ก่อนที่อุ้มจะมาเริ่มเขียนรีวิวนี้ ก็นอนก่ายหน้าผากคิดมาหลายวันค่ะ ว่าระหว่าง iPhone 6s Plus vs Galaxy Note 5 จะเลือกเครื่องไหนมาใช้งานต่อดี ซึ่งเป็นโจทย์ที่ยากมากๆ เพราะทั้งคู่ มีข้อดี และข้อเสียต่างกันไป แต่สุดท้ายใครจะอยู่หรือใครจะไป เรามาหาคำตอบพร้อมกันใน
รีวิว iPhone 6s Plus vs Galaxy Note 5 สุดท้ายจบลงที่ ?!!! กันได้เลยค่า
+++ iPhone 6s Plus ไหนว่าจะไม่ซื้อ? +++
จริงๆแล้ว อุ้มเคยรีวิว iPhone 6s ไปแล้วรอบนึงนะคะ แต่ก็ขายไปเรียบร้อย เพราะว่าต้องรีบขายก่อนราคาตกค่ะ (เครื่องหิ้ว ราคามันโหด) พอมาถึง iPhone 6s Plus จริงๆก็ตัดสินใจอยู่นานว่าจะซื้อหรือไม่ เพราะว่ายังชอบ Note 5 อยู่มาก เหมือนที่หลายๆคนทราบกัน แต่ไหนๆแล้ว จัดเครื่องศูนย์ 64GB สี Rose Gold มาสักหน่อย พอมีเวลาเล่นด้วยมากขึ้น มุมมองกับเจ้า iPhone 6s Plus ก็ค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง อุ้มขอเล่าสิ่งที่อุ้มปลื้มใน i6s Plus ก่อนนะคะ
งานดี งานละเอียด งานลื่น
ทุกครั้งที่ไปจับ Android สักพัก แล้วกลับมาเล่น iOS ก็จะรู้สึกถึงความลื่น แบบที่สัมผัสได้เลยนะคะ iOS 9.1 ถูกดีไซน์มาเพื่อ i6s และ i6s Plus จริงๆ ถึงจะหน้าตาเหมือนเดิม แต่เล่นไปเล่นมา กลับรู้สึกว่า มีความแตกต่างกับ iPhone 6 Plus ในเรื่องความเร็วและความเสถียรอย่างชัดเจน ใครที่ชอบสไตล์ iOS อยู่แล้ว คงจะชอบมากๆค่ะ ประกอบกับ Touch ID Gen2 นุ่มๆ และการใส่ Widgets บน Notification Centre ได้ สามผ่าน
จิ้มๆ กดๆ Peek & Pop (3D Touch)
มากี่รอบๆ ก็ต้องพูดถึงค่ะ ยิ่งตอนนี้มีหลายๆแอพที่ Support 3D Touch แล้ว แต่สิ่งที่เราจะได้ใช้จริงๆมากกว่า คือการ Peek จากฝั่งซ้ายหน้าจอ ลากเข้ามาตรงกลาง เราก็จะเจอแอพที่เราเปิดค้างไว้ทั้งหมด โดยที่ไม่ต้องกดปุ่ม Home 2 ครั้ง และการ Peek ที่ Keyboard ก็จะกลายร่างเป็น Cursor หรือ Peek ที่รูปหรือลิ้งเว็บเพื่อเป็นการพรีวิว สนุกเลยค่ะ
Live Photos ขยับๆ
อันนี้ชอบมาก 555 อาจจะดูติงต๊องไร้สาระนะคะ แต่มันคือการเติมฝันตอนเด็กอย่างนึง เพราะการบันทึกภาพ 3 วิ ที่ Apple เค้าเรียกเก๋ๆ ว่า Live Photos มันคือการเติมแต่งจินตนาการในการถ่ายรูปอย่างนึงเลยนะคะ พูดง่ายๆคือ ถ้าเรา Peek ที่ภาพไหนที่เราถ่ายแบบ Live Photos ไว้ ภาพนั้นก็จะขยับ เหมือนภาพในหนังสือพิมพ์ จาก Harry Potter เลยทีเดียว แต่เสียดายที่เราไม่สามารถใส่ Filter ให้ภาพในลักษณะนี้ได้
สิ่งที่ดีอีกอย่างนึงคือ เราสามารถเอา Live Photos มาเป็นภาพ Lockscreen ได้อีกด้วยนะคะ เวลานั่งว่างๆ ก็จิ้มจอดูเพลินๆไป แก้ง่วง เอาเป็นว่า Live Photos ทำให้อัลบั้มภาพใน iPhone 6s Plus ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป จริงๆนะ
