Jungfrau, Here I Come!!
หลังจากโฉบไปทักทายเสี้ยวหนึ่งของ Jungfrau Region ในตอนที่แล้ว
ในตอนนี้เราขอไปทักทายกับหลังคาของยุโรปในอีกมุมหนึ่งกันบ้าง
ติดตามอ่านสองตอนก่อนได้ตามนี้เลยนะคะ
ตอนที่ 1 ทะเลสาบโคโม (Lake Como) - ระเบียงอิตาลี (Balcony of Italy):
http://ppantip.com/topic/34051845
ตอนที่ 2 ก้าวแรกสู่สวิสเซอร์แลนด์ สายน้ำมรกต (Verzasca River) – หมู่บ้านกลางหุบเขา Grindelwald:
http://ppantip.com/topic/34064577
‘บางอย่างยิ่งใกล้ กลับยิ่งมองเห็นได้ไม่ชัดเจน’ ..นั่นเป็นเหตุผลที่เราเลือกยอดเขา
Schilthorn
ให้เป็นเป้าหมายของเราแทนยอด Jungfrau ค่ะ (เป็นคำปลอบใจตัวเองที่น่ารักไหมล่ะ?)
ซึ่งเหตุผลที่แท้จริงก็คือ ค่าขึ้น Jungfrau นั้นแพงหูดับอยู่เหมือนกันค่ะ
เราเลยเลือกขึ้นยอดเขาเพื่อนบ้าน แล้วแอบมอง Jungfrau อยู่ห่างๆ ก็พอ
ขอแปะรูปให้เห็นถึงการเดินทางบริเวณ Jungfrau Region ในตอนที่สองและสามของทริปนะคะ
จะเห็นว่าเราเป็นนักแอบมอง Jungfrau ตัวยง ที่แอบชื่นชมจากทั้งสองด้านเลยล่ะ
เช้าวันนั้น เราเตรียมอุปกรณ์กันหนาวกันอย่างแน่นหนา ก่อนจะขับรถไปยังหมู่บ้าน Stechelberg
และขึ้น cable car (Schilthornbahn) มุ่งหน้าสู่ Schilthorn
ตรวจสอบราคา cable car ได้ในเว็บนี้เลยค่ะ
http://schilthorn.ch/
cable car สายนี้แวะหลายสถานีและต้องมีการเปลี่ยนกระเช้าในบางจุด
เราผ่าน Gimmelwald-Murren-Birg แล้วจึงไปถึงปลายทาง Schilthorn
ความสูงเกือบหมื่นฟุตจากระดับน้ำทะเล ทำให้ยอดเขานี้ยังคงมีหิมะปกคลุมแม้จะเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน
และลมที่พัดพาเอาความเย็นจากหิมะมาปะทะเรานั้น ก็พาเอาสะท้านกันอยู่ไม่น้อยเลย
ด้านบนทำเป็นระเบียงสำหรับให้ชมวิวรอบๆ เรามองเห็น Jungfrau และเทือกเขาหิมะชัดเจนจากที่นี่
มีป้ายชี้ชวนให้ดูพร้อมบอกชื่อของแต่ละยอดเขา ทำให้เราไม่ต้องเดามั่วว่ายอดไหนคือ Jungfrau ที่เราตามหา
เราชื่นชมทิวทัศน์โดยรอบ หลบหนาวเข้าไปส่งโปสการ์ดในร้านค้าเล็กน้อย
ออกมาเล่นกองหิมะและจิบเบียร์สวิสคลายหนาวกันสักพัก
ก่อนจะนั่ง cable car กลับลงมาแวะที่ Birg และ
Gimmelwald เพื่อเดินสำรวจหมู่บ้าน
ขนาดของหมู่บ้านนี้ไม่ได้ใหญ่นัก แต่ก็มีนักท่องเที่ยวและคนท้องที่นั่งเล่นและเดินไปมาให้เห็นกันอยู่ขวักไขว่
มีลานหญ้าสีเขียวที่มีวัวเดินเล็มหญ้าอย่างสบายอารมณ์ ตัดกับฉากหลังที่เป็นภูเขาสูงทอปปิ้งด้วยหิมะสีขาว
ประตูหน้าต่างที่นี่ก็ตกแต่งน่ารัก จนอยากจะเก็บไว้เป็นคอลเลคชันเลย
