สำหรับท่านที่ยังไม่ได้อ่านรีวิว Day1 และ Day2 สามารถอ่านได้ตามลิงค์นี้เลยครับ
Day 3
ย่างกุ้ง ---------- บาโก ( หงสาวดี )
บาโก ( หงสาวดี ) ---------- ย่างกุ้ง
เมื่อคืนเฮียนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ ส่งผลให้เช้านี้สดชื่นเป็นพิเศษครับ เฮียและแม่ตื่นมาพร้อมกับอาหารเช้าที่ทางโรงแรมได้จัดไว้ให้ รสชาติใช้ได้ทีเดียว...อร่อยพอๆกับบ้านเราเลย ตบท้ายด้วยกล้วยหอม 1 ลูก กับน้ำส้มอีก 1 แก้ว...
( หน้าตาเมนูอาหารเช้าที่ทางโรมแรมจัดเอาไว้ )
วันนี้เฮียและแม่วางแผนจะนั่งรถไฟจากย่างกุ้งไปบาโก แต่ด้วยเรื่องของเวลาที่เราสองแม่ลูกมีอยู่อย่างจำกัดเฮียเลยตัดสินใจให้ทางโรงแรมโทรจองแท็กซี่ไปบาโกให้ซึ่งได้ในราคาไปกลับ 14,000 จั๊ต เฮียอยากไปบาโกเพราะว่าตั้งใจจะไปกราบไหว้นมัสการเจดีย์ชเวมอดอร์ หรือ พระธาตุมุเตา ซึ่งเป็นมหาเจดีย์เก่าแก่ยาวนานกว่า 2,000 ปี และยังเป็นเจดีย์ 1 ใน 5 ของเจดีย์ชื่อดังที่ชาวพม่าให้ความเลื่อมใสศรัทธา
เฮียและแม่ได้นั่งแท็กซี่ออกจากย่างกุ้งในตอนเช้า 9.30 น. เราใช้เวลาในการเดินทางไปบาโก ในราวๆ 2 ชั่วโมง เกือบๆ เที่ยงตรงก็ถึงบาโกและมุ่งหน้าตรงสู่เจดีย์ชเวมอดอร์ ถอดรองเท้าตั้งแต่บันไดขั้นแรกที่อยู่หน้าวัด เดินเข้าไปพร้อมหยิบเงินในกระเป๋ามาจ่ายค่าบัตรเข้าชมเมืองบาโก (หงสาวดี) ในราคาคนละ 10 ดอลลาร์หรือ 10,000 จั๊ต บัตรนี้สามารถเข้าชมสถานที่สำคัญต่างๆในบาโกได้ทุกที่ครับ ยกเว้นก็แต่...พระราชวังบุเรงนอง
( บัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆในเมืองหงสาวดี )
ในเวลาเที่ยงกว่าๆ ที่เฮียเข้าไปนมัสการเจดีย์ชเวมอดอร์นั้น แดดที่พม่าแรงมาก แรงจริงๆ พื้นทางเดินรอบๆเจดีย์ที่ปูด้วยหินอ่อน ร้อนมากๆครับ เท้าเฮียนี่แทบพองเลย!!! ทั้งๆที่ระหว่างทางเดินรอบๆเจดีย์จะมีแผ่นพลาสติกรองไว้เป็นทางเดินเพื่อบรรเทาไม่ให้ผู้ที่มานมัสการเจดีย์นั้นต้องร้อนเท้ากัน
( เจดีย์ชเวมอดอร์กำลังบูรณะซ่อมแซม ซึ่งเกิดความเสียจากแผ่นดินไหวในปี พ.ศ.2473 ทำให้ยอดเจดีย์ได้หักลงมา )
บ่ายโมงตรงพอดี เฮียและแม่ได้ออกมาจากเจดีย์ชเวมอดอร์ ซึ่งในตอนแรกเฮียวางแผนจะไปเจดีย์ไจปุ่น ( Kyaikpun Pagoda) แต่เฮียเกรงว่าจะกลับย่างกุ้งไปซื้อของฝากที่ตลาดสก๊อตไม่ทัน...เพราะพรุ่งนี้เฮียและแม่จะต้องเดินทางกลับไทยไฟท์เช้า ( ตลาดสก๊อตยังไม่เปิด ) ตลาดสก๊อตจะเปิดในเวลา 9 โมงเช้า และปิดในเวลา 5 โมงเย็น เฮียเลยบอกให้แท็กซี่กลับย่างกุ้งและให้ไปทิ้งเราสองแม่ลูกที่ตลาดสก๊อต