เรียก Siri ได้ตลอด
การเรียกหา Siri ได้ตลอดเวลา มีประโยชน์เวลาขับรถมากๆค่ะ ทั้งในการอ่านข้อความเข้า และโทรออก ถือว่าเป็นอีกจุดนึง ที่ทำให้เราเข้าใกล้โลกของ Iron Man ที่มี Jarvis เป็นผู้ช่วย Siri อาจจะยังทำให้เราเหาะไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็เป็นผู้ช่วยที่ตั้งใจทำงานคนนึงค่ะ
กล้องดี๊ดี สีธรรมชาติ
ขอถอนคำพูดเรื่องความชัดของ iPhone 6s ที่คราวที่แล้ว บอกว่าไม่แตกต่าง แต่พอได้มาใช้งานจริงๆ เทียบกับ iPhone 6 จะเห็นได้ว่ากล้องชัดขึ้น ทั้งหน้าและหลัง และได้สีที่เป็นธรรมชาติ แต่กล้องหน้าที่ชัดขึ้น ย่อมมาสู่ ตีนกา ริ้วรอยบนหน้า และความจริง 555 เอาเป็นว่า ใช้ไปเรื่อยๆ ก็จะรู้มุมของตัวเองเหมือนเดิมค่ะ แต่ชอบ Retina Flash นะคะ ถ่ายในที่มืดสนิท ยังเห็นหน้าชัดเจน
ดูรูปเพิ่มเติม
Apple Music สนุกมาก
เพิ่งรู้ค่ะว่า Apple Music มันเทพยังไง เพราะก่อนอุ้มย้ายไป Note5 เจ้า Apple Music ยังไม่พร้อมใช้งานเลยค่ะ ตอนนี้เราสามารถใช้แบบ Free Trial 3 เดือน ต่อจากนั้นก็เดือนละ $4.99 ซึ่งดูจากจำนวนเพลง ทั้งไทยและเทศ ซึ่งใหม่สุดๆ ทำให้เราไม่ต้องซื้อทีละเพลง ไม่เสียเวลาโหลด(mp3) และ (((ซื้อแผ่นผี))) อีกด้วย เดือนละ 180 บาทเองค่ะ ลองใช้งานดูนะคะ ดีจริงๆๆ
แบตอึด
ต้องยอมรับว่า แบตของ iPhone 6s Plus มีขนาดลดลง แต่ว่าประสิทธิภาพการจัดการพลังงานของเครื่องกลับดีขึ้นพอสมควรค่ะ เราสามารถใช้งานหนักๆ ได้ 1 วันสบายๆ ซึ่งถ้าเทียบกับ iPhone 6 Plus ก็กินแบตน้อยกว่าเยอะทีเดียว แบบนี้ค่อยคุยกันรู้เรื่องหน่อย
+++ iPhone 6s Plus vs Galaxy Note 5 ถึงเวลาเลือก +++
ข้อดีของ Note 5 และ
ประสบการณ์ 3 เดือนกับ Note 5 อุ้มได้เล่าไปเยอะแล้วนะคะ ตอนนี้ถึงเวลาต้องเลือกแล้วค่ะ ขอพิจารณาแบบส่วนตัวมากๆ จากการใช้งานจริงๆ ของอุ้มดังนี้นะคะ
ความเร็ว >>> iPhone 6s Plus
อาจจะเป็นเพราะเครื่องยังใหม่กว่า แต่ความเร็วโดยรวมของ i6s Plus ค่อนข้างตอบสนองได้ไวกว่า Note 5 เพราะเมื่อใช้ Note 5 ไปสักพัก จะเริ่มช้าลง และหน่วงขึ้น แต่นี่ก็ถือว่า Note 5 ทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆนะคะ
ความลื่น ไม่กระตุก ไม่ค้าง >>> iPhone 6s Plus
อันนี้อาจจะดูได้ง่ายๆ เลย จากการเข้าแอพ และการประมวลผลต่างๆ เจ้า i6s Plus ทำได้สมูธ นุ่มนวลกว่า เจ้า Note 5 ชอบมีอาการหลับลึกอยู่บ่อยๆ ทำให้บางทีเรารีบทำอะไร อาจจะมีอาการหงุดหงิดได้ อีกอย่างคือ การจับสัญญาณค่ะ เทียบกันสองเครื่อง Note 5 จะจับสัญญาณได้น้อยกว่า ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกันนะคะ
การสแกนนิ้ว >>> iPhone 6s Plus