ฮิ ป ส ะ เ ต้ อ สุ ด สุ ด
ที่น่าอิจฉาคือถึงแม้จะเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ แต่มีพื้นที่ชุมชนให้คนได้พบปะกัน
อย่างลานหมากรุกขนาดเท่าตัวคน ที่พาเอาตื่นตาตื่นใจได้ไม่น้อย
แถมยังมีรางน้ำสุดคลาสสิกตั้งไว้ให้คนผ่านมาผ่านไปได้ดื่มได้ล้างหน้ากัน ดูน่ารักและเป็นกันเองมากๆ
สิ่งที่เราชื่นชอบเป็นพิเศษ ก็คือการมีเก้าอี้นั่งตั้งอยู่หันมองออกไปในทิศทางนอกถนน
เราเห็นคู่รัก เพื่อนสนิท พ่อลูก หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวที่มาเพียงลำพัง นั่งลงบนเก้าอี้นั้น
ทอดสายตามองไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้า ปล่อยให้เวลาเดินไปอย่างไม่เร่งรัด และสร้างบทสนทนาผ่านความเงียบงัน
เก้าอี้ตัวนั้น.. เป็นเสมือนตัวช่วยที่ดีในการหาคำอธิบายให้กับหลายคน ว่าทำไม.. เราถึงออกเดินทาง
เราวางแผนที่จะซื้อไก่ย่างอร่อยเด็ดที่ร้าน coop สำหรับมื้อเที่ยง (แม้ว่าตอนนั้นจะบ่ายแก่ๆ แล้ว)
แต่น่าเสียดายที่สาขานั้นไม่มีไก่ย่างที่เรารอคอย เราจึงซื้อขนมรองท้องพอให้มีแรง
แล้วนั่ง cable car กลับไปที่รถ เพื่อมุ่งหน้าไปยังที่พักในเขต Klosters-Serneus
แต่ด้วยความคาใจเรื่องไก่ย่าง เราจึงแวะ coop ในเมืองอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้เราก็ได้ไก่มาสมใจอยาก
แหม.. เพื่อนร่วมทางอุตส่าห์โฆษณาเสียขนาดนั้น จะพลาดได้ยังไง
ด้วยระยะทางที่ยาวไกล เราจึงแวะที่พักริมทาง แล้วขนเสบียงอาหารไปนั่งเติมพลังกันอย่างสบายอารมณ์
การอยู่ในเมืองที่เราไม่รู้จัก ในสภาพแวดล้อมที่เราไม่คุ้นเคย และไม่ต้องกังวลถึงใครและอะไรมากมาย
บางครั้งก็ช่วยให้เราทำอะไรได้อย่างสบายใจไม่ต้องคิดมาก อยากแวะก็แวะ อยากพักก็พัก มีแรงก็ค่อยไปต่อ
นับเป็นโอกาสดีๆ ที่ทำให้เราเป็นคนที่เราเป็น และใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากใช้
Hotel Old Jnn ใกล้ชายแดนเป็นที่นอนของเราคืนนี้ โรงแรมนี้หลบตัวอยู่เงียบๆ กลางหุบเขา
ราวกับไม่อยากให้ใครค้นเจอ เจ้าของเป็นคุณป้าตัวเล็กน่ารักที่รอต้อนรับเราอยู่
ห้องหับโอ่โถงใหญ่โตราวกับเป็นคฤหาสน์เก่า คืนนี้เป็นอีกคืนที่เรานอนหลับอย่างสบายใจ
ติดตามการอำลาสวิสเซอร์แลนด์ เพื่อไปค้นหาลายแทงอันลึกลับที่ชายแดนอิตาลีได้ในตอนต่อไป ไม่นานเกินรอค่ะ
--------------------------
FB:
https://www.facebook.com/ggonjourney
IG: ggonjourney
[CR] ไปให้ไกล ไปให้นาน (ตอนที่ 3): สบตากับ Jungfrau
