ภาพถ่ายยุคสุดท้ายของซามูไร

.

.
.

ในช่วงปี 2405
ช่างภาพ Felice Beato มาถึงญี่ปุ่น
พบว่าภายในชาติกำลังมีสงครามกลางเมือง
หลังจากที่ญี่ปุ่นปิดประเทศ
มาเป็นเวลานานกว่า 200 ปี
ก่อนที่จะถูกบังคับให้เปิดทำการค้า
กับต้องยินยอมให้มิชชันนารี
เข้าไปเผยแพร่ศาสนาได้
โดยยุทธการเรือปืนสหรัฐอเมริกา
นำโดยแม่ทัพเรือ Matthew C. Perry
.
.

.

.
สนธิสัญญา Kanagawa บังคับให้เปิดประเทศ
.

.
ชาวต่างชาติใน Yokohama ช่วงปี 1854  
© http://bit.ly/1GKI84U
.

.
ภาพพิมพ์ไม้ญี่ปุ่น Perry (คนกลาง)
กับทหารเรือระดับสูง ©  http://bit.ly/1PloOwr
.
.

ญี่ปุ่นในช่วงนั้นแบ่งออกเป็น 2 ขั้ว
ที่ Edo ปกครองโดยโชกุน Tokugawa
ที่ Kyoto จักรพรรดิ์ราชวงศ์ Imperial
10 ปีต่อมายุค Bakumatsu
(ยุคสุดท้ายของโชกุน)
พันธมิตร/กองทัพจักรพรรดิ์ญี่ปุ่นเริ่มมีชัยชนะ
กับมีอิทธิพลเหนือพวกโชกุน/ไดเมียวในสังกัด
ในสงครามปราบกบฎพวกซามูไร
Chōshū Tosa และ Satsuma ในปี 2410
นำไปสู่การถวายคืนอำนาจ
ให้จักรพรรดิ์ Meiji ในปี 2411
.
.

.
โชกุน Tokugawa คนสุดท้ายที่ Edo
.

.
Tokugawa Yoshinobu กำลังวางแผนป้องกันพระราชวัง Imperial ในปี 2407
ร่วมกับ Matsudaira Katamori
ช่วงเหตุการณ์ไม่สงบ Kinmon
http://bit.ly/1XOi39n
.

.

.
จักรพรรด์วัย 16 พรรษา เสด็จจาก Kyoto
ไปยัง Tokyo ในช่วงปี  2411
© http://bit.ly/1Hqdngn
.

.
พิธีเปิดประชุมรัฐสภา Diet
ภาพพิมพ์ไม้ Ukiyo-e โดย Yōshū Chikanobu ในปี 2433  © http://bit.ly/1Hqdngn
.
.

เรื่องเล่าไร้สาระ

ก่อนหน้านั้นญี่ปุ่นปกครองโดยโชกุน
มีการค้าขายจำกัดเฉพาะกับพวกดัชท์
ที่เมือง Nagasaki เมืองเดียวเท่านั้น
ไม่ยอมเปิดเสรีการค้ากับชาติตะวันตกอื่น
กับห้ามเผยแพร่ศาสนาคริสต์
.
.

.

.
.

ช่วงเรือปืนสหรัฐคุกคามญี่ปุ่น
ให้เปิดการค้าเสรี
แม้ว่าพวกซามูไรจะพยายามสู้รบ
แต่ก็พ่ายแพ้อย่างยับเยิน
เพราะสู้กับอาวุธปืนที่ทันสมัยไม่ได้
แม้ว่าในญี่ปุ่นจะมีปืนคาบศิลา/ปืนใหญ่แล้ว
แต่คุณภาพความแม่นยำ/ประสิทธิภาพ
สู้ไม่ได้เลย เพราะจำกัดให้ใช้เฉพาะ
พวกโรนิน/พวกไพร่เท่านั้น
.
.

.

.
.

สหรัฐเริ่มนโยบายแบ่งแยกแล้วปกครอง
ด้วยการขายอาวุธปืนให้กับจักรพรรดิ์ญี่ปุ่น
ทำให้พวกไพร่ ชาวนา ชาวไร่ ชาวบ้าน
เริ่มติดอาวุธได้จึงเริ่มลงมือรบกับซามูไร
ชนชั้นนักรบอภิสิทธิ์สืบทอดเฉพาะตระกูล
ชนชั้นอื่นเป็นได้แค่พวกโรนิน/พวกไพร่
.
.

.

.
.

ภายใต้การบัญชาการรบโดยจักรพรรดิ์ญี่ปุ่น
เริ่มมีชัยชนะในการบกับพวกซามูไรตลอด
จนทำให้สังคม/ยุคสมัยซามูไรค่อย ๆ เสื่อมลง
กองทัพจักรพรรดิ์ญี่ปุ่นใช้อาวุธปืน
ยิงใส่ในระยะไกล/แม่นยำกว่าธนู
ทั้งยังฝึกการรบและมีวินัยอย่างดี
โดยพยายามหลีกเลี่ยงการรบ
ระยะประชิดตัวกับพวกซามูไร
ที่ยังหลงยุค/หยิ่งผยองกับดาบซามูไร
.
.