ตลาดสก๊อตเป็นตลาดสำหรับซื้อของฝากจริงๆครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาวต่างชาติไปเดินกันและต่อราคากันอย่างสนุกสนานกับพ่อค้า แม่ค้า ชาวพม่า ตลาดสก๊อตมีของฝากให้เลือกอย่างหลากหลายทั้งเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม อัญมณีเครื่องประดับ รวมทั้งของใช้ต่างๆและสินค้ายอดนิยมอย่าง “ทานาคา” ซึ่งขายในราคาไม่แพงเท่าไหร่ครับ
( ทานาคาโลชั่นกลิ่นหอมดีครับ ผมซื้อมาในราคาแพ็คละ 4,000 จั๊ต แต่ด้านหน้าของตลาดจะมีร้านนึงเป็นคนแขก ขายแค่แพ็คละ 3,000 จั๊ต ต่อรองราคากันดูนะครับ )
( สะโหร่ง หรือที่คนพม่า เรียกว่า “ลองยี” ผืนนี้ซื้อมาในราคา 4,000 จั๊ต คิดไว้ว่าถ้ามาพม่าอีกรอบก็จะเอามาใส่ครับ )
แท็กซี่มารับเฮียและแม่ตามที่นัดเวลากับสถานที่เอาไว้ตอน 4 โมงเย็นกว่าๆ เฮียและแม่ถือของกันเต็มไม้เต็มมือกลับที่พัก ช็อปกันเพลินขนาดนี้ไม่หิวก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วครับ!!! เฮียและแม่โบกแท็กซี่หน้าโรมแรมมุ่งตรงไปร้านอาหารไทยแถวๆ KFC อาหารอร่อยมากๆครับร้านนี้ รสชาติไม่ต่างกับเมืองไทย ใครมาพม่าแล้วอยากลองทานอาหารพม่า ก็มีให้เลือกอย่างหลากหลายครับ แต่เฮียไม่ถนัดจริงๆ ขอ Bye ครับ
( บรรยากาศหน้าร้านอาหารไทยที่เฮียและแม่ได้ฝากท้องไว้ช่วงเย็น )
มื้อนี้เฮียสั่งข้าวผัดปูกับ สไปรท์ 1 กระป๋องและผัดยอดมะระ แม่เฮียสั่งข้าวผัดน้ำพริกกุ้งกับ น้ำแตงโมงปั่น มื้อนี้ราคาอยู่ที่ 13,000 จั๊ต ( ไม่แพงครับ...ราคาสมเหตุสมผล ) เฮียและแม่ทานข้าวเย็นเสร็จในเวลา 6 โมงเย็นกว่าๆก็ได้ต่อแท็กซี่ไปเจดีย์ชเวดากอง ซึ่งถ้าใครมาพม่าแล้วไม่ได้ไปสักการะบูชาเจดีย์ชเวดากองก็เหมือนมาไม่ถึงพม่า...เจดีย์ชเวดากองยิ่งใหญ่มาก สมคำร่ำลือจริงๆ แสงไฟที่ประดับประดา ทำให้ทุกๆพื้นที่ในบริเวณ เจดีย์ชเวดากองนั้นดูงดงามยิ่งนัก
สำหรับท่านที่จะไปสักการบูชาเจดีย์ชเวดากองควรแต่งกายให้เรียบร้อย ถ้าใส่เสื้อกล้ามหรือกระโปงสั้นๆเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะก็ พนักงานที่เก็บค่าเข้าเค้าจะให้ซื้อเสื้อกับผ้าถุงตรงจุดนั้นเลยครับ ( ราคาไม่แพงมาก ) ค่าเข้าชมเจดีย์ชเวดากองราคาคนละ 8 ดอลลาร์หรือ 8,000 จั๊ต พนักงานเก็บค่าเข้าชมบอกให้เฮียซื้อเสื้อเพิ่มเพราะเฮียดันใส่เสื้อกล้ามมา ( ไม่รู้ภาษีภาษาเลยเรา ) แต่ก็คุ้มค่ากับการมาจริงๆครับ ผู้คนชาวพม่าและชาวต่างชาติได้มากราบไหว้และสวดมนต์ในยามค่ำคืนกันอย่างล้นหลาม ชาวพม่าส่วนใหญ่มีธรรมะอยู่ในใจกันทั้งนั้นชอบสวดมนต์ ทำบุญและอยู่ในศีลธรรม
( บัตรเข้าชมเจดีย์ชเวดากอง )
( บรรยากาศพระเจดีย์ชเวดากองในยามค่ำคืน )