i6s Plus กับ Touch ID Gen2 ซึ่งทำได้ดีจริงๆ ทำงานได้ไวมากๆ และมีความแม่นยำกว่าเจ้า Note 5 แล้วค่ะ
การแคปหน้าจอแล้วเขียน >>> Note 5
อันนี้ชนะกันใสๆไม่ต้องสืบ Note 5 กับฟังก์ชั่นอัจฉริยะเขียนบนหน้าจอ ทำได้ดีโดยไม่ต้องเทียบกับรุ่นอื่นเลยทีเดียว
กล้องหน้าตอนกลางวัน >>> Note 5
ถึงจะปิด Beauty Mode แล้ว แต่เจ้า Note 5 ก็ยังมีกล้องที่แสนฟรุ้งฟริ้ง หน้าเรียวยาว ดูดีกว่าตัวจริง พอสมควร ยิ่งได้ความฉลาดของการยกมือแล้วถ่าย ก็ชนะไปใสๆ เจ้า i6s Plus จะทำให้เราเห็นความจริงบนใบหน้าเรา แต่สักพักจะเริ่มปรับตัวได้ค่ะ 555 โชคดีที่ i6s Plus ได้ Live Photos มาช่วยนะเนี่ย
กล้องหน้าตอนกลางคืน >>> iPhone 6s Plus
ปกติแล้ว กล้องหน้าของ Note 5 เวลาถ่ายในที่แสงน้อย จะมีความเนียนเกินไปอยู่เยอะค่ะ ทำให้หน้าจะออกมัวๆ ยิ่งถ่ายเป็นกลุ่มก้อน คนที่อยู่ด้านหลังจะหน้าประหลาดมากๆ ส่วน i6s Plus ทำได้ดีในเรื่องนี้ค่ะ ถึงจะยังมี Noise อยู่บ้าง แต่หน้าไม่หลอกและประหลาด
กล้องหน้าตอนไร้แสง >>> iPhone 6s Plus
อันนี้ Retina Flash บน iPhone 6s Plus ทำงานได้ดีค่ะ อาจจะถ่ายแล้วหน้ามันไปบ้าง แต่ก็ดีกว่าถ่ายแล้วเห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ หรือต้องมาอาศัยไฟแฟลชจากมือถือคนอื่นนะคะ
กล้องหลังตอนกลางวัน >>> สูสี แต่ iPhone 6s Plus จริงกว่า Note 5 แต่งสวยกว่า
กล้องหลังเวลาถ่ายตอนกลางวัน มีความสูสีกันมาก แม้ iPhone 6s Plus จะมีความละเอียดอยู่ที่ 12 MP เมื่อเทียบกับ 16 MP ของ Note 5 สิ่งที่ i6s Plus ถ่ายได้ จะค่อนข้างเหมือนที่ตาเราเห็น แต่ Note 5 จะปรับเป็นภาพที่เราอยากเห็นให้เรียบร้อย
กล้องหลังตอนกลางคืน >>> สูสี ให้ Note 5 โหมดโปร แต่โหมดออโต้ให้ i6s Plus
อยากที่บอกค่ะ เวลาถ่ายภาพกลางคืน ถ้าเปิดโหมดออโต้ Note 5 จะถ่ายภาพออกมาค่อนข้างอมเหลือง แต่เมื่อปรับเป็นโหมดโปรปุ๊ป จะได้ภาพที่สวยมากๆ หลังเบลอกระจาย ปรับแต่งได้เยอะ อันนี้ยังเป็นต่อค่ะ แต่โหมดออโต้ของ i6s Plus ให้รายละเอียดของภาพได้ดี อาจจะมืดกว่าไปบ้าง แต่ถือว่าทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆค่ะ
ความอึดของแบต >>> iPhone 6s Plus
i6s Plus สูบแบตน้อยลงเยอะ และบริหารจัดการแบตได้ค่อนข้างดีกว่า Note 5 โดยที่ไม่ต้องลงแอพเพิ่ม หรือคอยมา Optimizing แบตเตอรี่ และทำเรื่องความร้อนของเครื่องในการใช้งานเล่นเกม ได้ดีกว่า ส่วนตัวชอบ Low Power Mode นะคะ พอเปิดแล้วรู้เลยว่า มันอยู่ได้นานขึ้น
การชาร์จ >>> Note 5 ชาร์จเร็ว
ฟังก์ชั่นที่ Note 5 ดีมากมากกกก เพราะช่วยลดปัญหาเวลาต้องการชาร์จแบบด่วนๆ ไปได้หลายครั้ง ชั่วโมงเดียวเต็ม 100% เป็นอะไรที่เจ๋งมากๆ
[CR] +++ รีวิว iPhone 6s Plus vs Galaxy Note 5 +++ สุดท้ายจบลงที่ ?!!!