.

.

Felice Beato เป็นชาว Anglo-Italian
เกิดใน Venice ปี 2375
เติบโตที่  Corfu อาณานิคมจักรวรรดิ์อังกฤษ
เริ่มเรียนรู้การค้า/วิธีการถ่ายภาพ
จากช่างภาพรุ่นบุกเบิก James Robertson
ทั้งคู่เคยร่วมกันเดินทางไปยัง Constantinople
เพื่อบันทึกภาพถ่ายในสงคราม Crimea
ก่อนที่เขาจะเดินทางต่อไปยังอินเดียกับจีน
.
.

.

.

.
.

Felice Beato  กับน้องชาย Antonio Beato
ได้รับการยอมรับว่าเป็นช่างภาพขั้นเทพ
จากช่างภาพหนังสือพิมพ์ในยุคนั้น
.
.

.
ในปี 2405 Beato ได้ขายภาพถ่ายทั้งหมด
แล้วนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นลอนดอน
แต่สุดท้ายก็หมดตัวจากการลงทุนในตลาดหุ้น
.

.

.
ปีต่อมา Beato เดินทางออกจากอังกฤษ
เพื่อผจญภัย/เริ่มทำมาหากินใหม่อีกครั้งที่ญี่ปุ่น
เมื่อเดินทางมาถึง Yokohama
Beato  เริ่มต้นทำธุรกิจร่วมกับ
ช่างเขียน  Charles Wirgman
.

.
Beato ผู้เริ่มต้นลงสีสันในภาพถ่ายขาวดำ
ที่ได้ถ่ายภาพซามูไร ชาวบ้าน ชาวเมือง
ชาวชนบทในช่วงปลายยุคสมัยของซามูไร
.

.

.
การเดินทางในญี่ปุ่นยุคนั้น
เต็มไปด้วยภยันตรายอย่างมาก
เพราะพวกซามูไรในสังกัดโชกุน
มักจะฆ่าฟันชาวตะวันตกเป็นประจำ
ใน Edo ที่ทำการทูตสหรัฐ
เคยถูกลอบวางเพลิงจนหมดสิ้น
ทั้งชาวตะวันตกต่างถูกคุกคามกันอย่างแรง
.

.

.
มีครั้งหนึ่ง Beato รอดตายอย่างหวุดหวิด
ช่วงกำลังถ่ายภาพที่ Kamakura
พร้อมกับข้าราชสำนัก 2 นายที่ติดตาม
ได้เผชิญหน้าอย่างไม่คาดฝันกับโรนิน 2 คน
ก่อนที่โรนินจะถูกตัดหัวประจานไว้ ณ ที่นั้น
.

.

.
.

แม้ว่า Beato มีใบอนุญาตถ่ายภาพ
จากกองทัพจักรพรรดิ์
ให้ถ่ายภาพบุคคลและสถานที่ต่าง ๆ ในญี่ปุ่น
แต่ท่านชื่นชอบเดินทางไปยัง
ชนบทที่ห่างไกล/เงียบสงบ
เพื่อถ่ายภาพบุคคล/สถานที่ต่าง ๆ
ในช่วงยุคสุดท้ายของระบบศักดินาญี่ปุ่น
.
.

.

.
.

ภาพถ่ายยุคแรก ๆ ของ Beato
มีภาพถ่ายของซามูไร Satsuma
แสดงออกถึงความดีใจที่ได้ถ่ายภาพ
ทุกคนบ่งบอกถึงความเข้มแข็ง/ทรนง
มีคนหนึ่งถือหนังสือปกแดง
ที่เป็นวรรณคดีอังกฤษ
อีกคนกำมีดสั้นที่ชักออกจากฝักแล้ว
ที่สำคัญก็คือ แม้ว่าพวกเขาจะยอมรับ
ความรู้ชาติตะวันตก แต่ก็ยังคงยึดมั่นกับ
วัฒนธรรมประเพณีเดิมอย่างเหนียวแน่น

การเดินทางไปถ่ายภาพของ Beato
จะค่อนข้างถูกจำกัดขอบเขต/พื้นที่
เพราะอยู่ในช่วงสงครามกลางเมือง
ที่กำลังแย่งชิงอำนาจระหว่าง
โชกุนกับจักรพรรดิ์ญึ่ปุ่น
แต่เดิมโชกุนตั้งตนเป็นผู้สำเร็จราชการ
มักอ้างว่าได้รับพระราชโองการจากจักรพรรดิ์
จึงมักจะใช้อำนาจสั่งการแทนจักรพรรดิ์ทุกเรื่อง
.
.

.

.
.

ผลงานภาพถ่ายที่หายากของ Felice Beato
ที่มีการลงสีสันในภาพถ่ายขาวดำ
จากช่างเขียน Charles Wirgman
นำเสนอใน London Photographic Fair
http://www.photofair.co.uk/
เมื่อวันที่ 23-24 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา
.

