สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ก่อนอื่นเลย เราต้องขอบอกเลยว่า มันอาจจะเกิดเนื่องจากความผิดพลาดของเราเอง แต่ขอเพื่อนๆอย่าซ้ำเติม เพราะเราก็เจ็บมากเช่นกัน แต่ว่าเราอยากเล่าให้เพื่อนๆ เผื่อเป็นวิทยาทาน จะได้รอบคอบอีกหน่อย
(น้องแมวของเรา ไม่ตายนะคะ)
เราเคยทำหมันฟรีมารอบนึงแล้ว เราทำที่ศูนย์พาหะควบคุมโรคสัตว์ดอนเมือง
เมื่อปีที่แล้วเป็นแม่ของเจ้า 2 ตัวนี้ แล้วปีนี้เป็นเจ้าสองตัวนี้เอง
แมวตัวอ้วนสีขาว อีกตัว แมวตัวดำตัวผอม
เราเลี้ยงแมวมาไม่กี่ปีค่ะ และมีแมวไม่กี่ตัว
ทั้งคู่เป็นแมวตัวเมียนะคะ
ปีที่แล้วที่นำ แม่ของเจ้าสองตัวนี้ ไปทำหมัน แล้วเขาดูเจ็บมาก
พอมาถึงตาเจ้า 2 ตัวนี้เราเลยเลื่อนไปหลายครั้งจนในทึ่สุดก็ได้ทำ (ไม่อยากเห็นแมวทรมาน) จนพวกเขาขวบกว่า
แต่เนื่องจากเราย้ายมาจากต่างจังหวัด ราคาที่ต่างจังหวัด 800 บาทเท่านั้น สำหรับตัวเมีย กรุงเทพ ลองไปถามโรงพยาบาลมาแล้ว 1,800 บาท เราคิดว่าเราคงจ่ายไม่ไหว เลยพาไปทำหมันฟรี (นัดล่วงหน้า 2 เดือน)
ด้วยความเครียดก่อนถึงคิวนัด 2-3 วัน เราหาตามอินเตอร์เน็ต ซึ่งก็แนะนำต่างๆมากมาย สิ่งหนึ่งที่รู้สึกสะดุดใจ คือการตรวจเลือดน้องแมวก่อน แต่เราก็ไม่ได้ทำ คิดเอาว่า คงไม่เป็นไร (อ้างอิงจากปีที่แล้ว)
พอถึงวันไปจริงเจ้าอ้วนเจ้าผอมเข้าไป 2 ตัว ตามจริงเจ้าอ้วนควรจะออกมาก่อน เพราะดูแข็งแรงกว่า แต่เปล่าเลย เจ้าผอมออกมาก่อน
20 นาทีให้หลังเจ้าอ้วนออกมา บุรุษพยาบาลบอกว่า เจ้าอ้วนหยุดหายใจตอนผ่าตัด เพราะเราไม่ได้ตรวจเลือดก่อน เจ้าอ้วนลิ้นแลบออกจากปากเลย และหายใจรวยริน พยาบาลบอกว่า ถ้ารู้อย่างนี้จะไม่ผ่าให้
เราเครียดมาก แต่พอดีเรามีเพื่อนไปด้วย 1 คน บุรุษพยาบาล แนะนำให้เอาเจ้าอ้วนมาวางที่โต๊ะหินอ่อน และบอกเราว่า ให้รอให้มันใกล้ฟื้นก่อนก็ได้ ค่อยพากลับ
เราอาการตอนนั้น ทำอะไรไม่ถูกเลย คิดในใจว่า 'แม่พาหนูมาช่วยลดประชากรแมว แต่กลับพาหนูมาตายเสียเอง'
เราก็เลยเอาทั้งตัวอ้วน ตัวผอมมาไว้โต๊ะเดียวกัน ให้เพื่อนเราดูตัวผอมที่ไม่ได้เป็นอะไร ส่วนเราดูตัวอ้วน
ตัวอ้วนหายใจแผ่วมากค่ะ เราก็ น้ำตาคลอและทีนี้
แต่เราเคยได้ยินว่า แมวมันเป็นสัตว์ที่แปลกคือถ้ามันอยู่ใกล้เจ้าของ มันจะมีกำลังใจ เราเคยได้ยินแมวหลายตัว เวลาป่วยบางทีไม่ถึงตาย แต่ไปตายโรงพยาบาล เพราะไม่ได้อยู่ใกล้เจ้าของ เราเลยอยู่ใกล้ๆมันทันที