+++ iPhone 6s Plus ไหนว่าจะไม่ซื้อ? +++
จริงๆแล้ว อุ้มเคยรีวิว iPhone 6s ไปแล้วรอบนึงนะคะ แต่ก็ขายไปเรียบร้อย เพราะว่าต้องรีบขายก่อนราคาตกค่ะ (เครื่องหิ้ว ราคามันโหด) พอมาถึง iPhone 6s Plus จริงๆก็ตัดสินใจอยู่นานว่าจะซื้อหรือไม่ เพราะว่ายังชอบ Note 5 อยู่มาก เหมือนที่หลายๆคนทราบกัน แต่ไหนๆแล้ว จัดเครื่องศูนย์ 64GB สี Rose Gold มาสักหน่อย พอมีเวลาเล่นด้วยมากขึ้น มุมมองกับเจ้า iPhone 6s Plus ก็ค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง อุ้มขอเล่าสิ่งที่อุ้มปลื้มใน i6s Plus ก่อนนะคะ
งานดี งานละเอียด งานลื่น
ทุกครั้งที่ไปจับ Android สักพัก แล้วกลับมาเล่น iOS ก็จะรู้สึกถึงความลื่น แบบที่สัมผัสได้เลยนะคะ iOS 9.1 ถูกดีไซน์มาเพื่อ i6s และ i6s Plus จริงๆ ถึงจะหน้าตาเหมือนเดิม แต่เล่นไปเล่นมา กลับรู้สึกว่า มีความแตกต่างกับ iPhone 6 Plus ในเรื่องความเร็วและความเสถียรอย่างชัดเจน ใครที่ชอบสไตล์ iOS อยู่แล้ว คงจะชอบมากๆค่ะ ประกอบกับ Touch ID Gen2 นุ่มๆ และการใส่ Widgets บน Notification Centre ได้ สามผ่าน
จิ้มๆ กดๆ Peek & Pop (3D Touch)
มากี่รอบๆ ก็ต้องพูดถึงค่ะ ยิ่งตอนนี้มีหลายๆแอพที่ Support 3D Touch แล้ว แต่สิ่งที่เราจะได้ใช้จริงๆมากกว่า คือการ Peek จากฝั่งซ้ายหน้าจอ ลากเข้ามาตรงกลาง เราก็จะเจอแอพที่เราเปิดค้างไว้ทั้งหมด โดยที่ไม่ต้องกดปุ่ม Home 2 ครั้ง และการ Peek ที่ Keyboard ก็จะกลายร่างเป็น Cursor หรือ Peek ที่รูปหรือลิ้งเว็บเพื่อเป็นการพรีวิว สนุกเลยค่ะ
Live Photos ขยับๆ
อันนี้ชอบมาก 555 อาจจะดูติงต๊องไร้สาระนะคะ แต่มันคือการเติมฝันตอนเด็กอย่างนึง เพราะการบันทึกภาพ 3 วิ ที่ Apple เค้าเรียกเก๋ๆ ว่า Live Photos มันคือการเติมแต่งจินตนาการในการถ่ายรูปอย่างนึงเลยนะคะ พูดง่ายๆคือ ถ้าเรา Peek ที่ภาพไหนที่เราถ่ายแบบ Live Photos ไว้ ภาพนั้นก็จะขยับ เหมือนภาพในหนังสือพิมพ์ จาก Harry Potter เลยทีเดียว แต่เสียดายที่เราไม่สามารถใส่ Filter ให้ภาพในลักษณะนี้ได้
สิ่งที่ดีอีกอย่างนึงคือ เราสามารถเอา Live Photos มาเป็นภาพ Lockscreen ได้อีกด้วยนะคะ เวลานั่งว่างๆ ก็จิ้มจอดูเพลินๆไป แก้ง่วง เอาเป็นว่า Live Photos ทำให้อัลบั้มภาพใน iPhone 6s Plus ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป จริงๆนะ
เรียก Siri ได้ตลอด
การเรียกหา Siri ได้ตลอดเวลา มีประโยชน์เวลาขับรถมากๆค่ะ ทั้งในการอ่านข้อความเข้า และโทรออก ถือว่าเป็นอีกจุดนึง ที่ทำให้เราเข้าใกล้โลกของ Iron Man ที่มี Jarvis เป็นผู้ช่วย Siri อาจจะยังทำให้เราเหาะไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็เป็นผู้ช่วยที่ตั้งใจทำงานคนนึงค่ะ