เรียบเรียง/ที่มา

http://bit.ly/1WvrSf4
http://bit.ly/1Q4ZoVx
http://bit.ly/1H6dmn7
.

ผู้สนใจภาพถ่ายของ Felice Beato
มีการเผยแพร่ใน   http://bit.ly/1Pltjah
.
.

.
.

เรื่องเล่าไร้สาระ

โรนินที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ มูซาชิ มิยาโมโต้
ที่รบไม่เคยแพ้ใครมีตำนาน/ประวัติที่เกริกไกร
ผู้เขียนคัมภีร์แห่งห่วงทั้งห้า
เกี่ยวกับศิลปะการสู้รบ/การใช้ดาบซามูไร
.
.

.
ภาพพิมพ์ไม้ของ ukiyo-e
กับ Utagawa Kuniyoshi
บรรยายโรนิน Miyamoto Musashi
กำลังรับคำทำนายจากภิกษุ
.

.
.

47 โรนินที่ล้างแค้นให้
เจ้านายบ้านนอก อะซะโนะ นะงะโนะริ
คือ ประวัติอดีตซามูไรที่ไร้สังกัด/ไร้เจ้านาย
ที่ต้องกลายเป็น พระ คนเร่ร่อน
ขอทาน คนฆ่าสัตว์ แมงดา
ได้นัดหมายรวมพลกันในอีก 2 ปีให้หลัง
การเซปปุคุของเจ้านายบ้านนอก
ผู้ถูก คิระ โยะชินะกะ ข้าหลวง
ที่ทรงอิทธิพลที่รับใช้โชกุน
โทะกุงะวะ สึนะโยะชิ
ดูหมิ่นดูแคลนในช่วงรอ
รายงานตัวที่ปราสาทโชกุน
เลยชักดาบหน้าที่นั่งโชกุน
ซึ่งจะต้องมีโทษถึงตาย
ด้วยการฆ่าตัวตายแบบเซปปุคุ(ฮาราคีรี)
ก่อนตายมักจะเขียนไฮกุ
บทกวีสั้น ๆ ชิ้นสุดท้าย
แล้วเอาดาบซามูไรสั้น
แทงเข้าที่ท้องน้อยค่อย ๆ คว้านอย่างช้า ๆ
ยิ่งตายช้าเท่าไรยิ่งแสดงถึง
ความอดทน/ศักดิ์ศรีคนฆ่าตัวตาย
แต่ถ้าคนที่หวาดวิตก/ทนเจ็บปวดไม่ได้
มักจะสั่งการล่วงหน้าให้คนสนิท
เอาดาบซามูไรตัดหัวตนเองได้
.
.

.

.

.
สุสาน 47 Rōnin ที่ Sengaku-ji
.
.

หลังจากที่โรนิน 47 คน
รวมตัวกันโจมตีคฤหาสน์ศัตรู
ฆ่าฟันเหล่าซามูไรที่พิทักษ์ข้าหลวงศัตรู
แล้วควานหาตัวศัตรูคู่อาฆาตจนเจอ
ก่อนตัดหัวนำไปเซ่นสังเวย
ที่หลุมศพเจ้านายบ้านนอก

หลังจากยอมมอบตัวกับทางการแล้ว
โชกุนอนุญาตให้โรนินทุกคนเซปปุคุได้
ถือว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดของโรนิน 47 คน
มีสุสานโรนินชุดนี้ในทุกวันนี้
พวกเขาได้รับการยกย่องถึงเกียรติประวัติ
ความจงรักภักดีที่ซื่อสัตย์อย่างยิ่ง
ในการฆ่าล้างแค้นแทนเจ้านาย
.
.

.
โรนินบุกคฤหาสน์  Kira
.

.
ขากลับ Sengaku-ji ชาวบ้านต่างยินดีต้อนรับพวกโรนิน พร้อมให้ที่พักกับข้าวยาปลาปิ้ง
.
©http://bit.ly/1OnNtlj
.
.
.

" ไก่อูกเหอ
ไก่อูกหางลุ่น
ข้าหลวงญี่ปุ่น
ทำวุ่นจับเด็ก
จับเอาแต่สาวสาว
บ่าวบ่าวไปทำมหาดเล็ก
ญี่ปุ่นจับเด็ก
วุ่นทั้งเมืองนครเอย ”

ออกญาเสนาภิมุข(ยามาดะ)
อดีตพ่อค้านำทหารรับจ้าง
รับคำสั่งกรุงศรีอยุธยา
มาปราบเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช
ด้วยยุทธวิธีเหี้ยมโหดทารุณ

ต่อมามันถูกยาพิษตาย
ชาวบ้านจึงก่อการรัฐประหาร
ลูกชายมันพยายามชิงเมืองคืน
แต่ไม่สำเร็จ/หายไปในท้องทะเล

และพวกมันไม่กล้าไปรบกับ
สุลต่านสุไลมานที่สงขลา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่