เราสามารถเข้าสักการบูชาพระเจดีย์ชเวดากองได้ตั้งแต่เวลาตี 4 ไปจนถึง 3 ทุ่มครับ ผมคิดว่าบรรยากาศช่วงเช้าคงจะดีไม่น้อยเลย แต่ถ้าไปช่วงกลางวันหรือช่วงบ่าย ผมไม่แนะนำเพราะช่วงนั้นแดดร้อนถ่ายรูปออกมาไม่สวยด้วยครับ
( แผ่นพลาสติกปูเป็นทางเดินเพื่อกันความร้อนจากแสงแดด )
( รอบๆพระเจดีย์ชเวดากองจะมีพระจำวันเกิดให้เราได้สักการะบูชาและสรงน้ำกันครับ )
เฮียและแม่อยู่ที่พระเจดีย์ชเวดากองตั้งแต่ 1 ทุ่ม จนถึง 2 ทุ่มครึ่ง แล้วเราก็นั่งแท็กซี่กลับโรงแรม ใช้เวลาเดินทางราวๆ 15-20 นาที เมื่อถึงโรงแรมเฮียก็เดินไปคุยกับพนักงานที่รีเซฟชั่นให้พนักงานโรงแรมโทรนัดแท็กซี่มารับเฮียและแม่ไปสนามบินพรุ่งนี้เช้าตอน 6 โมงครึ่ง พรุ่งนี้กลับไทยไฟท์เช้า คืนนี้คงต้องนอนไวนะครับ...เดี๋ยวตกเครื่องมาจะแย่เอา ราตรีสวัสดิ์ครับผม zZ
Day 4
ย่างกุ้ง ---------- กรุงเทพ ( ดอนเมือง )
แท็กซี่มารับเฮียและแม่ตรงเวลามากครับ เราใช้เราเวลาเดินทางไปสนามบินในราวๆ เกือบครึ่งชั่วโมง อาหารเช้าในวันนี้ทางโรมแรมเลยจัดขนมปังให้เราสองแม่ลูกเพื่อความสะดวก รวดเร็ว กับการเดินทาง เฮียถึงสนามบินตอน 7 โมงเช้า ยังเหลือเวลาอีกเยอะกว่าเครื่องจะออก Chenk-in พร้อมโหลดกระเป๋าเรียบร้อย เที่ยวบินที่ FD 252 ย่างกุ้ง – กรุงเทพ( ดอนเมือง ) เวลา 8.30 น.
ขึ้นบันไดเลื่อน ผ่าน ตม. และได้เข้ามารออยู่ใน Gate เฮียไม่ลืมที่จะแลกเงินคืนกลับเป็นดอลลาร์เพราะว่ามีเงินพม่าเหลือติดตัวเฮียนิดหน่อย เฮียและแม่ถึงไทยเกือบๆ 10 โมงเช้า และก็แลกเงินดอลลาร์กลับเป็นเงินไทยทั้งหมด...ซึ่งสรุปได้ว่าทริปนี้เราสองแม่ลูกหมดเงินไปคนละประมาณ < < 11,000 บาท > > ( ราคารวมตั๋วเครื่องบิน ) ซึ่งเฮียและแม่ก็ไม่ได้คิดจะประหยัดอะไรเลย ราคา 11,000 บาทไปพม่า 3 คืน 4 วัน มันเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆครับ
บทส่งท้าย
เค้าว่ากันว่าท่านใดมาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พม่าครั้งแรก ก็จะต้องมีครั้งต่อไป...ด้วยเหตุผลที่ว่า “คำอธิษฐานได้ประสบดั่งในหวัง” ทริปนี้เฮียและแม่อิ่มทั้งบุญ อิ่มทั้งความสุขที่ได้เที่ยวเอง เดินทางเอง ตั้งแต่วันแรกที่มาพม่าเราสองแม่ลูกก็ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวพม่าจริงๆ ทุกวันนี้ตั้งแต่กลับมาจากพม่า ความประทับใจก็ยังไม่จืดจางหายไปไหนและวางแผนไว้ว่าทุกๆ 1 ปีเฮียจะต้องไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พม่าอย่างน้อย 1 ครั้ง ขอให้ชีวิตจงประสบพบเจอแต่สิ่งดีงาม...แล้วพบกับใหม่ ทริปหน้า...สวัสดีครับ!!!