หลังจากโฉบไปทักทายเสี้ยวหนึ่งของ Jungfrau Region ในตอนที่แล้ว
ในตอนนี้เราขอไปทักทายกับหลังคาของยุโรปในอีกมุมหนึ่งกันบ้าง
ติดตามอ่านสองตอนก่อนได้ตามนี้เลยนะคะ
ตอนที่ 1 ทะเลสาบโคโม (Lake Como) - ระเบียงอิตาลี (Balcony of Italy): http://ppantip.com/topic/34051845
ตอนที่ 2 ก้าวแรกสู่สวิสเซอร์แลนด์ สายน้ำมรกต (Verzasca River) – หมู่บ้านกลางหุบเขา Grindelwald: http://ppantip.com/topic/34064577
‘บางอย่างยิ่งใกล้ กลับยิ่งมองเห็นได้ไม่ชัดเจน’ ..นั่นเป็นเหตุผลที่เราเลือกยอดเขา Schilthorn
ให้เป็นเป้าหมายของเราแทนยอด Jungfrau ค่ะ (เป็นคำปลอบใจตัวเองที่น่ารักไหมล่ะ?)
ซึ่งเหตุผลที่แท้จริงก็คือ ค่าขึ้น Jungfrau นั้นแพงหูดับอยู่เหมือนกันค่ะ
เราเลยเลือกขึ้นยอดเขาเพื่อนบ้าน แล้วแอบมอง Jungfrau อยู่ห่างๆ ก็พอ
ขอแปะรูปให้เห็นถึงการเดินทางบริเวณ Jungfrau Region ในตอนที่สองและสามของทริปนะคะ
จะเห็นว่าเราเป็นนักแอบมอง Jungfrau ตัวยง ที่แอบชื่นชมจากทั้งสองด้านเลยล่ะ
เช้าวันนั้น เราเตรียมอุปกรณ์กันหนาวกันอย่างแน่นหนา ก่อนจะขับรถไปยังหมู่บ้าน Stechelberg
และขึ้น cable car (Schilthornbahn) มุ่งหน้าสู่ Schilthorn
ตรวจสอบราคา cable car ได้ในเว็บนี้เลยค่ะ http://schilthorn.ch/
cable car สายนี้แวะหลายสถานีและต้องมีการเปลี่ยนกระเช้าในบางจุด
เราผ่าน Gimmelwald-Murren-Birg แล้วจึงไปถึงปลายทาง Schilthorn
ความสูงเกือบหมื่นฟุตจากระดับน้ำทะเล ทำให้ยอดเขานี้ยังคงมีหิมะปกคลุมแม้จะเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน
และลมที่พัดพาเอาความเย็นจากหิมะมาปะทะเรานั้น ก็พาเอาสะท้านกันอยู่ไม่น้อยเลย
ด้านบนทำเป็นระเบียงสำหรับให้ชมวิวรอบๆ เรามองเห็น Jungfrau และเทือกเขาหิมะชัดเจนจากที่นี่
มีป้ายชี้ชวนให้ดูพร้อมบอกชื่อของแต่ละยอดเขา ทำให้เราไม่ต้องเดามั่วว่ายอดไหนคือ Jungfrau ที่เราตามหา
เราชื่นชมทิวทัศน์โดยรอบ หลบหนาวเข้าไปส่งโปสการ์ดในร้านค้าเล็กน้อย
ออกมาเล่นกองหิมะและจิบเบียร์สวิสคลายหนาวกันสักพัก
ก่อนจะนั่ง cable car กลับลงมาแวะที่ Birg และ Gimmelwald เพื่อเดินสำรวจหมู่บ้าน
ขนาดของหมู่บ้านนี้ไม่ได้ใหญ่นัก แต่ก็มีนักท่องเที่ยวและคนท้องที่นั่งเล่นและเดินไปมาให้เห็นกันอยู่ขวักไขว่
มีลานหญ้าสีเขียวที่มีวัวเดินเล็มหญ้าอย่างสบายอารมณ์ ตัดกับฉากหลังที่เป็นภูเขาสูงทอปปิ้งด้วยหิมะสีขาว
ประตูหน้าต่างที่นี่ก็ตกแต่งน่ารัก จนอยากจะเก็บไว้เป็นคอลเลคชันเลย
