 #ไม่ใช่ แต่กลับเร็วก็ดี เราก็มีเวลาเดินกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรมและมาที่สถานีเพื่อหาอะไรกิน เราเลยเช็คตารางรถไฟอีกรอบว่าก่อน 13.40 มีรอบไหนที่จะไปบรัสเซลส์อีกมั้ย ปรากฎว่ามีรอบ 12.40 ค่ะ เราเลยหาอะไรกินและนั่งรอรถไฟมา
มาถึงตรงนี้ เราจะขอพูดถึงตั๋วรถไฟสำหรับการเดินทางระหว่างเมืองต่างๆเสียหน่อย การเดินทางของเรามีกำหนดเวลาที่ไม่แน่นอนเท่าไหร่และตลอดทริปเราไปหลายเมือง เราจึงคิดว่าการซื้อตั๋วรถไฟแบบเหมาจะคุ้มกว่า เราจึงใช้บริการของ German Rail pass ซึ่งจะสามารถนั่งรถไฟของการรถไฟแห่งชาติเยอรมนี Deutsche Bahn หรือ DB ได้แบบไม่จำกัดจำนวนเที่ยวและระยะทาง ทั้งรถ ICE, IC, RB, RE ฯลฯ ง่ายๆคือให้สังเกตตราสัญลักษณ์ DB ข้างๆรถนั่นเอง
ตั๋วรถไฟมีหน้าตาเป็นแบบนี้
มีให้เลือกหลายแบบทั้งแบบเดินทางติดต่อกันหรือแบบเดินทางไม่ติดกันใช้ภายใน 1 เดือนอะไรแบบนี้ มีให้เลือกทั้งชั้น 1และชั้น 2 ค่ะ ส่วนตัวเราเลือกชั้น 1 เพื่อความสะดวก เป็นบัตรแบบtwins เดินทางคู่กับน้องอีกคนนึงค่ะ ค่าโดยสารจะถูกกว่าแบบเดินทางคนเดียว
ราคาของเรลพาสประเภทต่างๆเราสามารถเลือกแบบที่เหมาะสมกับทริปของเราได้ค่ะ เราซื้อกับตัวแทนจำหน่ายจากไทยที่เพจนี้ สามารถสอบถามข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับเรลพาสได้เลย
https://www.facebook.com/Railgermany/
และเรลพาสนี้ยังสามารถเดินทางออกนอกเยอรมันได้ในเส้นทางที่กำหนดไว้ตามนี้ด้วย
ดังนั้นการไปบรัสเซลส์ของเรา มันจึงอยู่ในเงื่อนไขนี้ แต่ว่า แต่ว่า จากที่เราได้สอบถามตัวแทนจำหน่ายในไทยนั้น เขาบอกว่าเราสามารถเดินทางไปกลับบรัสเซลส์ได้ค่ะ แต่ต้องเป็นในเส้นทางที่กำหนดเท่านั้น ตามในรูปนี้
โดยสามารถเดินทางไปบรัสเซลส์ได้ 2 ทางคือ ไม่ว่าเราจะอยู่เมืองไหน ให้เราเดินทางมาที่ 2 เมืองนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะไปบรัสเซลส์ได้ ซึ่งก็มี
1. Dusseldorf เราจะเดินทางไปบรัสเซลส์โดย รถ IC Bus ได้
2. Cologne เราจะเดินทางไปบรัสเซลส์ด้วยรถไฟ ICE ได้
พูดง่ายๆก็คือตอนนี้เราอยู่ไลพ์ซิกเราก็เลือกนั่งรถไฟมาหยุดที่ดุสเซลดอร์ฟหรือโคโลญจน์ก็ได้เพื่อต่อรถไปบรัสเซลส์ เราเลือกมาที่โคโลญจน์ค่ะ และรถไฟรอบ 12.40 ที่เราเลือกนั้นเราเช็คแล้วคือรอบที่มาต่อรถในโคโลญจน์ รอบอื่นไม่ได้ มีอีกทีคือ 13.40 รอบสุดท้ายของวันที่เราบอกไปตอนแรก เราก็เดินทางมาจากไลพ์ซิก ต่อรถที่โคโลญจน์รอประมาณ 1-2ชั่วโมง(วันนั้นรถไฟดีเลย์ด้วยค่ะ เลยมีเวลารอนาน หิวก็หาของกินกันไป ไม่รีบร้อนดีเลย์ก็ไม่เป็นไร)
ไปถ่ายมหาวิหารโคโลญจน์มาด้วย อยู่หลังสถานีรถไฟเลย ใหญ่โตมาก ช่วงนั้นเริ่มจะมืดแล้วค่ะ
เจอรถที่มีตราสโมสรแพะบ้า เอฟซี โคโลญจน์
พอรถมาเราก็นั่งรถไปจนถึงบรัสเซลส์โดยสวัสดิภาพ บอกไว้อีกนิดนึง ICEชั้น 1จะมีwifiให้เล่นฟรี แต่พอเข้าตัวประเทศเบลเยียมปุ๊บ wifiตัดปั๊บเลยค่ะ เราตกใจเลยอ่ะ เอ้า มันไม่ได้เล่นได้ตลอดเส้นทางหรอกหรอ แง เลยนั่งหง่าวไปจนสุดทางตอนนั้นก็มืดแล้วจะมองวิวก็ไม่เห็น
อีกอย่างนึงสถานีรถไฟที่เราไปลงนั้นคือสถานีรถไฟบรัสเซลส์ใต้หรือ Bruxelles-Midi / Brussel-Zuid ค่ะ บรัสเซลส์จะมีสถานีเหนือ กลาง ใต้ ซึ่งสถานีใต้นั้นจะมีรถไฟให้เลือกมากกว่า หลายสายที่ออกไปต่างเมืองจะเริ่มจากตรงนี้ สถานีกลางจะเป็นสถานีรวมแหล่งท่องเที่ยวทำนองนั้นค่ะ แต่จะลงที่ไหนก็ได้นะ เพราะตอนที่เราไปจากโคโลญจน์ ผ่านทุกสถานีเลย
หลังจากนั้นเราก็เข้าโรงแรม เช็คอิน และนอนหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
วันรุ่งขึ้นคือวันที่ 13 เป็นวันแข่งแล้ว เราตื่นแต่เช้าออกมาสำรวจเมืองบรัสเซลส์ เราใส่เสื้อและผ้าพันคอบอลออกมาเลย เพราะจะไม่เข้าโรงแรมแล้ว จะตียาวจนถึงดึกเลย
นี่คือโรงแรมที่เราพักและบริเวณรอบๆ