G o o d b y e " M y a n m a r "
[CR] เฮียซาน รีวิวเที่ยวพม่า 3 เมือง 3 คืน 4 วัน 16 – 19th Oct. 2015>Day3,Day4
เมื่อคืนเฮียนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ ส่งผลให้เช้านี้สดชื่นเป็นพิเศษครับ เฮียและแม่ตื่นมาพร้อมกับอาหารเช้าที่ทางโรงแรมได้จัดไว้ให้ รสชาติใช้ได้ทีเดียว...อร่อยพอๆกับบ้านเราเลย ตบท้ายด้วยกล้วยหอม 1 ลูก กับน้ำส้มอีก 1 แก้ว...
วันนี้เฮียและแม่วางแผนจะนั่งรถไฟจากย่างกุ้งไปบาโก แต่ด้วยเรื่องของเวลาที่เราสองแม่ลูกมีอยู่อย่างจำกัดเฮียเลยตัดสินใจให้ทางโรงแรมโทรจองแท็กซี่ไปบาโกให้ซึ่งได้ในราคาไปกลับ 14,000 จั๊ต เฮียอยากไปบาโกเพราะว่าตั้งใจจะไปกราบไหว้นมัสการเจดีย์ชเวมอดอร์ หรือ พระธาตุมุเตา ซึ่งเป็นมหาเจดีย์เก่าแก่ยาวนานกว่า 2,000 ปี และยังเป็นเจดีย์ 1 ใน 5 ของเจดีย์ชื่อดังที่ชาวพม่าให้ความเลื่อมใสศรัทธา
เฮียและแม่ได้นั่งแท็กซี่ออกจากย่างกุ้งในตอนเช้า 9.30 น. เราใช้เวลาในการเดินทางไปบาโก ในราวๆ 2 ชั่วโมง เกือบๆ เที่ยงตรงก็ถึงบาโกและมุ่งหน้าตรงสู่เจดีย์ชเวมอดอร์ ถอดรองเท้าตั้งแต่บันไดขั้นแรกที่อยู่หน้าวัด เดินเข้าไปพร้อมหยิบเงินในกระเป๋ามาจ่ายค่าบัตรเข้าชมเมืองบาโก (หงสาวดี) ในราคาคนละ 10 ดอลลาร์หรือ 10,000 จั๊ต บัตรนี้สามารถเข้าชมสถานที่สำคัญต่างๆในบาโกได้ทุกที่ครับ ยกเว้นก็แต่...พระราชวังบุเรงนอง
ในเวลาเที่ยงกว่าๆ ที่เฮียเข้าไปนมัสการเจดีย์ชเวมอดอร์นั้น แดดที่พม่าแรงมาก แรงจริงๆ พื้นทางเดินรอบๆเจดีย์ที่ปูด้วยหินอ่อน ร้อนมากๆครับ เท้าเฮียนี่แทบพองเลย!!! ทั้งๆที่ระหว่างทางเดินรอบๆเจดีย์จะมีแผ่นพลาสติกรองไว้เป็นทางเดินเพื่อบรรเทาไม่ให้ผู้ที่มานมัสการเจดีย์นั้นต้องร้อนเท้ากัน
บ่ายโมงตรงพอดี เฮียและแม่ได้ออกมาจากเจดีย์ชเวมอดอร์ ซึ่งในตอนแรกเฮียวางแผนจะไปเจดีย์ไจปุ่น ( Kyaikpun Pagoda) แต่เฮียเกรงว่าจะกลับย่างกุ้งไปซื้อของฝากที่ตลาดสก๊อตไม่ทัน...เพราะพรุ่งนี้เฮียและแม่จะต้องเดินทางกลับไทยไฟท์เช้า ( ตลาดสก๊อตยังไม่เปิด ) ตลาดสก๊อตจะเปิดในเวลา 9 โมงเช้า และปิดในเวลา 5 โมงเย็น เฮียเลยบอกให้แท็กซี่กลับย่างกุ้งและให้ไปทิ้งเราสองแม่ลูกที่ตลาดสก๊อต