ฮิ ป ส ะ เ ต้ อ สุ ด สุ ด
ที่น่าอิจฉาคือถึงแม้จะเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ แต่มีพื้นที่ชุมชนให้คนได้พบปะกัน
อย่างลานหมากรุกขนาดเท่าตัวคน ที่พาเอาตื่นตาตื่นใจได้ไม่น้อย
แถมยังมีรางน้ำสุดคลาสสิกตั้งไว้ให้คนผ่านมาผ่านไปได้ดื่มได้ล้างหน้ากัน ดูน่ารักและเป็นกันเองมากๆ
สิ่งที่เราชื่นชอบเป็นพิเศษ ก็คือการมีเก้าอี้นั่งตั้งอยู่หันมองออกไปในทิศทางนอกถนน
เราเห็นคู่รัก เพื่อนสนิท พ่อลูก หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวที่มาเพียงลำพัง นั่งลงบนเก้าอี้นั้น
ทอดสายตามองไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้า ปล่อยให้เวลาเดินไปอย่างไม่เร่งรัด และสร้างบทสนทนาผ่านความเงียบงัน
เก้าอี้ตัวนั้น.. เป็นเสมือนตัวช่วยที่ดีในการหาคำอธิบายให้กับหลายคน ว่าทำไม.. เราถึงออกเดินทาง
เราวางแผนที่จะซื้อไก่ย่างอร่อยเด็ดที่ร้าน coop สำหรับมื้อเที่ยง (แม้ว่าตอนนั้นจะบ่ายแก่ๆ แล้ว)
แต่น่าเสียดายที่สาขานั้นไม่มีไก่ย่างที่เรารอคอย เราจึงซื้อขนมรองท้องพอให้มีแรง
แล้วนั่ง cable car กลับไปที่รถ เพื่อมุ่งหน้าไปยังที่พักในเขต Klosters-Serneus
แต่ด้วยความคาใจเรื่องไก่ย่าง เราจึงแวะ coop ในเมืองอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้เราก็ได้ไก่มาสมใจอยาก
แหม.. เพื่อนร่วมทางอุตส่าห์โฆษณาเสียขนาดนั้น จะพลาดได้ยังไง
ด้วยระยะทางที่ยาวไกล เราจึงแวะที่พักริมทาง แล้วขนเสบียงอาหารไปนั่งเติมพลังกันอย่างสบายอารมณ์
การอยู่ในเมืองที่เราไม่รู้จัก ในสภาพแวดล้อมที่เราไม่คุ้นเคย และไม่ต้องกังวลถึงใครและอะไรมากมาย
บางครั้งก็ช่วยให้เราทำอะไรได้อย่างสบายใจไม่ต้องคิดมาก อยากแวะก็แวะ อยากพักก็พัก มีแรงก็ค่อยไปต่อ
นับเป็นโอกาสดีๆ ที่ทำให้เราเป็นคนที่เราเป็น และใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากใช้
Hotel Old Jnn ใกล้ชายแดนเป็นที่นอนของเราคืนนี้ โรงแรมนี้หลบตัวอยู่เงียบๆ กลางหุบเขา
ราวกับไม่อยากให้ใครค้นเจอ เจ้าของเป็นคุณป้าตัวเล็กน่ารักที่รอต้อนรับเราอยู่
ห้องหับโอ่โถงใหญ่โตราวกับเป็นคฤหาสน์เก่า คืนนี้เป็นอีกคืนที่เรานอนหลับอย่างสบายใจ
ติดตามการอำลาสวิสเซอร์แลนด์ เพื่อไปค้นหาลายแทงอันลึกลับที่ชายแดนอิตาลีได้ในตอนต่อไป ไม่นานเกินรอค่ะ
--------------------------
FB: https://www.facebook.com/ggonjourney
IG: ggonjourney
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น