เราร้องเพลงให้มันฟัง เรียกชื่อมัน ลูบมัน แล้วบอกมันว่า แม่อยู่นี่นะ แม่อยู่นี่
เอามือให้มันดม ให้มันรู้ว่า เจ้าของมันอยู่ใกล้ๆ
(เราเป็นคริสเตียนนะ เราเลยอดอาหารอธิษฐานด้วยบอกว่า ขอพระเจ้าให้มันฟื้นนะ)
ผ่านไปประมาณชั่วโมง ทำแบบนี้ตลอด มันเริ่มหายใจถี่ขึ้นๆๆ แล้วสักพัก ก็ลืมตาค่ะ
หลังมันลืมตามันยังไม่ค่อยมีแรงมากนักหรอก แต่บุรุษพยาบาลก็บอกให้พามันกลับบ้านได้
(อย่างน้อยก็ดีกว่าตอนมันยังไม่ได้สติ)
ตอนนี้นางปลอดภัยดี เดินเหิรและเริ่มดุเหมือนเดิมแล้ว
ก็เลยอยากบอกเพื่อนๆว่า เวลาจะไปทำหมันน่าจะพาแมวไปตรวจเลือดก่อน เพราะการผ่าตัดทำหมันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับแมว เราช่วยเขาลดประชากรแมว แต่เรากลับมาทำแมวตายเสียเอง ไม่สนุกแน่ ที่ทำหมันฟรีเขาก็ไม่ได้ผิด เพราะเขาก็ทำเต็มที่ แต่เป็นเพราะเขาได้รับการ support จากองค์การของรัฐอยู่แล้ว เครื่องมือเครื่องใช้อะไรอาจไม่สะดวก เราไปตรวจเลือดที่อื่นก่อนก็ได้ แล้วค่อยพาไปทำหมัน
ราคาการตรวจเลือดอยู่ที่ประมาณ 500 บาทต่อตัว ดังนั้น การที่เราจะยอมเสียสัก 500 บาท เพื่อรักษาชีวิตแมวที่รักเรา ย่อมดีกว่าเป็นไหนๆ
ก็อยากจะบอกเพื่อนๆเอาไว้แบบนี้ค่ะ เพราะเข็ดจริงๆเลย ทีหลังเราจะไม่ทำอะไรที่ไม่รอบคอบแบบนี้อีกแล้ว...
รีวิว ทำหมันฟรี ที่ทำให้น้องแมวเกือบตาย ตอนนี้เข็ดมากอยากแชร์
(น้องแมวของเรา ไม่ตายนะคะ)
เราเคยทำหมันฟรีมารอบนึงแล้ว เราทำที่ศูนย์พาหะควบคุมโรคสัตว์ดอนเมือง
เมื่อปีที่แล้วเป็นแม่ของเจ้า 2 ตัวนี้ แล้วปีนี้เป็นเจ้าสองตัวนี้เอง
แมวตัวอ้วนสีขาว อีกตัว แมวตัวดำตัวผอม
เราเลี้ยงแมวมาไม่กี่ปีค่ะ และมีแมวไม่กี่ตัว
ทั้งคู่เป็นแมวตัวเมียนะคะ
ปีที่แล้วที่นำ แม่ของเจ้าสองตัวนี้ ไปทำหมัน แล้วเขาดูเจ็บมาก
พอมาถึงตาเจ้า 2 ตัวนี้เราเลยเลื่อนไปหลายครั้งจนในทึ่สุดก็ได้ทำ (ไม่อยากเห็นแมวทรมาน) จนพวกเขาขวบกว่า
แต่เนื่องจากเราย้ายมาจากต่างจังหวัด ราคาที่ต่างจังหวัด 800 บาทเท่านั้น สำหรับตัวเมีย กรุงเทพ ลองไปถามโรงพยาบาลมาแล้ว 1,800 บาท เราคิดว่าเราคงจ่ายไม่ไหว เลยพาไปทำหมันฟรี (นัดล่วงหน้า 2 เดือน)
ด้วยความเครียดก่อนถึงคิวนัด 2-3 วัน เราหาตามอินเตอร์เน็ต ซึ่งก็แนะนำต่างๆมากมาย สิ่งหนึ่งที่รู้สึกสะดุดใจ คือการตรวจเลือดน้องแมวก่อน แต่เราก็ไม่ได้ทำ คิดเอาว่า คงไม่เป็นไร (อ้างอิงจากปีที่แล้ว)