กล้องดี๊ดี สีธรรมชาติ
ขอถอนคำพูดเรื่องความชัดของ iPhone 6s ที่คราวที่แล้ว บอกว่าไม่แตกต่าง แต่พอได้มาใช้งานจริงๆ เทียบกับ iPhone 6 จะเห็นได้ว่ากล้องชัดขึ้น ทั้งหน้าและหลัง และได้สีที่เป็นธรรมชาติ แต่กล้องหน้าที่ชัดขึ้น ย่อมมาสู่ ตีนกา ริ้วรอยบนหน้า และความจริง 555 เอาเป็นว่า ใช้ไปเรื่อยๆ ก็จะรู้มุมของตัวเองเหมือนเดิมค่ะ แต่ชอบ Retina Flash นะคะ ถ่ายในที่มืดสนิท ยังเห็นหน้าชัดเจน
ดูรูปเพิ่มเติม
Apple Music สนุกมาก
เพิ่งรู้ค่ะว่า Apple Music มันเทพยังไง เพราะก่อนอุ้มย้ายไป Note5 เจ้า Apple Music ยังไม่พร้อมใช้งานเลยค่ะ ตอนนี้เราสามารถใช้แบบ Free Trial 3 เดือน ต่อจากนั้นก็เดือนละ $4.99 ซึ่งดูจากจำนวนเพลง ทั้งไทยและเทศ ซึ่งใหม่สุดๆ ทำให้เราไม่ต้องซื้อทีละเพลง ไม่เสียเวลาโหลด(mp3) และ (((ซื้อแผ่นผี))) อีกด้วย เดือนละ 180 บาทเองค่ะ ลองใช้งานดูนะคะ ดีจริงๆๆ
แบตอึด
ต้องยอมรับว่า แบตของ iPhone 6s Plus มีขนาดลดลง แต่ว่าประสิทธิภาพการจัดการพลังงานของเครื่องกลับดีขึ้นพอสมควรค่ะ เราสามารถใช้งานหนักๆ ได้ 1 วันสบายๆ ซึ่งถ้าเทียบกับ iPhone 6 Plus ก็กินแบตน้อยกว่าเยอะทีเดียว แบบนี้ค่อยคุยกันรู้เรื่องหน่อย
+++ iPhone 6s Plus vs Galaxy Note 5 ถึงเวลาเลือก +++
ข้อดีของ Note 5 และ ประสบการณ์ 3 เดือนกับ Note 5 อุ้มได้เล่าไปเยอะแล้วนะคะ ตอนนี้ถึงเวลาต้องเลือกแล้วค่ะ ขอพิจารณาแบบส่วนตัวมากๆ จากการใช้งานจริงๆ ของอุ้มดังนี้นะคะ
ความเร็ว >>> iPhone 6s Plus
อาจจะเป็นเพราะเครื่องยังใหม่กว่า แต่ความเร็วโดยรวมของ i6s Plus ค่อนข้างตอบสนองได้ไวกว่า Note 5 เพราะเมื่อใช้ Note 5 ไปสักพัก จะเริ่มช้าลง และหน่วงขึ้น แต่นี่ก็ถือว่า Note 5 ทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆนะคะ
ความลื่น ไม่กระตุก ไม่ค้าง >>> iPhone 6s Plus
อันนี้อาจจะดูได้ง่ายๆ เลย จากการเข้าแอพ และการประมวลผลต่างๆ เจ้า i6s Plus ทำได้สมูธ นุ่มนวลกว่า เจ้า Note 5 ชอบมีอาการหลับลึกอยู่บ่อยๆ ทำให้บางทีเรารีบทำอะไร อาจจะมีอาการหงุดหงิดได้ อีกอย่างคือ การจับสัญญาณค่ะ เทียบกันสองเครื่อง Note 5 จะจับสัญญาณได้น้อยกว่า ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกันนะคะ
การสแกนนิ้ว >>> iPhone 6s Plus
i6s Plus กับ Touch ID Gen2 ซึ่งทำได้ดีจริงๆ ทำงานได้ไวมากๆ และมีความแม่นยำกว่าเจ้า Note 5 แล้วค่ะ