ตลาดสก๊อตเป็นตลาดสำหรับซื้อของฝากจริงๆครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาวต่างชาติไปเดินกันและต่อราคากันอย่างสนุกสนานกับพ่อค้า แม่ค้า ชาวพม่า ตลาดสก๊อตมีของฝากให้เลือกอย่างหลากหลายทั้งเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม อัญมณีเครื่องประดับ รวมทั้งของใช้ต่างๆและสินค้ายอดนิยมอย่าง “ทานาคา” ซึ่งขายในราคาไม่แพงเท่าไหร่ครับ
แท็กซี่มารับเฮียและแม่ตามที่นัดเวลากับสถานที่เอาไว้ตอน 4 โมงเย็นกว่าๆ เฮียและแม่ถือของกันเต็มไม้เต็มมือกลับที่พัก ช็อปกันเพลินขนาดนี้ไม่หิวก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วครับ!!! เฮียและแม่โบกแท็กซี่หน้าโรมแรมมุ่งตรงไปร้านอาหารไทยแถวๆ KFC อาหารอร่อยมากๆครับร้านนี้ รสชาติไม่ต่างกับเมืองไทย ใครมาพม่าแล้วอยากลองทานอาหารพม่า ก็มีให้เลือกอย่างหลากหลายครับ แต่เฮียไม่ถนัดจริงๆ ขอ Bye ครับ
มื้อนี้เฮียสั่งข้าวผัดปูกับ สไปรท์ 1 กระป๋องและผัดยอดมะระ แม่เฮียสั่งข้าวผัดน้ำพริกกุ้งกับ น้ำแตงโมงปั่น มื้อนี้ราคาอยู่ที่ 13,000 จั๊ต ( ไม่แพงครับ...ราคาสมเหตุสมผล ) เฮียและแม่ทานข้าวเย็นเสร็จในเวลา 6 โมงเย็นกว่าๆก็ได้ต่อแท็กซี่ไปเจดีย์ชเวดากอง ซึ่งถ้าใครมาพม่าแล้วไม่ได้ไปสักการะบูชาเจดีย์ชเวดากองก็เหมือนมาไม่ถึงพม่า...เจดีย์ชเวดากองยิ่งใหญ่มาก สมคำร่ำลือจริงๆ แสงไฟที่ประดับประดา ทำให้ทุกๆพื้นที่ในบริเวณ เจดีย์ชเวดากองนั้นดูงดงามยิ่งนัก
สำหรับท่านที่จะไปสักการบูชาเจดีย์ชเวดากองควรแต่งกายให้เรียบร้อย ถ้าใส่เสื้อกล้ามหรือกระโปงสั้นๆเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะก็ พนักงานที่เก็บค่าเข้าเค้าจะให้ซื้อเสื้อกับผ้าถุงตรงจุดนั้นเลยครับ ( ราคาไม่แพงมาก ) ค่าเข้าชมเจดีย์ชเวดากองราคาคนละ 8 ดอลลาร์หรือ 8,000 จั๊ต พนักงานเก็บค่าเข้าชมบอกให้เฮียซื้อเสื้อเพิ่มเพราะเฮียดันใส่เสื้อกล้ามมา ( ไม่รู้ภาษีภาษาเลยเรา ) แต่ก็คุ้มค่ากับการมาจริงๆครับ ผู้คนชาวพม่าและชาวต่างชาติได้มากราบไหว้และสวดมนต์ในยามค่ำคืนกันอย่างล้นหลาม ชาวพม่าส่วนใหญ่มีธรรมะอยู่ในใจกันทั้งนั้นชอบสวดมนต์ ทำบุญและอยู่ในศีลธรรม