พอถึงวันไปจริงเจ้าอ้วนเจ้าผอมเข้าไป 2 ตัว ตามจริงเจ้าอ้วนควรจะออกมาก่อน เพราะดูแข็งแรงกว่า แต่เปล่าเลย เจ้าผอมออกมาก่อน
20 นาทีให้หลังเจ้าอ้วนออกมา บุรุษพยาบาลบอกว่า เจ้าอ้วนหยุดหายใจตอนผ่าตัด เพราะเราไม่ได้ตรวจเลือดก่อน เจ้าอ้วนลิ้นแลบออกจากปากเลย และหายใจรวยริน พยาบาลบอกว่า ถ้ารู้อย่างนี้จะไม่ผ่าให้
เราเครียดมาก แต่พอดีเรามีเพื่อนไปด้วย 1 คน บุรุษพยาบาล แนะนำให้เอาเจ้าอ้วนมาวางที่โต๊ะหินอ่อน และบอกเราว่า ให้รอให้มันใกล้ฟื้นก่อนก็ได้ ค่อยพากลับ
เราอาการตอนนั้น ทำอะไรไม่ถูกเลย คิดในใจว่า 'แม่พาหนูมาช่วยลดประชากรแมว แต่กลับพาหนูมาตายเสียเอง'
เราก็เลยเอาทั้งตัวอ้วน ตัวผอมมาไว้โต๊ะเดียวกัน ให้เพื่อนเราดูตัวผอมที่ไม่ได้เป็นอะไร ส่วนเราดูตัวอ้วน
ตัวอ้วนหายใจแผ่วมากค่ะ เราก็ น้ำตาคลอและทีนี้
แต่เราเคยได้ยินว่า แมวมันเป็นสัตว์ที่แปลกคือถ้ามันอยู่ใกล้เจ้าของ มันจะมีกำลังใจ เราเคยได้ยินแมวหลายตัว เวลาป่วยบางทีไม่ถึงตาย แต่ไปตายโรงพยาบาล เพราะไม่ได้อยู่ใกล้เจ้าของ เราเลยอยู่ใกล้ๆมันทันที
เราร้องเพลงให้มันฟัง เรียกชื่อมัน ลูบมัน แล้วบอกมันว่า แม่อยู่นี่นะ แม่อยู่นี่
เอามือให้มันดม ให้มันรู้ว่า เจ้าของมันอยู่ใกล้ๆ
(เราเป็นคริสเตียนนะ เราเลยอดอาหารอธิษฐานด้วยบอกว่า ขอพระเจ้าให้มันฟื้นนะ)
ผ่านไปประมาณชั่วโมง ทำแบบนี้ตลอด มันเริ่มหายใจถี่ขึ้นๆๆ แล้วสักพัก ก็ลืมตาค่ะ
หลังมันลืมตามันยังไม่ค่อยมีแรงมากนักหรอก แต่บุรุษพยาบาลก็บอกให้พามันกลับบ้านได้
(อย่างน้อยก็ดีกว่าตอนมันยังไม่ได้สติ)
ตอนนี้นางปลอดภัยดี เดินเหิรและเริ่มดุเหมือนเดิมแล้ว
ก็เลยอยากบอกเพื่อนๆว่า เวลาจะไปทำหมันน่าจะพาแมวไปตรวจเลือดก่อน เพราะการผ่าตัดทำหมันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับแมว เราช่วยเขาลดประชากรแมว แต่เรากลับมาทำแมวตายเสียเอง ไม่สนุกแน่ ที่ทำหมันฟรีเขาก็ไม่ได้ผิด เพราะเขาก็ทำเต็มที่ แต่เป็นเพราะเขาได้รับการ support จากองค์การของรัฐอยู่แล้ว เครื่องมือเครื่องใช้อะไรอาจไม่สะดวก เราไปตรวจเลือดที่อื่นก่อนก็ได้ แล้วค่อยพาไปทำหมัน
ราคาการตรวจเลือดอยู่ที่ประมาณ 500 บาทต่อตัว ดังนั้น การที่เราจะยอมเสียสัก 500 บาท เพื่อรักษาชีวิตแมวที่รักเรา ย่อมดีกว่าเป็นไหนๆ
ก็อยากจะบอกเพื่อนๆเอาไว้แบบนี้ค่ะ เพราะเข็ดจริงๆเลย ทีหลังเราจะไม่ทำอะไรที่ไม่รอบคอบแบบนี้อีกแล้ว...