การแคปหน้าจอแล้วเขียน >>> Note 5
อันนี้ชนะกันใสๆไม่ต้องสืบ Note 5 กับฟังก์ชั่นอัจฉริยะเขียนบนหน้าจอ ทำได้ดีโดยไม่ต้องเทียบกับรุ่นอื่นเลยทีเดียว
กล้องหน้าตอนกลางวัน >>> Note 5
ถึงจะปิด Beauty Mode แล้ว แต่เจ้า Note 5 ก็ยังมีกล้องที่แสนฟรุ้งฟริ้ง หน้าเรียวยาว ดูดีกว่าตัวจริง พอสมควร ยิ่งได้ความฉลาดของการยกมือแล้วถ่าย ก็ชนะไปใสๆ เจ้า i6s Plus จะทำให้เราเห็นความจริงบนใบหน้าเรา แต่สักพักจะเริ่มปรับตัวได้ค่ะ 555 โชคดีที่ i6s Plus ได้ Live Photos มาช่วยนะเนี่ย
กล้องหน้าตอนกลางคืน >>> iPhone 6s Plus
ปกติแล้ว กล้องหน้าของ Note 5 เวลาถ่ายในที่แสงน้อย จะมีความเนียนเกินไปอยู่เยอะค่ะ ทำให้หน้าจะออกมัวๆ ยิ่งถ่ายเป็นกลุ่มก้อน คนที่อยู่ด้านหลังจะหน้าประหลาดมากๆ ส่วน i6s Plus ทำได้ดีในเรื่องนี้ค่ะ ถึงจะยังมี Noise อยู่บ้าง แต่หน้าไม่หลอกและประหลาด
กล้องหน้าตอนไร้แสง >>> iPhone 6s Plus
อันนี้ Retina Flash บน iPhone 6s Plus ทำงานได้ดีค่ะ อาจจะถ่ายแล้วหน้ามันไปบ้าง แต่ก็ดีกว่าถ่ายแล้วเห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ หรือต้องมาอาศัยไฟแฟลชจากมือถือคนอื่นนะคะ
กล้องหลังตอนกลางวัน >>> สูสี แต่ iPhone 6s Plus จริงกว่า Note 5 แต่งสวยกว่า
กล้องหลังเวลาถ่ายตอนกลางวัน มีความสูสีกันมาก แม้ iPhone 6s Plus จะมีความละเอียดอยู่ที่ 12 MP เมื่อเทียบกับ 16 MP ของ Note 5 สิ่งที่ i6s Plus ถ่ายได้ จะค่อนข้างเหมือนที่ตาเราเห็น แต่ Note 5 จะปรับเป็นภาพที่เราอยากเห็นให้เรียบร้อย
กล้องหลังตอนกลางคืน >>> สูสี ให้ Note 5 โหมดโปร แต่โหมดออโต้ให้ i6s Plus
อยากที่บอกค่ะ เวลาถ่ายภาพกลางคืน ถ้าเปิดโหมดออโต้ Note 5 จะถ่ายภาพออกมาค่อนข้างอมเหลือง แต่เมื่อปรับเป็นโหมดโปรปุ๊ป จะได้ภาพที่สวยมากๆ หลังเบลอกระจาย ปรับแต่งได้เยอะ อันนี้ยังเป็นต่อค่ะ แต่โหมดออโต้ของ i6s Plus ให้รายละเอียดของภาพได้ดี อาจจะมืดกว่าไปบ้าง แต่ถือว่าทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆค่ะ
ความอึดของแบต >>> iPhone 6s Plus
i6s Plus สูบแบตน้อยลงเยอะ และบริหารจัดการแบตได้ค่อนข้างดีกว่า Note 5 โดยที่ไม่ต้องลงแอพเพิ่ม หรือคอยมา Optimizing แบตเตอรี่ และทำเรื่องความร้อนของเครื่องในการใช้งานเล่นเกม ได้ดีกว่า ส่วนตัวชอบ Low Power Mode นะคะ พอเปิดแล้วรู้เลยว่า มันอยู่ได้นานขึ้น
การชาร์จ >>> Note 5 ชาร์จเร็ว
ฟังก์ชั่นที่ Note 5 ดีมากมากกกก เพราะช่วยลดปัญหาเวลาต้องการชาร์จแบบด่วนๆ ไปได้หลายครั้ง ชั่วโมงเดียวเต็ม 100% เป็นอะไรที่เจ๋งมากๆ