เราสามารถเข้าสักการบูชาพระเจดีย์ชเวดากองได้ตั้งแต่เวลาตี 4 ไปจนถึง 3 ทุ่มครับ ผมคิดว่าบรรยากาศช่วงเช้าคงจะดีไม่น้อยเลย แต่ถ้าไปช่วงกลางวันหรือช่วงบ่าย ผมไม่แนะนำเพราะช่วงนั้นแดดร้อนถ่ายรูปออกมาไม่สวยด้วยครับ
เฮียและแม่อยู่ที่พระเจดีย์ชเวดากองตั้งแต่ 1 ทุ่ม จนถึง 2 ทุ่มครึ่ง แล้วเราก็นั่งแท็กซี่กลับโรงแรม ใช้เวลาเดินทางราวๆ 15-20 นาที เมื่อถึงโรงแรมเฮียก็เดินไปคุยกับพนักงานที่รีเซฟชั่นให้พนักงานโรงแรมโทรนัดแท็กซี่มารับเฮียและแม่ไปสนามบินพรุ่งนี้เช้าตอน 6 โมงครึ่ง พรุ่งนี้กลับไทยไฟท์เช้า คืนนี้คงต้องนอนไวนะครับ...เดี๋ยวตกเครื่องมาจะแย่เอา ราตรีสวัสดิ์ครับผม zZ
แท็กซี่มารับเฮียและแม่ตรงเวลามากครับ เราใช้เราเวลาเดินทางไปสนามบินในราวๆ เกือบครึ่งชั่วโมง อาหารเช้าในวันนี้ทางโรมแรมเลยจัดขนมปังให้เราสองแม่ลูกเพื่อความสะดวก รวดเร็ว กับการเดินทาง เฮียถึงสนามบินตอน 7 โมงเช้า ยังเหลือเวลาอีกเยอะกว่าเครื่องจะออก Chenk-in พร้อมโหลดกระเป๋าเรียบร้อย เที่ยวบินที่ FD 252 ย่างกุ้ง – กรุงเทพ( ดอนเมือง ) เวลา 8.30 น.
ขึ้นบันไดเลื่อน ผ่าน ตม. และได้เข้ามารออยู่ใน Gate เฮียไม่ลืมที่จะแลกเงินคืนกลับเป็นดอลลาร์เพราะว่ามีเงินพม่าเหลือติดตัวเฮียนิดหน่อย เฮียและแม่ถึงไทยเกือบๆ 10 โมงเช้า และก็แลกเงินดอลลาร์กลับเป็นเงินไทยทั้งหมด...ซึ่งสรุปได้ว่าทริปนี้เราสองแม่ลูกหมดเงินไปคนละประมาณ < < 11,000 บาท > > ( ราคารวมตั๋วเครื่องบิน ) ซึ่งเฮียและแม่ก็ไม่ได้คิดจะประหยัดอะไรเลย ราคา 11,000 บาทไปพม่า 3 คืน 4 วัน มันเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆครับ
เค้าว่ากันว่าท่านใดมาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พม่าครั้งแรก ก็จะต้องมีครั้งต่อไป...ด้วยเหตุผลที่ว่า “คำอธิษฐานได้ประสบดั่งในหวัง” ทริปนี้เฮียและแม่อิ่มทั้งบุญ อิ่มทั้งความสุขที่ได้เที่ยวเอง เดินทางเอง ตั้งแต่วันแรกที่มาพม่าเราสองแม่ลูกก็ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวพม่าจริงๆ ทุกวันนี้ตั้งแต่กลับมาจากพม่า ความประทับใจก็ยังไม่จืดจางหายไปไหนและวางแผนไว้ว่าทุกๆ 1 ปีเฮียจะต้องไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พม่าอย่างน้อย 1 ครั้ง ขอให้ชีวิตจงประสบพบเจอแต่สิ่งดีงาม...แล้วพบกับใหม่ ทริปหน้า...สวัสดีครับ!!!